13

บทที่ 12


 

บทที่ ๑๒

 

ในที่สุดยิหวาก็สอบเสร็จหมดทั้งสอบปลายภาคและโอเน็ต ถือว่าเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างไม่เป็นทางการแล้ว หล่อนคิดว่าผลสอบปลายภาคไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรหล่อนก็น่าจะเรียนจบอย่างแน่นอน ตอนนี้ที่ทำให้หล่อนลุ้นจนใจหายใจคว่ำก็คือผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งจะประกาศผลในวันพรุ่งนี้เท่านั้นเอง

วันนี้หล่อนสอบโอเน็ตเป็นวันสุดท้าย และชายหนุ่มก็นัดมารับหล่อนหลังจากสอบเสร็จ ยิหวาเดินไปยืนรอหน้าโรงเรียนซึ่งเป็นสนามสอบเหมือนเพื่อนคนอื่นที่รอผู้ปกครองมารับ รออยู่ไม่นานรถยนต์คันใหญ่ของเขาก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า

ยิหวาเดินตรงไปเปิดประตูตอนหน้าแล้วก้าวเข้าไปนั่ง มองเห็นคนขับหันมามองหล่อนแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถาม

“ทำข้อสอบไม่ได้หรือ สีหน้าไม่ค่อยดีเลยหนูดี”

“ทำได้ค่ะ” หล่อนตอบเสียงเบา หัวใจยังตุ๊มๆ ต้อมๆ กับผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จะประกาศในวันรุ่งขึ้น

“ทำได้แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น” เขาถาม สายตาไม่ละไปจากถนน

“พรุ่งนี้...ผลสอบเข้ามหาลัยออกค่ะ หนูดีกลัวสอบไม่ติด” หล่อนบอกตามตรง หลุบตาลงมองมือตนเองที่ประสานกันอยู่หน้าตัก แม้จะมั่นใจว่าน่าจะสอบเข้าได้ แต่หล่อนก็กังวลอยู่ดี

เขาละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถมาขยี้ศีรษะหล่อนอย่างเอ็นดู บอกด้วยน้ำเสียงสบายใจ

“ระดับเธอไม่เห็นต้องกังวลให้เสียเวลาเลยหนูดี ฉันรู้ว่าเธอสอบได้แน่”

“คุณภูว่าหนูดีจะสอบได้หรือคะ” หล่อนถามเพื่อความแน่ใจ การที่ได้ยินคนอื่นยืนยันว่าหล่อนจะสอบได้ทำให้หล่อนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

“สอบได้สิ เธอเรียนเก่งออก ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล” เขาว่า ละมือจากศีรษะหล่อนกลับไปบังคับพวงมาลัย เอ่ยชวน "ไปกินไอติมฉลองสอบเสร็จกันดีกว่า”

 

ไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ ช่วยให้ยิหวารู้สึกคลายกังวลได้จริงๆ และพอหลังจากกินไอศกรีมเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ชวนหล่อนดูภาพยนตร์ต่อ

“คุณภูไม่ต้องทำงานหรือคะ” หล่อนถาม รู้ว่าเขาค่อนข้างยุ่งทั้งงานในไร่และงานในแล็บ แค่ที่เขามารับหล่อนนี่ก็รู้สึกว่ารบกวนเวลาทำงานของเขามากแล้ว

“ไม่หรอก ฉันเคลียร์งานหมดแล้ว ตั้งใจจะมาฉลองสอบเสร็จกับเธอ”

เมื่อเขาว่าเช่นนั้นยิหวาก็ตกลงดูภาพยนตร์กับเขาต่อ ในใจรู้สึกอุ่นๆ แม้เขาจะมีงานยุ่งแต่ก็หาเวลามาดูแลหล่อนเสมอ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเขา หล่อนไม่เคยรู้สึกอ้างว้างเหมือนอยู่คนเดียวในโลกเลย แม้ว่าจะไม่มีพ่ออยู่ด้วยแล้วก็ตาม

ก่อนจะเดินไปยังโรงภาพยนตร์ ชายหนุ่มพาหล่อนไปยังร้านขายเสื้อผ้าแล้วกระซิบใกล้หู

“เปลี่ยนชุดก่อนดีกว่านะ”

ยิหวาก้มลงมองชุดนักเรียนของตนแล้วปรายตามองเขา ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนใต้ข้อศอก กางเกงยีน และรองเท้าหนัง ในสายตาคนนอกคงดูไม่ดีกับทั้งหล่อนและเขาหากจะเดินควงกันไปทั้งที่หล่อนยังใส่ชุดนักเรียนอยู่อย่างนี้ เพราะเขายังดูอายุไม่มากพอที่จะเป็นพ่อ แต่ก็มากเกินกว่าจะควงเด็กนักเรียนมัธยม หล่อนจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจแล้วบอก

