4

ขอรัก


4

ขอรัก

 

รอคุณชายหน่อยนะคะ เดินไปเยี่ยมหม่อมแม่กับท่านพ่อที่ตำหนักกลาง เดี๋ยวก็กลับมา” ปวรศายิ้มให้บุรุษตรงหน้าระหว่างยื่นแก้วเครื่องดื่มสีอำพันให้เขา อมยิ้มน้อยๆ เพราะเห็นคาตาว่าเจ้าตัวมองตามลูกสาวที่วันนี้ท่านประธานอรรคพากลับมาส่งเองเดินขึ้นห้องไปจนลับสายตา แต่พอหล่อนเปิดปากพูด คุณอรรคก็หันหน้ากลับมารับฟังทันที

“ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ท่าทางนอบน้อม แต่ดูไม่ประจบประแจง เล่นเอาปวรศาติ๊กคะแนนเพิ่มให้รัวๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างหลังจากเจรจากับสามีเบื้องต้นมาแล้ว

“จริงๆ ที่เชิญมาวันนี้ น้าเองมากกว่าที่อยากพบคุณอรรค เรื่องงานน่ะคุณชายไว้ใจคุณอรรคเต็มที่ ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายกับท่านประธานคนเก่ง”

หน้าหล่อฉายแววสงสัย ถ้าคุณชายเรียกเขามาคุยเรื่องงานก็คงจะประหลาดใจน้อยกว่า

สตรีที่ดูแลตัวเองอย่างดียิ้มน้อยๆ ก่อนจะลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม มองหน้าเขาตรงๆ แล้วเปิดประเด็น

“พอดีน้ากับคุณชายจะไม่อยู่เดือนนึง ทิ้งเป๊ปเปอร์ไว้คนเดียว” ตาหวานสบตาอรรค ก่อนจะอดยิ้มไม่ได้ เพราะประกายความสุขบางอย่างในแววตาชายหนุ่มฟ้องชัด...ปวรศามองอะไรไม่เคยพลาด

 “จะทิ้งให้อยู่บ้าน เขาก็งอแงว่าบ้านหลังใหญ่ เหงา อ้อนไปเรื่อยตามประสาลูกคนเล็ก น้าก็เลยบอกให้ไปอยู่เพนต์เฮาส์ที่บริษัท จะมีเด็กไปทำความสะอาดกับจัดอาหารแต่ละวันไปให้ระหว่างเขาลงมาทำงานกับคุณอรรค” คนเป็นแม่เว้นจังหวะพูดพร้อมสูดลมหายใจ

“น้าฝากคุณอรรคดูน้องหน่อย แวะไปทานข้าวเป็นเพื่อนบ้างหากไม่มีนัดกับสาวๆ ที่ไหน เพราะยังไงห้องก็อยู่ติดกัน น้ารบกวนมากไปไหมคะ ไหนๆ ก็เห็นว่าทำงานอยู่ด้วยกันทุกวัน คุณอรรคเองก็พาน้องไปทานข้าวบ่อยๆ น้าคงไม่ได้ทำคุณอรรคลำบากใจใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปนิดหนึ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองตีความประโยคที่มาดามปวรศาเพิ่งเอ่ยออกมาผิดหรือเปล่า ก่อนจะส่ายหัวเดียะพร้อมโบกมือประกอบฉาก ใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ อะไรมันจะโชคดีแบบนี้

“ไม่เลยครับ ผมยินดี แล้วผมก็จะแวะไปทานข้าวเป็นเพื่อนเป๊ปเปอร์ทุกวันเลยครับ คุณเปรี้ยวไม่ต้องห่วง”

“เกรงใจแฟนคุณอรรคแย่ รบกวนแค่มื้อที่คุณอรรคไม่มีเดตก็พอค่ะ” คนเป็นแม่ย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจัง แต่นัยน์ตาระยิบระยับพิกล จนชายหนุ่มยอมเปิดปากบอกสิ่งที่ปวรศาต้องการ

“ผมไม่มีแฟนครับ ดูแลเป๊ปเปอร์ได้ตลอด” หน้าหล่อพยักรับ สีหน้าแช่มชื่นเป็นอย่างดี คิดว่าสื่อความนัยกับปวรศาไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ “ขอบคุณคุณเปรี้ยวนะครับที่ไว้ใจผม” ตาคมกริบจ้องตาหวานของสตรีมากวัยกว่าแบบบอกความหมายที่รู้กัน

ว่าที่แม่ยายได้แต่หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพยักพเยิด

“ก็อย่าให้น้าผิดหวังละกัน” ตาหวานเปลี่ยนโหมด ไม่ฉายแววมีความสุข แต่กลับดูเอาจริงยามจ้องหน้าอรรค “ถ้าน้าดูไม่ผิด คุณอรรคน่าจะเอ็นดูเป๊ปเปอร์เกินเด็กฝึกงาน เกินลูกสาวคุณชายไปแล้ว ถูกไหมคะ” คนเป็นแม่เปิดประเด็น พอเดาออกว่าชายหนุ่มคงกระอักกระอ่วนไม่น้อยหากจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้เอง แต่ให้น้ำมันอยู่ใกล้ไฟแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ดูจะอันตรายเกินไปเหมือนกัน ดังนั้นเรียกมาคุยให้รู้ ให้อยู่ในสายตากันไปเลยดีกว่า

ฝ่ายชายหนุ่มหน้าซีดเผือด ทั้งตกใจที่อีกฝ่ายรับรู้ ทั้งมีชนักติดหลังเรื่องเมื่อวานที่เผลอกอด เผลอหอมลูกสาวเขาเต็มรัก แต่ก็สูดลมหายใจเรียกความกล้า เพราะโอกาสแบบนี้คงไม่ได้ผ่านมาบ่อยๆ นึกปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่ปวรศาเปิดเรื่องให้ ไม่งั้นเขาก็คงต้องคิดจนหัวหมุนว่าจะทำยังไง เริ่มตนอย่างไรให้เรื่องนี้เหมาะสมมากที่สุด

“ครับ แต่ผมไม่เคยทำอะไรไม่เหมาะไม่ควร” ชายหนุ่มละเรื่องเมื่อวานไว้ในใจ “แล้วเป๊ปเปอร์ก็ยังไม่ทราบด้วยนะครับว่าผมคิดอะไร ผมรู้ดีว่าน้องยังเด็กมาก” ท้ายประโยคเสียงแผ่วไปเล็กน้อย เพราะกลัวว่าที่แม่ยายไม่อนุมัติ ไอ้เรื่องใหญ่ที่สุดก็เรื่องช่องว่างระหว่างวัยนี่ละ

“ก็ดีค่ะ...น้าให้โอกาสคุณอรรค เพราะมั่นใจว่าความรับผิดชอบกับสติปัญญาที่คุณอรรคมีน่าจะทำให้ตัดสินใจ ทำแต่เรื่องดีๆ ที่ไม่ทำให้ลูกสาวน้าเสื่อมเสียได้ แต่น้าเองก็เข้าใจธรรมชาติของหนุ่มสาวนะคะ ยิ่งทำงานด้วยกัน เจอกันทุกวันแบบนี้ น้าก็ไม่แน่ใจว่าคุณอรรคจะเก็บอาการได้ไหม แถมเป๊ปเปอร์ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ถ้าคุณอรรครุกหนักๆ น้าก็กลัวจะไปกันใหญ่ น้าเลยมาเปิดอกคุยกับคุณอรรคตรงๆ หวังว่าคงไม่คิดว่าน้าเจ้ากี้เจ้าการหรือจะมาคลุมถุงชนนะคะ”

ปวรศาไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วว่าพชรหทัยเองก็อายุเข้าวัยสาว เพื่อนๆ ร่วมโรงเรียนมีแฟนกันตั้งแต่ยังไม่จบมัธยม ดังนั้นก็ต้องทำใจยอมรับว่าวันหนึ่งลูกสาวคนเล็กของหล่อนก็ต้องมีความสัมพันธ์แบบนั้นบ้าง แต่หากปล่อยให้พชรหทัยไปเสี่ยงเอาดาบหน้ากับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ หล่อนก็มองว่ามันออกจะดูอันตรายไปเสียหน่อย แถมอรรคเองก็มีคุณสมบัติทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม รวมถึงต้องมีความเกรงใจหล่อนกับคุณชายอยู่บ้างละ

ส่วนใครจะมองว่าหล่อนเปิดโอกาสให้ชายหนุ่ม หรือจะจับคู่ให้ลูกอย่างไร ปวรศาก็ไม่เห็นจะแคร์ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ ใครที่ไหนก็อยากให้ลูกได้อยู่กับคนที่มองแล้วว่าดี ว่าเหมาะสม เพราะแม้กระทั่งตัวหล่อนกับหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรผู้เป็นสามีเองก็ยังรักกันได้เพราะการจัดฉากเบาๆ ของญาติผู้ใหญ่เหมือนกัน

“เพราะน้าว่าคุณอรรคออกอาการแบบไม่รู้ตัว ก่อนน้าคิดเรื่องนี้อีก”

“คุณเปรี้ยวรู้...” อรรคครางเสีงแผ่ว อดอายไม่ได้ที่เก็บอาการไม่มิดจน ปวรศาจับได้

“พอเห็นสายตาคุณอรรคแบบนั้น น้าเลยคิดว่าเราควรคุยกันให้เข้าใจก่อน”

