8

ความเป็นไปได้สูง!!!

8

ความเป็นไปได้สูง!!!

 

เมฆานรียืนส่งแสงฉานจนรถลับตาก็หมุนตัวจะกลับเข้าบ้าน แต่ต้องตกใจกับสายตาของพิธานที่จ้องมาอย่างไม่พอใจนัก เธอมั่นใจว่าวันนี้เธอได้รับสายตาแบบนี้จากเขาบ่อยจนสงสัยว่า เธอไปทำอะไรไว้ เขาถึงทำหน้าบูดบึ้งจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนี้ 

หญิงสาวเดินกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย 

“คุณพิธานมีอะไรกับหนูหรือเปล่าคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถาม

“ผู้ชายคนนั้น มันเป็นใคร” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงเข้มราวกับคนไม่พอใจ ทำให้เมฆานรีไม่สบายใจ 

‘หรือว่าเขากำลังหึงพี่ฟ้า’

เธอคิดแล้วความคิดนี้ก็ตกไปเมื่อมีคำถามใหม่ผุดขึ้นมาในหัว

‘แต่เขาไม่ได้ชอบพี่ฟ้า เขาจะหึงทำไม’

การอ้ำอึ้งของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดจนขึ้นเสียงดังข่มให้เธอกลัว

“ฉันถาม ว่ามันเป็นใคร” ชายหนุ่มถามย้ำ 

“มันหรือคะ อ๋อ พี่แสง” หญิงสาวที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้ทวนคำถาม แล้วตอบพร้อมชี้ไปยังทางที่ว่าที่พี่เขยเพิ่งขับรถออกไป

“ใช่ มันเป็นใคร” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่น้ำเสียง แต่เพิ่มเติมด้วยแววตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ ซึ่งเมฆานรีก็เดาเอาว่า น่าจะไม่พอใจที่เห็นแสงฉานที่นี่เพื่อรอพี่สาวของเธอ

“ก็พี่แสงไงคะ พี่แสงแฟนพี่ฟ้า ที่หนูเล่าให้คุณฟัง” เมฆานรีตอบไปอย่างไม่เข้าใจ เธอเข้าใจว่าชายหนุ่มตรงหน้า น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

“พี่แสงแฟนพี่ฟ้า แฟนพี่สาวเธอน่ะหรือ” คนตัวใหญ่ใช้น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อรู้คำตอบของคำถามที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อวาน รอยยิ้มที่ผุดขึ้นทำให้หญิงสาวตรงหน้าถึงกับต้องขมวดคิ้ว

“ใช่ค่ะ คุณไม่ทราบหรือคะ หนูนึกว่าคุณทราบเสียอีก ถึงทำท่าไม่พอใจทันทีที่ลงมาจากรถ” เมฆานรีอ้อมแอ้ม เพราะกลัวคนตัวใหญ่จะกลับมาโกรธอีก เธอไม่ชอบคุณพิธานเวอร์ชันเมื่อกี้เลย

“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เมื่อวานฉันเห็นเขากอดกับเธอ ก็เข้าใจว่าเขาเป็นแฟนเธอ” ชายหนุ่มเย็นลงก่อนอารมณ์จะพุ่งสูงอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามจากปากเธอ

“คุณเห็นด้วยหรือคะ” คำถามนี้ส่อเจตนาได้หลายอย่าง และสิ่งที่เขาคิด แน่นอนว่าไม่ใช่ในทางที่ดี เขาจึงเอ่ยปากดุ

“ถ้ากลัวคนอื่นเห็นขนาดนั้น ทำไมไม่เข้าไปกอดกันในที่ลับตา มากอดกันในที่สาธารณะมันดีที่ไหน ใครๆ เขาก็เห็นทั้งนั้น” น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นจนหัวใจของเมฆานรีหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม 

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยสีหน้าตื่นตกใจ แต่คนตัวใหญ่กลับไม่ฟัง

“ฉันจะบอกให้เธอจำไว้ เมฆานรี คนที่อยากจะมาเป็นเจ้าสาวของฉัน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการวางตัว ฉันไม่ชอบหากใครเขาจะเอาไปพูดกันว่า คนที่เป็นภรรยาของฉันยืนกอดกับผู้ชายคนอื่นกลางที่สาธารณะ ไม่รู้จักระวังตัว ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายคนอื่นมากอด มาจับ แน่นอนว่ามันจะส่งผลทางลบ ทั้งฉัน ทั้งธุรกิจของฉัน และกับเธอเอง ซึ่งหากเธออยากจะมาเป็นเจ้าสาวของฉัน ฉันแนะนำให้เธอจำสิ่งนี้ไว้ให้ขึ้นใจ” ชายหนุ่มพ่นประโยคยาวเหยียดด้วยเสียงกดต่ำ ก่อนจะถอนหายใจ และขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า

“เธอยิ้มทำไม” ชายหนุ่มถาม ก่อนจะเข้าใจเจตนารมณ์ลึกๆ ของตัวเองเมื่อเธอตอบคำถาม

“มิน่าคุณถึงโกรธหนู คุณเป็นห่วงหนูนี่เอง” เธอยิ้มหวาน ก่อนจะว่าต่อ

“หนูเข้าใจแล้วค่ะในสิ่งที่คุณพูดมา แต่หนูขอเว้นไว้สองคนได้มั้ยคะ ผู้ชายที่จะแตะเนื้อต้องตัวหนูได้ นอกจากคุณ” หญิงสาวพูดอย่างเขินอายก่อนจะเงียบรอดูปฏิกิริยาของเขา แต่พิธานไม่ได้แสดงอะไรทั้งด้านดีและด้านลบ เธอจึงเอ่ยต่อ

