9

ปรับรัก


 

9

ปรับรัก

 

มื้ออาหารกลางวันจบเร็วกว่าที่คาด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครชวนใครคุยอีกเลย ทั้งคู่กลับมาถึงที่ พักเรียบร้อยก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากคู่รักข้าวใหม่ปลามัน แล้วก็เป็นหญิงสาวที่ทนไม่ได้ก่อน เอ่ยปากเรียกอรรคที่เดินไปที่หน้าห้องพักของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“คุณอรรค”

ฝ่ายนั้นหยุดและหันหน้ามามองแค่ครู่หนึ่ง หน้าตาบอกบุญไม่รับจนหม่อมหลวงวัยสิบเจ็ดใจเสีย พูดอะไรไม่ออก เลยได้แต่กลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล ส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่มีอะไรค่ะ ไปพักเถอะ” พูดจบก็กดรหัสเข้าห้องตัวเองไวๆ ก่อนจะปล่อยโฮออกมา น้ำตาเต็มหน้าทันทีที่ปิดประตูห้อง รู้ดีว่าที่เขาไม่พอใจก็เพราะประโยคพูดไม่คิดของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าการที่เขาไม่พูดด้วย ไม่ใส่ใจ จะทำให้ตัวเองเสียใจมากขนาดนี้

...

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนพชรหทัยเดินเข้าห้องน้ำหญิงสาวก็ตกใจ เพราะนัยน์ตาสวยบวมฉึ่งแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หญิงสาวเห็นสภาพตัวเองแล้วก็อดสะอื้นออกมาอีกรอบไม่ได้ แต่ก็กัดฟันล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย ก่อนจะตัดสินใจอาบน้ำเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง และออกนั่งซุกตัวกอดหมอนแบบคนไม่มีกะใจจะทำอะไร มองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว และหล่อนก็หลับไปตรงนั้นจนเช้าพร้อมคราบน้ำตา หากไม่มีคนมากดกริ่งหน้าห้อง

พชรหทัยลุกขึ้นแบบคนสติไม่เต็มร้อย เดินไปเปิดประตูอย่างกึ่งรู้ตัวกึ่งละเมอ แล้วประสาทสัมผัสก็กลับมาครบถ้วนเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่อีกด้านเป็นใคร

“คุณอรรค...” เสียงเคยหวานแหบพร่าเพราะร้องไห้ติดต่อกันหลายชั่วโมง และเพราะเพิ่งตื่นนอนทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า คนที่เคยสวยเป๊ะหัวจดเท้า ผมสักเส้นยังไม่มีกระดิก ตอนนี้หน้าสวยกลับมีคราบน้ำตาเลอะเทอะที่หางตาทั้งสองข้าง ผมยาวก็ถูกรวบไว้ลวกๆ เหมือนคนไม่ใส่ใจตัวเอง ตาช้ำแดงก่ำจนเขาอดคำรามในลำคอไม่ได้ นี่เขาปล่อยหล่อนเศร้าแบบนี้คนเดียวมากี่ชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มร่างหนาไม่คิดอะไรอีกต่อไป คว้าตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด กดหอมแรงๆ ที่ข้างกกหู ก่อนจะพึมพำคนเดียวหลายครั้งกว่าอีกฝ่ายจะได้สติ

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ” มือหนาลูบแผ่นหลังบอบบางปลอบประโลมคนในแขนที่รู้ตัวแล้วออกอาการดิ้นขลุกขลักทันที เงยหน้าสบตากับชายหนุ่มเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

“ขอโทษเรื่องอะไรคะ เปอร์สิที่ต้องขอโทษที่พูดอะไรไม่คิด” หญิงสาวตั้งท่าจะเป่าปี่อีกรอบ จนชายหนุ่มใจอ่อนยวบ รีบดันตัวเธอเข้าไปข้างใน ถึงแม้จะไม่มีใครผ่านไปผ่านมาง่ายๆ แต่ก็คงไม่ดีแน่หากใครมาเห็นเข้า

ด้านพชรหทัยก็ยอมเดินกลับเข้าห้องแต่โดยดี รีๆ รอๆ หันมามองเขาที่หยุดวางมือถือไว้บนโต๊ะใกล้ประตูห้อง ตาแดงก่ำ น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ แล้วเจ้าตัวก็วิ่งโผมากอดเขาไว้โดยที่คนตัวโตไม่ทันได้ตั้งหลัก

“เปอร์ขอโทษ ไม่โกรธเปอร์นะคะ คุณอรรคไม่โกรธเปอร์นะคะ” น้ำตาของสาวน้อยซึมผ่านเข้าเสื้อยืดเนื้อดี

