9

คำที่ 9


คำที่ 9


“ปีนี้อยากได้ไร”

ธันน์เอ่ยถามผู้หญิงที่นอนตะแคงยาวบนโซฟาในคอนโดของเขา โดยที่เจ้าของห้องตัวจริงยืนล้างจานอยู่ที่อ่างในห้องครัว วันนี้ทั้งคู่สอบเสร็จเป็นวันสุดท้าย จะตายหรือจะรอดก็ยังไม่รู้ แต่ก็ทำเสร็จ เป็นอันจบการเรียนแบบรายวิชาในระดับปริญญาตรี

หากสอบผ่าน หากทำโพรเจกต์ส่งอาจารย์ในเทอมหน้าเรียบร้อย อีกไม่ถึงครึ่งปีทั้งคู่ก็จะได้ใบปริญญามาครอบครอง ดังนั้นต่อให้ไม่ตั้งใจ ไร้ความรับผิดชอบ แต่ทั้งคู่ก็ใส่พลังกับงานนี้ไม่น้อย ทำให้เมื่อกระดิ่งหมดเวลาสอบดัง ทั้งไลลาลิณและธันน์ก็เหมือนคนหมดแรง แต่ไร้พลังจะไปหาอะไรฟู่ฟ่าฉลองกัน ตัดสินใจกลับมาที่คอนโดของชายหนุ่มและสั่งอาหารร้านอร่อยกิน พอกินเสร็จก็เหมือนเคยที่หญิงสาวกระโดดขึ้นไปนอนดูทีวีส่วนเจ้าของห้องอย่างธันน์ก็ต้องเป็นฝ่ายเก็บล้าง ปกติก็มีแม่บ้าน มีคนมาทำความสะอาดทุกวัน แต่นี่มีเพียงช้อนส้อมกับแก้วที่ต้องทำความสะอาดเลยจัดการเสียเอง

“ไม่อยาก”

คนที่กำลังกดเลือกหนังในเน็ตฟลิกซ์ตอบเนือยๆ วันเกิดที่ใครๆ เขาตื่นเต้นกันนักหนาไม่เคยทำให้ไลลาลิณมีความรู้สึกแบบนั้นเลยสักปี เพราะวันที่ควรจะได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัวกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำปีที่นภดลนภาลัย ส่วนการเป่าเค้กวันเกิดก็เป็นเพียงละครฉากใหญ่ที่ไม่ได้มีแต่พ่อแม่พี่น้อง แต่มีใครก็ไม่รู้เป็นร้อยเป็นพันดาหน้ามาเอ่ยคำว่าสุขสันต์วันเกิด

การกินข้าววันเกิดแบบที่บ้านอื่นเขามีและไลลาลิณปรารถนาไม่เคยเกิดขึ้น เพราะทุกคนเหนื่อยล้าจากงานเลี้ยงก่อนหน้านั้น จนทำให้ในวันที่หนึ่งมกราคมของทุกปีที่เป็นวันเกิดของหล่อนนั้นแทบไม่มีใครอยากจะขยับลุกจากเตียงไปไหน หลังๆ ตั้งแต่มีธันน์ พอเสร็จสิ้นพิธีกรรมที่หล่อนต้องฉีกยิ้มมีความสุข เจ้าของวันเกิดก็มักจะออกจากงานเลี้ยงมากับธันน์ ไปอาศัยบรรยากาศสนุกสนานของงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในร้านของเพื่อนรัก และกลับมาพักที่คอนโดของชายหนุ่ม โดยที่ต่างคนต่างนอน ต่างคนต่างอยู่ในห้องของตัวเอง เย็นๆ หลังจากฟื้นก็ออกไปหาอะไรกินกันง่ายๆ แค่นั้น

“แน่นะ?”

ถามทุกปี ไลลาลิณก็ตอบแบบนี้ทุกปี แต่ธันน์ก็หาของขวัญมาให้เพื่อนทุกหน เพราะในปีแรกพาซื่อไม่ให้จริงๆ ไอ้ตูดก็ทำหน้าหงอยงอนไปหลายวัน

“แน่สิ”

“ไม่อยากได้อะไรบ้างเลยหรือไง ไลลา”

ธันน์เช็ดมือให้แห้ง แล้วเปิดตู้เก็บไวน์หยิบขวดไวน์ขาวที่กินค้างไว้มาพร้อมแก้วอีกสองใบ รินได้คนละแก้วก็หมดขวด แล้วจึงเดินออกมาสมทบกับหญิงสาว มองคนที่ยังสวมเสื้อนักศึกษา แต่เปลี่ยนท่อนล่างเป็นกางเกงวอร์มเรียบร้อย

“มีทุกอย่างแล้วนิ ไอ้ที่ไลลาอยากได้ ไลลาก็ไม่มีวันได้อยู่แล้ว”

แค่อยากได้วันเกิดแบบครอบครัวคนอื่นเขาแค่นั้นละ กินข้าวกันแค่สองชั่วโมงก็ได้ ไม่ต้องมีการสร้างภาพอวดคนทั้งประเทศเหมือนว่าครอบครัวยังสมบูรณ์ดี ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงพอเทียนบนเค้กดับลง ทุกคนในครอบครัวก็เผ่นแน่บแยกย้ายทางใครทางมัน

