0

บทนำ

บทนำ

 

“คุณพ่อกลับมาแล้ว”

วายุพูดขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาสีเขียวมรกตมองตรงไปยังใบหน้าตื่นตกใจของปณาลีในขณะที่จงกลณีถือช้อนค้างกลางอากาศ

“คุณพ่อ...กลับมาจากกัมพูชาแล้วเหรอ ฉันหมายถึง...เขาเข้าประเทศมาได้ยังไง”

จงกลณีหน้าเจื่อน เธอเริ่มนึกถึงปืนที่ซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน แม้จะรู้ว่าธงรบไม่น่าที่จะกล้าบุ่มบ่ามบุกมายังรังสิงโตของวายุ แต่ก็ไม่อาจวางใจได้โดยง่าย ลองธงรบหนีจากเงื้อมมือของทางการไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร้ร่องรอยยาวนานแรมเดือนโดยไม่มีใครกล้าลากตัวกลับมารับโทษทางกฎหมายที่เมืองไทยได้แบบนี้ แน่นอนว่าเส้นสายของเขาย่อมต้องแน่นปึ้กและใหญ่โตพอสมควรทีเดียว

“ก็เข้ามาแบบที่ออกไปนั่นละ”

วายุถอนใจ เขาลูบทับทิมสีแดงเม็ดโตของแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วกลางอย่างเนิบนาบ สองสามเดือนมานี้ ความทรงจำที่ขาดหายไปค่อยๆ หวนคืนมาทีละน้อย ทำให้บุคลิกของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสุขุมขึ้นบ้าง และเริ่มควบคุมอารมณ์เกรี้ยวกราดที่เป็นอัตลักษณ์ประจำตัวได้มากขึ้น

“แล้ว...เราจะทำยังไงดีคะ เราควรรีบบอกคุณชิวหลุนกับคุณอลันไหม”

ปณาลีเริ่มใจไม่ดี ‘คุณพ่อ’ ของวายุหรือนายธงรบ ผู้มีฉากหน้าเป็นพ่อพระ แต่เบื้องหลังพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมายมากมาย เขามีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างหาใดเปรียบ ยิ่งแค้นวายุของเธอแทบกระอักเลือดเช่นนี้ เขาย่อมต้องคิดหาทางแก้แค้นอย่างสาสมที่สุดแน่

“ชิวหลุนหายตัวไป เธอก็รู้ ส่วนไอ้แมวนรกกับไอ้ตุ๊กตาผีพึ่งพาได้ที่ไหนกันเล่า”

เรื่องที่ชิวหลุนหายตัวไปเสียเฉยๆ เป็นเรื่องที่ทำให้สมาชิกก๊วนปีศาจใจบาปกังวลอย่างยิ่ง เป็นที่รู้กันว่าชิวหลุนคือพ่อมดผู้ทรงพลังที่สุด ไม่ว่ารูปลักษณ์ในยามกลายร่างเป็นงูยักษ์ของเขาจะน่าเกลียดน่ากลัวเพียงใด แต่ทุกคนต้องยอมรับว่า การมีเขาคอยกระแนะกระแหนอยู่ใกล้ๆ นั้นอุ่นใจกว่าเป็นไหนๆ

“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลยไม่ใช่หรือไงคะ”

ปณาลีถอนใจ วายุไม่ชอบหน้าอลันเอาเสียเลย และไม่สบอารมณ์ที่กฤษณะชอบกระโดดขึ้นขี่หลังเวลาเขากลายร่างเป็นสิงโต แต่ไม่ว่าอย่างไรโชคชะตาของพวกเขาก็ถูกผูกเอาไว้ด้วยกันเพราะคำสาปของแหวน ต่อให้อยากหักคอควักลูกตากันอย่างไรก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนรวมกลุ่มกันเอาไว้ให้ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาทางแก้คำสาปได้... 

ซึ่ง...จะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้หรือไม่ก็ไม่รู้...

