10

บทที่ 10 เลขาฯ คู่ใจ


10

เลขาฯ คู่ใจ

ก๊อกๆๆ

“สาวๆ ครับ แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ” ภานุรุจถามน้ำเสียงนุ่มนวล หลังจากเคาะประตูให้สัญญาณ

“เสร็จแล้วค่า รอสักครู่นะคะ” เสียงเพลงขวัญตอบกลับมาจากข้างใน

“ครับผม” ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มน้อยๆ

ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อจากนั้น ประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออกพร้อมกับเพลงขวัญที่ก้าวออกมา “ขอโทษที่ให้รอนะคะ”

วินาทีที่สบตาหญิงสาว รอบตัวของภานุรุจคล้ายหยุดเคลื่อนไหว หัวใจเต้นกระแทกกระทั้นผนังอกอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ว่าคลื่นความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ข้างในนั้น เขารู้สึกเหมือนตัวลอยๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบตกอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงอย่างกะทันหัน

เพลงขวัญสวมชุดราตรีเกาะอกผ้าชีฟองสีม่วงพาสเทลแบบเรียบหรู ใบหน้าหวานโดดเด่นด้วยการแต่งหน้าโทนคลาสสิก เธอสวมต่างหูมุกและสร้อยคอที่เข้าชุดกัน ผมยาวสลวยสีดำเงางามตัดกับผิวขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส วันนี้เลขาฯ ของเขาทั้งสวย อ่อนหวาน น่าทะนุถนอม และสง่างามในเวลาเดียวกัน ภานุรุจมองเธออยู่อย่างนั้น นิ่งงันราวกับถูกสะกด จนกระทั่ง...

“คุณเนสคะ” เสียงของสไตลิสต์สาวดึงให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์

“ครับ” เจ้าของร่างสูงหันไปหามานิดา แต่ยังแอบเหล่มองเลขาฯ สาวอย่างห้ามใจไม่ไหว เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเธอ...มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว

เพลงขวัญหลบดวงตาวิบวับไปทางอื่น ยกมือขึ้นจับผมทัดหูแก้ประหม่า ‘คุณเนสจะรู้ไหมเนี่ยว่าสายตาละมุนละไมของเขาทำให้เราเขิน ถึงเขาจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นก็เถอะ คุณเนสคงแปลกใจที่พอเราแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้แล้วไม่เหมือนเลขาฯ คนเดิม เลยมองแล้วมองอีก’

“มายด์จัดเสื้อผ้าไว้ให้คุณเนสแล้วนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ภานุรุจพยักหน้าเบาๆ ก่อนบอก “มายด์กลับเลยก็ได้นะครับ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว”

“ค่ะ” มานิดาไม่อยากเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มกับเลขาฯ สาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เพราะเห็นสายตาของภานุรุจที่มองเพลงขวัญแล้วอดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าเขาจะตกหลุมรักเลขาฯ ของตัวเอง แต่วันนี้เธอมีนัดกับลูกค้าอีกราย จึงจำเป็นต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ก่อน เพราะยังไงเรื่องงานก็สำคัญกว่า

            สไตลิสต์สาวรอจนภานุรุจเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ก่อนจะหันมาหาเพลงขวัญ

            “คุณเนสเป็นของมายด์ ห้ามจีบ ห้ามอ่อย ห้ามให้ท่า กรุณาเข้าใจตามนี้นะคะ ไม่งั้นอย่าหาว่ามายด์ไม่เตือน” พูดจบมานิดาก็เดินจากไป

            เพลงขวัญส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ‘นางเป็นอะไรมากไหมเนี่ย’

            หญิงสาวเดินมานั่งรอเจ้านายอยู่ในห้องนั่งเล่น และคิดอะไรเพลินๆ ไปเรื่อยเปื่อย ห้านาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงทุ้มลึก

            “ผมแต่งตัวเสร็จแล้วครับ”

            เลขาฯ สาวหันกลับไปมองก็พบว่าตอนนี้เจ้าของร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดทักซิโดสีดำที่ทำให้เขาดูสง่างามราวกับเจ้าชาย ผมสีน้ำตาลเข้มเซตให้เห็นโครงหน้ากร้าวแกร่งและหล่อเหลาชวนละลาย

            “หล่อมากเลยค่ะ” เพลงขวัญชมจากใจจริง

            รอยยิ้มสดใสของเธอทำให้หัวใจของภานุรุจพองโตแน่นอก “ชอบไหมครับ”

            “คะ?” หญิงสาวทำหน้าเหลอหลา ในขณะที่ท่านรองหนุ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก

            “ชอบชุดที่ผมใส่ไหมครับ” ภานุรุจกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผาก

            เพลงขวัญกระจ่างเมื่อเขาขยายความ “อ๋อ ชอบค่ะ”

            “ผมก็ชอบ...ชุดที่ขวัญใส่เหมือนกัน” นัยน์ตาสีเข้มเปล่งแสงพริบพราว ริมฝีปากรูปกระจับสีระเรื่อระบายยิ้มอบอุ่น