ชายหนุ่มทั้งหน่วงในอกทั้งปลื้มใจที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญแก่เขามากขนาดนี้ มือหนารัดตัวคนรักไว้แน่น ก่อนจะโยกไปมาปลอบใจคนสวยให้หยุดร้อง

“ครั้งนี้จะไม่โกรธครับ แต่ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะ” อรรคฉุนจริงๆ ตอนที่ได้ยินพชรหทัยพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั่นละว่าพร้อมที่จะทิ้งความสัมพันธ์นี้อยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขาเองผ่านความลำบากใจ ผ่านความทุกข์ใจมามากขนาดไหน และต้องทำอะไรหลายๆ อย่างที่ฝืนใจตัวเองกว่าจะได้มีวันนี้ วันที่เขามีพชรหทัยในอ้อมแขน

“พี่ยอมทุกอย่าง ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เป๊ปเปอร์มา เป๊ปเปอร์อย่ามาถอดใจกับอะไรง่ายๆ นะครับ” จมูกโด่งกดหอมลงที่ขมับหญิงสาว “ห้ามเลิกกับพี่ง่ายๆ ระหว่างเราจะไม่มีการเลิก ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรทั้งนั้น”

พชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับอยู่กับอกกว้าง

“เปอร์ยอม อะไรก็ได้ แต่คุณอรรคห้ามนิ่งใส่เปอร์อีกนะคะ” สาวน้อยรีบทวงสัญญาจากเขาบ้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ยอมเขามากเกินไป “แต่ถ้าเรื่องร้ายแรงจริงๆ เปอร์ก็ไม่ยอมนะคะ” ตาหวานเปลี่ยนเป็นเขียวปั้ดค้อนเขาอีกรอบ ก่อนดันตัวเองออกห่างจากวงแขนที่กอดไว้เมื่อครู่

“ไหนๆ มาตกลงกันดีๆ ดีกว่าว่าอะไรรับได้ อะไรรับไม่ได้ ดีไหมครับ”

สาวน้อยพยักหน้ารับ เห็นว่าเป็นการดีที่จะคุยกันให้รู้เรื่องตามประสาคนชอบอะไรที่ชัดเจน และยอมเดินตามการจับจูงของอีกฝ่ายมานั่งข้างๆ เขาบนโซฟากว้าง

“ไหนว่ามาสิครับ รับอะไรได้บ้าง” อรรคถามยิ้มๆ ยกมือลูบหัวคนรักก่อนระเรื่อยมาจนถึงแก้มใสที่มีคราบน้ำตา สงสารคนรักจับใจ “พี่ขออย่างเดียว พี่รับไม่ได้ถ้าเป๊ปเปอร์จะทิ้งพี่”

พชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็อดค้อนไม่ได้ อย่างเดียวของเขามันครอบจักรวาลที่สุดในโลก

“เปอร์ขอแค่อย่ามีความลับ เปอร์ว่าเปอร์มีเหตุผลพอ ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน เปอร์จะพยายามทำความเข้าใจ แต่ห้ามคุณอรรคปิดบังอะไรเปอร์นะคะ” หญิงสาวบอก แววตาแน่วแน่ บีบมือหนาแน่น

“เกิดมันเป็นความลับระดับโลกล่ะครับ พี่จะไปบอกได้ไง” อรรคพูดไปหัวเราะไป

“ก็ถ้ามันเป็นเรื่องคนอื่น เปอร์จะไปอยากรู้ทำไม หรืออีกทียิ่งถ้าเรื่องคนอื่นแล้วคุณอรรคยิ่งปิดบัง อาจจะหมายถึงว่าคุณอรรคเห็นเขาสำคัญกว่าเปอร์”

“พี่จะไปเห็นใครสำคัญกว่าเราได้ไง ไม่มีทางละ” อรรคมองคนรักด้วยแววตาอ่อนโยน “ในโลกนี้นอกจากตัวพี่เองก็มีแค่เป๊ปเปอร์ที่พี่รัก ดีไม่ดีพี่จะรักเป๊ปเปอร์มากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าพี่มีความลับกับเรา เชิญทิ้งพี่ไปได้เลย”

พชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง โผเข้ากอดคนตัวโตอีกครั้ง ก่อนจะยืดตัวหอมอรรคก่อนแบบน่ารักน่าชัง ชนิดที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเขินอาย

“ถ้าคุณอรรคสัญญาแบบนี้ เปอร์ก็จะไม่มีวันไปไหนแน่นอนค่ะ”

 

อันที่จริงมันไม่ได้ขาดทุน มันแค่ขาดทุนกำไร แต่ผมว่า...ตาคมกริบหยุดมองที่กราฟในจอระหว่างใช้ความคิด “ราคามันย่อลงมาแบบนี้ช้อนไว้เถอะครับ”

