1

ตอนที่ 1


1

 

ณ คฤหาสน์โภคินอภิวัฒน์

“พี่กลาง อาบน้ำไวๆ หน่อย เผื่อเวลาให้ผมบ้าง ขืนลงไปช้ามีหวังโดนคุณแม่บ่นหูชาแน่” คุณเล็ก กฤตพจน์ โภคินอภิวัฒน์ น้องชายคนเล็กของบ้าน ตะโกนเรียกพี่ชายฝาแฝดผู้ที่ลืมตาดูโลกก่อนแค่เพียงสามวินาที

“เจ้าเล็ก แกจะเรียกอะไรนักหนา ฉันก็เร่งจะแย่อยู่แล้ว เร่งจนเกือบจะลืมถอดชุดนอนก่อนอาบน้ำแล้วเนี่ย” คุณกลาง กฤตกร โภคินอภิวัฒน์ นายแพทย์หนุ่มรูปหล่อผู้เป็นแฝดพี่ตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญใจ

สองหนุ่มฝาแฝดบ้านนี้นอนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้นว่าจะบ่นกันแทบทุกเรื่อง แต่ก็ไม่เคยแยกห้องกันนอนเลย

ในระหว่างที่แฝดน้องกำลังจะอ้าปากตะโกนตอบโต้คนที่ยังคงปักหลักอยู่ในห้องน้ำ ทันใดนั้นประตูห้องนอนของสองแฝดก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของอีกหนึ่งหนุ่มร่างกายกำยำ ที่กำลังยืนส่ายหน้าเพราะภาพที่เห็น ภาพที่น้องชายคนเล็กเอาใบหน้าแนบกับประตูห้องน้ำ สองมือพยายามตะกายไปตามขอบวงกบ

“เอะอะเสียงดังอะไรกันแต่เช้า เสียงดังทะลุออกไปถึงข้างนอก” คุณใหญ่ กฤตนัย โภคินอภิวัฒน์ พี่ชายคนโตของบ้าน ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัทในเครือโภคินอภิวัฒน์ เดินลงบันไดมาจากชั้นสาม แล้วบังเอิญได้ยินเสียงตะโกนของสองแฝดดังแว่วออกไปถึงโถงบันได ส่งผลให้เขาต้องแวะเข้ามาดูสักหน่อย

“โธ่ พี่ใหญ่ก็ดูพี่กลางสิครับ ขัดสีฉวีวรรณตั้งนานแล้วยังไม่ออกมา ผมยังไม่ได้จัดการตัวเองเลยเนี่ย โอ้ย ลงไปทานข้าวเช้าช้า มีหวังหูชาแน่ ไอ้เล็กเอ๊ย” คุณเล็กหันหน้ากลับมาตอบพี่ชายคนโตเสียงอ่อย

“งั้นเล็กขึ้นไปอาบที่ห้องพี่ไป รีบๆ ล่ะ ทำเวลาด้วย อย่าให้คุณพ่อคุณแม่รอนาน”

“ขอบคุณครับพี่ใหญ่” พูดเสร็จน้องเล็กก็รีบหยิบเสื้อผ้า แล้ววิ่งสี่คูณร้อยออกจากห้องนอนไปทันที ทิ้งให้พี่ชายคนโต มองตามหลังลิงน้อยของบ้านด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้ย เจ้าเล็ก วิ่งไม่ดูทางเลย ชนมาได้ ชุดพี่ยับหมดแล้ว” คุณรอง กฤตภาส โภคินอภิวัฒน์ พี่ชายคนรองสุดเนี้ยบแหวใส่

“ขอโทษครับพี่รอง ผมรีบมากจริงๆ ไปก่อนนะครับ”

“อะไรของมัน” คุณรองได้แต่อมยิ้มขันอาการลนลานของน้องชายตัวป่วน ก่อนที่จะหันหลังกลับมากล่าวทักทายพี่ชายคนโต ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนของสองแฝด “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ใหญ่”

“รองมาพอดีเลย ไปเรา ไปช่วยกันรับหน้าคุณพ่อคุณแม่ก่อน กว่าสองคุณชายในห้องจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็คงอีกนาน” คุณใหญ่พูดพลางกอดคอน้องชายคนรองเดินลงบันไดไปยังห้องรับประทานอาหารของครอบครัว

“เจ้าแฝดนี่ก็แปลก ฝั่งนี้มีห้องว่างเหลืออีกตั้งหลายห้อง แต่กลับไม่ยอมทำห้องรับรองเพิ่ม แย่งห้องน้ำกันใช้มาตั้งแต่เล็กจนโต” คุณรองส่ายหน้า

“นี่น้องชายแกโตแล้วหรือ ฉันนึกว่าสองแสบยังเป็นเด็กชายกันอยู่” พี่ชายคนโตหัวเราะหึๆ ในลำคอ

            ...