“งั้นเดี๋ยวหนูดีเลือกชุดแป๊บนะคะ”

หล่อนได้เดรสสั้นแขนกุดเข้ารูปสีดำความยาวเหนือเข่าเล็กน้อยกับรองเท้าส้นสูงเตี้ยๆ ใส่สบายคู่หนึ่ง รอจนชายหนุ่มจ่ายเงินเสร็จจึงขอเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองเสื้อของร้าน เมื่อหล่อนเดินกลับมาหาเขาอีกครั้งก็เห็นคนรออยู่มองอย่างพอใจ เขาพูดกับหล่อนเสียงเบา

“ค่อยรู้สึกไม่เหมือนเฒ่าหัวงูหน่อย”

 

ตอนที่ออกจากโรงภาพยนตร์นั้นฟ้ามืดแล้ว ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยน

“หิวไหมหนูดี”

“นิดหน่อยค่ะ กลับเลยไหมคะ”

“ไม่กลับหรอก ฉันบอกป้าสุขใจไว้แล้วว่าคืนนี้เราจะหาอะไรกินในเมืองกัน”

“อ้อ...ค่ะ”

ยิหวาทำเสียงรับรู้โดยไม่ค้านอะไร หล่อนเดินตามการจับจูงของเขาไปยังรถยนต์ จากนั้นชายหนุ่มก็พาหล่อนไปยังร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง บรรยากาศดูผ่อนคลาย

อากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์ร้อนอบอ้าวแม้จะยังถือว่าอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ลมแม่น้ำที่พัดเอื่อยช่วยคลายความร้อนได้เป็นอย่างดี โต๊ะที่ชายหนุ่มพาหล่อนไปนั่งนั้นเป็นโต๊ะเล็กสำหรับสองคน ตั้งอยู่ในส่วนที่เป็นระเบียงติดแม่น้ำ มีตะเกียงน้ำมันให้แสงสว่างรอบบริเวณ ส่วนบนโต๊ะนั้นจุดเทียนให้บรรยากาศโรแมนติก

หลังจากที่ทั้งเขาและหล่อนนั่งลงเรียบร้อย บริกรก็ยื่นเมนูให้ โค้งกายแล้วขยับไปยืนรออยู่ไม่ไกลนัก เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนดูรายการอาหารอย่างมีมารยาท และกลับเข้ามายืนหน้าโต๊ะอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มทำสัญญาณมือว่าพร้อมสั่งอาหารแล้ว

“ขอดื่มเบียร์นะ” เขาบอกหญิงสาวเป็นเชิงขออนุญาต

“ตามใจคุณภูสิคะ” ยิหวาว่า

“ก็มาด้วยกัน ก็ต้องปรึกษากันก่อนสิ” เขาว่า ริมฝีปากติดยิ้มน้อยๆ จ้องมองหล่อนจนคนถูกมองหลบตา เขายิ้มอารมณ์ดีแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

“ไม่ดื่มมากหรอก ยังต้องขับรถ ความปลอดภัยต้องมาก่อน โดยเฉพาะมีเธออยู่ในรถด้วย” บอกแล้วก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน โดยมีทั้งเมนูที่เขาเลือกและที่หญิงสาวเลือกไว้อีกสองสามจาน

บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก่อน ยิหวาสั่งน้ำพันช์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งเสิร์ฟมาในแก้วก้านสั้นทรงสูง มีส้มบลัดออเรนจ์ฝานชิ้นบางเสียบมาบนขอบแก้ว ขณะที่ของชายหนุ่มเป็นเบียร์แช่เย็นจัดดูน่าดื่ม

“ชนแก้วกันหน่อย” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับยกแก้วขึ้นตรงหน้า

ยิหวายกแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มสีหวานของตนขึ้นชนกับแก้วเขาดังกริ๊ก

“ฉลองให้หนูดีที่เรียนจบ” เขาว่า

“ต้องไชโยไหมคะ” ยิหวาถามหน้าตาย

“เชยระเบิด” เขาว่าหน้านิ่งไม่แพ้กัน

ยิหวาหลุดหัวเราะคิกออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกเครื่องดื่มของตนขึ้นดื่มตามเขาที่ยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนแล้ว

ระหว่างรออาหาร คีรีสังเกตเห็นว่ายิหวาขยับเท้าใต้โต๊ะอยู่บ่อยครั้ง จึงถามอย่างเป็นห่วง

