11

11

11

 

       ค่ำนั้น ริศานอนอ่านหนังสือที่หยิบมาจากห้องสมุดเมื่อตอนกลางวันอยู่เพียงลำพังภายในห้องนอน จิรฉัตรออกไปดูพื้นที่สำหรับขยายธุรกิจซูเปอร์มาร์เกตสาขาใหม่ข้างนอกกับบอดีการ์ดมือขวาและมือซ้ายตั้งแต่ช่วงบ่าย วันนี้เธอจึงได้สนทนากับท่านเรืองศักดิ์ครบสามเวลา เช้า กลางวัน เย็น

หญิงสาวชอบคฤหาสน์หลังนี้มากกว่าที่กรุงเทพฯ อาจเป็นเพราะมีญาติผู้ใหญ่คอยพูดคุย และช่วยเหลืออยู่ตลอด เธอจึงไม่รู้สึกเหงา และไม่ต้องรับภาระหนักหนามากเกินไป

สิ่งเดียวที่รบกวนริศาคงหนีไม่พ้นหัวใจของเธอเอง

ขนาดยังไม่ถึงเดือนเธอก็ชอบพี่เขยตัวเองเข้าแล้วจริงๆ และเขาเองก็รักพี่สาวของเธอมากจนเธอนึกน้อยใจอยู่หลายครา ว่าทั้งที่เธอเป็นคนดูแลเขา เป็นกำลังใจให้เขาแท้ๆ แต่เขาเหมือนไม่รับรู้เพราะเธอเป็นเพียงเงาที่ไม่มีตัวตน

เธอไม่รู้เลยว่าหลังจากผ่านพ้นสามเดือนนี้ไปแล้ว เธอจะตัดใจจากจิรฉัตรได้ยังไง

ต้องเจ็บปวดอีกมากขนาดไหนถ้าได้เห็นเขากับพี่สาวของเธออยู่ด้วยกัน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ริศาคลี่ยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ยันตัวลุกออกจากเตียงอย่างคล่องแคล่ว นึกว่าเป็นจิรฉัตรที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงบ้าน ทว่าเมื่อประตูเปิดกว้างกลับพบท่านเรืองศักดิ์แทน ในมือของชายชราที่เธอนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวถือแก้วน้ำเซรามิกทรงกระบอกสีดำมาด้วย ควันจางๆ ลอยขึ้นมาจากแก้วใบนั้น บ่งบอกว่าน้ำข้างในกำลังร้อน

“คุณพ่อมีอะไรให้ริ...รสารับใช้คะ”

ริศาถาม เธอเกือบหลุดปากเรียกชื่อตัวเองอีกแล้ว...

“พ่อเอาชาดอกคาโมมายล์มาให้ กำลังอุ่นๆ เชียว แม่บ้านเขาจัดเตรียมไว้”

คนแทนตัวเองว่าพ่อยื่นแก้วน้ำในมือส่งให้ ริศารีบรับมาถือไว้ทันที ก้มมองดอกคาโมมายล์ที่ลอยอยู่เหนือน้ำสี่ห้าดอกแล้วยิ้มกว้าง นึกซาบซึ้งใจที่ท่านเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลานจริงๆ

ถึงขนาดเอาชาที่ช่วยให้หลับสบายมาให้ถึงห้องด้วย

“ขอบคุณมากนะคะคุณพ่อ รสาจะดื่มให้หมดแก้วเลยค่ะ”

“ดื่มเลยๆ พ่อกำลังจะลงไปข้างล่างพอดี เดี๋ยวเอาแก้วไปเก็บให้”

ชายชราว่า จ้องเด็กสาวตาไม่กะพริบ

สายตาคาดหวังที่มองมาทำให้ริศาต้องจำใจดื่มเสียตั้งแต่ตอนนั้น เธอยกแก้วขึ้นเป่าลมคลายความร้อนของชา จากนั้นจึงค่อยๆ จิบรับรู้รสชาติ เมื่อเห็นว่ารสชาติไม่แย่และไม่ร้อนมากเท่าไรจึงกระดกรวดเดียวจนหมด ดอกคาโมมายล์ดอกหนึ่งติดอยู่ที่ริมฝีปากบาง