“แต่นี่มันตกลงมาสามบาทแล้วนะครับ” คนในทีมจัดการกองทุนคนหนึ่งที่อายุมากกว่าท่านประธานถึงสามปี แต่เป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งเอ่ยค้านกลางวง

“คุณก็ดูไซเคิลมันสิ ทุกครั้งที่รัฐบาลประกาศแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ มันก็ตกทุกปี แล้วมันก็พุ่งใหม่” อรรคมองหน้าลูกน้อง บอกนิ่งๆ กึ่งอธิบายกึ่งสอนงาน “เราเป็นบริษัทบริหารหลักทรัพย์นะ เน้นกำไรระยะยาว ไม่ใช่เล่นเดย์เทรด หุ้นปั่นอะไรแบบนี้อย่าพยายามแนะนำให้ลูกค้าเลย”

“แต่บางคนเขาก็ชอบความตื่นเต้นแบบนั้นนะครับ คุณอรรคจะมาเหมารวมไปหมดก็ไม่ได้นะครับ” เวคินบอก ท่าทางไม่ได้เกรงกลัวเจ้านายใหญ่ของวิริยะทรัพย์ นึกหมั่นไส้ปนอิจฉาชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าด้วยซ้ำ เขาเคยมีโอกาสร่วมชั้นเรียนปริญญาเอกกับอรรค ทว่าสติปัญญาเขาคงไม่ถึง จึงทำให้เรียนไปได้แค่เทอมเดียวก็ต้องถอดใจ กลับมาทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่หลายปี เปลี่ยนมาหลายบริษัท จนมาทำงานที่วิริยะทรัพย์ได้ระยะหนึ่งก็มีเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนเป็นเจ้านายซะอย่างนั้น

“ก็ถูก แต่ลูกค้ามากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเรารู้ดีอยู่แล้วว่าเราเน้นการลงทุนแบบไหน คุณเคยอ่าน เคยศึกษาโพรไฟล์ลูกค้าจริงๆ บ้างไหม” อรรคละสายตาจากหน้าจอที่แสดงผลกำไรของหลักทรัพย์ตัวที่จะลงทุน มองหน้าลูกน้องจริงจัง “ลูกค้าของวิริยะทรัพย์เป็นลูกค้าเก่าแก่ ชนิดที่ฝากเงินให้ทำงานเพราะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร เขาไม่ได้มีความจำเป็นต้องหากินจากกำไรวันละสามพันสี่พันอย่างที่พวกชนชั้นกลางเล่น”

“แหม...ใครเขาจะเป็นลูกหลานเศรษฐีกันหมดทุกคน” น้ำเสียงยียวนไม่ใช่น้อยเล่นเอาหัวหน้าแผนกของเวคินขยับตัว “มันก็มีพวกอยากไต่เต้าบ้างละครับ”

และแววตาของเวคินก็ทำเอาอรรคหน้าชาวาบ ไม่รู้ว่าจะร้อนตัวหรืออะไร แต่ทำไมเขารู้สึกว่าคนใต้บังคับบัญชาตั้งใจจะแดกดันเขา จนชุดาต้องเบี่ยงประเด็น

“คุณอรรค มีพบลูกค้านะคะ ตอนบ่ายสาม คุยเรื่องอื่นต่อเลยไหมคะ” ผู้ช่วยคนเก่งทำเป็นเตือนเสียงไม่เบา นัก

ท่านประธานจำต้องเลิกต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายตามประสาคนเด็ดขาด “ขอบคุณสำหรับมุมมองนะเวคิน แต่เอาเป็นว่าทำตามที่ผมพูดจะดีกว่า ขอเรื่องถัดไปเลยครับ”

ไม่เกินเวลาที่กำหนด อรรคก็ตรงดิ่งจากห้องประชุมออกไปพบลูกค้าตามที่เลขานุการนัดหมายไว้ให้ แต่ก็ยังไม่วายใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดส่งข้อความหาพชรหทัย

Arch : คนสวย เสร็จแล้วรอพี่ทานข้าวนะครับ

Pepper : จะกลับมากี่โมงคะ

Arch : ไม่น่าเกินทุ่ม

Pepper : งั้นเปอร์ไปรอคุณอรรคดีไหมคะ จะได้ไม่ต้องย้อนมารับ

Arch : เอางั้นก็ได้ครับ

เมื่อมีเดตกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนรออยู่ พชรหทัยก็รีบจัดการรายงานชิ้นใหญ่ชิ้นสุดท้ายที่นักศึกษาทุกคนต้องส่งเพื่อจบการศึกษา หากคำนวณไม่ผิดพลาดหล่อนควรจะทำรายงานเสร็จภายในสัปดาห์นี้ คิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็รีบลงแรงในงานของตัวเอง รีบเรียนจบจะได้เรียนต่อ แล้วกลับมาอยู่กับเจ้าของห้องทำงานหรูหรานี้ไวๆ แค่คิดก็มีแรงฮึดให้ทำทุกอย่างสำเร็จตามที่ต้องการแบบทุกเรื่องในชีวิต

