3

ในตอนที่เขาเสียการควบคุม

3

ในตอนที่เขาเสียการควบคุม

 

รินลดานั่งนิ่งในรถยนต์คันหรู หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนหน้าหายไปตั้งแต่วินาทีที่ถูกใครบางคนบดจูบเอาแต่ใจ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ทว่าเมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ร้อนแรงก่อนหน้าหัวใจก็ยิ่งไหวสั่น

อาธีจูบเธอ

มาจูบกันทำไม ในเมื่อครั้งนั้นเขายังผลักไสเธออยู่เลย

ในหัวของรินลดาเต็มไปด้วยความสับสน ไม่เข้าใจการกระทำของคุณอาข้างบ้านคนนี้เลยสักนิด แต่แม้จะไม่เข้าใจเธอก็ไม่อยากเอ่ยถามให้เขาตอกกลับเจ็บๆ แสบๆ ทำเพียงนั่งนิ่งและปล่อยให้ความเงียบรายล้อมรอบตัวไว้ หญิงสาวเลือกหันดวงหน้าสวยหวานมองวิวด้านข้างแทนการมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย ปล่อยให้แสงไฟจากรถคันอื่นสาดกระทบตายังดีกว่ามองคนใจร้ายที่ปิดปากเงียบตั้งแต่ขึ้นรถ 

ใช่ หลังจูบเธอจนพอใจแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ ยิ่งหลังจากเธอไม่ยอมตอบคำถามว่าคอนโดมิเนียมที่พักอยู่ตรงไหน เขาก็ขับรถแล้วไม่สนใจเธออีก รินลดาหลับตาลงช้าๆ ตั้งใจว่าจะเลี่ยงจากความอึดอัดระหว่างกันสักพัก ทว่ายิ่งหลับตาภาพใบหน้าของชายผู้เป็นรักแรกกลับยิ่งเด่นชัด โดยเฉพาะตอนที่เขาแนบชิดพร้อมริมฝีปากที่บดเบียดเคล้นคลึง 

เพียงเท่านั้นใบหน้ารินลดาก็ร้อนวูบ หัวใจไม่รักดีก็พลันดีดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย ทั้งที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมคนใจร้ายถึงจูบเธออย่างร้อนแรงราวจะกลืนกินเข้าไป แต่พอนึกถึงฝ่ามือก็พลันบีบแน่นขึ้นเป็นอัตโนมัติ ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะภาพความวาบหวามก่อนหน้ายังเล่นงานกันไม่หยุด

“เอ๊ะ! นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ!”

ถนนที่ไม่คุ้นเคยทำเอาคนเพิ่งลืมตาทักท้วงเสียงสั่น นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน แถมยังไม่ใช่ทางกลับคอนโดมิเนียมของเธออีกต่างหาก

“อาธีจะพารินไปไหน”

“คอนโดอา”

“รินไม่ไป”

“อาไม่ได้ถามความเห็น” 

รินลดาโวยวายเสียงสั่น นึกเคืองคนหน้านิ่งที่ตอบคำถามเธออย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน นอกจากจะไม่เดือดร้อนแล้วเขายังตั้งใจขับรถต่อ ไม่หันมามองสักนิดว่าเธอโกรธจนแทบจะพ่นไฟอยู่แล้ว

“อาถามแล้วว่าคอนโดเราอยู่ไหน แต่เราเลือกไม่ตอบ” 

ที่เธอไม่ตอบก็เพราะไม่อยากให้เขารู้ ตั้งใจว่าถ้าเขาไม่รู้ คงพาเธอไปส่งบ้าน แต่ใครจะไปนึกว่าอยู่ๆ เรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ 

“พารินกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะคะ”

“ทำไมอาต้องฟังคำสั่งริน”

“อาธี!”

คนถูกตอกแหวเพราะขัดเคืองใจ คุณธีรดนย์คนนี้กลายเป็นคนร้ายกาจตั้งแต่เมื่อไร ทำไมอยู่ๆ ถึงไม่ใจดีกับเธอแล้วล่ะ!

รินลดาหอบหนักเพราะโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ ใจจริงเธออยากหันไปทุบเขาแรงๆ สักที แต่เพราะอีกฝ่ายขับรถอยู่เธอจึงต้องหยุดมือไว้ แล้วเปลี่ยนมาระบายความโกรธผ่านเสียงหายใจฟืดฟาดของตัวเองแทน ไม่นานนักรินลดาก็ได้เห็นว่ารถยนต์คันหรูพาเธอเลี้ยวเข้าสู่เขตอาคารแห่งหนึ่ง เป็นที่พักอาศัยที่แค่มองจากภายนอกก็รู้ว่าหรูหราราคาแพง

ธีรดนย์นำรถเข้าจอดยังอาคารจอดรถ เขาดับเครื่องยนต์และก้าวลงมาอย่างไม่เร่งรีบ แต่พอหันมองด้านหลัง คนตัวโตกลับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเด็กดื้อยังนั่งกอดอกอยู่ที่เดิม

“ลงมาริน” 

ประตูด้านข้างถูกเปิดออกพร้อมกับคำสั่งเสียงเรียบ ธีรดนย์รอคอย เขายังใจเย็นแม้จะอยากบีบจมูกรั้นๆ ของใครบางคนที่เชิดขึ้น แล้วริมฝีปากแดงเรื่อนั่นอีก เจ้าตัวไม่รู้หรืออย่างไรว่าทำแบบนี้นอกจากเขาจะไม่กลัวแล้ว ยังอยากรังแกมากกว่าเดิมเสียอีก

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

คุณอาหนุ่มพยายามต่อรองด้วยเหตุผล เขามีหลายเรื่องต้องคุยกับรินลดาและไม่สะดวกที่จะพากลับบ้าน คราแรกเขาตั้งใจจะไปส่งเธอที่ห้องพัก แต่พอไม่ได้คำตอบจึงเลือกปราบพยศเด็กดื้อโดยพากลับมาที่คอนโดมิเนียมของตัวเองแทน

ความจริงธีรดนย์ไม่ได้แวะมาที่นี่บ่อยนัก เขายกห้องชุดนี้ให้เป็นที่พักของน้องสาวเวลาเธอกลับจากต่างประเทศ แต่เพราะรอบนี้เจ้าตัวเลือกไปพักกับเพื่อนสนิทและท่องเที่ยวอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เขาจึงถือโอกาสยึดห้องคืนชั่วคราว

“รินไม่มีอะไรจะคุยกับอาธี”

“แน่ใจนะว่าไม่มี แน่ใจใช่ไหมริน”

ธีรดนย์พยายามกดน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ฟังดูดุ แต่คงไม่ได้ผลเท่าไร เพราะทันทีที่เขาพูดจบคนตรงหน้าก็เงียบกริบ

“อาจะถามเป็นครั้งสุดท้าย แน่ใจใช่ไหมว่าเราทั้งคู่ไม่มีเรื่องต้องคุยกัน”

‘ไม่แน่ใจหรอก’ รินลดาตอบในใจ เรื่องระหว่างเธอกับเขายังมีหลายอย่างต้องคุยให้เข้าใจอย่างที่อีกฝ่ายว่า หรืออย่างน้อยๆ เธอก็ควรได้คำตอบว่าเมื่อครู่เขาจูบเธอทำไม เพราะถ้าไม่คิดอะไรตั้งแต่แรก เขาก็ไม่ควรทำแบบนี้กับเธอสิ

สุดท้ายคนอยากได้คำตอบจึงจำต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงขึ้นมาบนห้องพัก พอเข้ามาด้านในเธอก็เห็นว่ามันทั้งกว้างขวางและหรูหราไม่ต่างจากที่คิดไว้ตอนแรก 

เมื่อมาถึงจุดที่เธอคิดว่าเขาคงยอมใจเย็นแล้ว รินลดาจึงขยับฝ่ามือเบาๆ ออกจากการเกาะกุมของคุณอาหนุ่ม ไม่รู้เพราะกลัวเธอหนีหรืออย่างไร เขาถึงจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เธอเหนื่อยจะดึงออกเพราะพยายามมาหลายครั้งก่อนหน้าแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงปล่อยให้เขาจับจูงจนกว่าจะพอใจ ซึ่งเหมือนว่าตอนนี้เขาจะพอใจแล้ว

“อาธีปล่อยรินก่อนสิคะ”