“หนูขอแค่สองคนคือ คุณพ่อและพี่แสง เพราะสองคนนี้คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตหนู หนูโตมาจนทุกวันนี้ได้ก็เพราะเขาสองคน และถึงแม้ว่าคุณจะเลือกหนูเป็นเจ้าสาว ความสำคัญของสองคนนี้ก็จะไม่มีวันลดลง แต่ก็จะไม่มากไปกว่าคุณมากนัก” หญิงสาวว่าด้วยรอยยิ้มสดใส เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจและพยักหน้ารับ เธอก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“และที่หนูถามว่าคุณเห็นด้วยหรือ เพราะหนูมั่นใจว่าตอนเข้าไปที่โรงแรม หนูไม่เห็นรถคุณ และยังแน่ใจอีกว่าคุณไม่น่าจะอยู่” หญิงสาวเริ่มอธิบายไปเรื่อยๆ เมื่อผู้ใหญ่ตรงหน้าเย็นลงและพร้อมรับฟังเธอ

“ตอนแรกที่ก้าวเข้าไป หนูก็ตั้งใจว่าจะขึ้นไปหาคุณ แต่พอรถไม่อยู่บวกกับเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินนิดหน่อย และคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เลยตัดสินใจว่าไม่ขึ้นไปหาจะดีกว่า” หญิงสาวเล่าตามความจริงซึ่งเขาก็รับฟัง แต่ก็ตั้งคำถามว่า

“คำสัญญาที่ให้ไว้หรือ” 

“ก็ที่คุณบอกไว้ว่า ไม่ต้องไปหาคุณที่นั่นอีก เลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน ไม่เถลไถล ตรงดิ่งกลับบ้านไปอยู่กับคุณแม่ หนูก็เลยทำตาม ไม่ไปหาคุณ แต่ดันเกิดเหตุขึ้นเลยต้องไปที่นั่น” หญิงสาวตอบ ทำให้เขาแน่ใจอีกอย่างว่าทำไมเขาได้แต่รอเธอเก้อทุกวัน 

“เหตุฉุกเฉิน เหตุฉุกเฉินอะไร บอกฉันได้หรือเปล่า ว่าทำไมเธอถึงออกมาจากลิฟต์ในสภาพนั้น” พิธานถามอย่างสงสัย อีกทั้งเป็นห่วงเธอจับใจเมื่อรู้ความจริงในเหตุการณ์ที่เขาเห็น

“เรื่องนี้เป็นความลับของหนูกับพี่แสง ไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่เรื่องในทำนองนั้นนะคะ เราไม่อยากให้ใครรู้เยอะ แม้แต่คนในบ้านยังไม่มีใครทราบเลยค่ะ ขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ หนูไม่สะดวกเล่าจริงๆ” หญิงสาวว่า และดีใจที่ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วถามเรื่องอื่นแทน 

“แล้วรู้ได้อย่างไรว่ารถฉันจอดที่ไหน”

“คุณจอดรถที่เดิม ที่โรงรถหน้าโรงแรมทุกวัน” หญิงสาวตอบกลับพลางนึกย้อนถึงครั้งที่เธอได้ไปเฝ้าเขาที่โรงแรม

“ฉันอาจจะย้ายที่จอดรถก็ได้ เธอจะรู้ได้อย่างไร” ชายหนุ่มถามหยั่งเชิง ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้า

“ไม่หรอกค่ะ คุณจะไม่ไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน เพราะคุณชอบเดินออกทางหน้าโรงแรมเพื่อแวะมาสั่งงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก่อนจะแวะคุยกับแขกที่มาเข้าพักเล็กน้อย แล้วจะเดินตรงไปยังทางออกที่มีพี่คมมาจอดรอทุกวัน” หญิงสาวเล่าเรื่องที่เห็นมาตลอดหนึ่งเดือนที่ไปนั่งเฝ้าเขาเป็นฉากๆ โดยไม่รู้เลยว่าคนตัวใหญ่พยายามกลั้นยิ้มแค่ไหน เพื่อไม่ให้เธอรู้ว่าเขาประทับใจในความช่างสังเกตของเธอ

“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องการวางตัวไม่เหมาะสมหรอกนะคะ เพราะหนูจะทำทุกอย่างที่คุณสบายใจ เพียงแค่คุณสั่งมาและเลือกหนูเป็นเจ้าสาว หนูทำให้คุณได้ทุกอย่างเลยค่ะ” หญิงสาวว่ายืนยันกับเขาด้วยน้ำเสียงมั่นคง พร้อมส่งยิ้มแสนหวานไปให้คนตรงหน้า และยิ่งยิ้มกว้างเมื่อได้รับรอยยิ้มจากเขา

“คุณหายโกรธหนูแล้วใช่มั้ยคะ” 