 

สวัสดีค่ะพนักงานต้อนรับหน้าห้องอาหารฝรั่งเศสยกมือไหว้สตรีสาวสวยตรงหน้า จำได้ขึ้นใจว่าสาวน้อยคนนี้คือหลานสาวของมาดามเจ้าของโรงแรม แต่ที่จำได้มากกว่าคือวันนี้ไม่มีรายชื่อจองจากราชสกุลวิริยานี่นา “คุณเป๊ปเปอร์จองไว้หรือเปล่าคะ” ต่อให้ไม่จอง แต่ถ้าระดับวีไอพีแบบนี้มา หล่อนก็ต้องหาที่นั่งให้ได้

“ค่ะ แต่น่าจะจองชื่อ อรรค อัครนันท์ นะคะ” หม่อมหลวงคนสวยประจำวังวิริยาตอบเสียงใส

คำตอบนั้นทำเอาพนักงานชะงัก ก็หล่อนจำได้ดีว่าท่านประธานวิริยะทรัพย์รูปหล่อเดินมาจองที่นั่งในห้องส่วนตัวด้วยตัวเอง แถมมีการจัดแจงเซอร์ไพรส์จนคนในห้องอาหารยังตาร้อน แอบอิจฉาหญิงสาวผู้โชคดีกันใหญ่ ไม่คิดเลยว่าเดตหวานๆ ของผู้ชายรูปหล่อคนนั้นจะเป็นเดตคู่กับหม่อมหลวงพชรหทัยที่มีวัยแค่สิบเจ็ดปี

“อ่อ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”

พชรหทัยถูกนำมารอในห้องอาหารแบบส่วนตัวไม่นาน ชายหนุ่มที่เป็นคู่เดตวันนี้ก็เดินเข้ามา หน้าตาอิดโรยเล็กน้อย แต่ยังคลี่ยิ้มให้หล่อน

“รอนานไหมครับ พี่รีบที่สุดแล้ว” อรรคยกข้อมือดูนาฬิกา เห็นว่าเลยเวลานัดไปเกือบสิบห้านาที “แล้วทำไมไม่สั่งอะไรมาทาน นี่ทุ่มกว่าแล้ว” คนตัวโตขมวดคิ้วใส่เด็กดื้อที่สุด เห็นท่าทางเรียบร้อยแบบนี้ บทจะดื้อก็ดื้อได้โล่เลยละ

“ก็รอคุณอรรค เปอร์ทานของว่างมาตอนห้าโมงด้วยค่ะ ยังไม่ทันหิวเลย”

“พี่พูดหลายหนว่าไม่ใช่เรื่องของหิวไม่หิว แต่เป็นเรื่องของการทำอะไรให้ตรงตามตารางเวลานะครับ”

พชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็อดยู่หน้าไม่ได้ “คุณอรรคก็ยังไม่ได้ทาน เปอร์ยังไม่พูดอะไรเลย”

“ไม่ต้องมาห่วงพี่ รู้แค่ว่าพี่ห่วงเราก็พอครับ”

ได้ยินแบบนั้นสาวน้อยก็อดหน้าแดงไม่ได้ ยอมพยักหน้ารับความห่วงใหญ่จากเขาแต่โดยดี

จวบจนมื้ออาหารเสร็จสิ้น ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีจะลุกกลับ จนพชรหทัยเกือบออกปากถาม ทว่าประตูบานเลื่อนถูกเลื่อนออก บริกรถือช่อดอกไม้มาส่งให้ถึงมือท่านประธาน ก่อนจะขอตัวกลับออกไป ทิ้งให้หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

“นี่ครับ” คนตัวโตยื่นช่อดอกไฮเดรนเยียสีพาสเทลขนาดพอดีมือให้คนตรงหน้า

อีกฝ่ายยื่นมือมารับแต่โดยดี “ในโอกาสอะไรคะ”

“ในโอกาสที่เราออกมาเดตกันจริงจังครั้งแรก”

หญิงสาวอดยิ้มกว้างเพราะความน่ารักของเขาไม่ได้ ดูเอาเถอะ รู้ดีว่าอรรคมีความรับผิดชอบมากมายแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์ทำเรื่องแบบนี้ให้มีความทรงจำดีๆ ระหว่างคนสองคน

“ขอบคุณนะคะ คุณอรรคน่ารัก” พชรหทัยก้มลงมองดอกไม้ที่ชอบที่สุด ดีใจที่เขาเก็บทุกรายละเอียดของตนเอง