ภายในห้องรับประทานอาหาร เจ้าสัวก้องภพ ประมุขของบ้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณน้ำเพชร ผู้ที่เป็นภรรยาคู่ชีวิตและมารดาของสี่เสือ

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อคุณแม่” สองหนุ่มเอ่ยทักทายบิดาและมารดาขึ้นพร้อมกัน

“ตาใหญ่ ตารอง มาพอดีเลยลูก วันนี้มีข้าวต้มกุ้งของโปรดของพวกเราด้วยนะ นมพิศลงมือทำเองเลยจ้ะ” คุณน้ำเพชรเอ่ยบอก ในขณะที่ทั้งสองเดินไปนั่งลงประจำที่ของตน ซึ่งที่นั่งประจำตัวในเวลารับประทานอาหารนี้ สี่หนุ่มมีมติจัดผังการนั่งกันเองมาตั้งแต่เล็กๆ โดยคุณใหญ่จะนั่งเคียงข้างมารดา คุณรองนั่งฝั่งตรงข้ามกับมารดา ถัดจากคุณรองเป็นคุณกลางและคุณเล็กตามลำดับ

“ประชุมผู้ถือหุ้นสัปดาห์หน้า ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหรือยังใหญ่” เจ้าสัวก้องภพวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วเอ่ยถามบุตรชายคนโต ที่ท่านยกให้เป็นหัวเรือใหญ่ในการบริหารงานบริษัทในรุ่นที่สอง

เจ้าสัวก้องภพนั้นมีธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ต ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งบริษัทรักษาความปลอดภัย และเมื่อผนวกรวมกับธุรกิจจิวเอลรีของครอบครัวคุณน้ำเพชรด้วยแล้ว มูลค่าทรัพย์สินที่มีก็นับหมื่นล้านบาท และท่านก็ได้วางมือจากงานทั้งปวง เพื่อส่งไม้ต่อให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสี่แบ่งสายงานกันบริหาร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าสัวก้องภพก็ยังคงนั่งหัวโต๊ะเป็นที่ปรึกษาให้ทายาททั้งสี่อยู่ห่างๆ

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับคุณพ่อ ครั้งนี้จะจัดที่โรงแรมสาขากรุงเทพฯ เพราะเจ้ากลางมีประชุมผู้บริหารโรงพยาบาลในช่วงเช้าก่อนครับ”

“พูดถึงหมอกลาง แล้วทำไมสองแฝดยังไม่ลงมากันอีก” คุณน้ำเพชรสบตาบุตรชายคนรองเมื่อถามถึงบุตรชายฝาแฝด

“เอ่อ กำลังจะลงครับคุณแม่ น่าจะกำลังแต่งตัวอยู่” คุณรองตอบคำถามมารดาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม เพราะสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่กำลังเริ่มปะทุ

“เมื่อคืนได้ยินเสียงรถเข้ามาเกือบตีหนึ่ง คงไปสังสรรค์กันมาอีกละสิ ตาใหญ่ ตารอง ลูกต้องปรามน้องบ้างนะ”

“ผมก็อยากจะเตือนอยู่หรอกนะครับคุณแม่ ถ้าเจ้าเล็กมันไม่ลากผมกับพี่ใหญ่ไปด้วย” คุณรองตอบมารดาเสียงอ่อย และคำตอบนี้ก็ทำให้คุณแม่ยังสวยส่งสายตาพิฆาตไปให้ สายตาแบบนี้แม้แต่เจ้าสัวก้องภพเองก็ยังต้องหลบ

“ให้มันได้แบบนี้สิลูกชายบ้านนี้ อายุปาไปจะสามสิบกันหมดแล้ว ยังทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายกันอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลาน แม่กับพ่อก็อายุเยอะแล้วนะ คนแก่ก็เหงาเป็น คอยดูนะ ถ้าไม่มีใครหาสะใภ้มาให้ แม่จะจับคลุมถุงชนให้หมดเลย”

คำประกาศิตของมารดาพาให้บรรยากาศยามเช้าที่สดใสมืดครึ้มลงในพริบตา คุณใหญ่และคุณรองได้แต่อ้าปากค้างเมื่อนึกถึงบรรดาสาวๆ ลูกหลานคุณหญิงคุณนายแต่ละคนที่ชวนให้ขนลุก แต่ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ เสียงยานคางของสองแสบก็ดังแว่วเข้ามาในห้อง