“พวกมันรู้แล้ว ไอ้แมวผีเป็นคนส่งข่าวมาบอกฉันเอง มันเตือนให้ฉันคอยไปรับไปส่งเธอที่บริษัทของพี่ชายให้ดี จะปล่อยให้เจนกับก้องไปรับไม่ได้อีกแล้ว” ทุกครั้งที่พูดถึงแมวคู่อาฆาต สีหน้าของวายุจะแสดงความเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าเป็นที่บ้าน ฉันไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะมีเจ๊จงอยู่”

ดูภายนอก จงกลณีอาจเหมือนครูไหวใจร้ายที่เกิดผิดยุค ทว่า...ภายใต้เสื้อผ้าสีนีออนและกรอบแว่นตาทรงแหลมแบบบรรณารักษ์เสียสตินั้นมีนักฆ่าเลือดเย็นซ่อนอยู่ ถึงฝีมือจะเทียบกับปีศาจร้ายอย่างเขาไม่ได้ แต่ก็พอฝากฝังให้ช่วยดูแลปณาลีได้บ้าง

“แหม...ฉันควรจะดีใจหรือหนักใจดีล่ะเนี่ย ที่จู่ๆ เธอก็ชมฉัน 666”

ริมฝีปากสีช็อกกิงพิงก์ที่กำลังจะแย้มออกเป็นรอยยิ้มกว้าง ต้องหุบฉับทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของชายหนุ่ม

“ไม่ได้ชม แค่อยากให้ทำงานให้คุ้มค่ากินค่าอยู่บ้าง เจ๊กินข้าวฝีมือลีมากกว่าผมกินอีกละมั้ง ไอ้ขาวยังกินไม่เปลืองเท่าเจ๊เลย ให้ตายเถอะ”

วายุมองกับข้าวที่พูนอยู่ในจานของจงกลณี แล้วทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคออย่างไม่สบอารมณ์จนปณาลีต้องเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้ใต้โต๊ะเพื่อไม่ให้กลายร่างอาละวาด ถึงช่วงหลังมานี้สิงโตหนุ่มจะควบคุมตนเองได้ดีมากขึ้น แต่เวลาโกรธจนสติหลุดขึ้นมา เขากลับดุกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว

“ก็ไอ้ขาวมันเป็นแมวไหมยะ! ตัวมันแค่นั้นเอง มันจะกินสักกี่มากน้อยกัน แต่ฉันเป็นคนนะ ต้องใช้พลังงานมากกว่ามันไม่รู้กี่เท่า” สาวใหญ่ประจำบ้านแยกเขี้ยวพลางชี้นิ้วไปยังแมวสีขาวที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเบาะที่มุมห้อง “แล้วยายหนูลีก็ทำกับข้าวอร่อยซะขนาดนี้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษยายหนูลีนี่ละที่ทำให้ฉันกินข้าวทีละสามชามจนอ้วนไปหมดแล้ว!”

“อ้าว เจ๊คะ โทษกันเฉยเลย” ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ปณาลีอยากจะขำก็ขำไม่ออก

“ที่อ้วนเพราะกินแล้วนอนดูซีรีส์ทั้งวันต่างหาก” วายุกุมมือปณาลีไว้หลวมๆ ไออุ่นและกลิ่นหอมกรุ่นจากกายของเธอช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบรำงับลงได้ทุกคราที่ใกล้ชิดกัน “จะยังไงก็เถอะ พวกเราคงต้องระวังตัวให้มากขึ้น คุณพ่อมีลูกน้องอย่างไอ้เด่นหล้าอยู่อีกมาก อาจจะไม่ได้โรคจิตเท่ามัน แต่เลวเหมือนผุดมาจากนรกไม่แพ้กัน”

ฟังถึงตรงนี้ หัวใจของปณาลีก็ดิ่งวูบลงไปกองอยู่กับพื้น เธอรู้สึกเหมือนเลือดทุกหยาดหยดในกายเย็นเฉียบจนแตะจุดเยือกแข็งขึ้นมาเสียเฉยๆ...เด่นหล้าคือชื่อที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุด เสียงหัวเราะและรอยยิ้มน่าขยะแขยงของเขายังคงหลอกหลอนหญิงสาวอยู่จนทุกวันนี้ ผู้ชายเจ้าของเรือนผมสีทองตัดสั้นสกินเฮดคนนั้นเป็นฆาตกรจิตวิปริต เขาเคยก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ลอยนวลอยู่ได้เพราะมีคนหนุนหลังผู้ทรงอิทธิพลอย่างธงรบคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ หากวายุไม่สังหารเขาในวันนั้น เขาก็คงฆ่าทั้งเธอกับจอมใจไปแล้ว

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” วายุบีบมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวเป็นเชิงปลอบ “มีฉันอยู่ทั้งคน ไอ้ธงรบไม่มีทางแตะต้องเธอได้แน่ เธอแค่ระวังให้มากขึ้นก็พอ แล้วก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นอันขาด”

“ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวเสียหน่อย”

ปณาลียิ้มแหย ตอนนี้วายุล้างมือจากการฆ่าคนแล้ว เขาจึงว่างมากไม่แพ้จงกลณีนั่นละ เขาคอยตามติดเธอไปทุกที่ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ขนาดเจ้าขาวยังไม่คอยประกบเธอขนาดนี้เลย! มันก็ดีอยู่หรอกที่มีแฟนคอยรับคอยส่งเวลาไปฝึกงานกับรามที่นารายันเท็กซ์ไทล์ แต่การที่เขานั่งทำหน้าถมึงทึงรอเธออยู่ที่ล็อบบีตั้งแต่เช้าจดเย็นก็ทำเอาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเครียดจนอยากลาออกวันละร้อยรอบ รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกจากร่างใหญ่โตราวยักษ์ปักหลั่นของเขาข่มทุกคนในรัศมีร้อยเมตรให้กลัวจนตัวสั่นไปหมด พวกพนักงานชายของรามไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากคุยกับเธอเสียด้วยซ้ำ 

เมื่อเห็นว่าเขาสร้างความอึดอัดให้คนรอบข้าง ปณาลีจึงเอ่ยปากขอให้เขาแค่ไปรับ-ส่งตามเวลาก็พอก่อนที่คนอื่นๆ จะประสาทเสียกันไปหมด

ใครบ้างไม่กลัวแววตาเพชฌฆาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นปีศาจเพชฌฆาตอย่างวายุ!

“แล้วไม่ดีหรือไง เธอจะได้ปลอดภัย” ชายหนุ่มหรี่ตามองดวงหน้าสวยหวานของหญิงสาวอย่างคาดโทษ “หรือว่า...เธอมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกฉันอยู่ฮึ ลี”

แรงบีบจากฝ่ามือแข็งแรงราวคีมเหล็กทำเอาปณาลีสะดุ้ง ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นมองหน้าเขาอย่างลังเลครู่หนึ่ง

“คือ...ช่วงนี้...คุณราม...เชิญนักวาดภาพประกอบหนังสือชื่อดังมาร่วมงานด้วย ฉันเองก็เพิ่งได้เห็นหน้าเขาเมื่อสองสามวันก่อน ฉัน...ไม่รู้จะเล่าให้คุณฟังยังไงดี...”

“ทำไมถึงเล่าไม่ได้!”

เสียงของวายุเข้มขึ้นจนจงกลณีต้องรีบยกจานข้าวหนีไปกินที่อื่น ด้วยรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าพายุอารมณ์ของปีศาจร้ายต้องพัดกระหน่ำแน่ แม้จะรู้ว่าเขาทะนุถนอมปณาลีเพียงใด แต่ก็ยังอาจขว้างปาข้าวของใส่ ‘อย่างอื่น’ ที่ไม่ใช่สาวคนรักได้ ดังนั้นต้องรีบเผ่นก่อนจะโดนลูกหลง เจ้าขาวผงกหัวขึ้นมองเจ้านายหนุ่มนิดหนึ่งก่อนจะรีบกระโดดแผล็วตามจงกลณีไป 

เรียกว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีทั้งคนทั้งแมว!

“ก็...” ปณาลีอึกอัก “ก็ฉันกลัวว่าถ้าคุณรู้ คุณจะอาละวาด ไม่ยอมให้ฉันไปฝึกงานกับคุณรามอีก ฉันชอบทำงานกับคุณรามนะ วายุ นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากทำที่สุดในชีวิต...”

“มันใช่ไหม” ดวงตาสีเขียวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงแก่ก่ำ เขี้ยวแหลมคมเริ่มงอกยาวเลยริมฝีปากออกมา แต่มือของเขากลับไม่ได้เพิ่มแรงบีบมือเล็กเรียวของหญิงสาวแต่อย่างใด เขา...ถนอมเธอเสมอ ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวเพียงไหน ปณาลีคือสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยแตะต้องให้บอบช้ำ “ไอ้นักวาดภาพประกอบที่ว่าคือไอ้สารเลวเควานใช่ไหม!”

ตั้งแต่ความทรงจำเริ่มฟื้นคืนมา เขาก็จำได้อย่างแม่นยำว่าไอ้น้องชั่วของเขานอกจากจะเชี่ยวชาญด้านกาพย์กลอนบทกวีรวมไปถึงปรัชญาต่างๆ แล้ว มันยังมีฝีมือวาดภาพได้งดงามสมจริงชนิดหาตัวจับยาก!