            “ทำไมเราต้องอวยกันไปอวยกันมาด้วยคะเนี่ย” เลขาฯ สาวหัวเราะเบาๆ

            “ไม่รู้สิครับ” คนตัวโตยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอย

            จังหวะนั้นเพลงขวัญก็สังเกตเห็นความไม่เรียบร้อยบางอย่างของเจ้านาย จึงลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าไปหาเขา

“ขออนุญาตนะคะ” เธอเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นจัดหูกระต่ายของชายหนุ่มให้ตรง

หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวแรงกับความใกล้ชิดที่ไม่ได้ตั้งตัว กลิ่นหอมหวานเย้ายวนจากคนตัวเล็กทำให้ร่างกายของเขาปั่นป่วนอย่างน่าตกใจ ภานุรุจก้มมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาใต้แพขนตางอนยาวของเธอกะพริบช้าๆ ขณะบรรจงจัดเครื่องแต่งกายให้เขา

ดวงตาคมกริบเลื่อนลงมองลาดไหล่มน ก่อนจะมองต่ำลงไปกว่านั้น แล้วก็พบว่าคนตัวเล็กซ่อนรูปกว่าที่เห็น อุณหภูมิในร่างกายของเขาร้อนรุ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือดสูบฉีดรุนแรงไปทั่วทุกส่วน

รองประธานหนุ่มพยายามต่อต้านแรงดึงดูดมหาศาลที่ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ภานุรุจค่อยๆ ยกแขนแกร่งทั้งสองข้างขึ้น และ...

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เพลงขวัญถอยหลังออกมาเมื่อจัดหูกระต่ายให้เจ้านายเสร็จ

            ชายหนุ่มเก๊กหน้าขรึม กระแอมเบาๆ และเอ่ยตอบเสียงเรียบขรึม “ขอบคุณครับ”

            “คุณเนสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” สาวร่างเล็กหรี่ตามองเมื่อเห็นเขายกแขนค้างอยู่กลางอากาศ

            “เมื่อกี้มียุงบินผ่านด้านหลังขวัญ ผมกำลังจะตบ แต่ขวัญถอยหลังออกไปพอดีครับ” ภานุรุจทำท่ามองหา ‘ยุงร้าย’ ตัวนั้น “ตอนนี้มันบินไปไหนแล้วก็ไม่รู้สิ”

            “อ๋อ” เพลงขวัญพยักหน้าหงึกๆ เมื่อเจ้านายบอกอย่างนั้นก็เชื่อสนิทใจ เพราะไม่รู้ว่าภานุรุจจะโกหกไปทำไม “เราจะออกไปงานเลี้ยงกันเลยไหมคะ” หญิงสาวว่าหลังจากตวัดสายตามองนาฬิกาบนผนัง

            “ครับ” คนตัวโตตอบน้ำเสียงอ่อนโยน

            “งั้นเดี๋ยวขวัญไปเอากระเป๋าในห้องแต่งตัวแป๊บนึงนะคะ”

            “ได้ครับ”

            เมื่อเจ้าของร่างบางเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้ว ภานุรุจก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

‘เกือบโดนจับได้แล้ว หักห้ามใจหน่อยสิวะ นั่นเลขาฯ นะเว้ย ถ้าแกผลีผลามทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วเธอเตลิดหนีไปจะทำยังไง มันต้องมีชั้นเชิงมากกว่านี้!’

 

ภานุรุจขับรถมาถึงโรงแรมเดอะ ฮิวจ์ สาทรในเวลาหนึ่งทุ่มพอดี หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว รองประธานหนุ่มและเลขาฯ สาวจึงเดินเข้าไปในโรงแรมหรูพร้อมกัน

            เพลงขวัญเดินทิ้งระยะห่างจากเจ้านายเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม แต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าว คนตัวสูงก็หยุดและหันกลับมาหาเธอ

            “มีอะไรหรือเปล่าคะ” นัยน์ตาหวานฉายแววสงสัย

            “มาเดินข้างๆ ผมสิครับ” ภานุรุจบอกเสียงเรียบขรึม

            “จะดีเหรอคะ ขวัญเป็นเลขาฯ ไม่ควรเดินเสมอเจ้านายค่ะ” หญิงสาวประสานมือไว้ข้างหน้าและเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม

            เขาสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็กสีดำ และมองเธอด้วยแววตาพึงพอใจอยู่ลึกๆ “แต่นี่คือคำสั่งของเจ้านาย ดังนั้นเลขาฯ ต้องทำตามครับ ห้ามปฏิเสธ”

            เพลงขวัญค้อมศีรษะ “รับทราบค่ะ” เจ้านายของเธอก็แอบเผด็จการอยู่นะเนี่ย

            “ดีมากครับ” ภานุรุจยิ้มบางๆ “อยู่ข้างๆ ผมตลอดงานเลยนะ”