“ไปนั่งรออาที่โซฟาก่อน เมื่อกี้ดื่มไปเยอะหรือเปล่า อาจะได้หาน้ำเย็นๆ มาให้”

ธีรดนย์ปล่อยมือที่จับไว้แน่นพร้อมทั้งออกคำสั่ง จะว่าไม่รู้ตัวก็ออกจะเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเขารู้ตัวตั้งแต่ลงจากรถแล้วเลือกคว้ามือเด็กคนนี้มาจับเป็นอย่างแรก

“รินไม่รบกวนหรอกค่ะ อาธีมีอะไรจะพูดกับรินก็พูดมาเลยดีกว่า รีบคุยรีบจบ รินจะได้กลับบ้านสักที”

คนหนึ่งพยายามทำใจเย็น ทว่าคำตอบที่ได้ยินก็ทำเอาเส้นประสาทของเขาตึงเครียดอีกครั้ง 

“อย่าดื้อกับอาได้ไหม”

เสียงถอนหายใจจากคุณอาข้างบ้านไม่ได้ทำให้คนดื้อดึงยอมแพ้ รินลดายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ระหว่างนั้นสายตาก็ยังแอบสำรวจห้องและการตกแต่งไปพลางๆ ห้องนี้เป็นห้องพักที่ดูเรียบง่ายทว่าหรูหรา การตกแต่งไม่ต่างจากบ้านหลังที่เธอคุ้นเคยนัก ผิดแต่ว่าบ้านหลังนั้นมีพื้นที่กว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่า

บ้านที่เธอแอบเข้าไปในตอนแรกแต่สุดท้ายก็กลายเป็นความคุ้นชิน แม้ความประทับใจแรกจะไม่ได้น่าประทับใจนักเพราะเธอเองที่เป็นฝ่ายทำเสียเรื่อง แต่ต่อมารินลดากล้าพูดได้เต็มปากว่าคุณอาข้างบ้านคนนี้ใจดีกับเธอยิ่งกว่าใคร 

เขาไม่ได้ตามใจเธอทุกเรื่องโดยไม่ถามถึงเหตุผล เธอจะถูกตักเตือนถ้าทำผิด หรือทำตัวไม่น่ารัก จะถูกดุถ้าทำตัวเอาแต่ใจ แต่ความเป็นผู้ใหญ่และความอบอุ่นนั้นเองที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใครต่อใครได้ไม่ยาก 

ไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างรูปร่างหน้าตา เพราะผู้ชายคนนี้ของเธอแสนเพียบพร้อม ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน และเพราะความเพียบพร้อมนี้เองที่มองอย่างไรเด็กกะโปโลอย่างเธอก็ไม่มีทางเหมาะสมกับเขา 

ยิ่งในฐานะ ‘คนรัก’ เธอกับเขายิ่งไม่มีอะไรเหมาะสมกันแม้แต่นิดเดียว

ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังแอบหวังว่าระหว่างพวกเธอจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง รินลดาคิดว่าตัวเองไม่ใช่เด็กน้อยไม่รู้ความ อีกแค่ไม่ถึงปีเธอก็จะเรียนจบและรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ แม้วุฒิภาวะจะยังไม่มากพอกับคำว่าผู้ใหญ่ แต่สำหรับการรักใครสักคน เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว

วันนั้นเธอถึงได้ตัดสินใจสารภาพความรู้สึกกับเขา อยากบอกให้รู้ว่าเธอไม่ได้มองเขาเป็นแค่คุณอาข้างบ้านอีกต่อไป ทว่าตลกร้ายที่ความรู้สึกของเธอกลายเป็นแค่ความสับสนในความคิดของคนฟัง 

เธอไม่เคยสับสน 

คนสับสนน่ะคือคนที่เพิ่งรุกจูบเธออย่างเอาแต่ใจมากกว่า!

ธีรดนย์ไม่ได้ผละไปหาน้ำหาท่าเมื่อหญิงสาวปฏิเสธ ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของห้องยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเช่นกัน ปล่อยให้บรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างกันดำเนินต่อท่ามกลางความเงียบ

“ทำแบบนั้นทำไม”

สุดท้ายคนอายุมากกว่าก็เป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเพราะทนไม่ไหว แถมยังเลือกถามถึงเรื่องที่ค้างคาใจมาตั้งแต่ต้นอีกด้วย

“คะ?”