“หิวจังเลยครับ วันนี้มีอะไรให้สุดหล่อกินบ้าง” คุณเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารพร้อมกับคุณกลางพูดขึ้น พลางเดินไปโอบกอดคุณน้ำเพชรจากทางด้านหลัง และหอมแก้มซ้ายขวาอย่างออดอ้อน ซึ่งอาการออเซาะนี้ก็เรียกอาการเบะปากอย่างหมั่นไส้ได้จากพี่ๆ ทั้งสามคน

“ไม่ต้องมาอ้อนเลยพ่อตัวดี ตื่นสายอีกแล้วนะ เที่ยวหัวราน้ำแทบทุกคืน ไปเลย ไปนั่งประจำที่ ทุกคนหิ้วท้องรอนานแล้ว” คุณน้ำเพชรชำเลืองมองบุตรชายคนเล็กด้วยหางตา

“มาๆ กินข้าวได้แล้ว จะได้แยกย้ายกันไปทำงานสักที” เจ้าสัวก้องภพรีบตัดบท

 

“ตารอง ห้างใหม่ก่อสร้างไปถึงไหนแล้ว จะทันเปิดในไตรมาสที่สามตามแผนหรือเปล่า” เจ้าสัวก้องภพเอ่ยถามบุตรชายคนรอง ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานบริหารธุรกิจห้างสรรพสินค้าของครอบครัว

“ยังเป็นไปตามแผนครับ ตอนนี้ก่อสร้างไปได้เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดได้ตามกำหนดแน่นอนครับ” คุณรองตอบ ขณะที่ตักขิงอ่อนโรยเพิ่มเข้าไปในชามข้าวต้ม

“เย็นนี้ผมมีเคสผ่าตัด คงไม่ได้กลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านนะครับ” คุณหมอกลาง แฝดคนพี่เอ่ยบอกบิดา

ท่านเจ้าสัวพยักหน้ารับทราบและอนุญาต

“ส่วนผมก็มีนัดกับลูกค้า คุยเรื่องคอลเล็กชันใหม่ของไตรมาสหน้า งานนี้ผมออกแบบเครื่องประดับเองทุกชิ้นเลยนะครับคุณแม่” แฝดเล็กก็คือแฝดเล็กที่ต้องหาทางฉอเลาะมารดาเสมอ

“แต่เล็กต้องกลับมาทานข้าวที่บ้าน เดี๋ยวนี้ลืมกฎของบ้านกันหมดแล้วใช่ไหม ใช่สิ โตกันหมดแล้ว คำพูดของแม่จะมีความหมายอะไร” มารดาวางช้อนในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยตอบบุตรชายคนเล็ก

“แม่ขอแค่นี้ ขอแค่แบ่งเวลามาทานข้าวเช้าเย็น ให้พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน แค่นี้ให้แม่ไม่ได้หรือตาใหญ่ ตารอง ตาเล็ก” คุณน้ำเพชรเว้นจังหวะหยุดพักหายใจพร้อมกับกวาดสายตามองบุตรชายทีละคน  

“ส่วนหมอกลาง ลูกมีภารกิจ แม่เข้าใจ แต่วันไหนที่ไม่มีเคส หมอกลางก็ต้องกลับมาทานข้าวกับแม่นะลูก” คุณแม่ลูกสี่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหกึ่งน้อยใจ ซึ่งน้ำเสียงแบบนี้ส่งผลให้ทั้งสี่หนุ่มนั่งกันไม่ติดเก้าอี้ ส่งสัญญาณทางสายตาหากันเป็นพัลวัน

“ครับคุณแม่ พวกเราสัญญาว่าจะกลับมาทานข้าวที่บ้านพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ครับ” พี่ใหญ่ของบ้านรับปากแทนน้องๆ พร้อมกับบีบมือมารดาเบาๆ อีกสามเสือก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

“งั้นพวกผมไปทำงานกันก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้จะรีบกลับ” พูดจบทุกคนก็ยกมือไหว้เจ้าสัวก้องภพ แล้วเดินมากอดและหอมคุณน้ำเพชรกันตามลำดับอายุ และแน่นอนว่าเสือเล็กต้องมากกว่าทุกคน โดยเริ่มจากหอมแก้มซ้าย ขวา และหน้าผาก ซึ่งครั้งนี้ก็ได้รับค้อนจากบิดามาวงโต




รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น