“หอมมากเลยค่ะ”

หญิงสาวส่งแก้วเปล่าคืนให้ชายชรา ท่านยิ้มกว้าง หน้าตามีความสุขของท่านทำให้ริศาพลอยมีความสุขตามไปด้วย

“เดี๋ยวเจ้าฉัตรก็คงกลับมาแล้วละ พ่อขอตัวก่อนนะ”

ท่านเรืองศักดิ์พูดยิ้มๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินลงบันไดวนทอดยาวจากไป เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีทำให้ริศาตงิดใจนิดหน่อย สงสัยว่าท่านไปเจอเรื่องอะไรดีๆ มาหรือเปล่าถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ เมื่อนึกแล้วไม่ได้คำตอบเธอก็ปิดประตูกลับเข้ามาอยู่ในห้อง นอนอ่านหนังสือบนเตียงตามเดิม

ประมาณสามสิบนาทีต่อมา รถคันหรูของจิรฉัตรขับมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ ระหว่างเดินเข้ามาข้างในก็พบผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่โซฟาหน้าเตาผิง มีเสียงฮัมเพลงดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ คิ้วเรียวเข้มขมวดชิดติดกัน แปลกใจที่เห็นพ่ออารมณ์ดีหลังจากที่เมื่อวานยังโศกเศร้ากับการจากไปของเพื่อนรักอยู่แท้ๆ

“กลับมาแล้วเรอะ ดีๆ”

จิรฉัตรหรี่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจเท่าไรนัก

“มีอะไรเหรอพ่อ”

“เปล่านี่ ขึ้นไปพักผ่อนสิ กลับมาเหนื่อยๆ ต้องอาบน้ำนะ”

“อืม ครับ”

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่จิรฉัตรก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร เขาเหลือบมองผู้เป็นพ่ออีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอน ไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาคมกริบแสนเจ้าเล่ห์ของท่านเรืองศักดิ์ที่มองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับสายตา

หึๆ ไม่เคยมีใครรอดพ้นจาก ‘ยาเจ็ดพยศ’ ได้

คนตัวสูงไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นร่างเล็กนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาอีกเช่นเคย ทว่าใส่กับกางเกงขาสั้นของตัวเอง ไม่ได้ยืมกางเกงของเขาเหมือนเมื่อคืน ทันทีที่เอี้ยวตัวมาเห็นว่าเขากลับมาแล้ว เธอก็ลุกขึ้นเดินมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย

“กลับมาแล้วเหรอคะ”

“อืม ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะจะได้กลับมานอน เหนื่อยจะแย่แล้ว”

จิรฉัตรพูด ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินตามต้อยๆ มองคนตัวโตด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ให้ฉันนวดให้ไหมคะ เห็นอย่างนี้ก็พอจะจับเส้นเป็นอยู่บ้าง”

ริศาเสนอตัว นึกได้ว่าเวลาที่พ่อกับแม่ของเธอกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ เธอก็มักจะนวดคลายเส้นให้พวกท่านอยู่เสมอ เธอเคยเห็นป้าของเธอซึ่งเป็นหมอนวดจับเส้นให้ลูกค้าอยู่บ้าง แม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องครวญครางเพราะเจ็บปวดอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อนวดเสร็จแล้วร่างกายก็จะกลับมากระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิม

“ไม่ต้องหรอก นอนไปเถอะ”

จิรฉัตรปฏิเสธเสียงเนือย ไม่อยากให้เธอมายุ่มย่ามกับเขามากนัก เขาเองเป็นผู้ชายอารมณ์เปลี่ยวหากอยู่ใกล้หญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนภรรยาของตัวเองบ่อยๆ อาจจะเผลอทำอะไรไม่ดีลงไปได้ ดังนั้นต่างคนต่างอยู่เป็นอันดีที่สุด

ริศาพยักหน้ามองคนตัวสูงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างรอก็พยายามนึกหาวิธีดูแลช่วยผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยของเขาไปด้วย ทว่าไม่นานนักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองแขนยาวขายาวสีดำส้มใส่สบายตัว ผมที่เคยเซตไว้ยาวลงมาปรกหน้าผาก