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามกลับ 

“ก็วันนี้คุณไม่คุยกับหนูดีๆ ทำหน้าดุใส่ตลอดเวลา แถมยังมีใบหน้าไม่พอใจมาด้วยเนืองๆ พูดผิดหูนิดหน่อยคุณก็อารมณ์ขึ้นง่าย แบบนี้ไม่เรียกว่าโกรธแล้วจะเรียกว่าอะไรคะ” หญิงสาวอธิบายกลั้วหัวเราะคิกคัก สร้างรอยยิ้มบนคนหน้าดุ ก่อนเขาจะแสร้งดุ 

“อย่าล้อเลียนผู้ใหญ่” แววตาของพิธานไม่กระด้างเหมือนอย่างที่เจอเมื่อเย็น

“ถ้าคุณเลือกหนูเป็นเจ้าสาว คุณสบายใจได้เลยว่า หนูจะไม่นำเรื่องชู้สาวมาให้คุณต้องปวดหัว เพราะหนูบอกคุณแล้วว่าความรักของหนูมีเพียงครอบครัว และหนูก็จะไม่มีวันรักคุณ เหมือนอย่างที่คุณไม่มีทางรักหนูในแบบชู้สาว ทุกอย่างจะเป็นไปตามธุรกิจอย่างที่คุณต้องการค่ะ เลือกหนูเถอะนะคะ” หญิงสาวยืนยันชัดเจนพร้อมส่งสายตาออดอ้อน คำพูดนั้นไม่เพียงยืนยันกับเขา แต่ยังเตือนตัวเองด้วยว่า เธอไม่ควรปล่อยใจให้รู้สึกรักเขาในเชิงนั้น 

หัวใจคนตัวใหญ่กระตุกเมื่อได้ยินคำสัญญาจากเธอ ทั้งๆ ที่มันเป็นคำพูดของเขา แต่พอมาเป็นเธอพูด เขากลับรู้สึกแปลกๆ ชอบกล

“คุณสบายดีนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างปิดไม่มิด หลังจากความเงียบปกคลุมรอบตัวอยู่หลายนาที จริงๆ แล้วนี่เป็นคำถามที่เธอตั้งใจจะถามตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายสัปดาห์ แต่เพราะรังสีบางอย่างจากตัวเขา ทำให้เธอไม่กล้าเอ่ย

“อืม สบายดี ยุ่งๆ นิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบอย่างอ่อนโยน โดยไม่ลืมถามเธอกลับ

“เธอล่ะ สบายดีมั้ย เรียนเป็นไงบ้าง” เขาทอดน้ำเสียงอบอุ่น และเมฆานรีคิดว่านี่คือคุณพิธานที่เธออยากให้อยู่กับเธอตลอดไป

“สบายดีค่ะ ช่วงนี้มีคนรับส่งไม่ต้องนั่งรถเมล์ ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ ส่วนเรื่องเรียน ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากแล้วค่ะ รอสอบอย่างเดียว” หญิงสาวเล่าเจื้อยแจ้วราวกับต้องการระบายกึ่งเล่าสู่กันฟัง ชายหนุ่มที่รับฟังก็พยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ มาให้อยู่ตลอดเวลา

“คุณพิธานคะ หนูขอถามอะไรสักข้อได้มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น สีหน้าสดใสแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลใจอีกครั้ง

“ว่ามาสิ” ชายหนุ่มเปิดโอกาส ลอบสังเกตใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย ซึ่งเมฆานรีเองก็ไม่รอช้า

“ที่คุณมารับพี่ฟ้าไปทานข้าววันนี้ มันถือเป็นคำตอบว่าคุณจะเลือกพี่ฟ้าหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามด้วยสีหน้ากังวล จนคนตัวใหญ่ต้องยิ้มปลอบใจ

“ฉันบอกเธอว่าฉันจะให้คำตอบเธอเมื่อไหร่” ชายหนุ่มถาม พลางจ้องลึกไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า ราวกับบังคับไม่ให้เธอหันไปไหนแล้วตั้งใจตอบคำถามของเขา

“หลังสอบเสร็จค่ะ” เธอก็ไม่ละสายตาจากเขาเช่นกัน

“แล้วเธอสอบเสร็จหรือยัง” คนสูงวัยกว่าถาม 

เมฆานรีจึงส่ายหน้าไปมา

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่น โฟกัสที่เรื่องเรียนก่อน แล้วหลังสอบเสร็จ เราค่อยมาคุยกัน” ชายหนุ่มว่าเสียงอ่อนโยน ส่งผลให้คนตรงหน้าพยักหน้ารับอย่างอุ่นใจ เพราะอย่างน้อยแผนการที่เธอดำเนินอยู่ยังมีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย

“ขอบคุณนะคะที่คุณยังมองหนูเป็นตัวเลือกบ้าง” หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อหนุ่มสูงวัยกว่าไล่เธอเข้าบ้าน

“งั้นวันนี้ก็เข้าบ้านพักผ่อนเถอะ” ชายหนุ่มเตรียมจะหันหลังไปที่รถเช่นกัน แต่หญิงสาวก็รั้งไว้

“คุณพิธานคะ” เธอเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ก่อนกระพุ่มมือไว้ที่อกแล้วไหว้อย่างสวยงาม

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยลา ซึ่งคนตรงหน้าก็ยกมือรับไหว้พร้อมยิ้มอ่อนโยน ก่อนต่างฝ่ายต่างหันหลังให้แก่กัน

โดยพิธานเดินไปเปิดประตูรถเพื่อเตรียมจะแทรกตัวเข้าไป ส่วนเมฆานรีก็เตรียมจะเดินขึ้นบันไดบ้าน แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่แม้ไม่ดังนัก แต่กลับดังก้องในใจเธออย่างประหลาด

