1

วิวาห์ไร้รัก

บทที่ 1

วิวาห์ไร้รัก

 

กลิ่นกุหลาบหอมอบอวลไปทั่วห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองราวกับต้องการต้อนรับแขกเหรื่อที่ประดับประดาร่างกายของตนด้วยเพชรน้ำงาม ประชันโฉมกันอย่างไม่ยอมแพ้ท่ามกลางเสียงหัวเราะพร้อมกับคำเยินยอถึง ‘งานเกี่ยวดองของสองตระกูล’ ทว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกลับหน้าชื่นอกตรม โดยเฉพาะคุณหญิงนฤมลที่ได้แต่แสร้งหัวเราะเมื่อเพื่อนๆ ในวงสังคมชั้นสูงเอาแต่ถามหาตัวเจ้าสาว เมื่อพบแต่เพียงเจ้าบ่าวยืนเคร่งขรึมอยู่ไม่ห่าง 

“คุณหญิง มันอย่างไรกันคะ ทำไมหนูเพชรถึงยังไม่ออกมาอีก นี่ก็ใกล้จะได้เวลาขึ้นเวทีแล้วนะคะ” ลับหลังบรรดาแขก คุณหญิงนฤมลก็รีบตวัดสายตาไม่พอใจไปยังคุณหญิงรัตนผู้เป็นมารดาของเจ้าสาวที่กระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด 

“เดี๋ยวดิฉันจะไปตามให้นะคะ” ด้วยฐานะทางการเงินที่ตกเป็นรอง คุณหญิงรัตนจึงทำได้แต่เพียงก้มหัวรับคำและตรงรี่ไปยังห้องพักเจ้าสาวอย่างรวดเร็วเท่าที่ชุดราตรีหางปลาของเธอจะเอื้ออำนวย

“ยายพลอย ยังหาตัวพี่สาวเธอไม่เจออีกหรือ!” เสียงตวาดดังลั่นมาก่อนตัว ทำให้ร่างอรชรที่เพียรจิ้มมือถือเพื่อติดต่อเพชรน้ำหนึ่ง ผู้เป็นพี่สาวและเจ้าสาวที่หายตัวไปถึงกับสะดุ้งโหยงและปล่อยสมาร์ตโฟนหลุดจากมือ

“คุณแม่…”

“นี่มันก็ใกล้ถึงเวลาขึ้นเวทีมากแล้วนะ ยายเพชรมัวแต่ไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหนกันเนี่ย” คุณหญิงรัตนกระฟัดกระเฟียดฟาดงวงฟาดงาจนช่างแต่งหน้าช่างชุดของเจ้าสาวอกสั่นขวัญแขวนไปตามกัน 

วันนี้เป็นหนึ่งในวันสำคัญที่เรียกได้ว่าชี้เป็นชี้ตายของตระกูลจิตรมงคล หลังจากสูญเสียเสาหลักของบ้านไปด้วยอุบัติเหตุรถชน ฐานะทางการเงินของตระกูลก็ใกล้จะเข้าขั้นล้มละลายเพราะการติดพนันอย่างหนักของคุณหญิงรัตนผู้ไม่เคยมีใจให้สิ่งอื่นนอกจากเงินและตนเอง เมื่อเงินสำรองก้อนสุดท้ายใกล้หมด คุณหญิงรัตนจึงต้องหาหนทางทำเงินใหม่ แต่จะกังวลอะไรในเมื่อเธอมีลูกสาวที่หน้าตาสะสวยถึงสองคน

เพชรน้ำหนึ่ง พี่สาวคนโต เธอเป็นต้นแบบของผู้หญิงจัดจ้าน สวยดุ และไหวพริบดี รู้รักษาตัวรอดและไม่ชอบให้ใครมาบังคับ

พลอยชมพู ลูกสาวคนเล็กของบ้าน ตัวบอบบาง หน้าตาจิ้มลิ้ม และไม่สู้คน จึงถูกคุณหญิงรัตนเรียกใช้รองมือรองเท้าแทนแม่บ้านที่หนีออกไปแทบหมด เธอรักการอ่านและไม่ชอบเข้าสังคม แต่ก่อนคุณหญิงรัตนมักจะบ่นลูกสาวคนนี้ให้เพื่อนในวงไพ่ของเธอฟังเสียบ่อย แต่ดีที่พลอยชมพูนั้นรักเรียน ดีกรีปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 พ่วงด้วยปริญญาโทจากมหา’ลัยชั้นนำอีกใบให้พอเชิดหน้าชูตาได้ ทำให้ตอนนี้คุณหญิงรัตนไม่บ่นลูกสาวรายนี้เสียเท่าไรนัก 