เธอว่าเขาน่ารักมากเวลาที่ไม่เซตผมขึ้น

“ผมจะนอนแล้วนะ”

จิรฉัตรกล่าว ขณะเดินอ้อมมาที่เตียงอีกฝั่งหนึ่ง พื้นที่ตรงกลางเตียงมีหมอนข้างหนึ่งใบคั่นไว้เพื่อแบ่งอาณาเขตของเขาและแม่คนตัวเล็ก มือหนากดปิดโคมไฟฝั่งตัวเอง ก่อนล้มตัวลงนอน

ริศาเดินไปปิดสวิตช์ไฟที่ผนังห้องแล้วกลับมานอนบนเตียง ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแสงสีส้มจากโคมไฟฝั่งหัวนอนของเธอเท่านั้น หญิงสาวไม่ชอบปิดไฟจนมืดสนิท เพราะความมืดมันน่ากลัวและทำให้จินตนาการถึงเรื่องสยองขวัญเสมอ ดวงตาสีดำสะท้อนแสงจากโคมไฟนิ่งงันแล้วค่อยๆ ดับลง

ทางด้านจิรฉัตรนั้นผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อยล้า พักหลังมานี้เขาโหมงานหนักจนรับประทานข้าวไม่ตรงเวลาและไม่ได้ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย ทำให้อ่อนเพลียง่าย ชายหนุ่มหลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าคนข้างๆ ขยับตัวยุกยิกไปมา ตะแคงซ้าย ตะแคงขวาจนเขตนอนของเขาแคบลง

“รสา เป็นอะไร”

เขาหันไปถามอีกคน ซึ่งลุกขึ้นนั่งเอามือจับปกคอเสื้อเขย่าไปมาเหมือนอากาศร้อนอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่รู้สิคะ ฉันรู้สึกร้อนมากเลย”

จิรฉัตรลุกขึ้นนั่งบ้าง ขยี้ตาเบาๆ เรียกสติให้กลับมาเต็มร้อย จากนั้นเดินไปเปิดสวิตช์ไฟ ทันทีที่ห้องสว่างร่างสูงก็เห็นว่าภรรยากำมะลอของเขาเหงื่อแตกพลั่ก ดูท่าว่าที่บอกว่าร้อนคงไม่ได้โกหก ดวงตาคมกริบมองเครื่องปรับอากาศที่ถูกตั้งอุณหภูมิไว้ที่สิบเก้าองศาแล้วก็ต้องเลิกคิ้วสงสัย

นี่ยังร้อนอีกหรือ

ขนาดเขายังต้องห่มผ้าถึงคอเลย

“รสา คุณไม่สบายหรือเปล่า”

จิรฉัตรหันมาถามหญิงสาว

“ไม่รู้สิคะ ตัวฉันร้อนไหม”

ริศาหน้าแดงก่ำ เหงื่อท่วมหน้าไหลลงไปที่คอ จิรฉัตรขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้หลังมืออังหน้าผากตรวจดูอุณหภูมิร่างกาย จับไว้สักพักแล้วเริ่มทำหน้าเครียดบ้าง

“ร้อนจี๋เลย ไปโรงพยาบาลไหม”

จิรฉัตรถาม ความง่วงหายไปในพริบตา มองใบหน้าที่ดูทรมานของคนตัวเล็กแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ มือบางยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดไล่จากต้นคอระหงลงมาถึงเม็ดที่สี่ ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นห้ามทันที

“รสา คุณทำอะไร!”