“ฝันดีนะ” พิธานเอ่ยยิ้มๆ แน่นอนว่าคนตัวเล็กไม่มีทางเห็น เพราะกว่าที่เธอจะตั้งสติแล้วหันกลับมาได้ รถของเขาก็เคลื่อนออกไปไกลแล้ว

เมฆานรีทำได้เพียงยืนยิ้มหวานกับตัวเอง เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่เคยเย็นเฉียบเพราะโดนสายลมปะทะหน้าแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวเพราะความเขินอาย ก่อนจะตั้งสติได้

หญิงสาวส่ายหัวน้อยๆ เรียกสติ แล้วบอกตัวเองว่าเขาคงบอกเป็นมารยาท ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้ และไม่ได้มีความหมายไปไกลเท่าที่เธอคิดด้วย แต่ก็อดเขินไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องตื่นจากความคิด เพราะนึกได้ว่าเธออยู่หน้าบ้านหลังจากที่คนเป็นพี่เข้าบ้านไปนานแล้ว จึงวิ่งเข้าไปในบ้าน

 

หลังจากที่รู้ว่าตัวเองยังมีโอกาสที่จะเป็นเจ้าสาวท่านประธานใหญ่ เจ้าของโรงแรม พาราไดซ์ พรินซ์ เมฆานรีก็ทำทุกวิถีทางในการซื้อใจ (เอาใจ) คนสูงวัยกว่า แม้เขาจะห้ามไม่ให้เธอไปหา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ทำอะไรเลยเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา 

หลังจากคืนนั้นที่เธอคุยกับเขาที่หน้าบ้าน เมฆานรีก็กลับเข้าสู่โลกของชายหนุ่มอีกครั้ง เธอกลับไปนั่งอ่านข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเขาที่เธอมี ซึ่งรวบรวมไว้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ตั้งใจจะทำความรู้จักกับเขา ข้อมูลที่เธอคิดว่าไม่สำคัญ ตอนนี้กลับมีประโยชน์กับเธอมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ผลไม้ที่ชอบ เครื่องดื่มที่โปรดปราน และต่างๆ อีกมากมาย 

ในคืนเดียวกันนั้นเธอแยกข้อมูลต่างๆ จดแยกลงสมุดอีกเล่มเพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็เตรียมของไปเอาใจชายหนุ่ม หญิงสาวขอให้ป้านวลทำอาหารที่มีวัตถุดิบที่เขาชอบ ไม่ว่าจะเป็นบรอกโคลี แคร์รอต ถั่วลันเตา ฟักทอง และย้ำเสมอจะเป็นเมนูอะไรก็ได้ แต่ไม่เผ็ดและไม่หวานมาก คนสูงวัยก็จัดให้ตามที่นายน้อยต้องการ แต่ละวันจะผลัดเปลี่ยนเมนู เช่น วันนี้มีอาหารคาว วันถัดไปก็เป็นอาหารหวาน เรียกได้ว่า ไม่ขาดเลยสักวัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับตารางงานของประธานหนุ่มด้วยว่า เขาจะเข้าโรงแรมวันไหนบ้าง 

แน่นอนว่า ตารางที่เธอได้มานั้นมาจากพิศพราว เลขาฯ คนสวยที่เธอพบในทุกวันที่ไปโรงแรมแห่งนั้น หากวันไหน เธอไม่ได้ไปด้วยตัวเองก็จะมีคนที่บ้านของเธอเอาไปฝากไว้ที่พิมฐา แต่ถ้าวันไหนทำมาเป็นอาหารเช้า พิศพราวจะรับหน้าที่เป็นฝ่ายช่วยส่งเสบียง จนพิมฐาและพิศพราวอดแซวเวลาเห็นหน้าเมฆานรีไม่ได้ว่า กำลังเอาใจคนแก่อยู่หรือเปล่า ซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้อธิบายใดๆ 

ก็อย่างว่าแหละ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะมาเล่ากันหรอก ว่าที่ทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เขาเลือกเธอเป็นเจ้าสาว

ในวันนี้เป็นคิวของขนมหวาน เมฆานรีเลยเลือกเป็นขนมเค้กรสชาไทยสีส้มแสนสวย เธอปรับสูตรให้รสชาติเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกินเค้กหวานๆ และตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าลงมาทำเค้กเอง สร้างความประหลาดใจให้คนในบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะตื่นเช้า แต่ยังลุกขึ้นมาทำเค้กแต่เช้าโดยไม่งอแงใส่คนอื่น เพราะสถานที่ที่เธอไม่อยากเข้าไปเฉียดมากที่สุดในบ้าน คือห้องครัว เพราะเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดจากไฟและความร้อน ทำให้เมฆานรีที่แม้จะมีความสามารถด้านการครัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชอบทำกับข้าวมากนัก ขนาดพี่สาวที่ยืนดูน้องเตรียมเอาเค้กออกจากเตาอบยังอดแซวไม่ได้

“ได้ข่าววันนี้มีเรียนบ่ายไม่ใช่หรือจ๊ะ ทำไมลุกมาทำเค้กแต่เช้า” นภาพราวยิ้มหวาน พลางพิงประตูห้องครัว 