ด้านอรรคก็ได้แต่กลืนน้ำลาย แอบกลัวว่าที่แม่ยายนิดๆ เพราะอีกฝ่ายดูจะรู้ทันไปหมดทุกอย่าง

ชายหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้า รับคำน้อยๆ ตัดสินใจว่าจะยังไม่ปริปาก พูดอะไรจนกว่าจะรู้ความต้องการของอีกฝ่ายจนหมด ทว่าปวรศากลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เพราะขึ้นชื่อว่าเจ้าแม่บ่อน้ำมันแล้ว หากจะต้อนเหยื่อ ก็ต้อนจนจนมุมไม่มีที่ให้ดิ้นหนีได้จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ

“ไหนตอบน้าหน่อยสิ ว่าชอบเป๊ปเปอร์แค่ไหน แค่ถูกใจตามประสาผู้หญิงสวย หรือว่ายังไงคะ”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มอึกอัก จะให้พูดออกมายังไงว่าจินตนาการในหัวว่า ทำอะไรกับลูกสาวเขาบ้าง แถมเป็นลูกสาวที่อายุแค่สิบเจ็ดอีก “ผม...”

“ถ้าไม่พูด น้าก็ไม่รู้จะช่วยคุณอรรคยังไงนะ พ่อเขายิ่งหวงๆ อยู่” ปวรศาเร่งปฏิกิริยา ซึ่งก็ได้ผลดีเกินคาด เพราะชายหนุ่มรีบละล่ำละลักตอบ ท่าทางกลัวลูกสาวหล่อนหลุดมือไปจริงๆ “นี่น้ามาเปิดฉากพูดแบบนี้ กับคุณอรรค คุณชายจะโกรธน้าหรือเปล่ายังไม่รู้” คนที่รู้ดีว่ากล่อมสามีได้ทำเป็นพูดกดดันคนอ่อนประสบการณ์กว่า แล้วก็ได้คลี่ยิ้มสวยเมื่ออรรคเดินเขาบ่วงที่วางไว้

“พูดครับพูด” อรรคขยับตัวนั่งให้เป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น “คือพูดไป ไม่รู้คุณเปรี้ยวจะหาว่าผมบ้าหรือเปล่า แต่ผมคงต้องเรียนว่า เหมือนผมจะเกินคำว่าชอบ กับเป๊ปเปอร์ไปแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ” ประโยคหลัง อรรคพูดแผ่วๆ กับตัวเอง แต่คนเป็นแม่ได้ยินเต็มสองหู “อันที่จริงผมก็คิดๆ อยู่ว่าจะเข้ามาพูดเรื่องนี้ยังไง ให้ดูไม่น่าเกลียด แต่มองไม่เห็นทางเลย เพราะผมกับเป๊ปเปอร์อายุห่างกันมาก แถมสถานะที่เป็นกันอยู่ตอนนี้ก็ไม่เหมาะสม”

“จริงค่ะ เป๊ปเปอร์ยังเด็กนะคุณอรรค เรียนก็ยังไม่จบ แถมจบแล้วก็คงตั้งท่าเรียนต่ออีก คุณอรรครอไหวเหรอ เปลี่ยนใจไปรักคนวัยเดียวกันดีไหมคะ” ปวรศายิ้มกริ่ม พอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายกล้าพูดกับหล่อนตรงๆ เห็นร่างสูงใหญ่ของอรรคทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ ดูเป็นกันเองมากขึ้น

คงไม่ทันแล้วละครับ พยายามเลิกคิดหลายที แต่ยิ่งตัดก็ยิ่งคิดถึง คุณเปรี้ยวเองก็มีความรักมาก่อน คงเข้าใจว่าช่วงเวลาแบบนี้มันทั้งสุข ทั้งทุกข์แค่ไหน” ตาคมกริบสบตาปวรศาแน่วแน่ ยอมเปิดอกคุยทุกอย่าง อยากได้ลูกเสือก็ต้องยอมศิโรราบให้แม่เสือละวะ...ส่วนเรื่องพ่อเสือ เดี๋ยวค่อยคิดกันต่อ

“งั้นก็ดีที่น้ารับรู้ความรู้สึกของคุณอรรคตั้งแต่ต้น เอาเป็นว่าให้อยู่ในสายตาน้า แล้วก็อย่าให้เสียหายนะคะ ยังไงเสียเป๊ปเปอร์ก็ยังเด็กมาก แล้วทานข้าวเสร็จคุณอรรคก็ควรพูดเรื่องนี้กับคุณชายเองด้วย เดี๋ยวน้าจะดูจังหวะให้”

ปวรศาพูดจบได้ไม่ทันขาดคำดี คนที่เป็นประเด็นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง หน้าตาสดชื่นขึ้น ผมยาวที่ปล่อยสยายและคาดผมไว้แต่เช้ากลับเปลี่ยนเป็นรวบตึงโชว์เครื่องหน้าชัด จนอรรคเผลอยิ้มออกมา

