0

บทนำ


บทนำ

วันไนต์สแตนด์

มีคนเคยบอกไว้ว่า…อากาศหนาวมักจะทำให้คนเราเหงามากขึ้น

            ประโยคนี้อาจไม่เป็นความจริงสำหรับคนมีคู่ แต่สำหรับเพลงขวัญแล้ว เธอเห็นด้วยที่สุดเลยละ

            การเดินคนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมายว่าเหงาแล้ว อุณหภูมิ -7 ºC ยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้างมากขึ้นไปอีกเป็นสองเท่า

            นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสมาเที่ยวงานเทศกาลหิมะที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

            บรรยากาศของสวนสาธารณะโอโดริในเวลาสองทุ่มกำลังคึกคักไปด้วยผู้คนที่มากันเป็นครอบครัว มากับเพื่อนฝูง หรือไม่ก็คู่รัก

            พื้นที่กว่า 1.5 ตารางกิโลเมตรของสวนสาธารณะโอโดริเรียงรายไปด้วยประติมากรรมน้ำแข็งขนาดน้อยใหญ่ที่ทำเป็นรูปสิงสาราสัตว์ แลนด์มาร์กของประเทศต่างๆ บุคคลสำคัญของโลก ไปจนถึงตัวละครจากภาพยนตร์และการ์ตูนชื่อดัง ซึ่งเมื่อประติมากรรมเหล่านั้นถูกสาดส่องด้วยแสงไฟหลากสีสันก็ทำให้ดูงดงามตระการตาราวกับภาพในจินตนาการ

            เพลงขวัญเดินชมงานไปอย่างเหงาๆ ท่ามกลางละอองหิมะสีขาวที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เห็นคู่รักที่เดินจับมือกันแล้วก็อยากให้ใครสักคนมากุมมือบ้าง แต่ก็...ไม่มี

            “เฮ้อ” หญิงสาวอดสงสารตัวเองไม่ได้

ยิ่งดึก อุณหภูมิก็ยิ่งลดต่ำลง แม้เธอจะสวมอุปกรณ์กันหนาวครบครันตั้งแต่หัวจดเท้า แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความหนาวสุดขั้ว

ใจหนึ่งก็อยากกลับไปนอนซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ ที่โรงแรม แต่พอคิดว่ากว่าจะได้มาที่นี่ต้องใช้เวลาเก็บเงินนานแค่ไหนจึงตัดสินใจเดินต่อ เพราะไหนๆ มาแล้วก็ควรจะเที่ยวให้คุ้ม

หญิงสาวฝันอยากมาเที่ยวงานเทศกาลหิมะที่ซัปโปโรสักครั้งในชีวิต หลังจากได้ดูหนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งซึ่งมาถ่ายทำที่นี่ แต่ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย จึงต้องเก็บเงินเองทั้งหมด

ตอนนั้นเพลงขวัญเรียนอยู่ชั้นปี 2 เธอใช้เวลาว่างช่วงเย็นวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์ทำงานพิเศษทุกอย่างที่ทำได้ เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งก็นำไปจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้ข้ามปี เพราะจะได้ราคาถูกกว่าจองแบบกระชั้นชิด จากนั้นก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หญิงสาวจึงบินมาญี่ปุ่นตามกำหนด โดยจะอยู่ที่นี่ห้าวันสี่คืน

            เธอคงเอ็นจอยกับการเที่ยวมากกว่านี้ถ้า...

            ดวงตากลมโตอ่อนแสงลงเมื่อนึกถึง ‘เรื่องที่เกิดขึ้น’ สามวันก่อนหน้านี้

            สาวร่างเล็กกัดริมฝีปากเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวดมหาศาลที่เสียดแทงขึ้นมากลางใจ แต่ก็ทำได้อย่างยากเย็น

            เธอพร่ำบอกตัวเองให้ลืม แต่ยิ่งพยายามหักห้ามความรู้สึกเท่าไร หัวใจก็ยิ่งบีบรัดจนปวดหนึบไปทั้งดวง

            ทันใดนั้นเอง...

            “ว้าย หอยแหก!” เพลงขวัญอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเดินไปชนกับใครคนหนึ่งเข้า

            ด้วยความที่อีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่ามาก แรงปะทะจึงทำให้หญิงสาวถึงกับเซถอยหลัง แต่โชคดีที่เธอทรงตัวเอาไว้ได้จึงไม่หงายหลังล้มลงไป

            “I’m so sorry.” เพลงขวัญรีบกล่าวคำขอโทษ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่า...

