8

บทที่ 8 เป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว


8

เป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว

เป็นเวลาสองเดือนเต็มแล้วที่เพลงขวัญทำงานในฐานะเลขาฯ ของรองประธานเดอะ ซันกรุ๊ป

แน่นอนว่าการเป็นเลขาฯ ไม่ใช่จะรับผิดชอบเฉพาะงานในบริษัทเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการธุระส่วนตัวต่างๆ ให้เจ้านายแทบทุกเรื่อง รวมทั้งช่วยเขาบริหารเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็เต็มใจทำทุกอย่างที่ท่านรองมอบหมาย อย่างที่เธอเคยบอกไว้ว่า ไม่กลัวเหนื่อย แต่กลัวไม่มีเงินมากกว่า

            “วันนี้สิบโมงเช้ามีประชุมกับทีมผู้จัดละครนะคะ ส่วนในช่วงบ่าย ตอนบ่ายสองโมง มีประชุมกับคณะผู้บริหารของเดอะ ซันทีวีค่ะ แล้วก็ขออนุญาตแจ้งเตือนตารางล่วงหน้าของวันเสาร์ เวลาหนึ่งทุ่ม ร่วมงานฉลองครบรอบยี่สิบปีโรงแรมเดอะ ฮิวจ์ สาทร และวันอาทิตย์ สองทุ่ม ร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวดมิสแบงค็อกบิวตี ที่เซ็นทรัลเวิลด์ค่ะ” สัปดาห์นี้ตารางงานของภานุรุจแน่นเป็นพิเศษ

            “งานวันเสาร์ขวัญไปกับผมด้วยนะครับ เพราะงานนี้มีพวกผู้บริหารและนักธุรกิจมาเยอะ จะได้ถือโอกาสไปทำความรู้จัก เผื่อต้องติดต่องานกันในอนาคต ส่วนวันอาทิตย์ถ้าขวัญว่างผมก็อยากให้ไปด้วยกัน”

            “ขวัญไปได้ทั้งสองวันค่ะ” เพลงขวัญตอบเสียงแข็งขัน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอจะมีโอกาสออกงานกลางคืนกับเจ้านาย

            และด้วยความที่เริ่มสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง หญิงสาวจึงเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองจาก ‘ดิฉัน’ มาเป็นชื่อเล่น

            ภานุรุจพยักหน้าเบาๆ “งั้นวันเสาร์นี้เจอกันที่คอนโดผมตอนบ่ายสองนะครับ”

            “บ่ายสองเลยเหรอคะ” เธอไม่มีปัญหาสำหรับการนัดที่คอนโด แต่กังวลว่าถ้าแต่งหน้าและแต่งตัวตั้งแต่บ่ายสอง กว่าจะถึงเวลาไปงานหน้าคงเยิ้มหมด

            “เผื่อเวลาสำหรับแต่งตัวและแต่งหน้าครับ”

            “คะ?”...‘หมายถึงจะให้เราไปแต่งตัวแต่งหน้าที่คอนโดของเขาเหรอ’

            แล้วคำถามของเพลงขวัญก็ได้รับความกระจ่างเมื่อชายหนุ่มบอกต่อ

“ผมมีสไตลิสต์ส่วนตัวที่ช่วยดูแลเรื่องเสื้อผ้าครับ เดี๋ยวจะให้เขาเตรียมชุดให้ขวัญด้วย ผมจะดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องแต่งหน้าขวัญแต่งเองได้ใช่ไหมครับ”

            “ขอบคุณค่า เรื่องแต่งหน้าไม่มีปัญหา เดี๋ยวขวัญเอาเครื่องสำอางไปจากบ้าน แต่ไซซ์ชุดจะพอดีไหมอะคะ”

            “เดี๋ยวผมให้เบอร์สไตลิสต์ครับ ขวัญโทร. นัดเขามาวัดตัวที่นี่ได้เลย”

            “แล้วอย่างนี้คุณเนสจะต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร ผมอยากให้เลขาฯ ของผมดูดีที่สุด” ใบหน้าของคนพูดเรียบขรึม แต่ดวงตาคมกริบเป็นประกายวิบวับ

“เตรียมงานเลี้ยงผู้ถือหุ้นถึงไหนแล้วครับ” เขาสอบถามต่อ ก่อนเลื่อนสายตาไปมองจอคอมพิวเตอร์