            “ค่ะ” คนตัวเล็กรับปากหนักแน่น

            งานฉลองครบรอบยี่สิบปีของโรงแรมเดอะ ฮิวจ์จัดขึ้นภายในห้องแกรนด์บอลรูมที่จุผู้คนได้มากถึงหกร้อยคน โดยผู้มาร่วมงานมีทั้งผู้บริหาร นักธุรกิจ ไฮโซ เซเลบ รวมทั้งพนักงานที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งโรงแรม

            บรรยากาศของงานเลี้ยงแบบค็อกเทลเต็มไปด้วยความครึกครื้นและอบอุ่น นอกจากแขกทุกคนจะมาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าของโรงแรมแล้ว งานนี้ยังถือเป็นโอกาสให้เหล่านักธุรกิจได้มาพบปะพูดคุยแลกนามบัตรกันอีกด้วย ส่วนพวกไฮโซและเซเลบก็จับกลุ่มเมาท์มอยเรื่องในแวดวงของตัวเองอย่างสนุกสนาน

            ภานุรุจได้พูดคุยกับนักธุรกิจหลายคนที่สนใจอยากเป็นพันธมิตรกับเดอะ ซันกรุ๊ป ขณะเดียวกันก็มีโพรเจกต์ของหลายๆ บริษัทที่เขาอยากร่วมลงทุนด้วยเช่นกัน

            “ยังไงเรานัดพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกครั้งนะครับ” พีรวัส ผู้บริหารของพฤกษ์อนันต์การ์เมนต์บอก หลังจากพูดคุยเรื่องความเป็นไปได้ทางธุรกิจระหว่างทั้งสองบริษัท

            “ครับ ติดต่อผ่านทางคุณขวัญได้เลย” ภานุรุจยิ้มสุภาพ เพลงขวัญก็เช่นกัน

            “ครับผม วันนี้ยินดีที่ได้คุยกันนะครับ”

            “เช่นกันครับ”

            “ถ้างั้นผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนนะครับ” พีรวัสบอก ก่อนจะล่ำลากัน และเดินไปหาชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิท “เฮ้ย ก้อง ตกลงเมื่อวานประมูลสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ได้ไหมวะ”

            เพลงขวัญมองพีรวัสและเพื่อนของฝ่ายนั้นแล้วแอบกรี๊ดกร๊าดในใจ นักธุรกิจสมัยนี้จำเป็นต้องหล่อกันขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าบอกว่าเป็นดาราก็เชื่อนะเนี่ย

“มองอะไรครับ” เสียงทุ้มลึกของเจ้านายทำให้เลขาฯ สาวหลุดจากภวังค์ทันที

“คะ?” เพลงขวัญทำหน้าเหลอหลา

“ผมเห็นขวัญมองสองคนนั้นนานผิดปกติ” รองประธานหนุ่มถามด้วยใบหน้านิ่ง

“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ”...‘ถ้าตอบตรงๆ ว่ามองเพราะความหล่อ คุณเนสต้องหาว่าเราบ้าผู้ชายแน่ๆ’

“แน่เหรอ”

“แน่สิคะ”

“ดีแล้ว นึกว่าอยากเปลี่ยนเจ้านาย” น้ำเสียงขรึมมีแววตัดพ้อ

“ไม่มีทางค่ะ เจ้านายขวัญสุดยอดขนาดนี้ จะให้ไปไหนล่ะคะ ขวัญจะไปก็ต่อเมื่อคุณเนสไล่ออกเท่านั้นละค่ะ” เธอบอกเสียงหนักแน่น

“งั้นก็เตรียมตัวอยู่กับผมไปอีกหกสิบปีได้เลย”

“โห โหดไปไหมคะท่านรอง” เพลงขวัญรู้ว่าเขาพูดเล่น จึงแซวอีกฝ่ายกลับ

ท่านรองไม่พูดอะไร แต่ดวงตาคมเรียวเป็นประกายพริบพราว

‘แหมมม แกล้งเลขาตัวเองสนุกไหมคะคุณเนส’ เพลงขวัญอดหมั่นไส้เจ้านายไม่ได้

“ผมเริ่มหิวขึ้นมาอีกแล้ว” คนตัวสูงที่อยู่ในชุดทักซิโดสีดำสนิทบอก

“เหมือนกันค่ะ”

“กินอะไรดีครับ”

“ไปซุ้มอาหารไทยโบราณกันไหมคะ” เพลงขวัญเสนอ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อพูดถึงอาหาร

“ตามใจขวัญเลยครับ” ริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อยกยิ้มน้อยๆ

“ไปครับ” เจ้าของร่างสูงสง่าพูดจบก็ยกมือหนาขึ้นแตะเอวบาง

ความสุภาพของเขาทำให้เพลงขวัญไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร

 

ซุ้มอาหารไทยโบราณที่ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตามีอาหารและขนมหวานที่หากินยากในปัจจุบันให้เลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นม้าฮ่อ หมูสร่ง หรุ่ม ปลาแห้งแตงโม ข้าวกระยาคู ขนมเหนียว และอื่นๆ

ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่อยู่ในงานเลี้ยง ภานุรุจได้พบปะกับผู้คนมากมาย นอกจากนักธุรกิจแล้ว ออร่าความหล่อทะลุจักรกาลของรองประธานหนุ่มยังดึงดูดสาวๆ อีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีจังหวะให้พวกเธอเข้ามาพูดคุยกับชายหนุ่มสักที จนกระทั่งภานุรุจคุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งเสร็จ ไฮโซสาวสวยในชุดราตรีเกาะอกเข้ารูปสีแดงที่จ้องเขามานานก็เดินปรี่เข้ามาหาทันที ก่อนที่จะถูกคนอื่นตัดหน้า

“สวัสดีค่ะ แพรวนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวทักทายอย่างมีอัธยาศัย และยื่นมือออกมาข้างหน้า

ชายหนุ่มสัมผัสมือตอบตามมารยาท “สวัสดีครับ ผมภานุรุจ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

“อืม ดูเป็นทางการจังเลย ถ้าคุณภานุรุจไม่รังเกียจ...แพรวขอเรียกชื่อเล่นได้ไหมคะ” เจ้าหล่อนทอดเสียงหวานพลางชม้อยชม้ายตาให้เขา

“เนสครับ ส่วนนี่คุณเพลงขวัญ เลขาฯ ของผม” เขาผายมือแนะนำคนข้างกาย

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแพรว” เพลงขวัญยกมือไหว้ไฮโซสาว

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แพรวาตอบพลางมองเลขาฯ สาวของภานุรุจตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะหันมาชวนชายหนุ่มคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณเนสเป็นรองประธานของเดอะ ซันกรุ๊ปใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“แพรวเป็นแฟนพันธุ์แท้ของช่องเดอะ ซันทีวีเลยค่ะ ดีใจจังที่วันนี้ได้คุยกับรองประธาน” หญิงสาวสบตาภานุรุจอย่างสื่อความหมาย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เข้าใจ

“ขอบคุณที่ติดตามช่องของเรานะครับ” เขาตอบด้วยท่าทีสุขุมและน้ำเสียงเป็นทางการ

“เดอะซัน ทีวีมีแต่รายการดีๆ ทั้งนั้น ไม่ติดตามไม่ได้ค่ะ”

“ยังไงฝากติดตามช่องของเราต่อไปด้วยนะครับ ในอนาคตจะมีรายการดีๆ ออกมาอีกมากมายเลย”

เพลงขวัญอมยิ้ม ‘โพรโมตช่องเต็มที่เลยนะคะคุณเนส’

“แน่นอนค่ะ” แพรวาส่งสายตาวิบวับ เธอรอให้เขาพูดต่อ แต่ภานุรุจเงียบ จึงเปิดประเด็นใหม่ “ปกติเวลาว่างคุณเนสชอบทำอะไรบ้างคะ”

“ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ครับ”

“นักธุรกิจส่วนมากก็ยุ่งตลอดเวลาแบบนี้นะคะ”

“ครับ”

“แล้วสมมุติว่าถ้าว่างจริงๆ คุณเนสทำอะไรคะ อย่างแพรวชอบออกกำลังกาย ดูหนัง ชอปปิง หรือไม่ก็ไปนั่งฟังเพลงที่ผับค่ะ” ดูเหมือนภานุรุจจะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องชวนคุยนั้นเธอถนัด

“ก็คงพักผ่อนอยู่ที่คอนโดครับ” ภานุรุจตอบแล้วหันไปหาเลขาฯ สาวที่ยืนอยู่ข้างๆ “ขวัญครับ” เขาขยิบตาส่งสัญญาณ

เพลงขวัญเห็นดังนั้นก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มไม่ต้องการให้เธอเป็นก้างขวางคอจึงค้อมศีรษะและบอก “เดี๋ยวขวัญขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”

ภานุรุจอ้าปากค้าง จะเรียกก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนตัวเล็กเดินลิ่วๆ ไม่หันกลับมามองหน้าเจ้านายว่ากำลังเครียดแค่ไหน

เป็นเลขาฯ แต่ไม่รู้ใจเจ้านายแบบนี้ เห็นทีต้องลงโทษให้หนัก คราวหน้าจะได้ไม่บกพร่องอีก!

            “คุณเนสคะ” แพรวาเรียกชายหนุ่มที่เอาแต่มองตามเลขาฯ ทั้งที่สาวสวยอย่างเธอยืนอยู่ตรงหน้า...งอนแล้วนะ ทำไมไม่สนใจกันบ้างเลย

            “ครับ” ภานุรุจลอบระบายลมหายใจอย่างอึดอัด

            “คุณเนสชอบไปเที่ยวไหมคะ แพรวชอบมากเลยค่ะ นี่แพรวก็เพิ่งกลับมาจากยุโรป ไปมาสี่ประเทศค่ะ ทั้ง...” ไฮโซสาวพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ในเมื่อเขาเป็นคนไม่ชอบพูด เธอก็จะเป็นฝ่ายพูดแทนแล้วกัน

 

‘เจ้านายเรานี่ร้ายไม่เบาเลย พอมีสาวสวยเดินเข้ามาคุยด้วยก็รีบส่งสัญญาณไล่เราอย่างไว สงสัยเขินที่จะจีบสาวต่อหน้าเลขาฯ ละมั้ง’

