บทที่ 7
ภรรยาที่ต้องหลบซ่อน
ชีวิตหลังแต่งงานของพลอยชมพูเริ่มต้นขึ้นวันใหม่อย่างง่ายๆ ธีระพัฒน์ไม่รับประทานข้าวเช้าด้วยเหตุผลเรียบง่ายว่าเขาต้องรีบไปทำงาน เขาดื่มแค่กาแฟดำในตอนเช้า แม้ตัวเองจะเป็นเจ้าของบริษัท แต่ธีระพัฒน์กลับเข้างานไวกว่าพนักงานของเขาเสียอีก
ถือว่าเป็นผู้บริหารที่น่าชื่นชม
กิจวัตรประจำวันที่เพิ่มขึ้นมาก็คือเขาจะต้องตื่นให้เช้าขึ้นเพื่อเผื่อเวลาให้พลอยชมพูแต่งตัวและไปส่งเธอที่ทำงาน โชคดีที่ที่ทำงานของพลอยชมพูเองก็อยู่ในย่านสาทรเช่นเดียวกับเขา
พลอยชมพูกลับมาทำงานในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันปลายสัปดาห์ที่คนจะเริ่มขี้เกียจทำงาน และสนใจเรื่องเมาท์เสียมากกว่า สังเกตได้จากคนในแผนกที่จับกลุ่มซุบซิบกันทันทีที่พลอยชมพูก้าวเท้าเข้าไปในแผนก หญิงสาวเดินไปยังโต๊ะของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากห้องประธานฝ่ายการตลาด เธอทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะและรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม สายตาที่จ้องมองมาบ่งบอกได้ว่าเรื่องกอซซิปที่พวกเขาเมาท์กันอยู่นั้นจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอแน่ๆ
ว่าแต่เรื่องอะไร หรือว่ามีคนรู้เรื่องเธอกับธีระพัฒน์แล้ว
“ไม่มาทำงานแค่สามวัน มีผัวมาส่งถึงที่ทำงานเชียวนะ” น้ำเสียงอันไม่เป็นมิตรจากน้ำบุษย์ ศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังพลอยชมพูมาตั้งแต่ชาติปางไหนทักทายเธอ พร้อมกับท่าทางเพ่งพินิจเล็บจนน่าหมั่นไส้ เธอเดินมาอ้อยอิ่งอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานของพลอยชมพู
“ไปหิ้วมาจากไหนล่ะ จากงานแต่งพี่สาวเหรอ เป็นใครล่ะ น้องชายเจ้าบ่าว หรือเพื่อนเจ้าบ่าว”
“เธอพูดเรื่องอะไร” พลอยชมพูปฏิเสธเสียงสั่น เธอพยายามหลบตาคู่นั้น
“ก็ฉันเห็น…” เจ้าของเสียงแหลมเว้นช่วง “มีรถเบนซ์มาส่งเธอถึงหน้าที่ทำงาน ถ้าไม่ใช่ผัว…แล้วจะเป็นใครล่ะ”
“ผัวเผออะไรล่ะ ถ้าว่างนักก็เอาเวลาไปทำงานเถอะนะคุณบุศย์ นี่มันก็แปดโมงแล้ว หมดเวลาเมาท์แล้วค่ะ” เกศสุดาโผล่เข้ามาช่วยทันเวลา วางแฟ้มเอกสารพลั่กต่อหน้าน้ำบุษย์
น้ำบุษย์ทำปากเบ้ เธอเสยผมสลวยสวยเก๋และเหลือบไปทางห้องของประธานฝ่ายที่ยังว่างเปล่า
“มีผู้ชายมาส่งถึงหน้าที่ทำงาน ถ้าไม่ใช่ผัว แล้วจะใครล่ะคะ”
“หยุดใช้คำพูดต่ำๆ กับเพื่อนฉันได้แล้วนะคะ ใครจะมาส่งยายพลอยมันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ หรือว่าคุณอิจฉา” เกศสุดาโต้
น้ำบุษย์ฮึดฮัดและทำท่าจะโต้เถียง เกศสุดาตัดรำคาญ เธอโบกมือทักทายด้านหลังของน้ำบุษย์ที่เงาของผู้ชายคนหนึ่งยังอยู่อีกไกลลิบ
“สวัสดีค่ะบอส วันนี้มาเร็วจังเลยนะคะ”
น้ำบุษย์หันรีหันขวาง เธอรีบกลับไปประจำโต๊ะของตัวเอง พลอยชมพูขอบคุณเพื่อนรักผ่านทางสายตา ก่อนทุกคนจะแยกย้ายไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
Line!