ส่วนปวรศาก็ออกตัวช่วยว่าที่ลูกเขยเสร็จสรรพ เพราะคนที่อ่านยากไม่ใช่ใคร แต่เป็นลูกสาวหล่อนที่เก็บอาการดีเหมือนพ่อไม่มีผิด แขนเรียวอ้าออกรับบุตรสาวเข้ามานั่งซุกในแขนเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องทั่วๆ ไปให้บรรยากาศน่าพูดคุยกัน

“นี่ ชุดในห้องน่ะชอบไหมเป๊ปเปอร์” ปวรศาเอ่ยถามลูกสาวถึงชุดราตรีที่เตรียมไว้ให้เจ้าตัวสวมไปร่วมงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้ ซึ่งหล่อนกับคุณชายพชรฉัตรผู้เป็นสามีออกปากไว้แล้วว่าจะให้พชรหทัยไปแทนทั้งคู่ที่จะเดินทางไปต่างประเทศวันพรุ่งนี้

หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มรับพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณมารดา กิริยาอ่อนหวานน่าเอ็นดู

“เปอร์ชอบชุดสีแชมเปญที่ปักค่ะ สวยมาก” หน้าสวยหวานคลี่ยิ้มตอบมารดา เพราะคนเป็นแม่เตรียมเครื่องแต่งกายไว้ให้หล่อนเลือกสองสามชุด แต่ยังอุตส่าห์หันมาสบตาคุณอรรคครู่หนึ่ง

หัวใจชายหนุ่มวัยสามสิบยิ่งหวั่นไหวกว่าปกติ นึกหนักใจว่าเป็นเสียแบบนี้จะให้เขาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปยังไงไหว น่ารักเป็นบ้า!

“แม่ก็ชอบ” คนแต่งตัวเก่งตั้งแต่สาวๆ บอก “เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเราคงเลือกชุดนี้ เป๊ปเปอร์ใส่คงสวยมาก แล้วคุณอรรคหาพ็อกเกตสแควร์สีนั้นทันไหม ถ้าไม่ทันน้าจะได้หาคนอื่นพาเป๊ปเปอร์ไปแทน” ปวรศาหันหาชายหนุ่มที่เพิ่งรู้ตัวว่านายหญิงจัดแจงให้หญิงสาวไปงานร่วมกับเขา

อรรคทำหน้าเหลอหลาครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับแบบเต็มใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าปวรศาหมายถึงงานอะไร ต่อให้ไม่มีพ็อกเกตสแควร์เขาก็จะหาจนได้ และต่อให้ติดงานอะไร เขาก็จะแคนเซิลให้หมด

“ทันครับ...”

 

คุณชายครับ ผมมีเรื่องจะเรียนชายหนุ่มพูดตะกุกตะกักผิดกับบุคลิกมั่นใจในตัวเองหลังมื้ออาหาร พชรหทัยขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือกันแต่เจ้าของตำหนักใหญ่ทั้งสองกับแขกกิตติมศักดิ์อีกหนึ่งคน จนหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรอดสงสัยไม่ได้ เพราะคุยกันทั้งเรื่องมีสาระและไร้สาระกันไปมากมายบนโต๊ะอาหารแล้ว

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคุณอรรค ที่บริษัทโอเคดีใช่ไหม” หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรพยักหน้าเป็นการแจ้งให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าพร้อมที่จะรับฟังเรื่องจากเขา และถามเกริ่นนำเปิดประเด็นให้อีกฝ่าย

“เรื่องงานไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แต่ที่ผมจะขออนุญาตคือ...” อรรคเหลือบตามองปวรศาเล็กน้อยแบบขอกำลังใจ โดยที่อีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าให้พูดได้ ชายหนุ่มเลยใจชื้นกล้าเปิดปาก

“คือผม...ผมชอบ เอ่อ ไม่ใช่ครับ...” ชายหนุ่มส่ายหัว ปรับคำพูดให้ตรงกับความเป็นจริง สิ่งที่รู้สึกกับพชรหทัยไม่ใช่แค่ชอบ แต่เลยกว่านั้นไปไกลแล้ว “...ผมรักลูกสาวคุณชายครับ” หน้าอรรคแดงก่ำ แต่ยังสบตาเหยี่ยวของหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรแน่วแน่ แสดงความจริงใจ เปิดเปลือยความรู้สึกทุกอย่าง นึกสงสัยว่ามีผู้ชายที่ไหน ต้องมาขอพ่อขอแม่ ก่อนจะได้ลงมือจีบผู้หญิงอย่างที่เขากำลังทำอยู่หรือไม่ แต่เหมือนคิดเร็วๆ ในหัวแล้วพบว่าได้มากกว่าเสีย ก็คนที่เขาหมายตาใช่คนปกติ เป็นผู้หญิงธรรมดาเดินดินเสียที่ไหน       