“น่ารักแล้วรักไหม” คนถามเองก็เขินไม่แพ้คนที่อยากให้ตอบ แต่ยังทำตีหน้านิ่งใส่ รอฟังสิ่งที่อยากรู้ด้วยใจตุ๊มๆ ต้อมๆ

“แล้วอยากให้รักไหมคะ”

คำพูดย้อนศรของพชรหทัยทำเอาอรรคกระตุกยิ้ม ส่ายหน้าหล่อน้อยๆ เขาควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า คุณเป๊ปเปอร์นั้นแสบกว่าภาพลักษณ์ที่เห็นขนาดไหน เอาเถอะ ยังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร

“เป๊ปเปอร์น่าจะรู้ แต่ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดก็ไม่พูด” ชายหนุ่มทำเป็นนิ่ง ก่อนจะเรียกพนักงานกลับเข้ามาจัดการค่าใช้จ่าย แล้วจึงพาคนตัวบางเดินออกจากห้อง โดยลืมไปว่าทั้งคู่ต้องเดินผ่านสายตาคนที่มาใช้บริการห้องอาหารไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็พบว่าลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ จนทั้งคู่ผงะมองหน้ากันโดนไม่ได้นัดหมาย อรรคจึงแตะหลังหญิงสาว ก่อนจะรับดอกไม้ในมือมาถือให้ ความจริงมันก็คือความจริง ไม่วันนี้ก็วันหน้าใครต่อใครก็ต้องรู้อยู่ดี

“ป้ะครับ กลับบ้านกัน”

ตาคมกริบที่สื่อความหมายว่ากำลังรู้ดีว่าทั้งคู่ต้องเผชิญอะไรมองมาที่พชรหทัยแบบเอื้ออาทร ทำให้หญิงสาวก้าวเดินออกไปข้างๆ เขาด้วยความมั่นใจ รู้ดีว่าจากวันนี้คงโดนเมาท์ไม่น้อยเรื่องความรักต่างวัย แต่ถ้ามีคนคนนี้อยู่เคียงข้าง พชรหทัยก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

 

                “อรรคคะ นี่ตกลงว่าอรรคจริงจังเหรอคะอิงอรแทบจะอดทนไม่ไหวเมื่ออ่านข่าวซุบซิบเจอว่าประธานวิริยะทรัพย์รูปหล่อพาหม่อมหลวงพชรหทัยไปดินเนอร์กันสองต่อสอง มีพยานเป็นลูกค้าของเวส โฮเท็ลเห็นเต็มไปหมดว่าชายหนุ่มเอาใจใส่ เดินมองหญิงสาวตาหวานขนาดไหน แถมยังมีช่อดอกไม้สีหวานเป็นเครื่องยืนยันอีกช่อหนึ่งว่า ไม่ได้เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดาตามประสาเจ้านายกับลูกน้อง

“แล้วอรเคยเห็นผมไม่จริงจังเหรอ” อรรคขมวดคิ้วระหว่างตอบเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดขณะรอคนอื่นมาสมทบ

“แต่เขาเด็กกว่าอรรคตั้งเยอะนะคะ” คนที่คิดมาแล้วว่าต้องทำตัวเป็นคลื่นใต้น้ำมากกว่าออกโรงขัดขวางตรงๆ  “อรอยากเห็นอรรคมีความสุขจะตาย กลัวก็แต่ว่าอรรคจะโดนเด็กหลอก เป๊ปเปอร์คนจีบเยอะแยะ ผู้ชายเดินล้อมหน้าล้อมหลังไม่เคยซ้ำคน อรกลัวอรรคจะตามเด็กไม่ทันน่ะสิ” คนเป็นอาจารย์มุ่งทำลายลูกศิษย์ไม่ให้เหลือซาก อยากริอ่านมาเป็นศัตรูหัวใจของหล่อน

“ผมก็ไม่น่าจะโง่อะไรแบบนั้นนะ” อรรคตอบยิ้มๆ รู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร แต่ก็ไม่อยากหักหน้าคนที่นับเป็นเพื่อนกันมานาน

“แล้วยังไง อรรคจะรอจนเขาเรียนจบเลยเหรอคะ อรว่าคุณชายคงไม่ยอมให้ลูกสาวเขาเรียนแค่ปริญญาตรีแน่ๆ”

“เรื่องนั้นผมคุยกับคุณพ่อเขาแล้ว”

ประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ แต่ทำเอาอาจารย์คนสวยกลืนกาแฟไม่ลง ไม่คิดว่าจะจริงจังถึงขั้นคุยกับผู้ใหญ่กันแล้ว “เอาเป็นว่าขอบคุณอรมากที่เป็นห่วง แต่เรื่องของผมกับเขา เราคุยกันรู้เรื่องทุกอย่าง”