            เพลงขวัญหัวเราะคิก จะมีเลขาฯ ที่ไหนรู้ใจเจ้านายเท่าเธออีกไหมเนี่ย แค่ภานุรุจหันมาสบตา เธอก็รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไร ไม่ต้องรอให้เจ้านายสั่งสักคำ

‘แหม เรานี่เริดที่สุดในยูนิเวิร์สเลย เดือนหน้าผ่านโปรชิลชิลแบบไม่ต้องลุ้นแน่นอน เพราะคุณเนสคงไม่ปล่อยให้เลขาฯ ดีๆ อย่างเราหลุดมือไปหรอก’

หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ เพลงขวัญก็กลับเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง หญิงสาวพบว่าเจ้านายหนุ่มยังยืนคุยกับไฮโซสาวชุดแดงอยู่ที่เดิม จังหวะนั้นภานุรุจก็หันมาเห็นเธอพอดี เขาส่ายหน้าเบาๆ และทำปากขมุบขมิบ เหมือนจะบอกว่า ‘อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวน’ เพลงขวัญจึงยิ้มกว้างตอบและพยักหน้ารับทราบ จากนั้นก็เดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายจีบสาวตามอัธยาศัย

            เพลงขวัญใช้เวลาระหว่างรอภานุรุจมาเดินหาของกินที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งไทยและเทศ

            “กินอะไรดีน้า” ริมฝีปากอิ่มยื่นออกมาน้อยๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด

            หญิงสาวยืนงงอยู่ในดงของกินอยู่พักหนึ่ง เมื่อตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายเลยกินมันทุกอย่าง อย่างละนิดละหน่อย

อันนั้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อย อันโน้นก็อร่อย สำหรับคนรักการกินอย่างเธอ บอกได้เลยว่าวันนี้เพลิดเพลินสุดๆ ส่วนเจ้านายของเธอก็คงจะมีความสุขอยู่เช่นกัน

เพลงขวัญเดินตระเวนกินอย่างเบิกบานใจมาจนถึงโซนอาหารและขนมหวานยุโรป แต่ท้องของเธอเริ่มตึงแล้ว จึงต้องเลือกของที่อยากกินจริงๆ

“คัปเค้กก็น่ารัก มาการงก็สีสดใสน่ากิน เอาอะไรดีนะ” หญิงสาวมองขนมหวานทั้งสองชนิดสลับกันไปมาอย่างตัดสินใจไม่ได้ เธอขบริมฝีปากใคร่ครวญ ก่อนจะบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว “กินหมดเลยแล้วกัน!”

เพลงขวัญพยักหน้าหงึกๆ เอื้อมมือซ้ายไปหยิบคัปเค้กยูนิคอร์นมาหนึ่งชิ้น ส่วนมือขวาหยิบมาการงสีชมพูพาสเทลมาหนึ่งชิ้น

หญิงสาวกัดคัปเค้กหนึ่งคำ และพบว่าครีมกับเนื้อเค้กนุ่มมากจนละลายในปากเลยทีเดียว จากนั้นจึงหันมาจัดการกับมาการงในมืออีกข้าง เธอกัดเพียงครึ่งชิ้นและเคี้ยวช้าๆ เพื่อจะได้ละเลียดรสหวานละมุนนานๆ

ความอร่อยระดับพรีเมียมทำให้เพลงขวัญอดใจไม่ไหว งับมาการงอีกครึ่งชิ้นที่เหลือจนหมด

ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ขณะกินขนมหวานรสนุ่มนวลชวนฝัน ‘โอ๊ยยย บอกได้คำเดียวว่าฟินสุดๆ ไปเลยค่า ขนมของโรงแรมนี้อร่อยได้อีก’

“อร่อยไหมครับ” เสียงเคร่งขรึมคุ้นหูดังขึ้นตรงหน้าของเลขาฯ สาว

เธอลืมตาโพลง แล้วก็พบว่าเจ้านายหนุ่มกำลังยืนกอดอกมองเขม็ง “คุณเนส!” หญิงสาวเอ่ยทั้งที่ขนมเต็มปาก

“อือฮึ” คนตัวสูงยิ้มอ่อน

            เพลงขวัญรีบเคี้ยวขนมและกลืนลงท้องเพื่อไม่ให้เสียมารยาท ก่อนถาม “มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

            “เพิ่งเดินมาเมื่อกี้”

            “คุยกับคุณแพรวเสร็จแล้วเหรอคะ” เลขาฯ สาวยิ้มเย้า ดวงตากลมโตเปล่งแสงพริบพราว

            “อืม”

            เพลงขวัญขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างงุนงง ‘อะไรของเขา ถามแค่นี้ ทำไมต้องหน้าตึงใส่เราด้วย หรือว่า...คุณเนสจีบไฮโซสาวไม่ติด เลยมาหัวร้อนใส่เรา’