“อย่ามาดึงดรามา” แม้จะบอกกับไลลาลิณแบบนั้น แต่ธันน์ก็รู้สึกผิดที่เริ่มพูดเรื่องนี้ให้หญิงสาวเศร้าหมอง เลยได้แต่มองเพื่อนที่กำลังกดรีโมตนิ่งๆ ต่อให้เหนื่อย แต่ก็อยากให้รู้สึกดีขึ้น “ไม่มีไรน่าดูก็ออกไปหาหนังดูกันไหม เช็กรอบดิ”

“ไม่อะ ไลลาเหนื่อย”

เหนื่อยจริงๆ เพราะวิชาที่เพิ่งสอบเสร็จไปแม้ว่าจะมีคะแนนช่วยเป็นการทำรายงาน แต่ไลลาลิณก็ไม่มั่นใจนักหรอกว่าคะแนนที่ได้จะทำให้รอดพ้นคำว่าตก เนื่องจากส่วนที่จะได้จากการเข้าห้องเรียนของหล่อนนั้นแทบเป็นศูนย์ เลยต้องอดตาหลับขับตานอนยอมอ่านหนังสืออยู่เป็นวัน

“แล้ววันนี้จะนอนไหน”

เขารู้ตารางว่าวันใดไลลาลิณนอนบ้านสุริยัน วันไหนนอนบ้านจันทร์เจ้า วันไหนอยู่บ้านคุณย่า แต่ที่ถามคืออยากรู้ว่าหล่อนจะกลับไปนอนห้องนอนของตัวเองในบ้านสามหลังที่ใหญ่โต มีคนคอยดูแลมากมาย หรือจะอยู่ในห้องนอนขนาดยี่สิบกว่าตารางเมตรในคอนโดแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นของเขา

“นอนนี่ได้ไหม ธันน์นัดใครเปล่า”

แม้จะสนิทกันแค่ไหน แต่หากธันน์นัดสาวๆ ไลลาลิณก็จะกลับบ้าน เคารพความเป็นส่วนตัวของเพื่อนเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มเสน่ห์แรงส่ายหน้า เมื่อกี้ตอนขับรถกลับมาที่คอนโดยังจะหลับคาสี่แยกเพราะอยู่ที่ผับเกือบถึงเช้า ได้นอนแค่สองชั่วโมงก็ต้องตื่นแต่งตัวออกไปสอบ

“ไม่ได้นัด นัดพรุ่งนี้ จะนอนนี่ก็นอน อย่าลืมไลน์บอกที่บ้าน”

บ้านไหนก็ไม่รู้ แต่ธันน์จะย้ำทุกครั้งให้ไลลาลิณแจ้งคนในครอบครัวหากจะนอนที่คอนโดเขา ซึ่งทุกครั้งหญิงสาวก็ไม่เคยรู้เลยว่าชายหนุ่มมีวิธีเช็กว่าหล่อนแจ้งจริงหรือไม่ เพราะหากเจ้าตัวไม่บิดพลิ้ว บอกที่บ้านว่าวันนี้จะนอนที่ห้องเขา ไม่นานก็จะมีข้อความจากเคหสถานหลังที่หล่อนต้องพำนักในวันนั้นมาที่เครื่องของธันน์เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลไลลาลิณ และฝากฝังให้ช่วยดูแล แต่หากล่วงไปครึ่งค่อนคืนแล้วธันน์ยังไม่ได้อ่านเนื้อความแบบนั้น ชายหนุ่มก็จะไลน์ไปแจ้งอีกฝ่ายเอง

“ย่ะ พรุ่งนี้ไลลาก็มีนัดกับคุณหมาก ไม่อยู่สิงที่นี่หรอก”

ได้ยินแบบนั้นธันน์ที่กำลังเริ่มผ่อนคลายเพราะคำว่าบัณฑิตใกล้เข้ามาสัมผัสทุกทีก็ปวดหัวขึ้นมาอีก มือที่กำลังยกแก้วไวน์จดริมฝีปากชะงัก ในขณะที่คิ้วชิดติดกันแทบจะผูกโบ หันไปมองคนที่ยังเลือกหนังไม่ได้พร้อมถามด้วยความสงสัย ปกติเขาเป็นคนที่รู้ทุกเรื่องในชีวิตไลลาลิณ แล้วนี่มีนัดไม่พอ ยังไปนัดกับรุ่นพี่ของเขาโดยที่เขาไม่รู้อีก

“หืม? นัดอะไร ทำอะไรกัน ทำไมไม่รู้”

ไหนมานเมตต์บอกว่าจะรอ จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป จะทำอะไรจะบอกกล่าวกัน แล้วนี่อยู่ดีๆ ทำไมนัดกันแบบนี้

“เอ่อ เอาจริงๆ ไลลาก็ลืมไปแล้ว”

คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปเขยิบตัวขึ้นนั่ง มองหน้าธันน์แล้วหยิบไวน์ที่เพื่อนบริการมาจิบแก้เก้อ หล่อนลืมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็หลังจากวันนั้นที่คุณย่าเชิญมานเมตต์ไปกินข้าวที่บ้าน เขาก็เงียบไปจนไลลาลิณไม่ได้นึกถึงภารกิจที่คุณย่ามอบให้ จนเมื่อวานนี้ละที่ชายหนุ่มไลน์มาถามว่าจะสะดวกให้เขานำตัวอย่างไวน์มาให้ทดลองวันไหน ทีแรกมานเมตต์ระบุวันมาแล้วว่าเป็นวันนี้ แต่หญิงสาวแจ้งไปว่ามีสอบ ไม่สะดวก ก่อนจะขอปรึกษาบิดาเพราะคุณย่ามอบหมายให้ทั้งคู่ช่วยกัน และได้คำตอบว่าวันพรุ่งนี้คุณฤกษ์ สุริยันจะจัดการเคลียร์ตารางให้ ปากเล็กๆ เจื้อยแจ้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธันน์ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ตาหวานแอบสังเกตว่าเพื่อนรักมีท่าทีไม่พอใจหรือไม่

“แปลว่าหลังจากที่กินพร้อมธันน์ พี่หมากไปเจอไลลาอีกเหรอ”

เมื่อกี้ก็ได้ยินชัดแล้วละ แต่อยากได้ยินเพื่อตอกย้ำการรับรู้อีกที ก่อนลุกขึ้นเดินไปในโซนครัว เปิดไวน์แดงที่รสชาติหนักมาใหม่ จากที่คิดว่าจิบไวน์ขาวเย็นๆ เบาๆ สักแก้วแล้วจะอาบน้ำนอน แต่ตอนนี้หัวมันตื้อไปหมด

คนตัวเล็กผุดลุกจากโซฟาหนานุ่มเดินตามเพื่อนรักเข้าไปในโซนครัวทันที

“ไลลาไม่ได้นัดนะ คุณย่าเชิญเขามาพูดเรื่องธุรกิจ ไลลาไม่รู้ด้วยซ้ำ จนกลับบ้านไปเจอเขา” มือบางเขย่าแขนคนที่กำลังเปิดขวดไวน์ด้วยความกังวล

“แล้วทำไมไม่เล่า”

ไม่เคยสักครั้งที่ไลลาลิณจะไม่บอกกล่าวความเป็นไปในชีวิต บางทีพูดจนธันน์อยากจะหูดับขึ้นมาด้วยซ้ำ

“ก็ไลลาลืม จริงๆ นะธันน์ ไม่โกรธสิ พรุ่งนี้ไปด้วยกันไหมล่ะ นะ ธันน์มีนัดกี่โมง”

คนทำผิดทำเพื่อนงอนรีบง้อ ไม่ได้เจตนาจะปิดบังธันน์แม้แต่น้อย แม้บางส่วนในใจจะถามตัวเองแล้วว่าจะบอกกับชายหนุ่มดีไหม ตัดสินใจแล้วด้วยว่าจะเล่าให้อีกคนฟัง แต่มัววุ่นวายกับการส่งโครงร่างโพรเจกต์ให้อาจารย์ที่กำหนดว่าต้องถึงมือท่านก่อนหล่อนจะสอบวิชาสุดท้ายจึงลืมไป

“หก”

“งั้นเดี๋ยวไลลาเลื่อนนัดเขาให้มาเร็วขึ้น ธันน์มาด้วยกันนะ”

แม้จะรู้ว่าต้องลำบากหลายคน แต่ไลลาลิณก็ไม่สนใจ คนที่หล่อนแคร์ความรู้สึกก็คือธันน์เท่านั้น ในขณะที่อีกคนได้แต่ยกไวน์ขึ้นจิบ ความคิดในหัวตีกันไปมา แม้จะไม่พอใจ น้อยใจว่าทั้งมานเมตต์และไลลาลิณไม่คิดจะพูดอะไรให้เขาฟัง แต่อีกมุมหนึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เขาควรจะค่อยๆ ถอยฉากออกมา เริ่มปล่อยให้หญิงสาวได้มีชีวิตของตัวเอง ทั้งเหตุผลและความน้อยใจเลยทำให้ธันน์พูดคำนั้นออกไป

“ไม่ต้องเลื่อน ไลลาไปทำธุระของไลลาเถอะ ธันน์ก็มีเรื่องส่วนตัวต้องทำ ธันน์เข้าใจ”

เข้าใจและกำลังต้องทำใจให้ชินกับการไม่มีไลลาลิณในทุกๆ วินาทีของชีวิต

“ไม่เอาๆ ธันน์ไปด้วยกัน ไลลาเลื่อนเป็นวันอื่นก็ได้”

หญิงสาวเองก็รู้ว่าสิ่งที่ธันน์พูดมาคราวนี้มีอะไรซ่อนอยู่ ส่ายหน้าสวยจนหางม้าที่มัดไว้หลุดลุ่ย กอดแขนแกร่งของธันน์ที่อยู่ดีๆ ก็เกร็งขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่ต้อง”

เขาพูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้หึงหวง แค่รู้สึกเหมือนกับกำลังโดนขโมยเพื่อนสนิทไป เลยทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้

“ธันน์โกรธไลลาเหรอ โกรธไลลาใช่ไหม” มือบางเขย่าแขนเพื่อนรักด้วยความน้อยใจ

“ไม่โกรธ เคยโกรธไลลาที่ไหน”