“ยุงกัดหรือหนูดี”

“ค่ะ” ยิหวาตอบพร้อมกับตบยุงที่ต้นขาเบาๆ

ชายหนุ่มเหลียวไปมาเพื่อมองหาพนักงาน เมื่อเห็นก็ทำมือเรียก ซึ่งพนักงานก็เดินตรงเข้ามาทันที

“น้องครับ รบกวนขอยากันยุงหน่อยได้ไหมครับ” เขาถามอย่างสุภาพ

“รอสักครู่นะครับ” พนักงานบอกแล้วโค้งให้ก่อนจะเดินจากไป

ไม่นานพนักงานคนเดิมก็กลับมา ในมือมีสเปรย์ฉีดกันยุงมาด้วย จากนั้นก็ยื่นให้คีรี

ชายหนุ่มรับมาแล้วบอกคนนั่งตรงข้าม “ยื่นขามาสิ”

ยิหวามองคนบอกแล้วหลบตาวูบ ยื่นขาออกนอกโต๊ะไปทางชายหนุ่มตามคำสั่ง มองดูเขาก้มลงฉีดสเปรย์กันยุงไปทั่วเรียวขาของหล่อน ตั้งแต่ต้นขาลงไปจนถึงปลายเท้า กลิ่นตะไคร้หอมกันยุงฟุ้งในอากาศ แต่สิ่งที่ฟุ้งมากกว่ากลิ่นจากสเปรย์กันยุงคือ ความอบอุ่นที่อวลอยู่ในใจหล่อน

เขาคงไม่รู้หรอกว่า สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำให้คล้ายกับสายฝนเย็นฉ่ำที่รินรดเมล็ดพันธุ์บางอย่างในใจหล่อนให้ค่อยๆ แทงราก...ผลิใบ...

 

ยิหวาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกตุ๊มๆ ต้อมๆ วันนี้แล้วที่มหาวิทยาลัยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์จากวิธีรับตรง ทันทีที่ลืมตาตื่น หล่อนก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบรายชื่อในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย มือชื้นเหงื่อไปหมดด้วยความตื่นเต้น

หลังจากที่เปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วพบว่ารายชื่อยังไม่ออก หล่อนรู้สึกทั้งผิดหวังและโล่งอกผสมผสานกัน ผิดหวังที่ยังไม่รู้ว่าหล่อนจะสอบติดหรือไม่ แต่ขณะเดียวกันก็โล่งอกที่ยังมีเวลาให้ได้ทำใจลุ้นต่ออีกสักหน่อย

หญิงสาวเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว อาบน้ำชำระร่างกาย และกลับออกมาแต่งตัว เสร็จแล้วก็ตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง แต่เมื่อพบว่าผลยังไม่ออกอยู่เช่นเดิม หล่อนจึงตัดสินใจลงไปรับประทานอาหารเช้าก่อน

เมื่อหล่อนลงไปถึงชั้นล่างก็เห็นคนตัวโตเดินเข้าบ้านมาพอดี เขาเดินตรงมาหาหล่อนแล้วถามราวกับว่ารอลุ้นอยู่เช่นกัน

“ประกาศผลแล้วใช่ไหมหนูดี”

“ยังเลยค่ะ”

“อ้าว” เขาอุทาน น้ำเสียงคาดไม่ถึง “ไหนว่าผลออกวันนี้”

“วันนี้ค่ะ แต่หนูดีเช็กในเว็บแล้วยังไม่ออก”

“งั้นหรือ...งั้นไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับไปดูใหม่”

“ค่ะ” ยิหวารับคำแล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องอาหาร

ป้าสุขใจกับต้นหอมกำลังช่วยกันตั้งโต๊ะตอนที่ยิหวากับชายหนุ่มเดินเข้าไป ป้าสุขใจเงยหน้าขึ้นมาทักพร้อมยิ้มกว้าง

“พ่อเลี้ยง คุณหนูดี เชิญค่ะ ป้ากำลังจะให้ต้นหอมไปตามอยู่แล้วเชียว”

สองหนุ่มสาวเดินไปนั่งประจำที่ รอจนป้าสุขใจตักข้าวให้แล้วถอยออกไปจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหาร

ทั้งสองนั่งกินข้าวเช้ากันเงียบๆ ไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักเท่าไร จนเมื่ออิ่ม ชายหนุ่มก็ถาม

“จะกลับไปรอเช็กผลข้างบนหรือหนูดี”

“ค่ะ”

“ออกไปสูดอากาศให้สบายใจก่อนค่อยกลับขึ้นไปคงไม่ช้าเกินไปใช่ไหม”

