บทที่ 1
ต่อให้ไม่เห็นใบหน้า แต่แผ่นหลังบอบบางในชุดเดรสเชิ้ตสีเข้มเข้าคู่กับบูตสั้นก็ทำให้กวิสราจำได้ดีว่าคนที่ยืนอยู่นั่นคือใคร จึงส่งเสียงสดใสออกไปทัก หวังจะได้รับรอยยิ้มแสนหวานเป็นการตอบรับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสักพัก
“แพร”
แต่สิ่งที่คาดหวังไว้กลับไม่เกิดขึ้นสักนิด มีเพียงใบหน้าหวานงอง้ำกับน้ำเสียงที่แสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เกล! ทำไมมาช้า”
“ขอโทษทีแพร รถแท็กซี่มันเสียกลางทาง เกลเผื่อเวลาไว้แล้ว อุตส่าห์ไม่นั่งรถเมล์ ยอมเสียค่าแท็กซี่ แต่มันสุดวิสัยจริงๆ ข้างนอกร้อน เข้าห้างกันเถอะ” มือที่กำลังจะฉวยข้อมือบาง หวังปะเหลาะแฟนสาวให้อารมณ์เย็นลง กลับไขว่คว้าได้เพียงอากาศ
“อย่ามาจับแพรนะ มือเกลไปเลอะอะไรมา เหงื่อก็ออกเต็มตัวเลย”
กวิสราก้มมองสองมือของตัวเอง จึงเห็นว่ามันค่อนข้างเลอะเทอะจริงอย่างที่แพรไหมว่า
“เอ่อ คือ...พอดีเกลช่วยลุงแท็กซี่แกเข็นรถเข้าข้างทางน่ะ สงสัยมือมันเลอะตอนนั้น”
ใบหน้าหวานของกวิสราจืดเจื่อน มือขวายกขึ้นเกาศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมสั้นสีเข้มอย่างคนทำตัวไม่ถูก ทุกอย่างดูเกะกะขึ้นมาทันทีเมื่อถูกแพรไหมจ้องมองด้วยแววตาไม่ชอบใจ
“ทำไมชอบทำตัวแบบนี้ เกลก็รู้ว่าแพรไม่ค่อยว่าง แพรเรียนหนัก สองวันมานี้แพรยังไม่ได้นอนเลย ก็ยังจะชอบโทร. มาวอแว ชวนออกมาข้างนอกอยู่ได้ แล้วเกลเป็นคนชวนแท้ๆ ดันไปช่วยใครที่ไหนไม่รู้เข็นรถ ปล่อยให้แพรรอเกือบครึ่งชั่วโมงได้ยังไง! แพรเหนื่อย แพรเบื่อ แพรอยากกลับบ้าน”
กวิสรารีบวิ่งมาดักหน้าแฟนสาวทันทีเมื่อเห็นว่าเธอจะเดินหนีกลับบ้าน โดยพยายามไม่เผลอไปจับเนื้อตัวของแพรไหม เพราะกลัวว่าเธอจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“เดี๋ยวดิแพร เกลขอโทษ ไปซื้อของกันนะๆ คราวที่แล้วแพรบอกว่าอยากได้กระเป๋าไง เกลเก็บเงินตั้งหลายเดือน แพรจะรีบกลับจริงๆ เหรอ”
สองขาเรียวที่กำลังจะก้าวเดินหนีหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ช่วงนี้เกลรวยเหรอ” คำถามถูกส่งมาหยั่งเชิงพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ มุมปาก
“ก็ไม่ได้รวย อย่างเกลไม่เฉียดคำว่ามีกินเลยแพร แค่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
กวิสราตอบคำถามแฟนสาวอย่างไม่คิดอะไร เพราะรู้สภาพการเงินกันดีอยู่แล้ว แต่เธอทำงานสายตัวแทบขาด จะไม่มีเก็บเผื่ออนาคตเลยคงเป็นเรื่องแปลก แถมครึ่งปีหลังมานี้แทบไม่ได้เจอแพรไหมเลย กว่าจะนัดเจอกันได้แต่ละทีก็ยากเย็น เธอจึงไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เงินไปกับของฟุ่มเฟือยสักนิด