KATES : เธอต้องระวังหน่อยนะพลอย ยายบุศย์น่ะตาไวยิ่งกว่าอีแร้งหาเหยื่อ
PLOY : ขอบใจนะเกศ ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของฉันกับคุณธีระพัฒน์
KATES : เธอจะต้องไม่ให้ใครรู้เลยต่างหาก
เกศสุดาส่งภาพถ่ายหน้าจอของเพจเมาท์วงการเพจหนึ่งมา
‘ธีระพัฒน์ - เพชรน้ำหนึ่ง เข้าประตูวิวาห์ชื่นมื่น คุณหญิงนฤมลจัดฉลองใหญ่ต้อนรับสะใภ้เข้าสู่ตระกูลเพชร แต่งานวิวาห์นี้กลับมีกลิ่นทะแม่ง ลือกันว่ามีเจตนาหวังฮุบเพชรมากกว่าเกี่ยวดองด้วยหัวใจ’
พลอยชมพูมือสั่น ความกลัวแล่นเข้าจับจิตและพะวงไปถึงผู้ชายอีกคน
พี่ธีร์จะเห็นข่าวนี้หรือยัง?
KATES : ตอนนี้ทั่วบ้านทั่วเมืองรับรู้ว่าคุณธีร์ของเธอน่ะแต่งงานกับพี่สาวเธอ ไม่ใช่เธอ เธอจะปล่อยให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เลยนะพลอย ไม่งั้นเธอโดนโจมตีหนักแน่
พลอยชมพูกังวลใจ เธอเซฟรูปภาพนั้นไว้ เห็นทีเย็นนี้เธอมีเรื่องที่จะต้องคุยกับธีระพัฒน์อีกยาว
ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว ธีระพัฒน์ไลน์มาบอกว่าเขาจะเข้ามารับพลอยชมพูในตอนเย็น เมื่อรถเบนซ์คันสีดำมาจอด หญิงสาวก็รีบพุ่งขึ้นรถเพราะเกรงว่าจะมีใครจะมาเห็นคนที่อยู่ในรถเข้าเสียก่อน ธีระพัฒน์แปลกใจนิดหน่อยกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของหญิงสาว ทว่าเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งสองแวะรับประทานข้าวในห้าง ก่อนธีระพัฒน์จะพาพลอยชมพูกลับเข้าเพนต์เฮาส์ที่เปรียบเสมือนเรือนหอชั่วคราวของคนทั้งคู่ในเวลาเกือบสองทุ่ม
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์สำหรับคนทั้งคู่คือ คุณหญิงนฤมลที่นั่งรออยู่ในโซฟาห้องรับแขก
“แม่…” ธีระพัฒน์วางของและเข้าไปหาหญิงสูงวัย
พลอยชมพูยืนตัวแข็ง สายตาไม่เป็นมิตรของคุณหญิงทำเอาการไหว้ของหญิงสาวนั้นเก้งก้างไปหมด เธอยอมรับว่าเธอกลัวคุณหญิงนฤมลมาก
คุณหญิงปรายสายตามองหญิงสาวที่อยู่ในชุดทำงานตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่รับไหว้ เธอหันไปคุยกับลูกชาย
“แม่มาหาธีร์ถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“ธีร์เห็นข่าวนี่หรือยัง” คุณหญิงนฤมลยื่นสมาร์ตโฟนของเธอให้ลูกชาย ขณะที่พลอยชมพูกำสมาร์ตโฟนของตนเองเอาไว้แน่น เธอว่าจะคุยกับเขาก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน
เมื่อธีระพัฒน์ได้อ่านมัน ความเคร่งเครียดก็ปรากฏบนดวงหน้าคมเข้ม
“ผมกับพลอยไม่ได้ปล่อยข่าว”
“แม่รู้ว่าพวกเธอไม่กล้าพูดหรอก”
“...แล้วแม่ต้องการอะไรครับ”
สองแม่ลูกสบตาราวกับประเมินความคิดของกันและกัน พลอยชมพูรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนนอก
เป็นคุณหญิงนฤมลที่เริ่มเอ่ยก่อน
“แม่มาเพื่อจะบอกว่าแม่ยอมรับการตัดสินใจของเรา” คุณหญิงนฤมลเหลือบมองพลอยชมพู “เพราะฉะนั้น เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของแม่ด้วย”
“อะไรบ้างครับ” ธีระพัฒน์ถามต่อ เขาเห็นพลอยชมพูยืนตัวสั่น จึงขยับเข้าไปใกล้และกุมมือหญิงสาวเอาไว้ ความรู้สึกที่ถูกปกป้องทำให้พลอยชมพูรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นสะใภ้ก็ต่อเมื่อเธอพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าเธอนั้นคู่ควรกับตาธีร์ ไม่งอมืองอเท้า ทำตัวเป็นปลิงเกาะแข้งเกาะขาดูดเลือดเขาไปวันๆ”
“พลอยชมพูไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนครับแม่ ผมรับรอง”
“ตาธีร์รู้ใช่ไหมว่าแม่มีแผนจะเปิดตัวเครื่องเพชรวินเทอร์คอลเล็กชันในเดือนหน้า”
ธีระพัฒน์รับคำ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าแม่ต้องการจะสื่ออะไร
“คนรู้จักของฉัน ช่วยเหลืองานแต่งของลูกชายฉันไปตั้งมาก และคงไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอก แบบที่ฉันโดน” คุณหญิงนฤมลหันไปหาพลอยชมพู “เรื่องสำคัญที่ฉันอยากจะบอกคือ ในระหว่างนี้ห้ามเธอแสดงตัวกับใครว่าเธอเป็นภรรยาของตาธีร์ สังคมจะต้องรับรู้ว่าเพชรน้ำหนึ่งคือภรรยาของตาธีร์ต่อไป เรื่องการสลับตัวเจ้าสาวลวงโลกนั่นจะต้องรู้กันเพียงแค่ในครอบครัวของเราทั้งสองเท่านั้น อย่าให้การกระทำของแม่เธอมาทำให้ตระกูลของฉันมีข่าวฉาวให้เสียหายและกระทบถึงธุรกิจของฉัน เข้าใจไหมหนูพลอยชมพู”
“มันจะไม่ยุติธรรมกับน้องพลอยไปหน่อยหรือครับ ถึงยังไงเธอก็เป็นภรรยาของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย…”
“แม่ไปสู่ขอหนูเพชรน้ำหนึ่งมาเป็นลูกสะใภ้ แต่แม่ถูกคุณหญิงรัตนเอาลูกสาวอีกคนมาย้อมแมวขาย มันยุติธรรมสำหรับแม่ไหมล่ะตาธีร์”
ธีระพัฒน์ได้แต่นิ่งเงียบ เรื่องนี้จะจบลงอย่างง่ายดาย ถ้าวันนั้นแค่เขาไม่ยืนกรานจะจดทะเบียนสมรสกับพลอยชมพู
ความเอาแต่ใจของเขาส่งผลเสียต่อตัวพลอยชมพูเต็มๆ
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ ผมถึงจะบอกใครต่อใครได้ว่าพลอยชมพูเป็นภรรยาของผม”
“เธอจะพากันไปไหนก็เรื่องของเธอ แต่ห้ามพาพลอยชมพูออกงานสังคม ห้ามบอกว่าเขาคือคนของภคเวชกุล แล้วแม่จะหาจังหวะแก้ไขเรื่องนี้เอง”
คุณหญิงนฤมลกลับไปสักพักแล้ว ทั้งสองต่างแยกย้ายไปทำธุระของตนเอง ธีระพัฒน์นึกกังวล เพราะพลอยชมพูไม่พูดอะไรกับเขาเลยตั้งแต่คุณหญิงกลับไป เธอไม่ร้องไห้ฟูมฟาย หรือการแสดงออกทางอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากความนิ่งเงียบที่เขาได้รับจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนที่พลอยชมพูอยู่บนเตียงเดียวกับเขาและนอนหันหลังให้เขา