            ‘เฮ้ย หล่ออ้ะ!’

            ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อมีฮูดสีดำ กางเกงยีนสีซีด และรองเท้าบูตสีน้ำตาล

            ใบหน้าคมคายที่ประกอบด้วยคิ้วหนา ดวงตาเรียวยาว จมูกโด่ง และริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อนั้นดูออกไปทางชาวญี่ปุ่นหรือเกาหลีก็ได้ แต่ไม่ใช่คนไทยแน่นอน เพราะเธออุทานออกไปขนาดนั้น ถ้าเป็นคนประเทศเดียวกันคงมีปฏิกิริยาอะไรสักอย่างแล้ว ไม่ใช่ยืนนิ่งแบบนี้

            เจ้าของร่างสูงสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงยีน มองมาด้วยสายตาตำหนิ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา เขาคงกำลังด่าว่าเธอซุ่มซ่าม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ

            เพลงขวัญยอมรับความผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะเธอมัวแต่ใจลอยแท้ๆ จึงไม่เห็นว่ามีคนเดินอยู่ข้างหน้า

            “โกเมนนาไซ” สาวหน้าหวานลองกล่าวขอโทษเป็นภาษาญี่ปุ่นพร้อมโค้งตัวเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่พูดอะไร

            “ไดโจบุ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

            ที่แท้ก็เป็นคนญี่ปุ่นนี่เอง เธอเชื่อว่าเขาเข้าใจภาษาอังกฤษแน่ๆ เพราะ ‘I’m so sorry.’ เป็นประโยคเบสิกที่ใครๆ ก็แปลออก แต่เจ้าตัวอาจมีความเป็นชาตินิยมสูง ตอนเธอพูดภาษาอังกฤษด้วยจึงไม่ตอบ

            “หล่อ แต่เย็นชาชะมัด” เพลงขวัญมองตามร่างสูงไปพลางส่ายหน้า แต่ผู้ชายญี่ปุ่นส่วนมากก็อย่างนี้ละ หยิ่งและถือตัวเป็นที่หนึ่ง

            ดูท่าทางเขาคงไม่มีแฟนสินะ เลยต้องมาเดินคนเดียวแบบนี้

หญิงสาวแอบคิดขำๆ ว่าถ้าเธอชวนชายหนุ่มมาเดินด้วยกัน ฝ่ายนั้นจะว่ายังไงนะ ทว่าไม่ถึงห้าวินาทีต่อจากนั้น...

            “เนสสึ”

            “นานะ”

            หนุ่มฮูดดำเดินเข้าไปหาผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก ที่เรียกชื่อเขา เธอคนนั้นยืนอยู่ด้านหน้าบริเวณที่กำลังมีการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะควงแขนฝ่ายชายเดินไปด้วยกัน

เพลงขวัญยิ้มเจื่อน เมื่อพบว่าเจ้าตัวไม่ได้โสดอย่างที่คิด

‘ให้ตายเถอะ ทำไมใครๆ ก็มีคู่กันหมดเลย บนเกาะฮอกไกโดจะมีใครโดดเดี่ยวเดียวดายเท่าเราอีกไหมเนี่ย!’

 

เพลงขวัญรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับความหนักอึ้งในศีรษะ หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ใต้ผ้าห่มนวมแสนอบอุ่น แสงสว่างที่ส่องผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีขาวเข้ามาบ่งบอกว่าตอนนี้เช้าแล้ว แต่ด้วยความที่ยังง่วงงุนไม่หาย สาวหน้าหวานจึงหลับตาลงนอนต่อ

            ขออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วกันนะ...

            ทว่าหลับตาลงได้ไม่ถึงห้านาที เพลงขวัญก็ได้ยินเสียงประตูเปิด ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าแผ่วเบา

            ‘เอ๊ะ! ใครอยู่ในห้องเราอ้ะ’

            หัวใจของสาวร่างเล็กสั่นระรัวขึ้นมาทันที และความหวาดกลัวก็ก่อตัวมากขึ้นกว่าเก่าเมื่อเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ข้างเตียง

            หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกกลัวจับใจ และสติยิ่งกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ เมื่อพบว่าตอนนี้เขาก้มลงมาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจน

            “คุณ” เสียงทุ้มลึกดังขึ้น

            คนไทยเหรอ...