เมื่อมีของดีอยู่ในมือก็ต้องรู้จักใช้ แม่ม่ายลูกสองนึกขึ้นได้ว่าสามีของเธอมีบุญคุณที่คอยเกื้อหนุนอุ้มชูตระกูลภคเวชกุลมากพอที่ทางฝ่ายนั้นเคยเอ่ยปากเสนอลูกชายคนเดียวของพวกเขาให้มาดองเกี่ยวกัน หวยจึงออกที่เพชรน้ำหนึ่ง พี่คนโตวัยยี่สิบตอนปลายที่ควรจะแต่งไปก่อน เพียงแค่นี้สมบัติของทั้งสองตระกูลก็จะอยู่ในมือของคุณหญิงรัตนทั้งหมด 

คุณสมบัติ ภคเวชกุล ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรับลูกสาวของผู้มีพระคุณกับเขามาดูแล ติดอยู่ที่คุณหญิงนฤมล ภรรยาของเขาที่รู้กิตติศัพท์ของคุณหญิงรัตนดี และจะไม่ยอมให้คนนอกตระกูลมากอบโกยสมบัติของเธอไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

                ...

“คุณแม่ใจเย็นก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่เพชรก็คงมา” พลอยชมพูหวาดกลัว ตั้งแต่จบงานพิธีสมรสในช่วงเช้า พี่เพชรก็หายตัวไปและไม่มีใครหาเธอพบ จวบจนพิธีเย็นจะเริ่มต้นขึ้น ชุดแต่งงานสีขาวสะอาดก็ยังคงแขวนอยู่บนราวเสื้อไร้ผู้สวมใส่

“แกก็ตอบฉันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้วยังไม่เห็นเจ้าเพชรจะโผล่มา มันหายไปไหนกันนะ” เวลาที่บีบคั้นยิ่งทำให้อารมณ์ของคุณหญิงรัตนแย่ยิ่งกว่าเคย

“เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงแล้วนะคะ ถ้าช้ากว่านี้เกรงว่าพวกช่างจะทัชอัปและแต่งตัวให้ไม่ทัน”

“ไม่ทันก็ต้องทัน! ฉันจ้างพวกเธอมาทำงาน พวกเธอก็ต้องทำให้ได้!” คุณหญิงรัตนโยนอารมณ์ของตนเองไปยังช่างอีกสามสี่คนที่ยืนรออยู่ ทุกคนส่งสายตาวิงวอนพลอยชมพูผู้เป็นลูกสาวให้ช่วยเหลือ 

เธอเองก็จนใจและไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“คุณแม่คะ พลอยว่าเราไปบอกคุณน้านฤมลดีกว่าไหมคะ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา…” พลอยชมพูเสนอ

“ไปบอกให้มันด่าหัวฉันน่ะสิ! ลูกสาวคนเดียวไม่มีปัญญาจับไว้ได้ ปล่อยให้มันวิ่งแจ้นหนีงานแต่งงานไปแบบนี้”

“แต่พี่เพชรเขาก็บอกคุณแม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่อยากแต่ง...”

“ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง! ถ้าไม่มีสมบัติของตระกูลภคเวชกุลแล้วเราจะเอาอะไรกิน”

“เงินเดือนของพลอยกับพี่เพชรก็มีนะคะแม่ รวมๆ กันต่อเดือนก็หลายอยู่”

“แค่เศษเงินของพวกแกสองคนมันจะไปพออะไร ไหนจะค่าแม่บ้าน ค่าคนสวนอีก แกรู้หรืออย่างไรว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนของบ้านเราน่ะเท่าไหร่” คุณหญิงรัตนกระฟัดกระเฟียด 

พลอยชมพูหลุบตาต่ำ กล่าวย้อนเสียงอู้อี้

“ก็ถ้าแม่จะลดความถี่ของการจัดสมาคมแม่บ้านที่บ้านเราลงหน่อย...”

“พลอยชมพู!”

เสียงตวาดแว้ดทำเอาหญิงสาวรีบก้าวถอยหลัง เพราะกลัวฤทธิ์จากคุณหญิงแม่จะหยิกเนื้อเธอจนเขียวอีก

ทุกนาทีที่ผ่านพ้นไปไม่ได้ทำให้คุณหญิงรัตนดูใจเย็นลงเลย พลอยชมพูผละจากคุณแม่ขยับไปดูแลช่างคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับประทานข้าวกันเลยตั้งแต่กลางวัน เพราะต้องรอสแตนด์บายแต่งตัวให้เจ้าสาว เมื่อดูแลคนเสร็จก็ขยับมาหยิบจับชุดสีขาวสะอาดให้เข้าที่เข้าทางเพื่อให้ชุดเจ้าสาวของพี่สาวเธองดงามที่สุด

คุณหญิงรัตนมองดูลูกสาวคนเล็กที่หยิบๆ จับๆ ชุดเจ้าสาว ใบหน้าจิ้มลิ้มของพลอยชมพูแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ อย่างที่เจ้าตัวชอบ ผิวขาวละเอียด นัยน์ตาสีน้ำตาลหวานฉ่ำ...