ชายหนุ่มก้มมองคนที่เกาะแขนอยู่ตอนนี้ สิ่งที่กำลังรู้สึกห่างไกลจากคำว่าโกรธไปมาก แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายให้อีกคนเข้าใจได้อย่างไร เรื่องแบบนี้คงต้องให้ทั้งระยะเวลาและสถานการณ์เป็นตัวขับเคลื่อน ค่อยๆ ทำให้ทุกคนรวมถึงตัวเขาเข้าใจในสิ่งที่เปลี่ยนไป

“จริงๆ นะ ไลลายังเป็นไอ้ตูดของธันน์ใช่ไหม”

ไลลาลิณถามย้ำน้ำตาคลอ ธันน์คือสิ่งสำคัญในชีวิต มีค่ามากพอกับครอบครัวของหล่อนที่จะโผล่หน้ามามีบทบาทเฉพาะในวาระสำคัญๆ ดีไม่ดีใจของไลลาลิณจะให้ความสำคัญแก่คนคนนี้มากเป็นพิเศษ ใจไม่ดีเพราะเพื่อนรักยังไม่ยอมเอ่ยออกมาว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังเป็นเช่นเดิม รออยู่อีกหลายอึดใจกว่าธันน์จะยอมเปิดปากพูด แต่ไม่วายทอดสายตามองออกไปนอกระเบียง

“เป็นสิ ไม่ว่ายังไงไลลาก็เป็นไอ้ตูดของธันน์เสมอแหละ”

 

“เย้! พี่รุ้งอยู่บ้านพอดี ลงไปด้วยกันหน่อย”

ไลลาลิณรีบเดินมาที่ห้องนอนของเพียงรุ้งทันทีที่ได้รับแจ้งจากแม่บ้านว่าวันนี้ลูกสาวคนโตของสุริยันกลับมาที่นภดลนภาลัย เพราะปกติเจ้าตัวมักจะพักที่คอนโดส่วนตัวเสียมากกว่า ร่างเล็กโถมกอดพี่สาวที่กำลังหยิบกระเป๋าในตู้โชว์ พลันนึกไม่อยากจะช่วยงานการคุณย่าขึ้นมา เหม็นขี้หน้ามานเมตต์ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่มาให้เห็นหน้า ก็เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเหตุให้ธันน์กับหล่อนตึงๆ กัน เลยพานไม่อยากไปเจอเขาตามลำพัง เพราะอยู่ดีๆ สุริยันที่ควรจะมาร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยกันก็โทร. มาบอกกะทันหันว่าอาจจะมาไม่ทันเวลานัดเพราะมีถ่ายซ่อมอยู่หลายซีน

“โอ๊ยไลลา เดี๋ยวก็ล้มหรอก”

เพียงรุ้งเอ็ดน้องเสียงไม่เบา เกือบหน้าคว่ำไปแล้วเพราะยายตัวเล็กโถมมาไม่ทันให้ตั้งตัว กลัวว่าหากหล่อนทรงตัวไม่ได้ ไลลาลิณที่รัดร่างหล่อนไว้นั่นละจะบาดเจ็บ แต่พอสิ้นคำพูด มือของน้องก็ปล่อยออกจากตัวพี่สาวทันที

“ขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไรย่ะ ดูสิ โตจนเป็นสาวยังเล่นเป็นเด็กๆ แล้วจะชวนไปไหน พี่นัดกับนิไว้”

ในใจคิดว่าอย่างไรก็ต้องหาเรื่องหาทางปฏิเสธให้ได้ เพราะหล่อนนัดกับนิตาไว้ว่าจะไปงานเปิดตัวเครื่องสำอางคอลเล็กชันใหม่ และที่แวะเข้าบ้านมาวันนี้ก็เพราะมาหากระเป๋าใบที่ตั้งใจว่าจะใช้ซึ่งเข้ากับชุดวันนี้เป็นอย่างดี ทั้งที่มั่นใจว่าย้ายเอาไปไว้ที่คอนโดแล้วด้วยซ้ำ

“ก็วันนี้คุณหมากเขาจะมาทำไวน์เทสติงให้ไงคะ หนูอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนเลย”

หน้าสวยม่อยลงเล็กน้อย เพราะดูท่าว่าความปรารถนาของหล่อนไม่น่าจะสำเร็จ ลงว่าเพียงรุ้งเอ่ยว่ามีนัด คงไม่ยกเลิกเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนกันแน่ๆ

“อ้าว แล้วพ่อล่ะ”

ได้ยินแบบนั้นเพียงรุ้งก็เบิกตากว้าง ตัดสินใจละมือจากการหากระเป๋า จูงมือไลลาลิณออกมานั่งคุยที่โซฟาในห้องนอน จากที่ลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนั้นต้องมีกิจกรรมร่วมกับน้องสาว ตอนนี้ความจำทุกอย่างไหลกลับมาเรียบร้อยแล้ว

“พ่อเพิ่งโทร. มาบอกว่าอาจจะเลิกกองไม่ทันอะดิ”

“อ้าว”

ฟังแล้วก็อยากจะตีพ่อแรงๆ หลายครั้งหลายหนในชีวิตที่เพียงรุ้งต้องเห็นสีหน้าผิดหวังเสียใจจากการที่บิดาเลื่อนนัดไลลาลิณ ซึ่งเพียงรุ้งเองก็เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจนเลิกที่จะเสียใจ และเคยออกปากบอกสุริยันไว้แล้วว่าจะยกเลิกนัดกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับไลลาลิณ

“แต่ไม่เป็นไร ถ้าพี่รุ้งไม่ว่าง เดี๋ยวหนูรีบๆ เลือก พี่รุ้งนัดกับพี่นิที่ไหนเหรอ แต่งตัวสวยจัง”

หญิงสาวมองหน้าน้องที่กำลังถามเรื่องง่ายๆ ที่หล่อนควรจะตอบได้ทันที แต่ในใจหนักอึ้งจนพานอ้าปากไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยบางสิ่งออกมา ในขณะที่มือก็พิมพ์ข้อความบอกเพื่อนที่นัดกันไว้ อันที่จริงต่อให้หล่อนเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ชื่อดัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปมันทุกงานที่เปิดตัวเครื่องสำอางไหม ทว่างานนี้ยายนิตานี่ละที่ร่ำร้องอยากไป ในขณะที่เพียงรุ้งก็ได้รับเชิญอยู่แล้ว

“งั้นวันนี้...” บอกเสร็จก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโวยวายมามากแค่ไหนที่ตนยกเลิกนัด เข้าใจหรอกว่านิตาไปถึงสถานที่จัดงานแล้วอยู่ๆ มาโดนหล่อนบอกแคนเซิลก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา แต่ที่ไม่ค่อยเข้าใจก็ตรงที่จะมามีปัญหาอะไรนักหนา เพราะงานวันนี้ก็เป็นหล่อนที่ได้รับเชิญ ในขณะที่นิตามีหน้าที่ตามไปเป็นเพื่อนเท่านั้น “...เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนกับไลลาก็ได้ ไปสิ นัดเขาไว้กี่โมง”

 

“กลิ่นบูเกต์จะเยอะหน่อยอันนี้”

มานเมตต์เลื่อนแก้วเครื่องดื่มตรงหน้าให้ไลลาลิณ วันนี้เขาจัดไวน์มาทั้งหมดแปดชนิดในสนนราคาที่เหมาะกับการสั่งเป็นจำนวนมาก แต่มีคุณภาพแบบที่เขาเคยบอกพวกหัดดื่มใหม่ๆ ว่าไวน์ดี ไวน์อร่อยนั้นไม่จำเป็นต้องแพง แค่ผู้ดื่มต้องรู้ให้ได้ว่าตนเองชอบรสชาติแบบไหน จะได้แจ้งซอมเมอลิเยอร์ หรือผู้ชำนาญด้านไวน์ได้ถูกต้อง

“อร่อยดี” สาวน้อยที่มีภารกิจในการเลือกไวน์พยักหน้าฟังสิ่งที่มานเมตต์บรรยาย หล่อนรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ที่รู้ดีเลยคืออะไรอร่อยกับไม่อร่อย

“ผมต้องถามก่อนด้วยว่าอาหารที่เสิร์ฟในงานเป็นแบบไหน ถ้ามีอาหารไทย ตัวนี้อาจจะโดนกลบ มันจะไลต์บอดีหน่อย”

นอกจากไวน์ที่เขาเลือกมา ใจจริงมานเมตต์อยากหอบแก้วไวน์ที่เหมาะกับองุ่นแต่ละชนิดมาด้วย แต่ก็กลัวจะทำให้รสชาติเพี้ยนไปจากที่จะเสิร์ฟจริง เพราะบริษัทรับจัดงานเลี้ยงแม้จะใช้ของมีคุณภาพ แต่ก็คงไม่เสี่ยงเอาแก้วไวน์ใบละเหยียบหมื่นมาใช้งาน

“ส่วนใหญ่ก็ออกร้านเป็นซุ้มๆ อะ มีหมดแหละ ไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น”

“งั้น” คนหล่อตัวใหญ่เลือกที่จะรินไวน์อีกขวดหนึ่งที่เปิดให้หายใจไว้แล้วร่วมสิบห้านาที ซึ่งจะช่วยให้รสชาติดีขึ้น “ลองตัวนี้ดู เป็นไวน์สเปน แทนนินจะหนักขึ้น รสแบบนี้จะไม่โดดจนเกินไป แล้วก็ไม่โดนอะไรกลบง่ายๆ แรงขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ไม่ถึงกับฟูลบอดีนะ”

มานเมตต์บรรยายรสชาติของไวน์ได้โดยไม่ต้องชิมแม้แต่นิดเดียว แล้วมองหน้าคนตัวเล็กที่แก้มมีเลือดฝาด พลางหันหาเพียงรุ้งที่นั่งอีกด้าน ทั้งๆ ที่ตรงนั้นควรจะเป็นสุริยัน แต่ก็เพิ่งทราบตอนที่เดินทางมาถึงนภดลนภาลัยนี่ละว่าฝ่ายนั้นติดถ่ายละครอยู่ ไม่อาจมาร่วมด้วยได้

“คุณรุ้ง รับไหมครับ”