            แต่แล้วไงล่ะ ถึงจะเป็นคนไทยก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นหรอกนะ เพราะเขาเป็นคนไม่ดีแน่ๆ คนดีที่ไหนจะแอบเข้ามาในห้องของคนอื่น

            เพลงขวัญเงียบ และคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตราย แต่ความกลัวก็ทำให้สมองตื้อ นึกอะไรไม่ออกเลย

            “คุณ ตื่นได้แล้ว เช้าแล้ว” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

            หญิงสาวนอนนิ่ง แกล้งตายได้ไหมนะ ไม่ได้สิ เขาไม่ใช่หมีสักหน่อย แต่เป็นผู้ชายโรคจิตต่างหาก ถึงจะแกล้งตาย เขาก็อาจจะข่มขืนศพเธอก็ได้ ยังไงก็ไม่รอด!

            ‘โอ๊ยยย...เอาไงดีวะ’

            ตอนนี้มีทางเดียวที่จะรอดก็คือลุกขึ้นมาสู้ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะสู้แรงผู้ชายได้ยังไง

            ‘เฮ้ย อย่าเพิ่งถอดใจดิ ลองสู้ดูก่อน ตั้งสติดีๆ แกมีโอกาสรอดเว้ย’

            เพลงขวัญปลุกใจตัวเอง ก่อนจะรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดที่มี จากนั้นก็เริ่มนับในใจ

‘หนึ่ง สอง สาม!’

เมื่อนับถึงสาม สาวหน้าหวานก็ลืมตาขึ้นพร้อมตวัดผ้าห่มนวมออกจากตัว ทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ของไอ้โรคจิตก็ยกขาขึ้นหมายจะถีบเข้าที่ยอดอกของมัน แต่โชคไม่เข้าข้างเมื่อผู้ร้ายไหวตัวทัน เบี่ยงตัวหลบฝ่าเท้าได้อย่างหวุดหวิด

“เฮ้ย!” ภานุรุจทำหน้าเหลอ เพราะไม่คิดว่าจะโดนอีกฝ่ายมุ่งร้าย

ด้านหญิงสาวก็รีบกระโดดลงจากเตียงไปยืนอยู่อีกฝั่งหลังจากพลาดเป้า

“เอ๊ะ! คุณ...” เพลงขวัญเบิกตาโตเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ

‘นี่มัน...ผู้ชายที่เราเดินชนเมื่อวานนี่นา!’

            “อือฮึ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อไหมพรมแขนยาวสีขาวและกางเกงจ็อกเกอร์สีดำยกมือขึ้นกอดอกและมองเธอเขม็ง

            “คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”

            “ห้องคุณ?” คิ้วหนาเหนือดวงตาคมกริบเลิกขึ้น

            “ก็...ชะ...” เพลงขวัญกำลังจะตอบอย่างมั่นใจว่าใช่ แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพักของเธอ!

            “นี่ห้องผม” เขาบอกเสียงขรึม

            “ห้องคุณ?” หญิงสาวหน้าเจื่อน

            “ใช่”

            “ฉันมานอนที่ห้องคุณได้ยังไง”

            “ผมพามาเมื่อคืน” ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับว่าการพาผู้หญิงมาที่ห้องเป็นเรื่องที่เขาทำเป็นปกติ

            เพลงขวัญอ้าปากหวอ “ฮะ! แล้วทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”

            “คุณเมามาก”

            “จริงสินะ” เมื่อคืนนี้เธอไปดื่มเหล้าที่ผับคนเดียว หลังจากดื่มแก้วแรกหมดก็เริ่มมึนๆ สมองทำงานช้าลงกว่าครึ่ง แสงสีวูบวาบและเสียงดนตรีอึกทึกทำให้ดวงตาพร่าพรายและหูอื้อไปหมด จากนั้นสติก็หลุดลอย จำอะไรไม่ได้อีกเลย

            “เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง จำได้หรือเปล่า” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถามเสียงเรียบ

            “มะ...ไม่รู้สิ” เพลงขวัญปากสั่นเล็กน้อย เพราะสังหรณ์ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เมื่อก้มลงมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่ก็พบว่าเป็นเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงบ็อกเซอร์ลายตาราง ซึ่งไม่ใช่ชุดของเธอแน่นอน

            ‘อย่าบอกนะว่า...เราตกเป็นของผู้ชายคนนี้แล้ว!’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น