ธีระพัฒน์อึดอัด แม้เธอจะทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน แต่เธอมีตัวตนอยู่เสมอในสายตาของเขา เขาอยากรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงบ้าง หรือว่าคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าพลอยชมพูไม่อยาก เขาก็ไม่อยากไปถาม
ชายหนุ่มสวมกอดเธอจากด้านหลัง รั้งคนตัวอุ่นให้มาอิงแอบแนบชิด
พลอยชมพูนิ่งสนิท ผิดวิสัยของเธอ
“น้องพลอยหลับแล้วเหรอ”
พลอยชมพูแสร้งทำเป็นหลับ เธอไม่พร้อมจะคุยกับเขาในตอนนี้ ความรู้สึกในใจของเธอตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด เธอกลัวว่าถ้าเธอเอ่ยปากพูด เธอจะต้องทะเลาะกับธีระพัฒน์อีกแน่
“พี่รู้นะว่าน้องพลอยยังไม่หลับ”
“...”
“เรื่องที่แม่พี่พูด…พี่อาจจะต้องทำตาม เรื่องสังคมผู้ใหญ่มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะถ้ามีข่าวซุบซิบออกไป มันจะกระทบกับธุรกิจของพ่อแม่พี่ พี่หวังว่าน้องพลอยคงจะเข้าใจพี่นะ”
“...”
“อย่าเงียบใส่พี่สิ” ธีระพัฒน์สูดกลิ่นอันหอมกรุ่นจากเรือนผมของหญิงสาว “โตๆ กันแล้ว พี่ว่าเราควรคุยกันตรงๆ ด้วยเหตุดีกว่าการเงียบใส่กันเพราะอารมณ์นะ”
พลอยชมพูถอนหายใจหนัก เธอลืมตาในความมืด รู้สึกได้ถึงไออุ่นของคนข้างหลังและแขนแข็งแรงของเขาที่โอบกอดเธอไว้
“พลอยเข้าใจค่ะ” เธอกล่าว หญิงสาวทิ้งช่วงไปพักใหญ่แล้วเอ่ย “แต่ที่พลอยไม่เข้าใจคือความรู้สึกของพลอยมากกว่า อยู่ๆ พลอยก็ได้แต่งงาน ได้กลายมาเป็นภรรยาของใครสักคน แต่ก็ต้องทำตัวเหมือนโสดทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้โสดอีกต่อไปแล้ว ต้องอยู่ในฐานะภรรยาที่บอกใครไม่ได้…พี่ธีร์เข้าใจพลอยไหมคะ”
“พี่จะรีบหาทางแก้...” ชายหนุ่มเปรย “แต่ตอนนี้พี่อยากให้น้องพลอยรู้ไว้ว่าไม่ว่ายังไงน้องพลอยก็คือภรรยาของพี่ เป็นคนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสมรส เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เมียน้อยหรือเมียเก็บของใคร”
พลอยชมพูไม่อาจห้ามน้ำตาที่ไหลออกมาได้ ธีระพัฒน์เข้าใจความรู้สึกของเธอ แค่นั้นก็ดีมากมายแล้ว อย่างน้อยเธอก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองโดนทิ้งให้ถูกรังแกอย่างโดดเดี่ยว
เขาจะคอยอยู่ข้างๆ และปกป้องเธออยู่เสมอ
จนกว่าวันนั้นจะมาถึง…