ชายหนุ่มเตรียมจะเทเครื่องดื่มให้ลูกสาวคนโตของสุริยันที่มานั่งอยู่ด้วย แต่ไม่มีความเห็นอะไร เอาแต่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์มือถือ ซึ่งพอเขาเรียก อีกคนก็สะดุ้งขึ้นมาเหมือนโดนจับได้ว่ากำลังทำอะไรผิด

“ไม่ดีกว่าค่ะ ไลลาก็อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวต้องขับรถไม่ใช่หรือไง”

เพียงรุ้งปรายตาเตือนน้องสาว หล่อนกำลังง่วนอยู่กับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพียงดาว ตงิดๆ ตั้งแต่รอบที่แล้วที่คุณย่าเชิญมานเมตต์มาเป็นแขกแล้ว และสิ่งที่เห็นอยู่ตรงนี้ก็ทะแม่งไม่น้อย เพราะในกิริยาที่เหมือนไม่คุ้นชินกัน แต่ท่าทางการส่งแก้ว การสังเกตมองของมานเมตต์ที่มีต่อยายตัวเล็กไม่ปกติเอาเสียเลย เพียงดาวเองก็เห็นด้วยเช่นกันว่าผู้ชายที่แก่กว่าพวกหล่อนสิบปี และมีอายุมากกว่าไลลาลิณเกือบยี่สิบปีคนนี้ไม่ธรรมดา

“อือ พี่รุ้งรู้ได้ไง”

“ก็ เอ่อ...” จะให้บอกยังไงว่าแอบแชตกับฝาแฝดของตัวเอง “พี่รุ้งจำได้ไงว่าวันนี้ไลลาต้องไปบ้านแม่”

“อือ ไลลาไม่เมาหรอก พี่รุ้งก็รู้ว่าไลลาคอแข็งจะตาย”

อันที่จริงเพียงรุ้งไม่รู้ แต่คนที่รู้คือมานเมตต์ซึ่งเงยหน้าจากขวดเครื่องดื่มขวดที่สามที่กำลังจะเทให้ไลลาลิณชิม นึกถึงเหตุการณ์ที่วิมานขึ้นมาได้ว่ายายคนนี้นอกจากคออ่อนไม่พอ ยังเมาเรื้อน แต่คนที่นั่งตรงข้ามกลับถลึงตาใส่ ไม่ใช่ว่าจำเรื่องที่หล่อนวอแววุ่นวายได้ แต่คิดว่ามานเมตต์จะล้อเรื่องที่หล่อนย้วยใส่ธันน์ จึงรีบขึงตาดุปราม

หนุ่มหล่อผิวแทนพยักพเยิดแบบขอไปที ท่าทางไม่ได้ดูน่ากลัว เหมือนหมาชิวาวาที่เห่าดังเอาเสียงเข้าขู่เสียมากกว่า

“จ้า พี่ห่วงว่าจะเจอด่าน ระหว่างทางไปบ้านแม่นี่หลายด่านนะ”

“หนูรู้ หนูรู้ พี่รุ้งมาช่วยกันไหม จะได้เลือกได้สักที หนูกลัวไม่ถูกใจคุณย่า”

ไลลาลิณรับเครื่องดื่มแก้วที่สามมาจากมือมานเมตต์ หูก็ฟังสิ่งที่บุรุษตรงหน้าบรรยาย แต่ปากเรียกพี่สาวคนโตที่ลงมานั่งเป็นเพื่อน ทว่าไม่ทำหน้าที่อื่นใด นอกจากนั่งนิ่งๆ ไม่มีเสียง เอาแต่พิมพ์โทรศัพท์

“ไลลาเลือกไปเถอะ” ต่อให้เลือกไวน์ที่รสชาติเหมือนน้ำล้างเท้า เพียงรุ้งก็เอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าหม่อมราชวงศ์ศศินิภาจะต้องยิ้มรับยินดี เอ่ยแต่คำชม เพราะผู้หญิงตัวเล็กจิ๋วที่สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวคู่กับกางเกงยีนขาสั้นสีขาวมีชายลุ่ยๆ เหมาะกับวัยคนนี้เป็นสุดสวาทขาดใจของทุกคนในครอบครัว “ให้พี่รุ้งเลือก คงตัดสินใจเอาจากสีว่าแดงเฉดไหนถูกใจ ไม่ก็ฉลากขวดไหนสวยที่สุด”

มานเมตต์ได้ยินแบบนั้นก็เผลอหลุดขำออกมา และรู้ตัวในวินาทีถัดไปว่าเสียมารยาทเลยก้มหัวเป็นการขออภัย

“คุณรุ้งเป็นคนตลกดีนะครับ”

ด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่คิดเป็นอื่นเลยที่มานเมตต์พูดออกไป แต่ทำเอาไลลาลิณวิบๆ ในใจ แต่ไหนแต่ไรก็มีแต่คนให้ความสนใจเพียงรุ้งมากกว่า ทั้งเพราะหน้าสวยจัด บุคลิกโดดเด่น นี่ขนาดหล่อนนั่งอยู่ตรงหน้า ตรงข้าม ตรงสายตาแท้ๆ ยังอุตส่าห์มองผ่านไปเห็นเพียงรุ้งที่ห่างไปตั้งไกลในสายตาแทน และด้วยความหงุดหงิดนั้นทำให้หล่อนเผลอวางแก้วเสียงดัง ทำหน้ามุ่ย