หน้าเปื้อนยิ้มของอรรคเมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้นทำเอาอิงอรเจ็บลึกมากขึ้น แต่ยังคลี่ยิ้มอ่อนๆ พยักหน้ารับคำผู้ชายที่หล่อนแอบรัก ยังไม่ทันได้หาเรื่องอะไรมาพูดกับชายหนุ่มเพิ่ม อดีตคู่ขาของอรรค คนที่หล่อนเคยเหม็นขี้หน้าอยู่พักใหญ่ก็โผล่มา หล่อนรู้จากเพื่อนมาว่ารายนั้นมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับอรรค แต่จากนั้นไม่นานก็ไปคั่วกับเขตต์ เพื่อนอีกคนในกลุ่มแทน และดูท่าจะยืดยาวจริงจังกว่าเพราะควงกันมาได้พักใหญ่แล้ว

“คุณอรรค คุณอร มาไวจัง” พริมาเอ่ยทักทั้งสองคนที่นั่งอยู่ “นี่คุณเขตต์บอกจะมาถึงช้าเพราะรถติดมาก แต่ก็ดีค่ะ แพมอยากให้คุณอรรคช่วยเลือกของหน่อย” นางแบบคนสวยที่ยังสวมแว่นกันแดดหยิบมือถือออกมา ก่อนจะเปิดหน้าเว็บไซต์ต่างประเทศ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างอรรค

“เลือกไม่ถูก ซื้ออะไรให้คุณเขตต์วันเกิดดีคะ” พริมาเอียงคอพร้อมยื่นมือถือให้ชายหนุ่มช่วยดู

ฝ่ายชายยื่นหน้าเข้าไปช่วยตัดสินใจเป็นอย่างดี โดยไม่ได้รู้เลยว่าภาพแห่งความใกล้ชิดนั้นโดนมือดีบันทึกและเตรียมบ่อนทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

คุณอรรคคะ เสาร์อาทิตย์นี้เปอร์จะไปต่างจังหวัดกับเพื่อนนะคะ

สิ้นเสียงหวาน อรรค อัครนันท์ ก็เงยหน้าขึ้นมองคนมาขอไปเที่ยวกับเพื่อนแบบไม่เชื่อหู อีกแค่สองสัปดาห์คุณชายพชรฉัตรกับมาดามปวรศาก็จะกลับจากต่างประเทศแล้ว ช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก็แทบจะไม่เหลือ ยังจะมีหน้ามาขอไปไหนต่อไหนอีก หนุ่มหน้าหล่อขมวดคิ้วฉายแววไม่พอใจทันที มือหนาวางปากกาลง พิงหลังกับพนักเก้าอี้ จนพชรหทัยต้องฉีกยิ้มหวานเพิ่มมากขึ้น

“นะคะ...เป็นรับน้องครั้งสุดท้ายที่เปอร์จะได้ไปแล้ว”

“แล้วยังไง อีกสองวันจะไปเพิ่งมาบอกพี่เนี่ยนะครับ” พูดไป มือหนาก็ยื่นมาข้างหน้า รอให้พชรหทัยวางมือลงบนมือเขาแล้วรั้งเจ้าตัวเข้ามาใกล้ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้า

“เดี๋ยวคนเข้ามานะคะ อายเขา นี่แค่คนพูดเรื่องเราไปกินข้าวกันวันก่อน เปอร์ยังตอบคำถามคนไม่จบเลย” พชรหทัยบอกคนรัก ถึงแม้เพื่อนๆ จะพอทราบเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบบเสียหาย

พอหม่อมหลวงคนสวยบอกแบบนั้น อรรคก็จำใจต้องปล่อยให้หญิงสาวยืนพูดอยู่หลังโต๊ะทำงาน

“ไม่ให้ไปได้ไหมครับ”

“โธ่...คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เคยห้ามเปอร์สักครั้ง” พชรหทัยยู่ปาก นึกกลัวแววตาของเขาขึ้นมา

“ก็พี่คิดถึง ไม่อยากให้ไปจริงๆ ห่วงด้วย”

“ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เปอร์ไปทุกปี แล้วนี่ก็ไปแค่คืนเดียว ไม่ได้ขาดงานสักวันนะคะ”

ท่านประธานรูปหล่อก็ได้แต่ถอนใจ เขาห่วงเรื่องพชรหทัยจะขาดงานที่ไหน เขาคิดถึง ไม่อยากให้ไปห่างหูห่างตาต่างหาก

“งั้นพี่ให้คนขับรถไปส่ง แล้วเดี๋ยววันอาทิตย์พี่ไปรับเองครับ”

“คนขับรถที่วังมีค่ะ คุณอรรคพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ให้สบายๆ ดีกว่า เดี๋ยววันอาทิตย์เย็นๆ เปอร์ก็กลับมาถึงแล้ว”