            “ตอนนี้คืบหน้าไปมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ” เพลงขวัญรายงาน

            “ส่งหนังสือเชิญผู้ถือหุ้นเรียบร้อยนะครับ”

            “เรียบร้อยค่ะ ส่วนเอกสารที่จะแจกผู้ร่วมงานก็ใกล้เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวขวัญจะเอามาให้คุณเนสตรวจอีกครั้งนะคะ”

สาวร่างเล็กเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส งานนี้นอกจากจะเป็นแม่งานแล้ว เธอยังต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการอีกด้วย นับได้ว่างานเลี้ยงผู้ถือหุ้นครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของเธอได้เลยว่าเหมาะสมที่จะเป็นเลขาฯ ของประธานเดอะ ซันกรุ๊ปหรือเปล่า

            “ขอบคุณครับ” ภานุรุจยิ้มอย่างพอใจ เพลงขวัญทำงานได้คล่องแคล่วว่องไวและแทบไม่มีข้อผิดพลาดเลยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา นับว่าเขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเธอ “วันนี้ผมจะกินข้าวที่นี่นะครับ เพราะเดี๋ยวเข้าประชุมตอนบ่ายไม่ทัน รบกวนโทร. สั่งอาหารให้ด้วย”

            “ได้ค่ะ”

            “ขวัญกินด้วยกันไหม” เจ้านายหนุ่มถามน้ำเสียงนุ่มนวล

            “ขอบคุณค่ะ แต่พอดีขวัญมีนัดกับพี่ๆ แล้วน่ะค่ะ” พี่ๆ ที่หญิงสาวว่าก็คือพรนภากับภีรณีย์ที่มีโอกาสรู้จักกันในงานสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพตนเองที่บริษัทจัดขึ้นให้พนักงานเข้าร่วมฟรี ด้วยความที่รุ่นพี่ทั้งสองคนมีนิสัยใจคอคล้ายๆ เธอทำให้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เวลาไปกินข้าวเที่ยง เพลงขวัญก็ไปกับพรนภาและภีรณีย์ตลอด ยกเว้นวันไหนต้องออกไปทำงานข้างนอกกับภานุรุจ แก๊งกินข้าวก็จะเหลือแค่พี่ๆ สองคน

            “ไม่เป็นไรครับ มีเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีกไหม”

            “ไม่มีแล้วค่ะ”

            “งั้นเดี๋ยวเก้าโมงห้าสิบเจอกันหน้าห้องทำงานนะครับ”

            “ค่า” หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะไม้เนื้อดี ค้อมตัวอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินออกไปทำงานระหว่างรอประชุมกับทีมผู้จัดละครในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

 

เพลงขวัญมาถึงคอนโดของภานุรุจตอนบ่ายโมงครึ่งของวันเสาร์ หญิงสาวนั่งรออยู่ที่ล็อบบีจนกระทั่งอีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเขา

“สวัสดีค่ะคุณเนส ขวัญอยู่ที่ล็อบบีแล้วนะคะ”

“ครับ เดี๋ยวอีกห้านาทีผมลงไปรับ”

แม้จะบอกเช่นนั้น แต่ไม่ถึงสามนาที เจ้าของร่างสูงโปร่งก็เปิดประตูเดินออกมาจากโถงลิฟต์

เพลงขวัญสะพายกระเป๋าเครื่องสำอางและกระเป๋าใส่สัมภาระอื่นๆ ลุกขึ้นจากโซฟา เดินเข้าไปหาภานุรุจที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงจ็อกเกอร์สีดำ และรองเท้าแตะคีบ ผมสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ได้เซตเหมือนทุกวันตกลงมาปรกหน้าผาก บวกกับผิวหน้าเนียนใสปิ๊งทำให้เขาดูเหมือนเด็กมหา’ลัยมากกว่าจะเป็นนักธุรกิจ

โอ๊ยยย น่าเอ็นดูเว่อร์!

            ลุคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวอดนึกถึงตอนเจอกันที่ญี่ปุ่นไม่ได้

            “เดี๋ยวไปกันเลยไหมครับ” ภานุรุจถามเลขาฯ สาวที่เอาแต่ยืนมองหน้าเขา

            “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เพลงขวัญไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอมองเจ้านายหนุ่มอยู่นานสองนาน บ้าจริง!