พลอยชมพูหลีกเลี่ยงที่จะพบปะผู้คนมาตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นโชคดีที่วันนี้เกศสุดาต้องตามติดหัวหน้าออกไปพบปะลูกค้านอกสถานที่ จึงไม่มีใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับเธอมากนัก พลอยชมพูไม่อาจสลัดคำพูดของคุณหญิงนฤมลที่เวียนวนอยู่ในหัวไปได้ แม้เธอจะพยายามไม่คิด พยายามไม่เก็บเอามาใส่ใจ แต่ความรู้สึกของเธอนั้นพังไม่มีชิ้นดี เธอรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่เล่นแล้วเอามาซุกซ่อนไว้
ธีระพัฒน์ไลน์มาหา บอกว่าวันนี้เขาอาจจะมารับช้าหน่อยเพราะติดลูกค้า แต่พลอยชมพูไม่กดอ่านข้อความเหล่านั้น ทำเป็นไม่สนใจมัน และตั้งใจว่าวันนี้เธอจะกลับคอนโดของธีระพัฒน์เอง
ถ้าจะเป็นของเล่น ก็ขอเป็นของเล่นที่ขยับเองได้ ไม่ใช่รอให้ใครมาจับให้ขยับตลอดเวลา
“คุณพลอย ยังไม่กลับอีกหรือครับ”
พลอยชมพูเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่เธอเก็บอยู่เมื่อเห็นร่างสูงเจ้าของคำทักทายที่กำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศที่ร้างผู้คน เธอก็อดแซวเสียมิได้
“เที่ยวนี้ลืมอะไรอีกล่ะคะคุณภณ โน้ตบุ๊ก เอกสาร หรือมือถือคะ”
“ลืมงานที่คุณส่งมาให้ผมตรวจเมื่อเช้าต่างหากครับ” เตชภณหัวเราะ เขาเป็นหัวหน้าที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ
“งานนี้ท่านประธานขอวันพุธหน้าไม่ใช่หรือคะ คุณภณไม่เห็นต้องวนรถกลับเข้ามาเอาเลย พลอยยังพอมีเวลาอีกสองสามวัน” พลอยชมพูแปลกใจ ไลน์ในสมาร์ตโฟนสั่นระรัว ชื่อ ‘คุณธีร์’ นั้นแสดงเด่นหราบนหน้าจอ แต่นัยน์ตาหวานแสร้งเป็นไม่เห็นมัน
“ผมไม่อยากเห็นคุณพลอยต้องอยู่ปิดออฟฟิศในคืนวันจันทร์อังคารหรอกครับ เดี๋ยวข้างบนเขาจะปรามาสว่าผมใช้งานพนักงานหนักเอาได้” เตชภณพูดติดตลก เขาขยับยิ้มที่แสนดูดี “อีกอย่าง ผมสั่งงานคุณพลอยเอาวันนี้ ผมก็ต้องตรวจงานวันนี้ ไม่ว่าจะในเวลาไหนผมก็ต้องตรวจ นั่นเป็นความรับผิดชอบของผม พรุ่งนี้คุณพลอยรอรับงานไปทำต่อได้เลย”
หัวหน้าของพลอยชมพูเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง แถมไม่ถือตัว อาจจะด้วยอายุที่ยังไม่มากนัก อยู่ในวัยใกล้เคียงกับพลอยชมพูและเกศสุดา ทำให้การประสานงานและรูปแบบการทำงานนั้นเข้ากันได้ดีมาก บุคลิกของเขาเหมาะกับการเป็นนักธุรกิจ พูดจาฉะฉานและรู้จักประนีประนอม รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา ทำให้เป็นที่รักใคร่ของลูกน้องทั้งในฝ่ายและอาจจะมีสาวๆ นอกฝ่ายบางส่วนที่หลงใหลไปกับความหล่อเหลาและบุคลิกแบบสมาร์ตกายที่ทั้งเท่ ทั้งดูดี ดีกรีการศึกษาก็หรู แถมชาติตระกูลนั้นก็น่าจับจอง
หลังจากจบปริญญาเอก เตชภณกลับเข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดเมื่อต้นปีเพื่อเรียนรู้งานก่อนจะขยับขยายไปตำแหน่งอื่นๆ ให้ครบทุกแผนกตามคำสั่งของประธานบริษัทผู้เป็นพ่อ อีกหน่อย เขานี่แหละที่จะเป็นผู้นำบริษัทส่งออกผลไม้ที่ทางบิดามารดาของเขาได้ปูทางเอาไว้