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ชอบแก้วนี้เหรอ”

“เปล่า” ไลลาลิณตวัดเสียงขุ่นโดยไม่ได้รู้ตัว

“ไม่รู้จักทำตัวเป็นคนมีอารมณ์ขันแบบพี่สาวคุณบ้างล่ะ ตัวแค่นี้แต่ทำหน้ายุ่งเก่งจัง” ขณะมานเมตต์เองก็หงุดหงิดทันที

เพราะไม่ชอบเห็นไลลาลิณทำสีหน้าไม่มีความสุขเลยทำให้ชายหนุ่มพูดออกไปเช่นนั้น แต่กลับทำให้คนอายุน้อยคิดมากไปไกล กระดกเครื่องดื่มรวดเดียวหมดแล้ว ก่อนจะเร่งให้มานเมตต์รีบเปิดขวดอื่นๆ จะได้ทำงานที่คุณย่ามอบหมายให้เสร็จเสียที

เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ไวน์ทั้งแปดขวดก็ถูกเปิดออกหมด และถูกรินให้ไลลาลิณชิมจนครบ

“ขวดนี้อร่อยมาก”

“ผมรู้ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับงานเลี้ยง”

“แล้วจะเอามาให้เลือกทำไม” คนโมโหตาขวางใส่ผู้ชายตรงหน้า

“ก็เอามาเป็นตัวเลือก แต่ผมไม่แนะนำ”

ไวน์ตัวที่ไลลาลิณชิมเป็นขวดสุดท้ายนั้นดีจริงๆ ทั้งรูป รส กลิ่น แต่มานเมตต์คิดว่ามันแรงเกินไป และราคาสูงเกินไปสำหรับการสั่งซื้อในปริมาณมากแบบนี้

“โอ๊ย นี่คุณจะกวนประสาทกันหรือไง”

“ไม่ได้กวน ที่ผมเอามาก็เพื่อที่จะให้คุณชิม จะได้รู้ว่ามันหนักไปสำหรับงานเลี้ยงแบบค็อกเทล แล้วราคาก็สูงด้วย”

เขาเห็นรายละเอียดการจัดงานปีก่อนๆ ทั้งจากเลขาฯ ของคุณหญิงศศินิภา ทั้งจากแสนวิเศษที่ยินดีแบ่งปันข้อมูลให้ ทำให้ทราบว่าไวน์ชนิดที่ท่านเลือกมีรสชาติประมาณไหน ราคาเท่าไร

“มันจะกี่ตังค์กันเชียว”

“เกือบสองพัน”

“โห แค่นี้เอง”

คนที่มีเงินล้นมือพูดเสียงไม่เบา ปกติเวลาไปไหนมาไหน สนนราคาไวน์ที่หล่อนเปิดดื่มก็ไม่ต่ำไปกว่าที่มานเมตต์เพิ่งเอ่ยออกมา แต่คนขายของกลับไม่เห็นเช่นนั้น

“มันแพงเกินไปจากเรตของยี่ห้อเดิม” ของเก่าที่ทางนี้เคยเลือกใช้ตกอยู่ที่ขวดละพันนิดๆ เมื่อทำส่วนลดแล้วก็ไม่ถึงพันบาทดี

“ผมแนะนำนะว่าให้ใช้ตัวนี้ ไม่ก็ตัวนี้” มานเมตต์เลื่อนไวน์สองขวดที่เขาเห็นว่าเหมาะมาตรงหน้าไลลาลิณ ซึ่งหล่อนเองก็จำได้ว่าเป็นเครื่องดื่มลำดับที่ห้ากับที่หก ซึ่งเลือนๆ เรื่องรสชาติไปแล้ว

“ขวดนี้ราคาเท่ากันกับเรตที่คุณหญิงเคยสั่งมาทุกปี ปีของไวน์อาจจะใหม่หน่อย แต่รสชาติก็เท่าๆ กัน”

“ใครจะไปจำได้”

พูดมาแบบนั้น มานเมตต์จึงรินเครื่องดื่มให้ไลลาลิณเสียใหม่ คราวนี้ในปริมาณที่คนปกติดื่ม ไม่ใช่แค่ก้นแก้วเหมือนทีแรก

“งั้นคุณลองดูอีกที”

มานเมตต์รอให้ไลลาลิณดื่มแก้วนั้นหมดลง แล้วจึงหันไปหยิบขวดน้ำเย็นมาเทใส่แก้วเปล่าให้หญิงสาวล้างปาก ไลลาลิณก็ยกดื่มทันที แต่คงไวไปหน่อย น้ำเลยไหลเปื้อนลงมาเป็นทาง เดือดร้อนผู้ชายตรงหน้าที่มือไวคว้าทิชชูได้ก็ยกขึ้นซับริมฝีปากให้ ไม่วายขมวดคิ้ว

“กินดีๆ สิ โตแล้วนะ” เขาบ่น ขณะที่ไลลาลิณได้แต่นั่งนิ่งตกใจกับการกระทำของเขาพอๆ กับเพียงรุ้งที่เงยหน้าจากมือถือขึ้นมาเห็นพอดี แต่ยังได้สติเร็วกว่าน้องสาว รีบยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายภาพตรงหน้าไว้ และรีบส่งให้คู่สนทนาที่แชตกันมาตลอดเกือบสองชั่วโมง