แม้ถ้อยคำเหมือนถาม แต่สายตาเขาคล้ายจะบังคับ ทำให้ยิหวาถอนใจยาว บางทีการไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนจะกลับขึ้นไปลุ้นผลการสมัครเข้าเรียนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อหัวใจของหล่อนมากกว่าก็ได้ จึงตอบตกลง

ชายหนุ่มพาหล่อนเข้าไปในไร่ ตรงไปยังแปลงกุหลาบสวีตฮาร์ตซึ่งออกดอกสีชมพูหวาน ส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ เขาหยุดตรงแปลงกุหลาบ แล้วเลือกตัดกุหลาบดอกสวยสมบูรณ์หลายดอกแล้วยื่นให้หล่อน

“กลิ่นหอมๆ ของสวีตฮาร์ตจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เอาไปใส่แจกันไว้ในห้องนอนนะ”

“ขอบคุณค่ะคุณภู” หล่อนตอบ รับช่อกุหลาบมาถือไว้ขณะเดินไปด้วยกัน

คีรีพาหล่อนเดินไปจนถึงคอกม้า โบกมือทักทายผู้จัดการไร่ซึ่งเดินตรวจไร่อยู่บริเวณนั้น แล้วหันมาหาหญิงสาว

“ไปขี่ม้าเล่นสิหนูดี ฉันขอทำงานหน่อย”

“อ้าว” ยิหวาอุทาน หน้าง้ำ เขาชวนหล่อนออกมาเดินเล่น แต่กลับจะหนีไปทำงานเสียอย่างนั้น

คีรียิ้มบางๆ เมื่อเห็นหน้าหญิงสาวราวกับเขารู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไร เขาพูดคล้ายแก้ตัว

“เชื่อฉันเถอะ ไปขี่ม้าให้หัวโล่งแล้วเธอจะกลับไปลุ้นผลโดยเครียดน้อยลง ฉันมีอะไรจะคุยกับคุณบดินทร์นิดหน่อย แล้วจะกลับมารอที่คอกม้า”

“ก็...ดีเหมือนกันค่ะ” ยิหวาตกลง

จะว่าไปหล่อนก็ไม่ได้ขี่ม้ามาพักใหญ่แล้วเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการสอบ การที่เขาดึงหล่อนออกจากการลุ้นผลสอบมาที่นี่แล้วไล่หล่อนไปขี่ม้า ทำให้ยิหวาอดขอบคุณเขาในใจไม่ได้

เมื่อหญิงสาวตกลงจะไปขี่ม้าเล่น คีรีก็เตรียมม้าให้หล่อน จนหญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเรียบร้อย เขาก็บอก

“ขี่ม้าเล่นให้สนุกหนูดี ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเครียดเรื่องผลสอบ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ แต่ถึงคราวนี้จะไม่ได้ ก็ยังมีทางอื่นอีกเยอะแยะ ไปขี่ม้าเล่นให้สบายใจ ฉันจะรออยู่ที่นี่”

“ขอบคุณค่ะคุณภู เดี๋ยวหนูดีกลับมานะคะ” หล่อนว่าแล้วควบม้าจากไป

คีรีมองตามคนนั่งตัวตรงบนหลังม้าที่เคลื่อนห่างออกไปจนเห็นเพียงลิบๆ แค่เห็นหน้าหล่อนเมื่อเช้าก็รู้แล้วว่าหล่อนวิตกกังวลกับผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะประกาศแค่ไหน จึงได้ชวนหล่อนออกมาเดินเล่น และบอกให้หล่อนขี่ม้าเพื่อคลายเครียด ก่อนที่จะให้กลับไปตรวจสอบผลในเว็บไซต์อีกครั้ง

ยิหวาหายไปราวครึ่งชั่วโมงก็กลับมาที่คอกม้าอีกครั้ง คีรีรออยู่แล้ว เขารับหล่อนลงจากหลังม้า ปลดอานและส่งม้าต่อให้คนงานดูแลต่อ แล้วจึงถามหล่อน

“จะกลับบ้านหรือยัง จะเดินไปส่ง”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณภูทำงานไปเถอะ แค่นี้เอง หนูดีกลับเองได้ค่ะ” หล่อนตอบก่อนจะเดินไปหยิบกุหลาบที่แช่น้ำอยู่ในถังขึ้นมาถือ แล้วบอกเขา

“แล้วเจอกันที่บ้านตอนเย็นค่ะคุณภู”