ส่วนตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดนั้นจะตกลงที่ใคร คนในก็ลุ้นกันอยู่ หลายคนในออฟฟิศแปะป้ายไว้ที่พลอยชมพู เพราะดูเธอสนิทสนมกับเตชภณเป็นพิเศษ
แต่เอาจริงๆ แล้วคือไม่ได้มีอะไรอย่างที่ทุกคนคิด พลอยชมพูชอบอยู่ปิดออฟฟิศ เธอมักจะออกจากที่ทำงานเป็นคนสุดท้ายประจวบกับเตชภณที่ชอบอยู่เคลียร์เอกสารถึงดึกๆ ดื่นๆ ไม่ต่างจากเธอ
อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน
“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม” เตชภณเสนอตัวอย่างประสงค์ดี แต่เจ้าของนัยน์ตาหวานกลับปฏิเสธรัวๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ พลอยเองก็กำลังจะกลับแล้ว” หญิงสาวรวบแฟ้มเอกสารเข้าอ้อมกอด มันเป็นแฟ้มงานที่เธอว่าจะหอบไปดูต่อที่บ้าน แต่กองเอกสารที่ล้นหัวนั้นก็ดูจะใหญ่โตไปสักหน่อยสำหรับคนตัวเล็ก แฟ้มสีดำแฟ้มใหญ่หล่นปุลงบนพื้น พลอยชมพูพยายามก้มลงเก็บมันอย่างทุลักทุเล ทว่าร่างสูงกลับก้มลงไปเก็บแฟ้มนั้นและขโมยแฟ้มทั้งหมดไปจากอ้อมกอดของเธอ
“ให้ผมช่วยถือดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณภณ พลอยถือเองได้...”
“แต่ผมอยากช่วย” เขาว่าสั้นๆ พลางก้าวยาวฉับๆ ไปรอที่ประตูทางออก แฟ้มที่พลอยชมพูถืออย่างลำบาก เตชภณกลับยึดมันไว้อย่างสบายๆ ในมือใหญ่เพียงข้างเดียวของเขา “ผมจะรอคุณอยู่ข้างล่าง ถ้าคุณพลอยเก็บของเสร็จแล้วก็ตามมานะครับ”
เตชภณไม่รอคำตอบรับจากหญิงสาว เขาเดินลิ่วๆ ลงลิฟต์ไป พลอยชมพูจึงต้องรีบเก็บข้าวของ ปิดออฟฟิศ สแกนบัตรออกและตามเขาลงไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองยืนรออยู่ที่หน้าตึก มือหนึ่งของเตชภณถือแฟ้มงานของพลอยชมพู ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือแฟ้มเอกสารที่พลอยชมพูทำส่งเขา หญิงสาวเกรงใจชายหนุ่มเป็นอย่างมาก รถตู้ของทางบริษัทนั้นหมดรอบแล้ว พลอยชมพูต้องการไปบีทีเอส เธอมีทางเลือกสองทางคือ เดินไปหรือโบกแท็กซี่ ซึ่งถ้าเป็นปกติเธอคงเดิน แต่ในเมื่อเตชภณไม่ยอมคืนแฟ้มเอกสารให้เธอ เธอจึงไม่อยากให้เขาลำบากเดินไปกับเธอด้วย
“คุณภณกลับไปก่อนเถอะนะคะ รปภ. ก็ไปเรียกแท็กซี่ให้แล้ว อีกไม่นานก็คงมา” พลอยชมพูพยายามปฏิเสธน้ำใจจากผู้เป็นนาย ทั้งเกรงใจและกลัวคนจะครหา
“ตอนนี้หกโมงกว่า แท็กซี่หายากมาก คุณเลิกไล่ผมเถอะ คุณก็รู้ว่ามุกนี้ใช้กับผมไม่ได้ ในเมื่อคุณพลอยลำบากใจที่จะให้ผมไปส่ง อย่างน้อยก็ให้ผมยืนรอเป็นเพื่อนแล้วกัน”
“พลอยเกรงใจ...”