คำถามของอีกฝ่ายครอบคลุมไปไกลจนรินลดาโฟกัสไม่ถูกว่าเป็นเรื่องใด เธอไม่เข้าใจ แต่เพียงไม่นานคนตั้งคำถามก็เป็นฝ่ายเฉลยให้เสียเอง

“ที่คลับ กับผู้ชายคนนั้น”

“อ้อ”

คราวนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งทีเดียว เขาคงหมายถึงเรื่องที่เธอทำตัวเฟลิร์ตกับผู้ชายคนนั้นที่คลับ แต่จะเรียกว่าทำตัวเจ้าชู้ก็คงไม่ถูกนัก เพราะเธอยังไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำก็มีคนมาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน

“อาธียังมีคนของอาธีได้ แล้วทำไมรินจะมีคนของตัวเองบ้างไม่ได้ล่ะคะ”

ข้อนี้เธอไม่ได้ตั้งใจยั่วโมโหอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เธอแค่พูดตามความจริง ในเมื่อเป็นเขาเองต่างหากที่ผลักไสเธอออกตั้งแต่แรก ทำไมตอนนี้ถึงทำราวกับหวงแหนเพราะแค่เธอมีท่าทีจะสานสัมพันธ์กับคนอื่น

“หมายความว่ายังไงที่บอกว่าอามีคนของอา” 

ธีรดนย์ไม่ติดใจเรื่องก่อนหน้า แต่ชะงักกับท้ายประโยคที่รินลดาบอกว่าเขามีคนของตัวเองแล้วต่างหาก

เขาไปมีตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เคยรู้ตัว

“ฮึ อาธีก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมต้องมาถามรินด้วย” 

“เพราะไม่รู้น่ะสิ อาถึงได้ถาม”

รินลดาทำปากเบ้เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากคนตัวสูงตรงหน้า เธอเมินทั้งคำถามและใบหน้าที่ดูหงุดหงิดงุ่นง่านของเขา แล้วเลือกพูดเรื่องที่เธออยากพูดมากกว่า

“ใช่สิ รินก็เป็นแค่เด็กกะโปโลคนหนึ่งในสายตาอาธี จะไปสู้สาวสวยเซ็กซี่คนนั้นได้ยังไง”

ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ 

เธอเจ็บจนแทบจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา ยิ่งนึกถึงภาพที่ผู้หญิงคนนั้นสวมกอดคุณอาข้างบ้านของเธอแนบแน่น หัวใจก็ยิ่งบีบหน่วงจนเจ็บไปหมด รินลดายอมรับว่าภาพนั้นเองที่กระตุ้นให้เธอสารภาพความรู้สึกกับเขา แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ เธอถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน

ทว่าฝั่งของคนถูกกล่าวหายังจับต้นชนปลายไม่ถูก รินลดาบอกว่าเขามีคนของเขา แต่ธีรดนย์กลับนึกไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเขาไปมีอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร วันวันหนึ่งผู้หญิงที่อยู่ในสายตาของเขาก็มีแค่รินลดา เด็กน้อยที่กำลังใส่ความเขาปาวๆ ว่ามีสาวเซ็กซี่เป็นของตัวเองนี่แหละ

แต่เดี๋ยวนะ ผู้หญิงเซ็กซี่ที่รินลดาพูดคงไม่ได้หมายถึง ‘นีรชา’ น้องสาวบังเกิดเกล้าของเขาหรอกใช่ไหม

หลายสัปดาห์ก่อนนีรชามาหาเขาที่บ้าน จะเรียกมาหาก็คงไม่ถูกนัก เรียกว่ามาตามจับผิดเขาน่าจะใกล้เคียงกว่า เขาผิดนัดเจ้าตัวหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่เธออยากให้พาทัวร์หมู่เกาะทางใต้ แต่เขาบ่ายเบี่ยง 

เขายังไม่อยากตกบ่วงไปกับน้องสาว เพราะรู้ดีถึงจุดประสงค์ว่านอกจากจะให้พาเที่ยวแล้ว นีรชายังอยากแนะนำเพื่อนของตัวเองให้เขารู้จักอีกด้วย