คนเป็นพ่อที่นิ่งไปหลายอึดใจ ได้แต่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มติดกันหลายครั้ง จนปวรศาอดขำไม่ได้ เพราะท่าทางสามีเหมือนมีคนเอาไม้หน้าสามฟาด ลงไปบนหน้า ตาเหยี่ยวเบิกกว้างขึ้น กรามบดแน่นโดย ที่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว จนคู่ชีวิตที่อยู่กันมานานจนอ่านภาษากายออกกันทุกอย่างต้องยกมือบางลูบแขนคุณชายพชรฉัตรเบาๆ ปลอบให้ใจเย็นขึ้น แต่ยืนนิ่งเงียบไม่ออกความเห็นใดๆ

“คุณอรรคว่าไงนะ” เสียงทุ้มถามหนุ่มหล่อที่อยู่ดีๆ ก็มาบอกรักลูกสาวที่เขาหวงสุดชีวิต แต่ตาเหยี่ยวปรายมองภรรยาตัวแสบที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จิบไวน์ในแก้วของตัวเอง ก็ว่าแล้วว่ามันตงิดๆ ตั้งแต่คราวที่ปวรศาบอกว่าอรรคจะพาพชรหทัยไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านแล้ว

...

‘ตกลงเมื่อกี้อรรคว่าอย่างไรครับ’ หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรถามภรรยา หลังจากเขาจัดการกับตัวเองเรียบร้อย แล้วพบปวรศานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่เก้าอี้ปลายเตียง

‘ไม่มีไรค่ะ แค่บอกว่าวันนี้เป๊ปเปอร์จะเสร็จช้าหน่อย เดี๋ยวจะดูให้กินข้าวให้เรียบร้อยแล้วมาส่งบ้านให้’

                ‘แล้วลูกบอกคนขับรถหรือยัง’ คนหวงลูกสาวถามขึ้น ไม่ทันนึกอะไรกับประโยคสุดท้ายที่ว่าอีกฝ่ายจะมาส่งพชรหทัยกลับวังวิริยา

‘บอกแล้วค่ะว่าไม่ต้องรอรับ เพราะเดี๋ยวอรรคจะแวะมาส่งเอง’ ปวรศาย้ำอีกครั้ง หน้าตายิ้มกริ่ม จนสามีต้องออกปากถาม

‘มีอะไรที่พี่ควรรู้ไหม’ ตาเหยี่ยวหรี่ลง ลางสังหรณ์แปลกๆ แวบเข้ามา เพราะหากภรรยา เขาทำหน้าแบบนี้ทีไร มีเรื่องให้คันหัวใจได้ทุกที

‘ตอนนี้ก็คงไม่มี ส่วนในอนาคตเปรี้ยวก็ไม่รู้เหมือนกัน...’ มาดามแห่งออยล์เทคบอก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแบบทุกครั้ง ‘มาค่ะ ตีกอล์ฟมาเหนื่อยๆ เปรี้ยวนวดให้’

เมื่อเหตุการณ์ครั้งแรกพุ่งเข้ามาในหัว คุณชายเจ้าของวังก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่ภรรยาคนสวยของเขาเปิดปากให้เขาชวน อรรค อัครนันท์ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านไม่ได้

‘พี่ชายพัชร เราเชิญท่านประธานของพี่ชายพัชรมาทานข้าวไหมคะ’ ปวรศาบอกเสียงหวาน หน้าตาเรียบเฉยราวกับว่าชายหนุ่มวัยสามสิบที่คุณชายพัชรจ้างมาบริหารบริษัท เข้านอกออกในวังวิริยา หรือมาทานอาหารกันบ่อยครั้งเป็นเรื่องปกติ

‘เชิญน่ะได้ แต่จะเชิญมาเรื่องอะไรครับ’

‘ก็แหม วันก่อนโน้นเขาก็พาเป๊ปเปอร์ไปเลี้ยงข้าว แถมขับมาส่งถึงบ้าน สอนงานสอนการให้ลูกสาวพี่ชายพัชรอย่างดี อีกอย่างที่เป๊ปเปอร์บอกจะย้ายไปอยู่เพนต์เฮาส์ตอนเราไม่อยู่บ้านกัน เปรี้ยวก็จะได้ฝากคุณอรรคเขาดูแลหน่อยสิคะ’

หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรถึงกับเขม่นตาขวา ตั้งแต่ประโยคที่ปวรศาพูดถึงคราวที่ลูกสาวสุดสวาทขาดใจกลับบ้านดึกวันก่อนโน้น และกระตุกหนักขึ้นตอนภรรยาพูดจบประโยค

‘เอาจริงเหรอ พี่ว่า...’