            “ผมช่วยถือกระเป๋าให้ครับ” เขาอาสา

            “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” สาวหน้าหวานปฏิเสธทันที จะให้เจ้านายช่วยถือกระเป๋าได้ยังไงล่ะ

            คนตัวสูงพยักหน้า และเดินนำไปยังประตูทางเข้าที่ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัย หญิงสาวเดินตามพลางมองไปรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ การออกแบบของที่นี่ดูใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่เพดานจดพื้น ของตกแต่งทุกชิ้นเลือกสรรมาเป็นอย่างดีและจัดวางอย่างเหมาะเจาะ

‘นี่มันคอนโดหรือโรงแรมห้าดาวเนี่ย เรียบหรู ดูแพง ไฮคลาสได้อีก ชาตินี้เราจะมีโอกาสได้อยู่คอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรีแบบนี้บ้างหรือเปล่านะ’

            “กินอะไรมาหรือยังครับ” ภานุรุจถามเมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ และเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกลิฟต์ ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกรอฟังคำตอบจากเธอ

            “นิดหน่อยค่ะ กลัวใส่ชุดไม่ได้” เพลงขวัญตอบเคล้ายิ้ม

            “กว่าจะไปถึงงานก็หกโมงเย็นเลยนะ”

            “ขวัญทนได้ค่ะ”

            “อย่าเลย เกิดเป็นลมขึ้นมา ไม่มีใครอุ้มนะครับ” ผู้เป็นเจ้านายเย้า ก่อนชวนด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ผมกำลังทำสลัดผลไม้ เดี๋ยวขึ้นไปกินกัน”

            “ถ้างั้น...ขอฝากท้องด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงร่าเริง

            “ยินดีครับ แต่ต้องช่วยกันทำก่อน ผมเพิ่งเอาผลไม้ออกมาจากตู้เย็น กำลังจะหั่น ขวัญก็มาพอดี”

            ติ๊ง!

            สิ้นเสียงสัญญาณประตูลิฟต์ก็เลื่อนเปิดออก ทั้งสองเดินเข้าไปในลิฟต์ ขณะที่บทสนทนาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

            “หือ รู้งี้ขวัญมาช้ากว่านี้สักห้านาทีก็ดี”

            เจ้าของใบหน้าคมคายยิ้มเจ้าเล่ห์ “มาตอนไหนก็ได้ทำอยู่ดี เพราะผมรอให้ขวัญมาช่วย” เขาว่าพลางสแกนลายนิ้วมือ ก่อนกดชั้นที่ต้องการ

            ‘โหย เพิ่งรู้ว่าคุณเนสเป็นคนแบบนี้!’

“ค่า มีอะไรมอบหมายมาได้เลย เลขาฯ คนนี้พร้อมเป็นทุกอย่างให้คุณแล้วค่ะ”

            “จริงเหรอครับ” เขาหันมาสบตาเธอนิ่งๆ และยิ้มมุมปาก

            ตึ้กตั้ก...ตึ้กตั้ก...

            สายตาลุ่มลึกและรอยยิ้มละไมทำให้หัวใจของเลขาฯ สาวเต้นรัวขึ้นมาทันที

            “เอ่อ...” สาวหน้าหวานเอ่ยตะกุกตะกัก “ก็...ถ้าไม่เกินความสามารถของขวัญ ขวัญก็ทำให้ได้ค่ะ”

            “รับรองว่าผมไม่ให้ขวัญทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ” ภานุรุจตอบน้ำเสียงนุ่มนวล

 

ไปรเวทลิฟต์พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นยี่สิบในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็พบกับโถงเล็กๆ บริเวณหน้าประตูห้องพักของชายหนุ่ม

            พื้นที่ในส่วนนี้เรียกว่า โฟเยอร์ (Foyer) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของห้องพัก คนที่จะเข้ามาถึงตรงนี้ได้คือเจ้าของห้องและคนที่เจ้าของห้องอนุญาตเท่านั้น และเพื่อไม่ให้โฟเยอร์ดูโล่งจนเกินไป ภานุรุจก็ตกแต่งผนังด้วยภาพวาดสีน้ำ และวางแจกันเซรามิกจีนขนาดใหญ่ไว้ริมทางเดินหนึ่งคู่

ชายหนุ่มถอดรองเท้าแตะเก็บไว้ในตู้รองเท้าไม้สีดำและเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ จากนั้นจึงสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตูห้อง