            “คุณเนสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างห่วงใย

            “เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

            มาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็เริ่มรู้ตัวว่าเธอต้องทำอะไรพลาดไปแน่ๆ ไม่งั้นเจ้านายคงไม่มีท่าทางเช่นนี้

            “ค่ะ” เพลงขวัญตอบเสียงอ่อย ใบหน้าใสเจื่อนจ๋อย รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ กับตาคมกริบที่มองมาอย่างคาดโทษ

            “เอาขนมไปเก็บ แล้วตามผมมา”

            “เอ่อ...เก็บไม่ได้ค่ะ ขวัญกัดไปแล้วคำนึง” เลขาฯ สาวมองคัปเค้กยูนิคอร์นที่ถืออยู่ตาละห้อย

            “งั้นก็รีบกินให้หมด” เจ้านายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงดุนิดๆ

            “ค่ะ” เพลงขวัญพยักหน้าและรีบจัดการกับขนมหวานแสนอร่อยโดยไว

ภานุรุจมองคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้ากินขนมโดยไม่สบตาเขา ท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยทำให้ชายหนุ่มอดเอ็นดูไม่ได้

หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่าย เมื่อรู้ว่าเขากำลังจับจ้องเธออยู่ก็ประหม่าขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า จึงหมุนตัวหลบไปทางอื่น แต่ท่านรองก็ไม่วายเดินอ้อมมายืนจ้องอยู่ดี

ภานุรุจกระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาที่เคยแข็งกร้าวเป็นประกายอ่อนเชื่อมลง รู้สึกสนุกสนานกับการแกล้งเลขาฯ อย่างบอกไม่ถูก

“ถ้าหมดแล้วกินอีกได้นะครับ”

เพลงขวัญเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยความไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือประชดกันแน่ ตอนนี้เธอเดาใจท่านรองไม่ถูกเลยจริงๆ

“เอ่อ...จะดีเหรอคะ” เจอโหมดเย็นชาระดับหิมะขั้วโลกเหนือของเขาเข้าไป สาวร่างเล็กก็เกร็งจนไม่กล้าทำอะไรแล้ว

“คุณชอบไม่ใช่เหรอ”

“ค่ะ แต่...”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมรอได้”

“งั้นขวัญขอกินมาการงอีกสองชิ้นนะคะ” หญิงสาวชูสองนิ้ว

“ครับ” ภานุรุจพยักหน้าอนุญาต

เมื่อเขายืนยันอย่างนั้น เพลงขวัญก็ไม่รอช้า เดินไปหยิบขนมฝรั่งเศสสีสวยทันที ขณะที่เจ้าของร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีแผนการ

 

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม ภานุรุจก็พาเพลงขวัญเข้าไปลาเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเขา จากนั้นเจ้านายหนุ่มและเลขาฯ สาวจึงเดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน

            ระหว่างทางภานุรุจไม่เอ่ยอะไรสักคำ ส่วนเพลงขวัญก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะชวนเจ้านายคุย จนกระทั่งมาถึงรถ เธอกับเขาก็ยังไม่ได้พูดกันแม้แต่ประโยคเดียว

เพลงขวัญเปิดประตูขึ้นไปนั่งฝั่งผู้โดยสารด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต้อมๆ ขณะที่เจ้าของร่างสูงเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับและเปิดประตูขึ้นมานั่งประจำที่

            “ก่อนเข้าไปในงานเลี้ยง ผมบอกว่ายังไงครับ” ภานุรุจถามเสียงขรึมพลางเอื้อมมือไปกดปุ่มสตาร์ตรถ จากนั้นจึงขับออกมาจากโรงแรมเดอะ ฮิวจ์ สาทร

            เพลงขวัญเหงื่อแตก “เอ่อ...คุณเนสบอกว่า ให้ขวัญอยู่ข้างๆ ตลอดงานค่ะ”

            “แล้วทำไมไม่ทำตามที่ผมบอกครับ” ดวงตาคมกริบมีอำนาจตวัดมองมา

            หญิงสาวทำตัวลีบเมื่อถูกดุ “เอ่อ...ก็...”

            “ว่ายังไงครับ” เขามองเธอด้วยสายตาเกรี้ยวกราดเล็กๆ

            “ขวัญขอโทษค่ะ” เพลงขวัญยกมือไหว้ชายหนุ่มและบอกอย่างรู้สึกผิด “ขวัญคิดว่าคุณเนสอยากคุยกับคุณแพรวสองต่อสอง เลยปลีกตัวออกมาน่ะค่ะ”

            “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” ชายหนุ่มมองเลขาฯ สาวแล้วถอนหายใจเบาๆ

“ค่ะ แต่ตอนนี้ขวัญรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด ขวัญแย่มากที่อ่านท่าทีของเจ้านายไม่ออก ขวัญเป็นเลขาฯ ที่ใช้ไม่ได้เลย คุณเนสยกโทษให้ขวัญด้วยนะคะ ถ้าคุณเนสยังให้โอกาสขวัญอยู่ ขวัญสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