จิรฉัตรขึ้นเสียง จับมือเธอให้หยุดไว้แค่นั้น ใบหน้าเข้มขึ้นสีเล็กน้อย ทั้งโกรธ ทั้งตกใจ ทั้งงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเธอไม่สบายหรือเป็นอะไรกันแน่

“คุณฉัตร...คุณฉัตรอย่าห้ามฉันเลยนะคะ ฉันร้อนจริงๆ”

ริศาช้อนสายตามองอย่างอ้อนวอน ลมหายใจของเธอแรงและถี่มากจนอีกคนสัมผัสได้ ไหล่บางยกขึ้นยกลงตามแรงหอบ

“ผมจะพาคุณไปหาหมอ”

จิรฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาปล่อยมือบางแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ควานหาเสื้อคลุมตัวหนาที่พอจะช่วยให้เธอไม่โป๊มากเวลาออกไปข้างนอก เพราะดูจากสภาพของเธอในตอนนี้น่าจะล่อเสือล่อตะเข้มากเกินไป

“ฉันขอไปอาบน้ำนะคะ”

ริศาบอก ก่อนจะลุกขึ้นก้าวขายาวๆ ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ ทว่าข้อมือบางถูกรั้งไว้แล้วกระตุกกลับมาเสียก่อน

“ไม่ต้อง ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”

“คุณฉัตร!”

คนตัวเล็กดิ้นไปมา ดวงหน้าสวยเหยเก เบะปากเหมือนจะร้องไห้ จิรฉัตรชะงักไปแวบหนึ่งเพราะเธอกำลังยัดเยียดบทคนใจร้ายมาให้เขา มาเฟียหนุ่มใช้สมองอย่างหนักประมวลผลเหตุการณ์นี้

เกิดอะไรขึ้นกับริศากันแน่

“ปล่อยฉันไปเถอะนะคะคุณฉัตร”

ริศาพูดน้ำเสียงออดอ้อน สายตาอ้อนวอนของเธอทำให้เขาเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้องขบกรามแน่น แล้วท่องยุบหนอ พองหนอในใจช้าๆ

จิรฉัตรทนสายตาของหญิงสาวที่มองมาไม่ไหว จึงตัดสินใจปล่อยข้อมือของเธอ แล้วโบกมือไล่ให้ไปอาบน้ำ แต่กลายเป็นว่ามือเล็กๆ นั่นจับมือของเขาไปแนบกับแก้มนวล

“รสา!”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกยามมือของเขาสัมผัสกับแก้มนุ่มที่กำลังร้อนฉ่า เขาพยายามดึงมือออกด้วยความตกใจ แต่ร่างบางยื้อเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด

“คุณฉัตรอย่าไปไหนเลยนะคะ อยู่ใกล้ๆ ฉันเถอะ”

“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย!”

จิรฉัตรโวยวาย ธรรมะของหลวงพ่อเริ่มไม่ช่วยอะไร ริศาจะรู้ตัวไหมว่ากำลังปลุกสัญชาตญาณเสือป่าที่ดับลงไปแล้วของเขาให้ฟื้นคืนชีพ

“ฉันชอบคุณค่ะ...”

จิรฉัตรสตั๊นไปหลายวินาที เมื่อได้ยินคำสารภาพรักของผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาคู่สวยมองเขาอย่างรักใคร่ หยาดเยิ้มจนสัมผัสได้ว่าเธอพูดความจริง จิรฉัตรดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีพยายามดึงสติตัวเองกลับมา

ลางสังหรณ์ของเขาไม่ผิดจริงๆ ด้วย

ทั้งที่เขารู้อยู่แก่ใจแท้ๆ ว่าเธอไม่ใช่รสา แล้วทำไมถึงยังใจเต้นแรงอยู่อีกล่ะ

หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกของเธอ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินจากไป เธอก็รีบพุ่งเข้าไปกอดเขาแน่น แก้มสีแดงระเรื่อแนบกับแผงอกแกร่ง

จิรฉัตรพยายามแกะหญิงสาวออก สองมือหนาจับไหล่บางแน่นแล้วดันออกห่างจากตัว สบตาคู่นั้นตรงๆ แล้วพูดเสียงแข็ง

“ริศา ตั้งสติก่อน”

ริศาไม่ทันได้ฟังว่าจิรฉัตรเรียกชื่อจริงของเธอ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นขยับเข้าไปใกล้คนตัวโตกว่า ใช้ปลายเท้าเขย่งช่วยนิดหน่อยริมฝีปากสีเชอร์รีก็แนบกับริมฝีปากหยักสวย ชายหนุ่มตกใจจนคลายมือออกจากไหล่ของเธอปล่อยให้มันเป็นอิสระ