“ใช่ค่ะพี่ฟ้า เมฆมีเรียนบ่าย” คนเป็นน้องสะดุ้งน้อยๆ อย่างตกใจเพราะใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ทำ จึงไม่ทันรับรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว

“แล้วทำไมลุกมาทำเค้กแต่เช้า จะเอาไปให้ใครจ๊ะ” คนเป็นพี่ยังแซวน้องอย่างเอ็นดูปนแปลกใจ เพราะปกติถ้าเมฆานรีจะเข้าครัว มักจะมาเรียกเธอ 

“อ๋อ เอาไปให้เพื่อนค่ะ พอดีเขาชอบกินเค้กแบบไม่หวาน ข้างนอกหากินยาก เมฆเลยลงมือทำเอง” หญิงสาวว่า ก่อนจะแต่งเค้กที่เพิ่งเย็นหลังจากเอาออกจากเตามาสักพักใหญ่ๆ แล้ว

“เพื่อนหรือจ๊ะ เพื่อนหรือว่าหนุ่ม” นภาพราวทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนคนเป็นน้อง ทั้งยังหรี่ตาจับผิด

“เพื่อนค่ะ เพื่อนจริง ๆ” เมฆานรียืนยันหนักแน่น 

คนเป็นพี่ก็พยักหน้ารับเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของน้อง แต่ก็ยังอดพูดถึงเรื่องหนุ่มๆ ไม่ได้

“ถึงเราจะมีหนุ่ม พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก โตๆ กันแล้ว ถ้ามีก็พามาบ้านบ้าง ให้พ่อกับแม่ พี่ และก็พี่แสงรู้จักไว้ จะได้ช่วยๆ กันดู” นภาพราวลูบหัวคนเมฆานรีอย่างเอ็นดู 

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักนิสัยของน้องคนนี้ แต่เพราะรู้เนี่ยละ ถึงอดเป็นห่วงไม่ได้ เด็กคนนี้มีความลับเยอะ เค้นเท่าไรก็ไม่มีทางบอก หากไม่แน่ใจในสิ่งที่ทำอยู่จริงๆ 

“ไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีจริงๆ ไม่เชื่อไปถามพี่ผลกับพี่ปีสิคะ สองคนนั้นเฝ้าแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ ไม่มีเวลาไปแวะคุยกับหนุ่มที่ไหนหรอกค่ะ” เมฆานรีพูดเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีไม่พอใจใดๆ ขณะจดจ้องเค้กที่ทำอยู่

“อีกอย่าง เรื่องรักๆ ใคร่ๆ น่าเบื่อจะตาย แค่เห็นพวกเพื่อนร้องห่มร้องไห้ให้พวกผู้ชาย เมฆไม่เอาด้วยหรอกค่ะ น้ำตามีค่า เก็บไว้ให้คนในครอบครัวดีกว่า” หญิงสาวบีบครีมตกแต่งหน้าเค้ก

“โถ่ ท่าทางเพื่อนเราจะทำให้เราเบื่อผู้ชายมากเลยสินะ” คนเป็นพี่ยังคงส่งรอยยิ้มอ่อนโยน แล้วพยักหน้าเมื่อมองท่าทางเอาจริงเอาจังกับการแต่งหน้าเค้กของน้อง 

นี่ถ้าบอกว่าเมฆานรีตั้งใจทำไปให้คนรัก เธอก็เชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ก็ท่าทางของเจ้าตัวเล็กนั้นตั้งอกตั้งใจเกินกว่าจะเรียกว่าทำให้เพื่อน

“เสร็จแล้ว” เมฆานรีว่าพร้อมวางถุงบีบครีมลง ก่อนจะยืดตัวขึ้นบิดไปมาแล้วเอาเค้กไปใส่ไว้ในตู้เย็น

“พี่ฟ้า เมฆขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทัน” หญิงสาวว่าพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนขึ้นทางหัวแล้ววางไว้บนมือพี่สาว

“ที่เหลือฝากเคลียร์ของคนที่บ้านเราทีนะ” คนเป็นน้องสาวยักคิ้วข้างหนึ่งให้พี่สาว ก่อนจะรีบวิ่งไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องตัวเอง

หลังจากหายขึ้นไปข้างบนไม่นาน เมฆานรีก็กลับลงมาในชุดนักศึกษา เตรียมออกจากบ้านโดยไม่ลืมแวะเข้ามาครัวอีกครั้ง เพื่อหยิบเค้กทั้งสองก้อนที่ทำไว้ ก้อนหนึ่งห้าปอนด์ อีกก้อนสองปอนด์ สำหรับเพื่อนคนพิเศษ

“เดี๋ยวๆ นี่สองก้อนเลยหรือ” คนเป็นพี่ที่ยังคงยุ่งอยู่กับเค้กหันมาหาน้องสาวที่ดึงเค้กออกจากมาจากตู้เย็น

“ค่ะสองก้อน เพื่อนหลายคน” เมฆานรีถือเค้กไว้ เธอเลือกใช้คำว่า เพื่อน และละคำว่า ‘แก่กว่า’ ไว้ในใจ แล้วเขย่งตัวหอมแก้มนวลของคนเป็นพี่ตอนเดินผ่าน

“เมฆสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อความรักของพี่ฟ้ากับพี่แสง” หญิงสาวยิ้มหวาน ส่งสายตาจริงจังให้พี่สาว ก่อนจะเบี่ยงตัวถือเค้กออกจากห้องครัวไป