สองมือบางของแพรไหมคว้าแขนกลมกลึงของกวิสรามาเขย่าอย่างแรงราวเด็กเล็ก รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ไร้ซึ่งสีหน้าหรือท่าทางรังเกียจรังงอนเช่นเมื่อครู่
“จริงนะ”
“อือ แพรอยากได้กระเป๋าแล้วใช่ไหม ไปซื้อกัน แต่ขอเกลเข้าห้องน้ำล้างมือก่อนนะ” กวิสรายกมือขึ้นให้แพรไหมดูว่ามันยังเลอะเทอะอยู่มาก
“ไม่เอาแล้ว รุ่นนั้นตกเทรนด์ไปหลายเดือนแล้ว ใครเขาจะอยากได้กัน”
“อ้าวเหรอ งั้นเปลี่ยนรุ่นก็ได้นะ”
“แพรไม่อยากได้ของ แต่ตอนนี้แพรอยากได้อย่างอื่น”
“อะไรเหรอ บอกมาสิ”
“คุยตรงนี้ไม่สะดวก เกลไปล้างมือในห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวค่อยหาที่นั่งคุยกัน นะๆ เชื่อแพรสิ”
แม้จะรู้สึกทะแม่งๆ แต่กวิสราก็ยอมเดินเข้าห้างสรรพสินค้าที่ติดแอร์เย็นฉ่ำตามแรงผลักจากด้านหลังของแฟนสาว
กลิ่นอันชวนคุ้นเคยที่ติดปลายจมูกทำเอาคิ้วเรียวขมวดแน่น เพิ่งถอดผ้ากันเปื้อนหนีจากมันมาไม่ถึงสองชั่วโมงดี เธอก็ต้องมานั่งดมกลิ่นกาเฟอีนที่ลอยอบอวลไปทั่วในร้านกาแฟอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่ในร้านของทิวไผ่ เจ้านายสุดแสนจะใจดีของเธอ แต่เป็นร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
“เกล ดื่มอะไรไหม”
“ไม่เอา เบื่อแล้ว กินทุกวัน”
“เอาหน่อยน่า กินเป็นเพื่อนแพรหน่อย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเกล แพรน้อยใจนะ”
“คาราเมลมัคคิอาโตแล้วกัน” กวิสรารีบสั่งทันทีเมื่อแฟนสาวบ่นน้อยใจ
“เกลน่ารักจัง นั่งรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวแพรไปสั่งให้” ร่างเล็กของแพรไหมลุกออกจากโต๊ะไปสั่งเครื่องดื่มอย่างร่าเริง
“เฮ้อ...คืนนี้ไม่ต้องนอนแล้วมั้งตู ก่อนมาก็กิน นี่ก็กินอีก เจาะเลือดมาคงไหลออกมาเป็นกาเฟอีน”
แม้จะบ่นแบบนั้น แต่เมื่อแฟนสาวหันมามองก็ยังคงส่งยิ้มหวานให้เช่นเคย แก้วเครื่องดื่มที่สั่งถูกเลื่อนไปวางตรงหน้าอย่างเอาใจใส่
“เกลดื่มสิ”
กวิสรายกแก้วกาแฟขึ้นมาดูดอย่างเอาใจก่อนเริ่มเข้าเรื่อง
“ตกลงแพรอยากได้อะไรจากเกล”
“คือ...แพรจะขอยืมเงินเกลหน่อยได้ไหม เดี๋ยวมีเมื่อไหร่แพรใช้คืน”
“หืม...แพรร้อนเงินเหรอ” ศีรษะเล็กเอียงเล็กน้อยเมื่อข้องใจ บ้านของแพรไหมค่อนข้างฐานะดี ถึงไม่นับเป็นเศรษฐีร่ำรวยมหาศาล แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเงินได้เลย
“นิดหน่อย พอดีช่วงนี้แพรหมุนเงินไม่ทัน”
“แล้วแพรจะเอาเท่าไหร่” กวิสราถามอย่างใจกว้าง เพราะกับแพรไหมแล้วนั้น อะไรเธอก็ให้ได้
“สี่แสน” เจ้าของเสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม ผิดกับคู่สนทนาที่รับฟังโดยสิ้นเชิง
“ฮะ! สี่แสน!” กาแฟแทบพุ่งออกจากปากรดใส่แฟนสาวเมื่อได้ยินจำนวนเงิน วันนี้จะรีบแจ้นกลับไปเล่าให้พี่ทิวมันฟังเลยว่าน้องรักมากินกาแฟแก้วละสี่แสน!
“เกลไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกนะแพร” กวิสราพูดอย่างจนปัญญากับตัวเลขที่สูงลิ่วเกินเงินเก็บในบัญชีไปไกล
“ว่าแล้ว” ใบหน้าสวยของแพรไหมออกอาการเซ็งสุดขีดอย่างไม่คิดปิดบัง
“เกลถามแพรได้ไหมว่าจะเอาเงินเยอะแยะขนาดนั้นไปทำอะไร”
“ถามทำไม รู้แล้วจะช่วยได้เหรอ” หญิงสาวเอ่ยกระแทกกระทั้นตามแรงอารมณ์ คล้ายกับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของกวิสราที่ไม่มีเงินให้เธอยืม
“ก็จะได้ช่วยกันหาทางออกไง บอกมาเถอะว่าจะเอาเงินไปทำอะไร ถ้าแพรไม่บอก เกลจะไปถามคุณลุงเอาเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแพร”
“ไม่เอานะเกล ห้ามบอกพ่อแพรนะ ขอร้อง” แพรไหมรีบคว้ามือกวิสราไว้เมื่อเห็นว่าแฟนของเธอเอาจริง
“ไม่ให้บอกงั้นก็เล่ามา ทั้งหมด อย่าคิดจะโกหกกัน เกลกำลังหาทางช่วยแพรอยู่นะ”
แม้แพรไหมจะดูเหวี่ยงวีนและเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมกวิสราทุกอย่าง เมื่อชื่อของบิดาโผล่ขึ้นมากลางวงสนทนา
“แพรจะเอาไปใช้หนี้” สุดท้ายแพรไหมก็ต้องยอมเล่าจนได้ เพราะสายตาจริงจังของกวิสราที่มองจ้องมากำลังบอกว่าเธอเอาจริง
“แพรไปเป็นหนี้ใคร ตอนไหน”
“แพรติดหนี้พนัน” เสียงเบาราวกระซิบหลุดออกมาคล้ายกลัวว่าผู้คนที่นั่งรอบข้างจะได้ยิน ใบหน้าหวานแดงก่ำยามเล่าเรื่องความผิดพลาดของตัวเอง
“พี่ต่อ ที่เป็นรุ่นพี่ที่คณะชวนแพรเล่นบาคะราออนไลน์ แรกๆ มันก็ดี เกลรู้ไหมว่ามันได้เงินง่ายมากเลย แพรเล่นไม่นานก็มีได้มีเสีย เล่นไปเล่นมาได้เงินเป็นหมื่น แล้วแพรก็เลิกเล่น เพราะกลัวพ่อจับได้”
“ยังไงต่อ”
“ทีนี้แพรอยากเปลี่ยนมือถือกับกระเป๋า เกลก็รู้ว่าพวกปุ่นกับกิ๊กชอบข่มแพร...”
“แพรไหม สรุปเลย”
ยิ่งแพรไหมเล่าเรื่องมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้กาแฟในแก้วรสชาติแย่ลงเท่านั้น ต่อให้รสชาติดั้งเดิมดีสักแค่ไหน ตอนนี้มันก็ไม่สามารถทำให้กวิสรารู้สึกดีขึ้นได้เลย ภายในลำคอแห้งผากฝืดเฝื่อน แค่กลืนน้ำลายยังรู้สึกได้ว่ายากลำบาก
“แล้วแพรก็เลยกลับไปเล่นอีกครั้ง ทีนี้มันมีแต่เสียกับเสีย จนแพรเครียด เงินเก็บที่ได้จากการเล่นครั้งที่แล้วก็เกือบหมด”
แพรไหมเหลือบมองแฟนสาวของตัวเองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากวิสราไม่มีทีท่าจะว่ากล่าวอะไร จึงกลั้นใจบอกความจริงไปทั้งหมด
“ทีนี้พอแพรโทร. ไปปรึกษาพี่ต่อ แกก็แนะนำว่าจะพาเข้าไปเล่นบาคะราของจริง เล่นออนไลน์มันโกงกันง่าย ไปบ่อนวิ่งของจริงเลย เล่นไม่กี่ตาก็ได้เงินคืนแล้ว”
“แล้วแพรก็ไป?” เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะถ้าแพรไหมไม่ได้ไป จะมายืมเงินเธอทำไมตั้งสี่แสน
“ใช่”
“รถยังอยู่ไหม” กวิสราถามหารถญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่ลุงอมร พ่อของแพรไหมซื้อให้ใช้ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
“แพรจำนำไว้ที่บ่อน” จะเรียกว่าจำนำคงไม่ได้ เรียกว่าเธอใช้รถลงไปเดิมพันจะดีกว่า สุดท้ายตอนออกจากบ่อน เธอก็ต้องกลับแท็กซี่โดยขอหยิบยืมเงินพี่ต่อเป็นค่าเดินทาง
กวิสราหลับตาแน่นอย่างหนักใจเมื่อได้ยินคำตอบของแพรไหม
“รู้ตัวไหมว่าตัวเองถูกล่อไปเชือด”
แพรไหมปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นแทนคำตอบนั้น เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่เธอถูกโทร. ทวงเงินจนแทบคลั่ง
“เกลช่วยด้วย พ่อเอาแพรตายแน่” แพรไหมเขย่ามือกวิสรา ร้องขอความเห็นใจ
“เกลพาไปแจ้งความไหม”
“ไม่เอา” เสียงหวานสั่นเครือด้วยความกลัว
‘ว่าแล้ว’ ทำไมมันยากแบบนี้นะ ทุกทางออกที่พอจะมองเห็นล้วนถูกปิดตาย
หลังจากแพรไหมเล่าทุกอย่างจบ บรรยากาศบนโต๊ะกลับมีเพียงความเงียบงัน ไม่มีแม้เสียงต่อว่าออกจากปากกวิสราแม้เพียงครึ่งคำ และตอนที่เสียงร่ำไห้ของแพรไหมใกล้จะหยุดลง ก็เป็นเวลาเดียวกับการมาถึงของใครคนหนึ่ง
“ขอโทษนะครับ ออกจะดูเป็นการเสียมารยาทไปสักนิด แต่ผมขอรบกวนเวลาพวกคุณสักครู่ได้ไหมครับ”
ความคิดเห็น |
---|