เมื่อหล่อนยืนยันเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงไม่รั้งไว้อีก เขาเพียงพยักหน้าให้ ยืนมองหล่อนเดินกลับบ้านสักครู่ เมื่อแน่ใจว่าหล่อนถึงบ้านแล้ว เขาจึงหันกลับไปหาบดินทร์ซึ่งรออยู่ที่แปลงกุหลาบอีกครั้ง

 

เมื่อถึงบ้าน ยิหวาเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตนทันที หญิงสาวเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันแล้วเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์แลปทอปบนโต๊ะหัวเตียง เปิดหน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยขึ้นมาด้วยหัวใจที่ล้มคว่ำคะมำหงายอย่างตื่นเต้น ในใจนึกถึงคนที่บอกให้หล่อนไปขี่ม้า เขาพูดถูก...การออกไปขี่ม้าทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้น ตอนนี้หล่อนตื่นเต้นก็จริง แต่ก็เป็นความตื่นเต้นที่หล่อนรู้สึกสบายใจ ไม่ได้เจือความวิตกกังวลจนรู้สึกเหมือนจะอาเจียนอย่างเมื่อเช้า

หญิงสาวคลิกที่หน้าประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ ใจเต้นจนต้องยกมือขึ้นวางแนบอกเมื่อเห็นรายชื่อเรียงราย หล่อนกวาดตาหาชื่อของตน ก่อนจะยิ้มกว้าง

นางสาวยิหวา หิรัญฤกษ์

ชื่อของหล่อนคล้ายกับโดดเด้งขึ้นมาจากหน้าจอจนไม่เห็นชื่อคนอื่นๆ หล่อนสอบติด! ในคณะและมหาวิทยาลัยที่หล่อนสมัครไว้ หล่อนคลิกลิงก์ที่นำไปสู่ไฟล์พีดีเอฟของกำหนดการสอบสัมภาษณ์ อ่านจนแทบจำได้ขึ้นใจแล้วจึงสั่งพิมพ์ หล่อนจะเอาไปให้เขาอ่าน

เมื่อคิดถึงเขา หัวใจที่เพิ่งพองฟูด้วยความยินดีเพราะสอบติดมหาวิทยาลัยที่หล่อนต้องการก็เหี่ยวแฟบ เขาจะว่าอย่างไรบ้างหนอเมื่อรู้ว่าหล่อนจะไปเรียนไกลถึงกรุงเทพมหานคร

 

เย็นนั้นเมื่อชายหนุ่มกลับเข้าบ้าน ยิหวารอเขาอยู่แล้วพร้อมเอกสารในมือ เขาส่งยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ค่อยยิ้มบ่อยนักให้หล่อน ปรายตาไปยังเอกสารในมือหล่อนเหมือนเดาได้

“เธอมีข่าวดีจะบอกฉันใช่ไหมหนูดี” เขาถามพลางพาหล่อนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ตรงไปยังโซฟาแล้วทำท่าทางให้หล่อนนั่งลงด้วยกัน

ยิหวานั่งลงข้างๆ เขาแล้วยื่นเอกสารให้

“กำหนดการสอบสัมภาษณ์ค่ะคุณภู”

ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ยินดีกับหล่อนผสมผสานกับความภาคภูมิใจ ยิหวาของเขาเก่งอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

แต่แล้วรอยยิ้มกว้างนั้นก็ค่อยๆ หุบลงจนกลายเป็นริมฝีปากเม้มสนิท เมื่อสายตาสบกับตัวหนังสือบนกระดาษในมือ

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย...วิทยาเขตบางเขน

บางเขน...หล่อนจะไปเรียนบางเขน ไม่ใช่มหาวิทยาลัยใกล้บ้านอย่างที่เขาเข้าใจ

ยิหวารู้สึกถึงโพรงในอกที่ขยายขนาดขึ้นจนวูบโหวงเมื่อเห็นคนที่ก้มหน้าอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นมาสบตาหล่อน เขาไม่มีคำพูดใดๆ ไม่ท้วง ไม่ถาม มีเพียงสายตาตัดพ้อผิดหวัง แต่แค่นั้นก็ทำให้หล่อนรู้สึกทุรนทุรายในอกด้วยความรู้สึกผิด

“คุณภู...” หล่อนเรียกเขาเสียงเบา

แต่ชายหนุ่มไม่ฟังหล่อน ไม่สนใจหล่อนเลย เขาลุกขึ้นยืน มือยังถือกระดาษที่ตอนนี้กำแน่นจนยับย่น และก่อนที่จะก้าวขาออกจากห้องนั่งเล่นเขาก็บอกหล่อนเสียงเย็น

“ฉันต้องทำอะไรบ้างก็มาบอกแล้วกัน”
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น