นภาพราวมองส่งน้องอย่างเอ็นดู แต่กลับว้าวุ่นแปลกๆ กลัวเจ้าตัวแสบจะไปก่อเรื่องจนตัวเองต้องเดือดร้อน ยิ่งได้ยินคำพูดและได้เห็นแววตาที่จริงจังนั้น เธอก็ยิ่งกลัวใจว่าน้องจะไปทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ได้แค่ถอนหายใจ เพราะถ้าเจ้าตัวไม่ยอมเล่า เค้นอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบหรอก

 

เมฆานรีวางเค้กบนเบาะหลังรถ เธอดันเค้กไปข้างๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่ง จากนั้นผลและปีก็เข้าประจำที่ แล้วรถก็เคลื่อนออกไป

“พี่ปี เดี๋ยวไปที่เดิมก่อนนะ” หญิงสาวว่าด้วยรอยยิ้มสดใส

เมื่อได้รับคำสั่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรมพาราไดซ์ พรินซ์ โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เพราะบนถนนยังมีรถไม่มากนัก เมฆานรีสั่งชายหนุ่มทั้งสองว่าไม่ต้องตามไป และทั้งสองก็รับคำแล้วรออยู่ในรถเช่นเดิม

หญิงสาวเดินถือถุงเค้กผ่านหน้าประตูโรงแรมเข้าไป ไม่ลืมยกมือไหว้ รปภ. ที่ไม่ใช่คนเดิมเพราะคุณลุงคนนั้นช่วงนี้เข้ากะดึก เมฆานรีสังเกตเห็นสายตาของของพนักงานหลายคนที่มองมาแบบเหยียดๆ เรียกได้ว่ามองตั้งแต่หัวจดเท้า บางคนก็หันมาแล้วหันไปหัวเราะ จนเธอสงสัยว่า เธอแต่งตัวอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือหน้าเธอมีอะไรติดอยู่ ถึงโดนมองแบบนั้น 

“มาพบพี่พิมค่ะ” หญิงสาวเอ่ยกับพนักงานคนหนึ่งที่เพิ่งส่งสายตาไม่ให้เกียรติมายังเธอ

“ยังไม่เข้า แล้วได้นัดไว้หรือเปล่า ถึงไม่รู้ว่าคุณพิมเข้ากี่โมง” พนักงานใช้คำพูดที่บ่งบอกถึงความห่างทางชนชั้น แต่เมฆานรีก็ไม่ถือสา

“ไม่ได้นัดค่ะ” 

“ถ้าอย่างนั้นก็แจ้งชื่อไว้นะ เดี๋ยวจะแจ้งให้” หญิงสาวคนนั้นยังใช้น้ำเสียงและท่าทางไม่สุภาพ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวโทร. หาเอง” เมฆานรีใช้น้ำเสียงห้วน ไม่มีคะ ขา อีกต่อไป ก่อนจะวางเค้กลงแล้วไล่ชื่อในโทรศัพท์มือถือ ต่อสายถึงคนที่ปกติเธอจะต้องเจอ 

“ว่าไงคะน้องเมฆ” ไม่นานเสียงสดใสของพิมฐาก็ดังกลับมาตามสาย 

“เมฆเอาส่วยมาส่งค่ะ แต่คนที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าพี่พิมยังไม่เข้า จะให้เมฆฝากไว้ที่ใครดีคะ” หญิงสาวว่าเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่จ้องคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

“พี่มานานแล้วค่ะ พี่อยู่ด้านใน เดี๋ยวพี่ออกไป สงสัยบางคนไม่ทันเห็นพี่” คนสูงวัยกว่าเอ่ยเสียงสดใส ก่อนจะรับคำเมื่อคนอ่อนกว่ากล่าวลา

ไม่นานพิมฐาก็เดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เธอส่งสายตาพิฆาตไปยังหญิงสาวที่ยืนหลังเคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมฆานรี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่บอกว่าเธอยังไม่เข้าเป็นใคร ก่อนจะอ้อมเคาน์เตอร์ออกมาหาคนอ่อนวัยกว่าที่ยืนยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย

“สวัสดีค่ะ” เมฆานรียกมือไหว้ทันทีที่พิมฐาเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ

“สวัสดีจ้ะ วันนี้มีอะไรมาฝากจ๊ะ” พิมฐาถามอย่างเอ็นดู และใช้ความพยายามอย่างมากที่จะต้องเก็บซ่อนความไม่สบายใจ ไม่ให้แสดงออกมาทางสายตาเพราะเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อเช้า 

“เมฆเอาบลูเบอร์รีชีสพายมาฝากพี่ๆ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ค่ะ ฝากให้พี่พิศกับพี่คมด้วยนะคะ แล้วก็นี่ของท่านประธานค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน แล้วยิ้มกว้างขึ้นเมื่อพิมฐากล่าวคำขอบคุณ

“โอ๊ย! ขอบใจจ้า นี่ พี่คิดถึงเค้กร้านนี้มากเลยนะ แล้วจะไม่บอกจริงๆ หรือว่าร้านไหน เวลาอยากกินจะได้ไม่ต้องกวนเรา” พิมฐาลองถามอีกครั้ง 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถาม พิมฐาถามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองชิม แต่คนถือเค้กมาให้ก็ไม่ยอมบอก แต่ให้คำตอบเป็นอีกประโยคที่คนฟังอดจะเอ็นดูไม่ได้เหมือนทุกครั้งที่ได้ยิน 