“เชิญครับ” ภานุรุจผายมือ

            “ขออนุญาตนะคะ” เพลงขวัญถอดรองเท้าส้นสูง เปลี่ยนเป็นรองเท้าใส่ในบ้าน และเดินตามเขาเข้าไปข้างใน

            “รกนิดนึงนะครับ”

            “แค่นี้ไม่เรียกว่ารกหรอกค่ะ” หญิงสาวยิ้มสดใส ขณะที่ดวงตากลมโตมองสำรวจไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นที่ทั้งกว้างขวางและหรูหรา

            ภานุรุจมองเลขาฯ สาวด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู “ชอบไหมครับ”

            “ชอบค่ะ น่าอยู่มากๆ เลย” รอยยิ้มแจ่มใสระบายอยู่ทั่วใบหน้าของคนตัวเล็ก

            “เดี๋ยวผมพาเดินดูห้องเอาไหม” เจ้านายหนุ่มบอกอย่างใจดี

            “ค่ะ” เธอพยักหน้าไวๆ วางกระเป๋าสัมภาระลงบนโต๊ะรับแขก และเดินตามเขาไป

ห้องพักของภานุรุจเป็นแบบดูเพล็กซ์ ตกแต่งภายในด้วยโทนสีขาว-เทา-น้ำตาล พื้นที่สองร้อยห้าสิบตารางเมตรถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว

“อยากดูห้องอะไรก่อนครับ” ภานุรุจหันมาถามคนข้างกาย

“อืม...แล้วแต่เจ้าของห้องเลยค่ะ”

“งั้นไปดูห้องทำงานผมก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็พาเธอเดินเลี้ยวไปทางซ้าย

ห้องทำงานของภานุรุจตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นอย่างสีเบจและสีขาว ด้านหลังโต๊ะทำงานไม้เนื้อดีมีตู้หนังสือขนาดใหญ่สองใบ อีกด้านของห้องทำงานคือโซฟายาวสีขาวที่เขาบอกว่าเอาไว้นอนอ่านหนังสือ และบางทีก็ไปงีบหลับบนนั้นเวลาสมองล้า แล้วค่อยตื่นมาทำงานต่อ

“ขวัญรู้ไหมว่า การงีบทำให้ร่างกายและสมองของเราทำงานได้ดีขึ้นนะ”

“ไม่ได้หมายความว่าขี้เกียจเหรอคะ” หญิงสาวเย้าเจ้านายพลางหัวเราะเสียงใส

“เมื่อก่อนผมก็เคยคิดอย่างนั้น แต่เขาวิจัยออกมาแล้วว่าหลังจากได้งีบหลับ ร่างกายเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในด้านของความกระตือรือร้น การเรียนรู้ และการจดจำ อย่างถ้าเราง่วงนอนมากๆ งีบห้านาทีก็ช่วยให้หายง่วงได้ละ นี่ผมยังคิดอยู่เลยว่าจะทำห้องงีบให้พนักงานของเดอะ ซันกรุ๊ปดีไหม เพราะบริษัทใหญ่ๆ อย่างไนกี้กับกูเกิล หรือบางบริษัทในญี่ปุ่นก็มีนโยบายนี้ แสดงว่ามันช่วยให้พนักงานของเขาทำงานดีขึ้นจริงๆ” รองประธานหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็น่าสนใจนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่วิจัยว่า แล้วบริษัทเราก็จะได้พื้นที่สื่อด้วย เพราะการอนุญาตให้พนักงานงีบในที่ทำงานเป็นเรื่องใหม่ในเมืองไทย น่าจะเป็นข่าวฮือฮาที่บริษัทใหญ่อย่างเดอะ ซันกรุ๊ปมีนโยบายนี้ค่ะ”

“ถ้างั้น...ขวัญช่วยศึกษาข้อดีข้อเสียเพิ่มเติม และร่างโครงการสร้างห้องงีบสำหรับพนักงานให้ผมด้วยนะครับ แล้วเดี๋ยวเราลองเอาไปเสนอในที่ประชุมกัน”

“เอ้า” หญิงสาวทำหน้ายู่ ‘จู่ๆ งานเข้าเฉยเลย งงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ ค่ะ!’