“ใช่...” หญิงสาวยอมรับโดยดุษณี “เขาคือนักวาดภาพประกอบที่ใช้นามแฝงว่า K (เค)”

และเป็นคนเดียวกันกับที่วาดภาพในหนังสือเรื่อง ตำนานราชสีห์แห่งทะเลทราย ที่เธอซื้อมาจากสนามบินในวันที่เธอกับวายุเดินทางไปออสเตรีย ตอนแรกที่รู้ว่ารามเชิญ ‘เค’ มาร่วมงานด้วย หญิงสาวดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้พบนักวาดฝีมือฉมังตัวจริงเสียงจริง แต่พอได้เห็นใบหน้างดงามราวภาพวาดของเขาแล้ว เธอกลับเป็นคนเดียวที่ยืนหน้าซีดเผือด ไม่แม้แต่จะกล้าส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเขาเหมือนคนอื่นๆ

เขาคือ...น้องชายของวายุ น้องชายที่วายุสาบานว่าจะฉีกเนื้อเถือหนังเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขจรจัดกิน!

โฮก!

วายุส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขาลุกขึ้นแล้วตบฝ่ามือลงบนโต๊ะกินข้าวจนเนื้อไม้สักแยกจากกันเป็นเสี่ยงๆ บรรดาถ้วยชามเนื้อดีที่บรรจุอาหารและแก้วน้ำตกแตกกระจายเต็มพื้น ปณาลีรีบยกขาขึ้นกอดเอาไว้แน่น เธอไม่ตกใจกับการอาละวาดฟาดหัวฟาดหางของคนรักอีกแล้ว จะเรียกว่าชินแล้วก็ได้ เดือนที่แล้วเขาพังโต๊ะแบบเดียวกันนี้ไปถึงสามตัว และนี่คือตัวที่สี่ 

เซ็งอย่างเดียวก็ตอนที่ต้องคอยเก็บกวาดนี่ละ...

“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ ฉันถึงไม่อยากเล่าให้ฟังไง”

หญิงสาวพึมพำเสียงเบา แต่พ่อสิงโตเกเรได้ยินชัดทุกถ้อยคำ

“เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดมัน!” วายุกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน “ฉันเกลียดไอ้ระยำนั่น!”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันไม่ได้เป็นคนเชิญเขามาทำงานด้วยเสียหน่อย” ปณาลีระบายลมหายใจยาวอย่างหนักหน่วง “อ๊ะๆ อย่าคิดไปอาละวาดหรือทำร้ายคุณรามเป็นอันขาดนะวายุ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ให้อภัยคุณตลอดชีวิตจริงๆ ด้วย”

เธอรีบดักคอวายุเอาไว้ก่อน ด้วยรู้ดีว่าเขาอารมณ์ร้อนพอที่จะกระโจนกัดคอหอย ราม แอนเดอร์สัน ให้ขาดในครั้งเดียว

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ คุณรามก็แค่หาวิธีที่จะจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดระหว่างที่คุณชิวหลุนไม่อยู่เท่านั้นเอง”

รามก็คือราม เขามักจับความรู้สึกของคนอื่นได้ไวเสมอ เขารู้ว่าเธอตกใจที่เควานมาปรากฏตัวตรงหน้าจึงอธิบายให้ฟังว่าเขากับอลันจำเป็นต้องหาทางรั้งตัวเควานไว้ที่เมืองไทยจนกว่าชิวหลุนจะกลับมา

“เธอก็รู้...ว่ามันทำอะไรกับฉันไว้บ้าง!” เสียงของวายุสั่นพร่าอย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกคั่งแค้นที่ปะทุอยู่ในอก “ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าที่ฉันต้องกลายเป็นปีศาจร้ายแบบนี้ก็เพราะมัน!”

“วายุ...” ปณาลีคว้ามือร้อนราวสุมไฟของชายหนุ่มมากุมเอาไว้ หยาดน้ำตาสีเลือดไหลออกมาจากดวงตาแดงฉานทั้งสองข้างของเขา “นี่มัน...เลือด!”

“มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” วายุเค้นเสียงลอดไรฟัน “มันวางแผนให้ฉันต้องสวมแหวนต้องสาประยำนี่! มันเป็นคนทำให้ฉันต้องฆ่าแม่ของตัวเอง!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น