“พลอยชมพู...ปีนี้แกอายุเท่าไหร่แล้วนะ” คำถามจากผู้เป็นแม่ทำให้สตรีในชุดเพื่อนเจ้าสาวผินตัวกลับมาตอบรับ 

“จะยี่สิบสี่แล้วค่ะ”

“ก็ถึงวัยที่จะมีสามีได้แล้วสินะ”

“คุณแม่!!!” พลอยชมพูเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก เพียงแค่มองตาทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคุณหญิงรัตนคิดอะไรอยู่ และนั่นไม่ดีกับเธอเอาเสียเลย...

“ฉันเคยบอกแกแล้วไง ถ้าพี่สาวมันไม่ยอมแต่ง น้องสาวมันก็ต้องแต่ง”

หัวใจของพลอยชมพูสั่นหวิว ความยินดีในพิธีมงคลสมรสของเพชรน้ำหนึ่งมลายสิ้น ความเป็นหญิงของเธอกำลังจะถูกยัดเยียดให้ชายอื่น 

“พลอยยังไม่พร้อม...อีกอย่างพี่เพชรก็เข้าพิธีช่วงเช้าไปแล้ว”

“เพชรเข้าช่วงเช้าไปแล้ว ก็ถึงตาเธอเข้าพิธีช่วงเย็น”

“แม่จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกลางคันแบบนี้ไม่ได้นะคะ แล้วคนอื่นเขาจะว่ายังไง” พลอยชมพูพยายามแย้งและอ้อนวอน หาทางให้ตัวเองรอดจากบ่วงที่หล่นใส่หัวอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่คุณหญิงนฤมลไม่สนใจคำขอร้องของเธอเลยสักนิด หยาดน้ำใสเอ่อในสองดวงตาคู่สวย

“ฉันจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวโดยไม่ให้คนอื่นรู้ เธอก็ไปอธิบายให้สามีเธอฟังในห้องหอแล้วกัน”

เหมือนอสนีบาตฟาดลงกลางใจ ร่างอรชรทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและร้องไห้ให้ความขมขื่นที่ถูกเธอข่มขืนทางใจด้วยฝีมือแม่ของเธอเอง

 

ชุดเพื่อนเจ้าสาวถูกปลดออกจากร่างอรชรอ้อนแอ้นแทนที่ด้วยชุดเจ้าสาวสีขาวปลอดประดับชายด้วยลูกไม้ปักดิ้นสีเงินเสริมด้วยมุกเม็ดเล็กโดยรอบ ส่วนบนเป็นผ้าซีทรูสีเนื้อซับในด้วยลายลูกไม้ที่อวดสัดส่วนจนผู้สวมอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ด้านหลังมีโบปล่อยชายยาวเพื่อซ่อนรอยแก้ทรงชุดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้พอดีกับขนาดตัวของเจ้าสาวคนใหม่ ใบหน้าที่แต่งอ่อนๆ ถูกจับมาประทินโฉมใหม่เพื่อให้โดดเด่นขึ้น

พลอยชมพูหลบอยู่หลังประตูบานใหญ่ เธอสวมชุดเจ้าสาวที่เธอไม่ได้เลือก ถือดอกไม้ช่อเล็กที่เธอไม่ได้เลือก และกำลังจะเดินไปสู่งานวิวาห์ที่เธอไม่ได้เลือกเช่นกัน 

“ขอเชิญตัวเจ้าสาวค่า” 

ประตูสู่พิธีวิวาห์เปิดออก กลุ่มเพื่อนเจ้าสาวที่โปรยดอกไม้อยู่สองข้างพรมแดงที่ทอดยาวเป็นเส้นทางดอกไม้พาเธอไปที่เวที

ข้างหน้านั่นคือกรงขนาดใหญ่ที่จะกักขังและพันธนาการชีวิตของเธอไว้ทั้งชีวิต 

‘ถ้าแกทำให้งานแต่งนี่ล่ม แกก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่อีก’

พลอยชมพูปาดน้ำตา เธอก้าวไปเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ไม่มีใครผิดสังเกตเรื่องที่เจ้าสาวโดนสลับตัว ด้วยความสูงและหุ่นที่ใกล้เคียง แม้กระทั่งเพื่อนของเพชรน้ำหนึ่งที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ยังไม่สังเกตเห็น