ริมฝีปากนุ่มนิ่มขยับไปมาอย่างไม่ประสีประสาทำให้ความอดทนของจิรฉัตรขาดผึง เขาหลับตาลงแล้วเผยอปากตอบรับจูบหอมหวานของเธอ มือหนารั้งศีรษะของอีกคนไว้ไม่ให้ถอยหนี ออกซิเจนที่แย่งกันใช้ของเขาและเธอทำให้ริศาต้องยกแขนขึ้นคล้องคอเขาไว้เพื่อพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของตัวเอง

ริมฝีปากอุ่นขบเม้มไปทั่วก่อนจะชอนไชลิ้นร้อนกวาดสำรวจไปทั่วโพรงปากหวาน ลิ้นเล็กเกี่ยวพันตอบรับอย่างเคอะเขิน ร่างสูงดันอีกคนให้เดินไปที่เตียงขณะที่ยังไม่ผละออกจากริมฝีปากนุ่มนิ่ม มือหนารองศีรษะเล็กไว้กลัวจะเจ็บยามล้มลงบนเตียงนอน ก่อนจะทาบทับร่างตามลงมา

ริศาครางเบาๆ เมื่อลมหายใจเริ่มติดขัด ชายหนุ่มจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง แล้วค่อยๆ เลื่อนลงซุกไซ้ซอกคอหอม กลิ่นโลชันจางๆ ทำให้สติของจิรฉัตรเลือนราง พรมจูบไปตามเอ็นกระดูกคอสร้างความรู้สึกซาบซ่านแปลกใหม่ให้แก่คนใต้ร่าง

จิรฉัตรยันตัวเองขึ้น สองมือไขว้กันจับชายเสื้อตั้งท่าจะถอดออกแล้วโยนทิ้งไปเสียเพราะเกะกะ ทว่าภาพของชายชราผู้เป็นพ่อกำลังนั่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีก็แล่นเข้ามาในหัว เขาเริ่มฉุกใจแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด

เป็นไปได้ไหมว่าพ่อของเขาวางยาให้ริศากินเพราะอยากอุ้มหลาน

หญิงสาวลุกขึ้นมาสบตาคมดุ แล้วโน้มใบหน้าร่างสูงลงมาประกบริมฝีปากอีกครั้ง จิรฉัตรปล่อยให้เธอจูบเขาไปเรื่อยๆ ส่วนมือของเขานั้นกำลังติดกระดุมของเธอกลับคืนตามเดิมจนกระทั่งครบทุกเม็ด จึงกดร่างบางลงกับเตียงแล้วล็อกแขนทั้งสองข้างไว้แน่น

“คุณฉัตร...”

ริศาช้อนสายตามองด้วยความงุนงง

“ฟังผมนะรสา คุณโดนวางยา เราจะทำแบบนี้กันไม่ได้”

จิรฉัตรพูดชัดถ้อยชัดคำ ก่อนดันตัวลุกขึ้นจากที่นอน แล้วดึงมือเธอให้ลุกขึ้นตามมา

“ถ้าคุณยังร้อนอยู่คุณต้องอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย”

เขาดันตัวเธอให้เข้าไปในห้องน้ำ โชคดีที่ริศาไม่โวยวายและยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี ดูเหมือนเธอยังมึนงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นเมื่ออาบน้ำเสร็จก็เห็นว่าเจ้าของห้องออกไปข้างนอกแล้ว เขาทิ้งเสื้อผ้าหนาเทอะทะ สุดแสนจะมิดชิดไว้ให้บนโต๊ะ

ริศานอนตะแคงกอดหมอนข้างแน่นเนื่องด้วยยาปลุกกำหนัดยังไม่หมดฤทธิ์ดี ทว่าการอาบน้ำก็ช่วยเธอได้มากโข ดวงตากลมโตมองหมอนของจิรฉัตรที่วางอยู่ข้างๆ นิ่ง แก้มนวลขึ้นสีแดงจัดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอซุกหน้ากับผ้าห่มหนาด้วยความละอายใจ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผู้ชายที่อยู่กับเธอเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือเธอสารภาพรักกับเขาไป...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น