ธีรดนย์ยังไม่พร้อมเริ่มความสัมพันธ์กับใคร และเพราะไม่คิดอยากสานต่อกับใครเร็วๆ นี้จึงปฏิเสธน้องสาวตัวดีมาตลอด แต่เขาไม่คิดว่าการที่เจ้าตัวมาหาครั้งนั้นจะทำให้ใครบางคนเข้าใจผิดจนคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะ

และที่ธีรดนย์มั่นใจว่าผู้หญิงที่รินลดาเห็นคือนีรชานั้น เพราะตั้งแต่อยู่ที่นั่น ผู้หญิงที่มีโอกาสก้าวเข้ามาในบ้านหลังนั้นมีแค่รินลดากับนีรชา

“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนของอา”

มาถึงตอนนี้คนถูกกล่าวหาพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ธีรดนย์อธิบายว่าเขาไม่เคยมีใครในสังกัด เขาไม่พร้อมและยังไม่อยากมีพันธะผูกมัดใดๆ ทว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เหมือนจะมีใครบางคนสั่นคลอนความหนักแน่นของเขาลงไม่น้อย 

แต่แม้ธีรดนย์จะพูดได้ไม่เต็มปากว่ายังไม่อยากมีใคร ทว่าเรื่องที่เขายืนยันได้ตอนนี้คือ เขายังไม่ได้คบหาผู้หญิงคนไหนเป็นตัวเป็นอย่างแน่นอน

“อายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนแบบที่เรากล่าวหา”

“อ้อ อาธีจะบอกว่าตัวเองมีหลายคนให้เลือกสินะคะ ใช่สิ อาธีหล่อเลือกได้อยู่แล้ว คงมีผู้หญิงเข้าหาให้เลือกวันละไม่รู้กี่คนต่อกี่คน”

แต่แทนที่จะรินลดาจะเข้าใจ เจ้าตัวกลับยังต่อว่าเขาไม่หยุด ปากเล็กๆ นั่นขยับพูดโดยไม่หยุดพัก โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าถ้อยคำสบประมาทนั้นทำเอาใบหน้าของคนฟังเคร่งขรึมขึ้นทุกทีเพราะความไม่ชอบใจ 

กว่าจะรู้ตัวร่างเล็กจ้อยก็ถูกคนโตกว่าไล่ต้อนกระทั่งส้นเท้าแตะเข้ากับโซฟากลางห้อง นั่นแหละ รินลดาถึงได้รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองกำลังลำบาก

“แล้วถ้าอามีผู้หญิงเข้าหาให้เลือกจริงๆ มันเป็นความผิดของอาหรือไง”

ความอดทนของคนเราย่อมมีขีดจำกัด และเหมือนจำกัดของธีรดนย์จะใกล้เข้ามาทุกที

“ตอบสิริน มันความผิดของอาใช่ไหม”

คุณอาหนุ่มถามย้ำเสียงเข้ม ธีรดนย์ไม่คิดว่านั่นเป็นความผิดของเขา และไม่ปฏิเสธด้วยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีผู้หญิงเข้าหาให้เลือกมากมายอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวจริงๆ เขาก็อายุปูนนี้แล้ว และถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปก็ถือว่าเป็นคนเพียบพร้อมคนหนึ่ง

คำว่า ‘ผู้ชายเพอร์เฟกต์’ เขาได้ยินจนเบื่อ แน่นอนว่ารวมถึงผู้หญิงที่เข้าหาด้วยหลากหลายจุดประสงค์ ทั้งอยากผูกมัด และแค่อยากทำข้อตกลงด้วย แต่มีคนมาเสนอไม่ได้หมายความว่าเขายินดีกระโจนลงไปในข้อตกลงพวกนั้น 

เขาอยู่ของเขาดีๆ แต่พอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น รินลดากลับโทษว่าเป็นความผิดของเขา 

แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหนกัน!

“อะ...อาธี ถอยไปก่อนสิคะ”

ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนคนเด็กกว่าเมื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงที่ไม่ปกติของอีกฝ่าย รินลดาอยากเดินถอยหลัง แต่โซฟาตัวใหญ่ก็ปิดทางอยู่ ย้ำเตือนว่าเธอไม่มีทางให้หนีแล้ว

“ทำไม เกิดกลัวอาขึ้นมาแล้วเหรอ ทีตอนต่อว่าอาปาวๆ ไม่เห็นเรานึกกลัว”

“รินไม่ได้ว่าอาธี รินแค่ แค่พูดความจริง”

“ความจริงจากใคร จากปากอาหรือจากที่รินคิดไปเอง”

“ฮือ!”