“เอ้าอะไรครับ” ภานุรุจเลิกคิ้วหนาขึ้น และพยายามกลั้นยิ้มขัน

“ได้รับผิดชอบงานใหม่แบบไม่รู้ตัวไงคะ คุณเนสเนียนมากเลย อยู่ดีๆ วกเข้ามาเรื่องงานได้ไงเนี่ย” เพลงขวัญแกล้งบ่นแบบไม่จริงจังนัก

คราวนี้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ไหนบอกว่าเป็นทุกอย่างให้ผมได้ไง”

เพลงขวัญค้อน “ค่าาา พูดเล่นค่ะ ถ้าคุณเนสต้องการ ขวัญก็จะจัดให้!”

“เลขาฯ ผมต้องอย่างนี้สิ” ภานุรุจยกนิ้วให้เลขาฯ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ใช้งานเยี่ยงอีเย็นขนาดนี้ ถ้าไม่ให้ผ่านโปรละก็ เพลงขวัญจะไปฟ้องกรมแรงงานให้ดู!

“ไปดูห้องอะไรต่อดีครับ” เสียงทุ้มดึงให้เธอหลุดจากความคิด

“อืม...ห้องน้ำก็ได้ค่ะ” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน่าจะหรูหราไม่แพ้ห้องอื่นๆ แน่นอน

“ครับผม” ชายหนุ่มพยักหน้า และพาเลขาฯ สาวไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากห้องทำงาน

ห้องน้ำของภานุรุจใหญ่กว่าห้องน้ำบ้านเธอสักสิบเท่าได้ แถมยังมองเห็นวิวข้างนอกได้หนึ่งร้อยแปดสิบองศา เพลงขวัญลองจินตนาการว่าถ้าตัวเองนอนแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างจากุซซีริมกระจกและชมวิวไปด้วยคงมีความสุขน่าดู แต่ก็ทำได้แค่เพ้อฝัน เพราะที่บ้านไม่มีอ่างจากุซซี มีแต่กะละมังซักผ้า

“คุณเนสคะ” เพลงขวัญเรียกเขาเสียงอ้อมแอ้ม

“ครับ” เจ้าของใบหน้าคมคายขานรับด้วยเสียงทุ้มลึก

“คือ...”

อีกฝ่ายรอฟังอย่างตั้งใจ

“ขวัญ...อยากจะขอใช้ห้องน้ำหน่อยน่ะค่ะ”

‘แกจะอายทำไมเนี่ย แค่ขอใช้ห้องน้ำเอง’ เพลงขวัญบ่นตัวเองในใจ

“อ๋อ ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปรอข้างนอกนะครับ” ภานุรุจเดินออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูให้

เพลงขวัญใช้เวลาทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำครู่เดียวก็ออกมา ดวงตากลมโตมองหาเจ้านายแล้วก็พบว่าเขายืนกอดอกรออยู่ที่บริเวณโถงทางเดิน

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เลขาฯ สาวบอกเสียงใส

จากนั้นภานุรุจก็พาเธอไปดูห้องแต่งตัวที่มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกอย่าง ตามด้วยห้องนอนใหญ่ที่อยู่ชั้นบน และกลับลงมายังห้องครัวเป็นที่สุดท้าย

“เอ๊ะ สไตลิสต์ยังไม่มาเหรอคะ” เพลงขวัญถามอย่างนึกขึ้นได้

            “ผมนัดไว้บ่ายสามครับ ขวัญจะได้มีเวลาแต่งหน้าก่อน” ใบหน้าคมคายของคนพูดเรียบขรึม

            “อ๋อ...ค่ะ”

            “เดี๋ยวเรามาทำสลัดผลไม้กันดีกว่า หิวแล้วครับ” ภานุรุจเปิดตู้เก็บของเหนือศีรษะ หยิบผ้ากันเปื้อนสีขาวออกมาหนึ่งผืน และยื่นให้เธอ “ผมมีผ้ากันเปื้อนผืนเดียว ขวัญใส่แล้วกัน”

            “คุณเนสใส่เลยค่ะ” หญิงสาวโบกมือปฏิเสธ

            “ไม่เป็นไร ขวัญใส่ดีกว่า เสื้อขวัญสีขาว เดี๋ยวเลอะ เสื้อผมเก่าแล้ว ไม่เป็นไร”

            เพลงขวัญยิ้มปลาบปลื้มกับความเอาใจใส่ของเจ้านาย ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เขาไปเป็นแฟน ถือว่าโชคดีสุดๆ เลย