“อื๊อ ทำอะไรน่ะ เช็ดเองได้”

“อืม งั้นลองตัวนี้อีกที ผมว่าคุณเลือกจากสองตัวนี้ดีไหม ส่วนตัวแรกผมจะจัดให้ทางแคเทอริงเขาเอาไว้ทำเป็นค็อกเทล”

ไวน์ตัวแรกที่เขาบอกเป็นไวน์ชิลี มีรสผลไม้ชัดเจน แอลกอฮอล์ไม่สูงมาก เหมาะที่จะนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มชนิดอื่น

ในขณะที่หญิงสาวรับเครื่องดื่มมาอีกแก้ว เริ่มจะตึงๆ นิดหน่อยเพราะยังไม่ได้กินข้าวเย็น แต่ก็คิดว่าจากแก้วนี้ก็จะตัดสินใจหลับตาจิ้มไปสักอย่าง ทว่าอยากจะหาเรื่องเขาให้สมกับความหงุดหงิดในหัวใจ

“ไหนบอกไวน์ของตัวเองอร่อยมากไง ที่บอกจะเอามาทำแชงเกรียให้กิน ยังไม่ได้ชิมสักที”

“ก็คุณบอกว่าไม่ชอบไวน์ผมตั้งแต่แรกนิ” มานเมตต์มองหน้าคนหาเรื่อง จำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ให้หล่อนชิมเครื่องดื่มของเขาว่าอีกฝ่ายไม่ถูกใจ

“ไลลาบอกว่าไม่ชอบดื่ม แต่คุณยืนยันนิว่าทำเป็นค็อกเทลอร่อย ถ้าแน่จริงไลลาจะให้สั่งวิน วิโนมาใช้ผสม ส่วนไวน์ในงาน...”

หล่อนยกแก้วสุดท้ายที่ตั้งใจแล้วว่าจะดื่มในวันนี้ขึ้น รับรู้รสชาติจนหยดสุดท้ายได้ก็จิ้มเลือกขวดนี้

“...ส่วนไวน์ในงาน ไลลาเลือกอันนี้ คุณหมากคำนวณ ปริมาณได้ใช่ไหมว่าต้องใช้เท่าไหร่ แต่สั่งเกินๆ มาก็ได้นะ คุณย่าบอกว่าเหลือดีกว่าขาด อีกอย่างเดี๋ยวก็มีเรื่องให้ได้เอาออกมาเลี้ยงใครต่อใคร บ้านนี้น่ะเปิดรับทุกคนแหละ”

ไลลาลิณยกน้ำขึ้นดื่มจนหมด เพราะจากตึง ตอนนี้ต้องพูดเลยว่ามึน พยายามหมุนตัวไปหาพี่สาวที่นั่งรอที่โซฟาแบบไร้ปากเสียง แล้วก็พบว่าเพียงรุ้งไม่ได้อยู่ตรงนั้น จึงหันหัวมองไปรอบๆ ศาลา แต่ก่อนที่จะได้พบคนที่มองหา ไลลาลิณก็เหมือนจะหน้าทิ่มไป จนมานเมตต์ต้องรีบปรี่เข้าไปประคอง

“เป็นอะไร”

“ไลลา!”

ในวินาทีนั้นเพียงรุ้งที่แอบออกไปโทรศัพท์หาเพียงดาวยืนยันนอนยันว่าเรื่องของทั้งคู่ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง แม้ว่าตัวเองจะไม่มีแฟน แต่เพียงรุ้งคิดว่าสายตาแบบนั้นน่าจะเป็นสายตาแบบเดียวกับที่หล่อนมองเพื่อนของเพียงดาว

“มะ มะ...ไม่เป็นไร ปล่อย”

ไลลาลิณบิดตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นทันใด แต่วูบหนึ่งพานให้คิดว่าหล่อนเคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหน แล้วก็ต้องส่ายหน้าสลัดความเพ้อเจ้อของตัวเอง เพราะไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้

“อืม นั่งได้ใช่ไหม”

“ได้ๆ”

ในขณะเดียวกันเพียงรุ้งก็ปราดมาจับแขนน้องสาวไว้ไม่พอ ยังดึงบ่าเล็กให้ห่างจากผู้ชายตัวโตด้วย “ไลลาโอเคไหม เมาหรือไง”

“ไม่ๆ หนูแค่หันเร็วไป พี่รุ้งไปไหนมา”

ร่างบางเตรียมจะลุกขึ้น ความวูบวาบที่เป็นผลจากมานเมตต์ช่วยไว้ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยดี สัมผัสจากปลายนิ้วของเขาที่แตะลงบนต้นแขนนวลเนียนเล่นเอาหน้าหล่อนร้อนซู่ ก่อนที่ขาจะพานอ่อนแรง แทบทรุดลงไป ดีที่คราวนี้เพียงรุ้งกอดเอาไว้ เข่าจึงไม่กระแทกลงกับพื้นเต็มแรง แต่เสียงดังของพี่สาวดูจะโอเวอร์แอกติงเกินจริง

“พี่ออกไปโทรศัพท์น่ะ ว้าย! ไลลาไหวไหมเนี่ย ตายแล้ว!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น