คราวนี้อรรคไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจชอบ ยกมือห้ามไม่ให้พชรหทัยอิดออดได้อีก ตามใจกันมามาก ถึงคราวไม่ยอมเขาก็ต้องแข็งให้หล่อนเกรงเหมือนกัน

“จะให้รถที่วังไปส่งก็ตามใจครับ แต่ขากลับต้องให้พี่ไปรับเท่านั้น” พูดจบชายหนุ่มก็ก้มหน้าสนใจงานตรงหน้าต่อ ก่อนจะพูดต่อทั้งๆ ที่ตาอยู่กับเอกสาร “อ้อ...เตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำกับดินเนอร์ตอนเย็นด้วยนะครับ”

 

พชรหทัยเข้าร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ของคณะอย่างสนุกสนาน และเป็นจุดเด่นพอสมควรทั้งเพราะเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย ทั้งเพราะเจ้าตัวควบตำแหน่งดาวคณะและดาวมหาวิทยาลัยพร้อมๆ กัน ทำให้ได้รับความสนใจจากรุ่นน้องปีหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกันไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครเข้าถึงตัวได้มากนัก เพราะบรรดาเพื่อนฝูงใกล้ชิดก็ต่างหวงพชรหทัยราวกับไข่ในหิน โดยเฉพาะณวัฒน์ที่กันท่า แสดงความเป็นเจ้าของเกินเรื่องจนบรรพตีอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ดูสิกร นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป๊ปเปอร์กิ๊กกะคุณอรรค จะเชื่อสองล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นแฟนณะ ดูมันยืนคุมเชิง กันท่า อย่างกับหมาหวงก้างขนาดนั้น”

ฐิติกรได้แต่หัวเราะน้อยๆ อย่างเห็นด้วยกับแฟนสาว เพราะถึงขนาดมีรุ่นน้องสาวๆ ที่ถูกใจณวัฒน์ ลูกชายเจ้าของโรงแรมใหญ่ มองกันตาปรอยแถมเมาท์กันลับหลังด้วยว่าคงชวดแน่งานนี้เพราะพี่ณะเป็นแฟนกับดาวมหาวิทยาลัยคนสวยเสียแล้ว

“ไม่รู้มันจะไปห่วงอะไรเขานักหนา ยังไงเป๊ปเปอร์มันก็ไม่ใจอ่อน”

“จะไปรู้ได้ไง”

“ไม่รู้ได้ไงกร” บรรพตีค้อนขวับใส่แฟนหนุ่ม “มันหวานกับคุณอรรคขนาดนั้น หวานจนคนเขาพูดกันให้เต็มไปหมดว่าท่านประธานรูปหล่อหลงเด็กแบบโงหัวไม่ขึ้น” อย่าว่าแต่คนอื่นเลย หล่อนเองก็เชื่อไม่น้อยเหมือนกันว่าชายหนุ่มวัยสามสิบปีหลงเสน่ห์พชรหทัยเข้าอย่างจัง ถึงได้เกาะติด ไม่ปล่อยให้สาวสวยทายาทราชสกุลวิริยาได้ปลีกตัวไปไหน ขนาดเพื่อนสนิทอย่างหล่อน ตั้งแต่พชรหทัยไปฝึกงานยังมีโอกาสได้เจอครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเอง

“อนาคตแน่นอนที่ไหนล่ะครับโบว์ คนเป็นแฟนกันแล้วก็เลิกกันเยอะแยะ ไหนจะอายุต่างกันตั้งเยอะ ไหนเดี๋ยวเป๊ปเปอร์ก็ไปเรียนต่อ กรว่าดูยาวๆ ดีกว่า อย่าเพิ่งตัดสินอะไรจากที่เห็นตอนนี้เลย”

“ไม่รู้อ้ะ แต่โบว์เห็นคู่นี้แล้วโบว์ฟิน โบว์เชียร์ขาดใจ ส่วนกรก็ห้ามไปเชียร์ณะนะ ถึงมันจะเป็นเพื่อนเรายังไง แต่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่ามันน่ะเจ้าชู้ขนาดไหน” พูดจบทั้งบรรพตีทั้งฐิติกรก็เดินมาถึงจุดแจกของว่างให้รุ่นน้องพอดี

“ไปไหนมาวะ เปอร์จะไปห้องน้ำไม่มีคนมาเปลี่ยนเลย” ณวัฒน์ถามแทนสาวสวยที่เขาหลงรัก

“ขึ้นไปเอาของบนห้องมา จะไปห้องน้ำก็ไปสิเป๊ปเปอร์ เดี๋ยวโบว์จัดการต่อให้เอง”