“คุณพลอยเป็นลูกน้องผม ยังไงผมก็ต้องดูแล” เตชภณปิดช่องทางปฏิเสธทั้งหมด พลอยชมพูได้แต่อึกอัก สุดท้ายเธอก็ยอมให้เตชภณถือเอกสารของเธอและรอส่งเธอขึ้นแท็กซี่
แล้วแท็กซี่มันก็หายากอย่างที่ชายหนุ่มคาดไว้ไม่มีผิด เตชภณเป็นฝ่ายชวนหญิงสาวคุยก่อน แม้จะทำงานในแผนกเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อยนัก พลอยชมพูมักจะได้ยินคำบอกเล่าถึงเตชภณจากปากของเกศสุดาที่เป็นเลขาฯ ของเขาเสียมากกว่า
“งานแต่งเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“คะ?” พลอยชมพูใจหายวาบ นัยน์ตาคู่สวยตวัดมองชายหนุ่ม
เขารู้เรื่องนี้?
“ก็คุณลาหยุดไปสามวัน เห็นว่าไปช่วยงานแต่งพี่สาวไม่ใช่เหรอ นี่เกศเขาก็ยังชวนผมไปงานแต่งพี่สาวคุณเป็นเพื่อนเขาอยู่เลยนะ แต่พอดีผมไม่ว่างก็เลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย” เตชภณเอ่ยต่อ เขาดูแปลกใจกับท่าทีของหญิงสาวที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
นึกว่ายายเกศจะปากสว่างเสียแล้ว
“แล้วพี่เขยเป็นอย่างไรบ้างครับ ดีไหม”
พลอยชมพูหวนนึกถึงคนใจร้ายที่เอาแต่ใจตัวเอง รู้สึกเป็นกังวลที่ไม่ได้ตอบข้อความของเขา ก่อนจะปัดความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปเมื่อคำพูดของคุณหญิงนฤมลวนกลับมากระทบความทรงจำอีกครั้ง
ใบหน้าหวานนิ่งสนิทก่อนจะบูดบึ้งและกลายเป็นโศกเศร้าจนเตชภณไม่อาจตามอารมณ์ของหญิงสาวได้ทัน
“มีอะไรหรือเปล่าครับพลอย” เขาถาม เมื่ออยู่นอกเวลางาน เขามักจะเรียกเธออย่างเป็นกันเอง และพลอยชมพูเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา เตชภณเป็นผู้ฟังที่ดี เขาไม่เคยออกความคิดเห็นเชิงบังคับให้เธอทำอะไร
“นิดหน่อยค่ะคุณภณ ช่วงนี้พลอยเหนื่อยๆ”
“เหนื่อยงาน? ผมใช้งานคุณหนักไปเหรอ”
พลอยชมพูหัวเราะ
“ไม่ใช่ค่ะ แต่พลอยเหนื่อยใจ” น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนระโหย ชายหนุ่มลอบมองความรู้สึกของคนข้างๆ ที่ถ่ายทอดความรู้สึกยุ่งยากและลำบากใจผ่านดวงหน้าหวานนั้น
“พลอยรู้ใช่ไหมว่าผมพร้อมรับฟังพลอยเสมอ”
“...ทราบค่ะ”
“ถ้าไม่เป็นการทำให้ลำบากใจ พลอยเล่าให้เพื่อนคนนี้ฟังได้นะครับ”
พลอยชมพูตื้นตันกับความประสงค์ดีของเตชภณ เธอคงไม่อาจหาคนที่พยายามทำความเข้าใจเธอได้มากเท่ากับเขา แต่เรื่องนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่พลอยชมพูจะเล่าให้ใครฟังได้
ระหว่างคนทั้งสองคือความเงียบ และชายหนุ่มเข้าใจความเงียบของพลอยชมพูดี เขาพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“พี่สาวก็แต่งไปแล้ว คุณพลอยล่ะครับ เห็นพี่แต่งอยากแต่งบ้างหรือเปล่า”
ความคิดเห็น |
---|