‘จริงค่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาพูดว่าไม่ดีมั้ง...’ ปวรศาดักคอสามี ‘เปรี้ยวรู้นะคะว่าพี่ชายพัชรถนอมเป๊ปเปอร์ขนาดไหน แต่สักวันลูกต้องโตขึ้นนะคะ สู้เราให้เขาค่อยๆ เรียนรู้ โดยมีเราประคับประคอง แอบชี้ทางเล็กๆ แบบไม่ให้เขารู้ ดูอยู่ห่างๆ ดีกว่าให้วันหนึ่งเตลิดเข้ารกเข้าพงไปนะคะ’

ได้ยินประโยคแบบนั้น หนุ่มใหญ่แห่งราชสกุลเก่าแก่ก็อดปากไม่ได้ ‘นี่เราพูดเรื่องอะไรกันอยู่ครับ เปรี้ยวหวาน’

‘เปรี้ยวก็หมายถึงเรื่องลูกสาวเรานี่แหละค่ะ พี่ชายต้องเริ่มปล่อยบ้างอะไรบ้าง ใครๆ เข้ามาจีบ เข้ามาอะไรก็ลองๆ เปิดโอกาสบ้าง ดูที่เชื่อใจได้ เป็นผู้ใหญ่...’ ปวรศายังพูดไม่ทันจบ สามีก็ขมวดคิ้ว หรี่ตา มันทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้

‘เป๊ปเปอร์มีแฟนเหรอครับ’

‘โอ๊ยย เปรี้ยวว่ายังหรอกค่ะ’ แต่อีกไม่น่านาน คนเป็นแม่นึกต่อในใจ ‘เปรี้ยวก็พูดเผื่อๆ ไว้ เผื่ออยู่ดีๆ มีใครโผล่มาขอลูกสาว พี่ชายพัชรจะได้เตรียมตัวเตรียมใจทัน ไม่หัวใจวายทิ้งให้เปรี้ยวเสวยสุขกับมรดกอยู่คนเดียว’

“อ่อ...ผมว่าผมรักเป๊ปเปอร์ครับ เลยอยากเรียนให้คุณชายทราบ แล้วก็จะขอ...” อรรคถึงกับกลืนน้ำลายตอนเห็นหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรยกเครื่องดื่มสีอำพันที่ภรรยาคนสวยเทให้เกือบครึ่งแก้วขึ้นดื่มอีกที แต่คราวนี้รวดเดียวหมด ส่งผลให้หน้าแดงก่ำขึ้นทันที จนอรรคต้องกลืนน้ำลายรอบที่สอง เพราะไม่แน่ใจว่าที่หน้าคุณชายใหญ่แห่งราชสกุลวิริยาเปลี่ยนสีเป็นเพราะเหล้าหรือเขากันแน่

“ขออะไร...” เสียงพูดแบบที่ใครฟังก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์แต่พยายามเก็บอาการดังขึ้น สั่นประสาทคนเข้าตามตรอกออกตามประตูยิ่งนัก

“ขออนุญาตจีบครับ” พูดประโยคแรกจบก็กลั้นหายใจ พูดประโยคที่สองต่อ

“ถ้าน้องใจตรงกัน...ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้เสียหายแน่นอน” คนมาขอจีบลูกสาวเขาบอกตรงๆ นี่แค่จีบยังใจคอสั่นไปหมด ถ้าจะต้องขอพชรหทัยแต่งงาน เขาจะลนลานขนาดไหน ขนาดดีลงานเป็นหมื่นล้านเขายังไม่ประหม่าขนาดนี้...นี่แสดงว่าหม่อมหลวงพชรหทัยต้องมีค่ามากกว่าอะไรทั้งหลายในโลกสำหรับเขาเป็นแน่

“คุณอรรคนี่กล้าดีจัง” เสียงหวานของภรรยาเจ้าของตำหนักใหญ่ดังชัด แต่ใครๆ ก็ฟังออกว่าถือหาง “...กล้าขอพ่อขอแม่ อย่างน้อยต้องนับถือน้ำใจว่าเข้าตามตรอกออกตามประตูดีมากนะคะพี่ชายพัชร”