“อยากทานก็ขอให้บอกค่ะ เมฆจัดให้ได้ เพราะถ้าบอกพิกัดร้านไปแล้ว เมฆจะหาข้ออ้างไหนมาที่นี่ล่ะคะ” เมฆานรียิ้มสดใส

“ก็ได้ๆ นี่เห็นแก่ว่าเราอยากมาที่นี่หรอกนะ” พิมฐาว่าอย่างขำขัน ก่อนจะขมวดคิ้วกับสิ่งที่สาวเจ้าถาม

“วันนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ มีแต่คนมองมาที่เมฆแปลกๆ” 

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าไปสนใจเลย” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ย ก่อนจะพยายามดันหญิงสาวให้ออกไปห่างๆ ลิฟต์ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

“โอ๊ะ คุณพิธาน แต่เอ๋ ทำไมวันนี้เข้าโรงแรมเร็วจังคะ” เมฆานรีถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะจ้องลิฟต์ซึ่งมีชายหนุ่มเดินออกมา

“เอ่อ คือ” 

ยังไม่ทันที่พิมฐาจะตอบ ร่างบางระหงก็เดินออกมาจากลิฟต์ตัวเดียวกับประธานหนุ่ม ก่อนจะคว้าแขนชายหนุ่มไว้แล้วเบียดหน้าอกอันสวยงามกับต้นแขนล่ำๆ 

“นั่นมันคุณเจนนี่นี่คะ” เมฆานรีเอ่ยเสียงเบา ลมหายใจเธอสะดุด 

พิมฐาแสดงสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น

“เอ่อ น้องเมฆคะ เขาคงแค่มาคุยงาน...” พิมฐายังพูดไม่ทันจบ เมฆานรีก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน

“คุณเจนนี่สวยจังเลยค่ะ” น้ำเสียงของเมฆานรีเบาหวิว แต่ดวงตาเป็นประกายเมื่อมองไปยังชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเบียดกันแนบแน่น ความเหมาะสมของทั้งสองทำให้เธออดชื่นชมไม่ได้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมวันนี้พนักงานถึงมองเธอแปลกๆ เป็นเพราะสาวสวยคนนั้นนี่เอง 

“เหมาะกันจังเลยนะคะ” เมฆานรีเอ่ยเสียงเบาแต่ก็ดังพอจะเข้าโสตประสาทคนข้างๆ 

“เหมาะกันอย่างนั้นหรือคะ น้องเมฆ” พิมฐาตกใจกับคำพูดของหญิงสาว นี่เธออุตส่าห์เชียร์ให้พี่หันมาสนใจหญิงสาวคนนี้มากกว่ายายนางแบบนมโต แต่สาวเจ้ากลับบอกว่ารายนั้นเหมาะสมกับพี่ชายเธอ ฟังแล้วอยากจะบ้า!

“เหมาะมากเลยค่ะ คุณพิธานนี่เข้าใจหาคู่ควงจริงๆ เลยนะคะ สวยทุกคน โดยเฉพาะคนนี้” เมฆานรีพูดอย่างเลื่อนลอยราวกับอยู่ในฝัน จดสายตาชื่นชมไปยังสองหนุ่มสาว

“น้องเมฆทราบหรือคะ” พิมฐาเบิกตากว้าง มองสลับไปมาระหว่างพี่ชายกับเด็กน้อยข้างๆ

“ทราบค่ะ มีใครบ้างคะที่ไม่ทราบ เปิดหนังสือพิมพ์ไปหน้าสังคมก็คุณพิธาน เปิดหน้าบันเทิงก็คุณพิธาน ไม่ทราบก็แปลกแล้วค่ะ” เมฆานรีตอบพลางจ้องสองหนุ่มสาวอย่างไม่อยากละสายตา เพราะกลัวจะพลาดชอตเด็ด 

ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็รับรู้ได้ว่าถูกจ้องอยู่ จึงหยุดฝีเท้าลงทันทีจนคนข้างกายแทบสะดุด สีหน้ามีแต่ความสงสัย

พิธานมองสาวน้อยที่มองเขาแล้วตัวชาวาบราวกับคนทำผิดที่ถูกจับได้ ก่อนจะค่อยๆ แกะแขนของหญิงสาวข้างกายออก แล้วหันมาทางนักศึกษาสาวอีกครั้ง ชั่ววูบหนึ่งเขาคิดว่าจะต้องพบกับแววตาไม่พอใจหรือตัดพ้อจากคนตรงหน้า เหมือนที่เขาได้รับครั้งที่ไปรับพี่สาวเธอที่บ้าน แต่แววตาเธอกลับมีเพียงความชื่นชม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นซุกซนราวจะล้อเลียนเขาเรื่องคู่ควง เพราะมันเต็มไปด้วยประกายสุกใส มุมปากของเธอที่ยกน้อยๆ ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า เธอกำลังล้อเลียนเขาทางสายตา 

พิธานตีหน้าเข้มตั้งใจจะเดินเข้าไปดุ แต่เมฆานรีกลับยกมือไหว้เขาก่อนไหว้พิมฐา จากนั้นเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้หันกลับมาเลยว่า เขาตั้งใจจะพูดบางอย่างกับเธอ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เจนนี่ถามขึ้นหลังจากพิธานเงียบไป