            “วันนี้ผมผิดหวังในตัวคุณมากครับ” ภานุรุจยังเก๊กโหดต่อไป แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด

            “ขวัญขอโทษจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้เจ้านายอีกรอบ

            “ไม่ต้องขอโทษแล้ว”

            “คุณเนสยกโทษให้ขวัญแล้วใช่ไหมคะ” ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มอย่างมีความหวัง

            “ยัง”

            “อ้าว” ริมฝีปากอิ่มยื่นออกมาอย่างผิดหวัง

            “คุณทำผิดขนาดนี้ ผมควรจะยกโทษให้ง่ายๆ งั้นเหรอ” เจ้าของใบหน้าคมคายเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองตรงไปยังท้องถนนเบื้องหน้า

            “ขวัญยินดีถูกลงโทษ เพื่อชดใช้ความผิดครั้งนี้ค่ะ!” เพลงขวัญบอกเสียงฉะฉาน

            ดวงตาคมกริบเปล่งแสงพราวระยับเมื่อแผนเข้าทาง “แน่ใจเหรอครับ”

            “แน่ใจค่ะ ขวัญทำผิด ขวัญก็ควรถูกลงโทษ”

            “แต่บทลงโทษของผมโหดนะ คุณไหวเหรอ” ภานุรุจแกล้งขู่เสียงเข้ม

            “ไหวค่ะ” หญิงสาวสบตาเขากลับอย่างไม่หวาดหวั่น

            รองประธานหนุ่มพยักหน้าเบาๆ อย่างพึงพอใจ “ผมขอคิดบทลงโทษก่อน แล้วจะบอกอีกที”

            “ได้ค่ะ แต่คุณเนสจะไม่ไล่ขวัญออกใช่ไหมคะ” เพลงขวัญตัดสินใจถามให้หายค้างคา เพราะถ้าไม่รู้คำตอบ คืนนี้เธอนอนไม่หลับแน่

            “ไม่ถึงขั้นนั้น”

            “ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างซาบซึ้งใจที่อย่างน้อยเจ้านายก็ยังเมตตาเธอ

            “เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

            “คุณเนสจอดให้ขวัญลงที่สถานีรถไฟฟ้าข้างหน้านี่แหละค่ะ เดี๋ยวขวัญนั่งรถไฟฟ้ากลับเอง”

เพลงขวัญรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงแม้เธอจะมีความผิดติดตัว ภานุรุจก็ยังจะไปส่ง แต่เธอคงไม่กล้ารบกวนเจ้านายมากขนาดนั้นหรอก

            “ดึกแล้ว ให้ผมไปส่งดีกว่า”

            “แต่...”

            “หรืออยากโดนลงโทษหนักขึ้น?”

            “ไม่นะคะ” เพลงขวัญส่ายหน้าหวือ

            “ถ้างั้นก็อย่าปฏิเสธเจ้านาย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ

            เพลงขวัญพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ ขวัญให้คุณเนสไปส่งก็ได้”

 

ภานุรุจขับรถมาถึงหน้าบ้านของเลขาฯ สาวในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

บ้านไม้สีขาวสองชั้นหลังขนาดกลางล้อมรอบด้วยรั้วไม้ระแนง มีแสงส่องสว่างจากหลอดไฟหน้าบ้าน ส่วนในบ้านมืดสนิท น่าเสียดายที่ยายของหญิงสาวเข้านอนแล้ว เขาอยากลงไปไหว้ท่านสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้

            “ขอบคุณคุณเนสมากนะคะที่มาส่งขวัญ” เพลงขวัญไหว้เจ้านาย และปลดเข็มขัดนิรภัยออก ในจังหวะที่กำลังจะเปิดประตูรถนั้นเองภานุรุจก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงมือเธอเอาไว้

            “เดี๋ยวครับ”

            “คะ?” หญิงสาวหันกลับมามองคนตัวโตพลางขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน

            “ผมคิดออกแล้วว่าจะลงโทษขวัญยังไง” เจ้าของเสียงทุ้มลึกบอก ก่อนปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ แม้ว่าอยากจะสัมผัสให้นานกว่านี้

            “บอกขวัญมาได้เลยค่ะ” เลขาฯ สาวยิ้มรับ

            “พรุ่งนี้ไปหาผมที่คอนโดตอนสิบโมงเช้า” ใบหน้าของคนพูดเรียบขรึม

            “คะ?” เพลงขวัญนิ่วหน้า ระหว่างทางเธอกับเขาคุยกันเรื่องงานประกวดมิสแบงค็อกบิวตี้พรุ่งนี้ และนัดหมายเรียบร้อยว่าจะเจอกันที่สถานที่ประกวดเลย เพราะเธอไม่ต้องใส่ชุดราตรีเหมือนวันนี้ จึงไม่จำเป็นต้องไปแต่งตัวที่คอนโดของเขา

            “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แสดงให้เห็นว่า ขวัญยังรู้จักผมไม่ดีพอ เพราะงั้นเราสองคนควรจะเรียนรู้กันมากขึ้น” ภานุรุจบอกด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ

            เพลงขวัญทำหน้าครุ่นคิดเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของเจ้านายฟังดูแปลกๆ ชอบกล

“ทำไมครับ” เขาถามราวกับล่วงรู้ความคิดเธอ

            “เรียนรู้กันเหรอคะ” ปกติคำว่า ‘เรียนรู้กัน’ เขาใช้กับคนสองคนที่จะเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าใช้แบบอื่นก็ได้ด้วย ‘งงอะ ราชบัณฑิตฯ ตอบทีค่ะ’

            “ใช่ครับ เรียนรู้กัน” นัยน์ตาสีดำขลับเป็นประกายมั่นคง

            “ค่ะ” เพลงขวัญเอ่ยออกไปอย่างนั้น แม้จะยังสับสน แต่ภานุรุจพูดออกมาแบบไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรแบบนี้ แสดงว่าคำว่า ‘เรียนรู้กัน’ น่าจะใช้ได้ในหลายกรณีจริงๆ ละมั้ง ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจระดับประเทศ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร นี่แสดงว่าที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิดว่าคำนี้ใช้กับคนที่กำลังศึกษาดูใจกันเท่านั้น

“ว่าแต่...เราจะเรียนรู้กันยังไงคะ” นัยน์ตาหวานเป็นประกายใสซื่อ

            “พรุ่งนี้ก็รู้เองครับ” ภานุรุจยังคงวางมาดขรึม

            “คุณเนสลงโทษขวัญแค่นี้เหรอคะ” ทำไมไม่เห็นโหดอย่างที่เจ้าตัวขู่เลย

            “ยังมีอีกครับ”

สายตาเย็นเยียบที่ส่งมาทำให้เพลงขวัญหายใจไม่ทั่วท้อง คราวนี้น่าจะโหดจริงแล้วละ

“ค่ะ ขวัญพร้อม” สาวหน้าหวานยืดอก ‘เชิญเลยค่ะคุณเนส เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา จนสมอุราจนสาแก่ใจเลยค่ะ!’

ตึ้กตั้ก...ตึ้กตั้ก...

หัวใจของเลขาฯ สาวเต้นไม่เป็นส่ำขณะรอฟังบทลงโทษต่อไป แล้วความตื่นเต้นก็เพิ่มมากขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าเมื่อริมฝีปากรูปกระจับสีระเรื่อขยับเอ่ย

“ขวัญจะต้องไปทำอาหารเย็นให้ผมที่คอนโดเป็นเวลาเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป” เสียงที่เปล่งออกมานั้นเฉียบขาด

“ฮะ?” เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปหมด เธอไม่คาดคิดเลยว่าบทลงโทษของเขาจะออกมาในรูปแบบนี้

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

“มะ...ไม่มีค่ะ แต่...”

“ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่มี ‘แต่’ ครับ ตกลงตามนี้” ภานุรุจบอกอย่างเผด็จการ

“ก็ได้ค่ะ” ทำไงได้ล่ะ เธอทำผิดจริงๆ คนผิดไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอยู่แล้ว

“แบบนี้ก็แสดงว่าขวัญต้องกลับบ้านดึกทุกวันน่ะสิคะ” เพลงขวัญทำหน้าลำบากใจ

“เดี๋ยวผมจะโทร. บอกยายให้เองว่าอาทิตย์หน้าขวัญต้องทำงานล่วงเวลา ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ภานุรุจรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร

“ขอบคุณค่ะ ถ้างั้น...ขวัญเข้าบ้านแล้วนะคะ” เลขาฯ สาวรอคำอนุญาตจากเจ้านาย เพราะไม่แน่ใจว่าเขามีเรื่องจะพูดกับเธออีกไหม

“ครับ” ภานุรุจพยักหน้าเบาๆ

“สวัสดีค่ะ” เพลงขวัญยกมือไหว้รองประธานหนุ่ม ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระทั้งหลาย

หญิงสาวยืนรอส่งเจ้านายอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แต่ภานุรุจก็ไม่มีทีท่าว่าจะขับรถออกไปสักที

“ทำไมยังไม่ไปหว่า”

            ขณะนั้นคนในรถก็ลดกระจกด้านผู้โดยสารลงและบอก “ขวัญเข้าบ้านเลย ไม่ต้องรอส่งผม เดี๋ยวขวัญเข้าบ้านปลอดภัยแล้วผมถึงจะไปครับ”

            “อ๋อ ค่ะๆ” ที่แท้เขาก็รอให้เธอเข้าบ้านนี่เอง

            “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”

            “ค่ะ” เพลงขวัญค้อมศีรษะและยิ้มบางๆ

            ภานุรุจรอจนกระทั่งหญิงสาวเข้าไปในบ้านเรียบร้อย จากนั้นจึงขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโดในย่านทองหล่อ ตลอดทางกลับที่พัก รอยยิ้มอิ่มเอมแตะแต้มอยู่บนใบหน้าคมคาย หัวใจเบิกบานอย่างมาก อดทนรอให้ถึงสิบโมงเช้าพรุ่งนี้แทบไม่ไหวแล้ว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น