ปวรศาดูท่าแล้วกลัวจะไปไม่รอด ต้องออกตัวแทนชายหนุ่มที่นั่งหดตัวเหลือสองนิ้วแทบจะจมหายไปในโซฟา ยอมรับเลยว่าหล่อนกลัวพชรหทัยจะไปเจอใครไม่ดี เห็นเรียบร้อย เรียนหนังสือเก่ง ท่าทางโตเป็นสาวแบบนั้น แต่เรื่องทางโลกพชรหทัยแทบไม่เคยได้สัมผัส เพราะคุณชายผู้เป็นพ่อทั้งรักทั้งหวง ประคบประหงมลูกสาวคนเล็กที่ได้ดั่งใจทุกอย่างยังกับอะไร และคนเป็นแม่อย่างปวรศาก็อดห่วงเมื่อลูกสาวต้องโตมาในสังคมเพื่อนที่แก่กว่าตัวเองหลายปีไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกาได้แค่ไหน หากได้คนที่โตเป็นผู้ใหญ่กว่ามากๆ น่าจะดูแลลูกน้อยในกรงทองของคุณชายได้ดี แถมยังจะได้คนช่วยทำงานในบริษัทไปอีก คิดบวกลบคูณหารแล้วยังไงก็กำไรเห็นๆ

“นี่คุณอรรคพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม” คนเป็นพ่อที่หน้าตึงที่สุดในโลกถามเสียงเรียบ เรียบจนขนลุก “คุณกำลังจะขอคบเด็กที่อายุน้อยกว่าคุณสิบสามปี ซึ่งเป็นลูกสาวผม ที่เป็นเจ้านายคุณ” พูดจบหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรก็ยืนเต็มความสูง เดินไปเติมเครื่องดื่มที่บาร์ด้วยตนเอง ไม่รอให้ใครมาบริการ ก่อนจะกระดกดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง

“ตอบสิว่าเหตุผลอะไรผมถึงควรอนุญาตให้คุณทำแบบที่ขอมา”

“เอ่อ...เพราะผมจริงใจ และจริงจังครับ...ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้ามาพูดกับคุณชายแบบนี้”

“ลูกสาวผมอายุสิบเจ็ด” คุณชายสวนกลับหน้านิ่งๆ ทันทีขณะมองหน้าท่านประธานคนใหม่ “ถึงกำลังจะเรียนจบ แต่ก็อายุแค่สิบเจ็ด...”

“ครับ ผมทราบ”

“แล้วคุณอรรคอายุสามสิบ” หม่อมราชวงศ์เจ้าของวังสูดลมหายใจลึกข่มอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่ง บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ทั้งๆ ที่เย็นไม่ไหวแล้ว “บอกว่าจริงจังกับเป๊ปเปอร์ แปลว่ารออีกกี่ปีก็ได้อย่างนั้นหรือ”

“ครับ” ชายหนุ่มรับเสียงอ่อย รู้ดีว่าต้องเจอคำถามแบบนี้ ก็เกิดไปรักเด็กเข้า จะลงเอยกันก็คงต้องรอให้เด็กโตกว่านี้ไม่น้อย กว่าเด็กจะพร้อมเสิร์ฟเป็นเรื่องเป็นราว

“รอจนเรียนจบปริญญาเอกก็รอได้งั้นเหรอ” บุรุษวัยเกือบหกสิบเลิกคิ้วถามคนตรงหน้า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าที่การงาน การศึกษา หน้าตา ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับพชรหทัยเลยสักอย่าง ยกเว้นอายุ... “ผมไม่ปล่อยให้ลูกผมจบแค่ปริญญาตรีธรรมดาๆ หรอกนะ”

“ครับ” เสียงทุ้มของคนที่เคยมั่นใจในตัวเองยิ่งเจื่อนมากขึ้นไปอีก แต่เอาวะ ปัญหาเรื่องอายุนี่เขาเองก็คิดมาแล้ว ต่อให้ต้องรอสักห้าปี เขาอายุสามสิบห้าก็ยังพอไหว

หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรมองชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับภรรยาเป็นระยะๆ บรรยากาศเงียบเสียจนปวรศาเองก็ยังไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะรู้จังหวะดีว่าต้องให้พื้นที่แก่สามีในการตัดสินใจ หลังจากโดนหล่อนกล่อมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปแล้วเมื่อเช้า หากเซ้าซี้หรือพูดซ้ำมากๆ จะพานไม่ได้ตามใจอยากจนได้ ดีไม่ดีคืนนี้หลังอรรคกลับ หล่อนจะโดนเช็กบิลด้วย

ฝ่ายคุณชายเจ้าของวังเมียงมองเมียสลับกับคนที่มาขอเป็นลูกเขยจนหมดทางออก รู้ดีว่าของแบบนี้ต่อให้ไม่ใช่อรรค วันหนึ่งก็ต้องมีคนมาขอพชรหทัยแบบนี้ ที่สำคัญเขารู้ดีด้วยซ้ำว่าลูกสาวแสนสวยของเขาฮอตในบรรดาหนุ่มๆ มากแค่ไหน ไม่วันนี้ก็วันหน้าเป๊ปเปอร์ก็ต้องมีแฟน! คงต้องลองดูสักตั้ง ถ้าซวยเสียรู้ชายหนุ่มตรงหน้า เขาเองนี่ละจะทำให้อรรคไม่มีแผ่นดินอยู่ด้วยมือของเขาเอง