            “ขอบคุณค่ะ” มือเล็กเอื้อมไปรับผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอ ก่อนจะพยายามผูกสายด้านหลังอย่างยากลำบาก

            “ได้ไหมครับ”

            “ได้ค่ะ” ปากบอกอย่างนั้น แต่ก็ยังผูกไม่สำเร็จสักที

            “ผมผูกให้ดีกว่า ขออนุญาตนะครับ” ภานุรุจบอกอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวในระยะประชิด “ยกแขนนิดนึงครับ”

            เพลงขวัญทำตามที่เขาบอกแบบงงๆ

จากนั้นเจ้าของร่างสูงก็สอดแขนทั้งสองข้างอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อผูกสายผ้ากันเปื้อนให้เธอ

            คนตัวเล็กอ้าปากค้าง หัวใจเต้นรัวแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก ใบหน้าใสอยู่ห่างจากแผงอกกว้างเพียงแค่ปลายนิ้วกั้นเท่านั้น

            เพลงขวัญกลั้นหายใจเอาไว้ ขณะยืนเกร็งอยู่ภายในวงแขนแกร่งของเขา กลิ่นกายหอมสะอาดของชายหนุ่มทำให้ช่องท้องของเธอปั่นป่วนวูบหวิว ไหนจะไออุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากร่างสูงหนานั่นอีก ความใกล้ชิดทำให้เธอประหม่าจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แข้งขาอ่อนเปลี้ยขึ้นมาเฉยๆ

            “เสร็จแล้วครับ” ภานุรุจผละออกไปและบอกน้ำเสียงนุ่มนวล

            แม้เขาจะใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที แต่เพลงขวัญรู้สึกว่ามันยาวนานเหมือนสิบชั่วโมง!

            “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” เลขาฯ สาวก้มหน้างุดและทำเป็นขยับผ้ากันเปื้อนให้เข้าที่แก้เขิน

            “ท่าทางในครัวจะร้อน” จู่ๆ เจ้าของเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น

            “หือ? ไม่นี่คะ” เพลงขวัญขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน

            “ผมเห็นแก้มคุณแดงๆ” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง ทว่าดวงตาสีดำขลับเปล่งแสงพริบพราว

            “หือ?” สาวร่างเล็กยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแนบแก้ม แล้วก็พบว่ามันร้อนผ่าวเลยทีเดียว “จริงเหรอคะ”

            “ครับ แดงมาก”

            ‘โอ๊ย รู้แล้วค่า จะขยี้ทำไมเนี่ย!’

            “อ๋อ...ค่ะ ฮ่าๆๆ” เพลงขวัญหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะตัดบท “ไหนคะ มีผลไม้อะไรจะให้ขวัญช่วยหั่นบ้าง”

            ภานุรุจชะงักเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “ครับ เดี๋ยว...ขวัญช่วยปอกกีวี่ แอปเปิลเขียว กับกล้วย แล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆ เลยครับ เดี๋ยวผมหั่นสตรอว์เบอร์รีกับสับปะรด”

            “น้ำสลัดทำหรือยังคะ”

            “ปกติผมใช้กรีกโยเกิร์ตครับ แต่ถ้าขวัญชอบหวานๆ จะเติมน้ำผึ้งเพิ่มก็ได้”

            “ไม่ดีกว่าค่ะ แค่ความหวานจากผลไม้ก็พอแล้ว” จากนั้นหญิงสาวก็ก้มหน้าก้มตาหั่นผลไม้ ขณะที่หัวใจยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด

            ‘บ้าน่า มันไม่มีอะไรหรอก แกอะคิดมาก แค่เขาช่วยผูกผ้ากันเปื้อนแค่เนี้ย ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ก็เพราะว่าแกมัวเงอะงะไง เขาคงรำคาญ เลยช่วยผูกให้ซะเลย’

            โมเมนต์เมื่อครู่ทำให้เพลงขวัญรู้สึกเหมือน ‘โดนตก’ การกระทำของเขาทำให้ตกหลุมรักได้ง่ายๆ เลยถ้าหัวใจไม่แข็งแกร่งพอ

‘แต่นั่นเจ้านายนะ แกจะตกหลุมรักเขาไม่ได้เว้ย ปล่อยให้เขาอยู่บนหิ้งหล่อๆ ต่อไปดีแล้ว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น