“งั้นฝากแป๊บนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวเปอร์มา” พชรหทัยยิ้มหวานตอบ ตั้งท่าจะไปทำธุระส่วนตัว แต่ท่าทางจะอยู่กลางแดดนานไปหน่อย เลยทำให้เจ้าตัวมีอาการคล้ายจะเป็นลม ดีที่ณวัฒน์จับตามองอยู่ตลอดจึงประคองไว้ได้ทัน

“เป็นไรเปอร์!” เสียงเป็นห่วงร้อนรนจนทุกๆ คนในบริเวณนั้นรับรู้ได้ “บอกแล้วว่ามันร้อน ณะให้เปอร์ไปนั่งเย็นๆ ข้างในก็ไม่เชื่อ ไปๆ ณะพาขึ้นไปพักบนห้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะพานป่วย ขอตัวนะครับน้องๆ” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มหันไปบอกกับรุ่นน้องที่ยืนอออยู่แถวนั้น

บรรดารุ่นน้องเห็นรุ่นพี่รูปหล่อที่เป็นเดือนคณะประคองดาวมหา’ลัยคนสวยออกไปก็ไม่วายกรี๊ดกร๊าดกันเสียงดัง จนบรรพตีอยากตะโกนใส่หน้าพวกช่างมโนว่า พี่เป๊ปเปอร์มีแฟนแล้วค่ะ!

“แก๊...ดูสิ พี่ณะประคองพี่เปอร์ อิจฉามากก”

“อิจฉาไปเถอะ พี่ณะเขาไม่แลตามองแกหรอก ฉันเห็นเขามองแต่พี่เป๊ปเปอร์ไม่วางตาตั้งแต่เช้าแล้ว เขาหวงเขาห่วงกันขนาดนั้น พวกเรากินแห้วกันหมดแน่”

...

ด้วยความร้อนใจของณวัฒน์ เมื่อเห็นอาการของพชรหทัยไม่สู้ดีจึงประคองจนแทบจะอุ้มหญิงสาวขึ้นมาจากชายหาด ปากก็พร่ำบ่นมาตลอดทาง ฝ่ายคนที่กำลังหน้ามืดก็ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะเวียนหัวเหลือเกิน ที่ยอมให้อีกฝ่ายจับจูงเดินไปตามทางก็เพราะลืมตาไม่ไหว

“ณะไม่ให้เปอร์ลงมาแล้ว เดี๋ยวเป็นไข้ไปจะทำยังไง เดี๋ยวสั่งข้าวทานข้างบนแล้วนอนพักเลยนะครับ เย็นค่อยลงมางานบายศรี”

“ได้ยังไง เดี๋ยวพวกอาจารย์ก็มากันแล้ว เปอร์ก็ต้องลงมาดูแลสิ” พูดไปสูดลมหายใจลึกไป ทั้งๆ ที่ยังหลับตา ท่าทางจะเป็นลมจริงๆ

“คนอื่นมีตั้งเยอะ เปอร์อย่ามาห่วงอย่างอื่นมากกว่าตัวเองเลยนะครับ ถือว่าเราขอ” น้ำเสียงเอาเรื่องตลอดเวลาของณวัฒน์เจือทั้งความหงุดหงิด เจือทั้งความอ่อนใจกับความดื้อของพชรหทัย

หนุ่มร่างใหญ่กึ่งโอบกึ่งประคองจนเกือบถึงบันไดขึ้นล็อบบีขั้นสุดท้ายก็เหมือนหญิงสาวจะหมดแรง ทรุดฮวบเอาดื้อๆ จนณวัฒน์ต้องกระชับตัวคุณเป๊ปเปอร์แนบแน่นกับตัวเองมากขึ้น ก้มหน้าลงมองคนในแขนด้วยแววตาห่วงใย

“เปอร์” หน้าหล่อก้มเสียจนชิดหน้าของหญิงสาว หากใครไม่รู้คงนึกว่าเป็นคู่รักกำลังหวานใส่กันเป็นแน่ “แข็งใจนิดนึงนะ เดี๋ยวจะถึงลิฟต์แล้ว” และเพราะมัวแต่เป็นห่วงเพื่อนรัก เลยไม่ทันสังเกตว่ามีตาคู่หนึ่งจับจ้องทั้งคู่อยู่นานมากแล้ว จนเมื่อก้าวเท้าเข้ามาสู่ลิฟต์ถึงเห็นว่าผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาร่วมในห้องโดยสารคือใคร

“อ้าวอาจารย์ สวัสดีครับ”

อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้ารับ ไม่พูดจาออกเสียง ยิ้มในหน้าน้อยๆ แต่แววตาที่มองทั้งคู่กลับแปลความหมายไม่ออกพิกล จนคนอย่างณวัฒน์ที่ไม่เคยกลัวใครยังหวั่นใจว่าต้องมีอะไรสักอย่างจากยิ้มและแววตานั้น

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น