“เปล่า” เขาตอบ ทั้งที่ยังมองประตูทางออกซึ่งเห็นแผ่นหลังของนักศึกษาสาวหายออกไป

“ผมส่งแค่นี้ แล้วอย่ามาค้างที่นี่อีก ผมเคยบอกแล้วว่าที่นี่คือที่ส่วนตัว ไว้จะไปหาเอง” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ เพราะสาวตรงหน้าไม่เพียงขัดคำสั่งยังล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวที่เขาขีดไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มควง ยังไม่รวมเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เมฆานรีมาเห็นเขาควงนางแบบสาวออกมาจากลิฟต์ผู้บริหารยามเช้าแบบนี้ ยิ่งคิด ความไม่พอใจก็ยิ่งเพิ่ม ก็เขาเล่นไปดุเด็กคนนั้นเรื่องการวางตัว แต่ดันมาวางตัวไม่ดีเสียเอง 

เขาไม่ได้สนใจเลยว่าคำพูดของเขาทำให้นางแบบสาวตีสีหน้าสลดผิดกับใจที่คุกรุ่น เพราะที่เธอมานอนที่นี่ได้ อย่างน้อยก็เป็นการประกาศที่ดีมากในพื้นที่ของเขาว่าเธออยู่เหนือกว่าคู่ควงคนอื่นๆ และอาจได้มาเป็นนายหญิงของที่นี่

“ค่ะ เจนนี่ขอโทษนะคะ” หญิงสาวเขย่งตัวจูบแก้มสากแล้วเดินจากไป ไม่กล้าที่จะอิดออดใดๆ

 

“ทำไมถึงมาแต่เช้า” ประธานหนุ่มเอ่ยเมื่อเดินมาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีพิมฐาอยู่ตรงหน้า

พิมฐาเงยหน้าจากงาน ก่อนจะขมวดคิ้ว ตอบน้ำเสียงประชดจนคนฟังรู้สึกได้

“พิมก็มาแบบนี้ทุกวัน เป็นเรื่องปกติค่ะ พี่ต่างหากที่วันนี้มาเช้า” 

“ไม่พอใจอะไรพี่” คนเป็นพี่ถามอย่างเอ็นดู นึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำอะไรให้หัวหน้าประชาสัมพันธ์สาวสวยคนนี้ไม่พอใจจนได้รับน้ำเสียงแบบนี้

“รู้อยู่แก่ใจ เรารึ อุตส่าห์เชียร์คนดีๆ ให้ แต่สุดท้ายก็ยังไปควงยายนมโตนั้น” คนเป็นน้องว่าไปก่อนจะบุ้ยปากไปทางประตูทางออก

“พี่ไม่ได้พาเขามา เขามาหาพี่เอง” คนเป็นพี่ว่าพร้อมรอยยิ้มอ่อน

“ไหนว่าไม่ชอบให้คู่ควงคนไหนมายุ่งวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว ทำไมถึงปล่อยให้เข้าหา นอนค้างอีก” พิมฐาจ้องเขม็ง

“ก็เขาเมา พี่ก็เลย...” 

“ก็เลยไปนอนเฝ้าเขาว่างั้น เฮ้อ พิมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพี่หรอกนะคะ แต่ก็แอบสงสารน้องเมฆ เทียวเช้าเทียวเย็นมาเอาใจคนแก่ นี่ถ้าพี่ไม่คิดจริงจัง ก็บอกน้องเขาไปตรงๆ ดีไหมคะ มานั่งให้ความหวังกันอยู่แบบนี้ ถือเป็นการปิดโอกาสน้องเมฆเขานะคะ เฮ้อ” พิมฐาเทศนาเป็นชุดด้วยเสียงเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่สอง 

“พิมชอบเด็กคนนั้นหรือ” พิธานหรี่ตาถาม 

“ชอบสิคะ ไม่งั้นจะเชียร์ให้จีบพี่ติดหรือไง อุ๊บ!” พิมฐาหยุดปากไว้ไม่ทันแล้ว ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ให้พี่ชาย

“ทำงานกันเป็นทีมเลยสินะ” พิธานว่าอย่างจับผิด ก่อนจะยิ้มอบอุ่นแล้วยิ้มกว้างอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น “ใครว่าพี่ไม่จริงจัง เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลา” 

“จริงหรือคะ” สีหน้าสดใสของน้องทำให้เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย คราวนี้เขาเน้นชื่อคนที่เขาเห็นว่าเพิ่งเดินออกไปจากตรงนี้

“แล้วตกลงทำไมเมฆานรีถึงมาแต่เช้า” 

“อ๋อ เอาเค้กมาให้ค่ะ ฝากเค้กชาไทยรสชาติไม่หวานไว้ให้” พิมฐาว่าจบก็เอื้อมไปหยิบเค้กสองปอนด์ สีส้มแบบชาไทยมาส่งให้พี่ชาย

“แต่ที่น้องเขาต้องรีบไป เพราะมีติวกับเพื่อนๆ ที่มหา’ลัยค่ะ” คนเป็นน้องเล่ายาวเหยียด ดีใจที่คนเป็นพี่เริ่มเปิดใจอยากรับรู้เรื่องของเด็กน้อยแสนน่ารักของเธอ 

“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” พิธานว่าหลังจากพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับไปเข้าลิฟต์ ขึ้นไปยังห้องทำงานของตนเอง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น