“เอ้า...ผมจะไม่ว่า แต่ผมขอสัญญาอะไรจากคุณอรรคสักหน่อย คุณอรรคจะรับปากผมได้ไหม” หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรตัดใจพูด ทั้งๆ ที่ยุบยิบในใจไม่น้อย ตาเหยี่ยวมองปวรศาที่ยิ้มหวานอยู่อีกครั้ง นึกฉุนเจ้าตัวพอควร ต่อให้เคลียร์กับอรรคได้เรียบร้อย เขาก็มีเรื่องต้องเคลียร์กับแม่ของลูกอีกยาว

ฝ่ายชายหนุ่มไม่มีทางเลือกแม้แต่จะขอฟังข้อเรียกร้องด้วยซ้ำ จึงได้แต่พยักหน้ารับ ตอนนี้คุณชายขออะไรเขาก็ต้องยอม ลองบอกว่าขอคิดดูก่อนหรือว่าไม่ตกลงสิ เขาได้โดนยิงหัวแน่ๆ

“หนึ่ง คุณจะจีบจะรักอะไรกันผมไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่ไปไหนกันคุณต้องขอผมหรือไม่ก็แม่เขา ห้ามมาโมเมไปต่อหลังจากเลิกงาน หรือแม้กระทั่งตอนเป๊ปเปอร์ฝึกงานเสร็จแล้ว ต่อให้เป๊ปเปอร์ตกลงไปกับคุณ จะไปนัดแนะรับส่งกันที่ไหน แต่คุณอรรคต้องโทร. มาบอกคนใดคนหนึ่งทุกครั้ง”

ข้อที่หนึ่งผ่านไป

“สอง ถ้าเป๊ปเปอร์ยอมตกลงเป็นแฟนกับคุณอรรค จะมาควงกันไปโน่นมานี่ตามประสาหนุ่มสาวให้มีคำครหาไม่ได้เด็ดขาด ลูกสาวผมอายุยังน้อย ผมไม่อยากให้มีใครไปพูดด้วยว่าคุณเองก็คิดจะ...” คนเป็นพ่อเก็บคำว่า ‘กินเด็ก’ ไว้ในใจ “เอาเป็นว่าอยากจะไปไหน ทำอะไร ขอให้คิดถึงชื่อเสียงราชสกุล รวมถึงชื่อเสียงของอัครนันท์ด้วย”

ข้อที่สองผ่านไป

“ข้อที่สาม คุณอรรคทราบใช่ไหมว่าสถานะคุณกับเป๊ปเปอร์ตอนนี้มันชวนให้คนพูดขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ต้องการให้คนไปพูดกันจนสนุกปาก คุณอรรคเข้าใจนะ” หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรยกเครื่องดื่มขึ้นจิบอีกรอบ “บอกเฉพาะคนที่ควรบอก ส่วนคนอื่นก็ไม่ต้องไปป่าวประกาศ โดยเฉพาะในบริษัท ผมว่าถ้าไม่มีใครทราบเลยจะเป็นการดีที่สุด”

ข้อที่สามผ่านไป

“ข้อสุดท้าย...ผมจะไม่ยอมให้เป๊ปเปอร์แต่งงานก่อนเรียบจบปริญญาเอก ซึ่งถ้าตามกำหนดก็อีกไม่ต่ำกว่าสี่ปี และในช่วงที่เป๊ปเปอร์เรียนนี้ คุณอรรคห้ามทำอะไรที่จะทำให้เป๊ปเปอร์เห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่าเรื่องเรียน ถ้าจะทำอะไรที่เป็นการทำลายสมาธิเป๊ปเปอร์จนเรียนไม่จบตามเวลาเพราะคุณอรรค ผมไม่ยอม”

“ถ้าคุณอรรคทำได้ตามนี้ ผมตกลง” คนที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่าถามผู้ชายตรงหน้า คิดว่าเจอข้อแม้ไปขนาดนี้คงต้องมีถอดใจกันบ้าง แต่หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรคงมีดวงจะได้ลูกเขย เพราะชายหนุ่มกลับพยักหน้ารับคำอย่างดี เพราะคิดมาแล้วว่าอย่างไรก็จะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน

“ไม่มีปัญหาครับ ถ้างั้นผมขอฝากเนื้อฝากตัวคุณชายกับคุณเปรี้ยวเลยนะครับ แล้วที่คุณชายกับคุณเปรี้ยวไม่อยู่ก็ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเป๊ปเปอร์ไม่ให้คลาดสายตาเลย” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม คนเป็นพ่อเป็นแม่ผู้หญิงก็ได้แต่มองหน้ากัน ไอ้ที่ห่วงก็จะห่วงตอนอรรคจะคอยตามเฝ้าพชรหทัยนี่ละ!

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น