พลอยชมพูไม่ได้ยินเสียงผู้คนที่ร่วมยินดีไปกับเธอ

ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวที่โห่ฮี้วแซวเธอ

ไม่ได้ยินเสียงดนตรีในงานแต่งงานของเธอ

ไม่ได้ยินเสียงพิธีกรที่กำลังบรรยายประวัติของคู่บ่าวสาวที่ไม่ใช่ประวัติของเธอ

ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและมายืนอยู่ตรงนี้ 

เป็นเจ้าสาวที่ถูกแม่ขายกินแทนพี่เพชรน้ำหนึ่ง…

ช่างแต่งหน้าสวมมงกุฎเจ้าสาวที่มีผ้าตาข่ายผืนใหญ่ให้เธอเพื่อบดบังใบหน้าของเธอจนเหลือเพียงเสี้ยวหน้าตามคำสั่งของคุณหญิงรัตน เพื่อให้งานวิวาห์ยังดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าสาวคนเดิมเมื่อเช้านี้ได้หนีไป 

พลอยชมพูหยุดยืนอยู่บนเวที ต่อหน้าบรรดาแขกเหรื่อมากมายที่คุณหญิงทั้งสองต้องรักษาหน้า พลอยชมพูจึงปฏิเสธที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าของเธอออก 

คนที่ยืนอยู่ข้างกันกับเธอคือเจ้าบ่าว 

ธีระพัฒน์ ภคเวชกุล

หรือที่คุณพ่อสมบัติเคยแนะนำให้เธอรู้จักเมื่อนานมาแล้วว่าเขาคือ พี่ธีร์ ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองได้พบเจอนั้นยังเป็นเพียงวัยเด็ก พลอยชมพูจำหน้าเขาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้เขากำลังจะมาเป็นสามีของเธอ

พลอยชมพูมองไม่เห็นหน้าเขาด้วยม่านน้ำตาและตาข่ายที่รบกวนการมองเห็น แต่มันคงไม่สำคัญอะไร เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นใคร จะหน้าตาอย่างไร พลอยชมพูก็ไม่มีสิทธิ์ในการหลีกหนี เปรียบเหมือนเจ้าสาวที่ถูกโซ่ล่าม แต่ปิดบังโซ่ตรวนไว้ด้วยชุดสวยและงานแต่งใหญ่โต

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หญิงสาวปล่อยใจให้ล่องลอยโดยไร้จุดหมาย เธอปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมทุกอย่างบนเวทีจนกระทั่งเจ้าบ่าวที่ไม่รู้จักขยับตัวเข้ามาใกล้ 

พลอยชมพูสะดุ้ง เธอขยับตัวออกหนีโดยสัญชาตญาณ แต่ถูกมือใหญ่ที่เอื้อมออกมารั้งเอวของเธอเอาไว้ เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังอยู่ข้างใบหูเธอ

“เธอไม่ใช่เพชรน้ำหนึ่ง”

พลอยชมพูหลุดออกจากภวังค์อันไร้สติ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างสบกับดวงตาสีดำดุของคนที่เฝ้ามองอยู่ ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นบนดวงหน้าของเจ้าสาว

“พี่ธีร...” เจ้าของเสียงหวานละล่ำละลัก หมายอ้อนวอนและร้องขอไม่ให้เขากระชากหน้ากากเจ้าสาวของเธอออก แต่ยิ่งถดตัวหนี ยิ่งไม่รอด เมื่อธีระพัฒน์กระชับเอวของเธอให้เข้าไปใกล้กว่าเดิม 

“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!”

เสียงเชียร์คึกคะนองดังมาจากฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ธีระพัฒน์รั้งตัวเจ้าสาวของเขาให้เข้ามาใกล้ นิ้วเรียวขยับผ้าตาข่ายที่ปิดบังใบหน้าเจ้าสาวออกแต่เพียงน้อย และบังเธอจากแขกผู้ร่วมงานด้วยร่างกายอันสูงใหญ่ของเขา ก่อนที่จะทันรู้ตัว ริมฝีปากรูปกระจับก็ถูกริมฝีปากอุ่นเข้าทาบทาม

พลอยชมพูนิ่งงัน เธอถูกขโมยจูบโดยคนที่แทบไม่รู้จัก และเธอทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากจำยอม เพราะชุดเจ้าสาวที่แขวนอยู่บนตัว

ธีระพัฒน์ถอนจูบออก และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าสาวของเขาเต็มตา

ดวงหน้าหวานละมุนสะอาดสะอ้านแต่งแต้มสีสันให้ดูสดใส พวงแก้มชมพูระเรื่อรับกับดวงตาหวานสีน้ำตาลที่เบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก จมูกเล็กรับกับริมฝีปากรูปกระจับที่เขาเพิ่งได้ครอบครอง 

ธีระพัฒน์ขยับยิ้ม ก่อนจะปิดบังใบหน้าของเธอจากแขกไว้ดังเดิม 

“เตรียมตัวไว้ให้ดี ฉันจะขอคำอธิบายจากเธอคืนนี้บนเตียงของเรา

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น