คนสะดุดล้มลงบนโซฟาเพราะถูกไล่ต้อนส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ ทว่าพอตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน กลับกลายเป็นอีกฝ่ายเท้าแขนหนาๆ คร่อมเธอไว้ 

“อาธี”

รินลดาร้องเสียงสั่นเมื่อคุณอาข้างบ้านโน้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกเฉียดผิวแก้มเธอไปนิดเดียว แล้วภาพเหตุการณ์ที่เขาป้อนจูบร้อนแรงก่อนหน้าก็ฉายวาบเข้ามาในความคิด ใบหน้ารินลดาร้อนวูบ ยิ่งยามที่อีกฝ่ายขยับร่างกายเข้าใกล้ ก็คล้ายหัวใจเธอจะเต้นแรงจนแทบระเบิด

“รินอยากกลับบ้านแล้ว”

“อาไม่ให้กลับ”

“อาธีกำลังกักขังหน่วงเหนี่ยวริน”

ธีรดนย์หลุดเสียงหัวเราะเพราะข้อกล่าวหาอันรุนแรงนี้ เขาน่ะเหรอจะทำแบบนั้น รินลดาต่างหากที่เป็นฝ่ายกักขังและหน่วงเหนี่ยวจนเขาหนีไปไหนไม่รอด 

ร่างสูงใหญ่ของคุณอาข้างบ้านขยับเมื่อคนใต้ร่างทำท่าจะลุกหนีอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้รินลดาไปไหนจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่องแน่นอน

ผิดกับคนถูกหัวเราะใส่อย่างรินลดาที่เผลอย่นจมูกอย่างลืมตัว เธอตัดพ้อคุณอาข้างบ้านทางสายตา แต่ก็ขยับลงมานั่งตามเดิมเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะโน้มใบหน้าเข้าหาในระยะที่อันตรายยิ่งกว่าเก่า 

แค่นี้ก็ใกล้จนเธอไม่กล้าหายใจแรงแล้ว ขืนมากกว่านี้ เธอคงเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจแน่ๆ 

“รินอึดอัดนะ อาธีขยับออกไปหน่อยไม่ได้เหรอคะ”

หญิงสาวอ้อมแอ้มบอกเสียงเบา รู้แล้วว่าการใช้ไม้แข็งในเวลานี้ไม่เป็นผลดีกับตัวเองนักจึงต้องเปลี่ยน คุณอาหนุ่มกำลังโกรธ แม้จะไม่รู้ว่าเขาโกรธด้วยสาเหตุอะไร แต่ท่าทางแบบนี้ไม่ปกติเลยสักนิด

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ขยับ รินลดาก็ร้องขอทางสายตาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะนอกจากจะไม่ขยับให้กันแล้ว คุณอาข้างบ้านยังก้มลงมาใกล้ยิ่งกว่าเก่า ใกล้เสียจนรินลดาต้องหลับตาแน่น กำมือทั้งสองข้างอย่างว้าวุ่นเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ไม่นานเธอก็ต้องหวีดร้องเมื่อถูกช้อนอุ้มขึ้นกะทันหัน

“อาธี!”

รวดเร็วจนคนเด็กกว่าตั้งตัวไม่ทัน รู้อีกทีเนื้อตัวของเธอก็ถูกจับวางให้คร่อมตักแกร่งของเขาแล้ว และทันทีที่ท่อนขาทั้งสองข้างถูกแยกให้คร่อมบนตักคนร้ายกาจ รินลดาก็ถึงกับหน้าร้อนวาบเพราะความอับอาย ตะเกียกตะกายลงจากตักของเขา แต่ไม่ง่ายเลย

คนเด็กกว่าร้องเสียงหลงกับท่าทางแสนล่อแหลมของตัวเองและคุณอาข้างบ้าน ทุบหมัดลงบนไหล่เขาแรงๆ เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้ตัวเอง พยายามดิ้นรนลงจากตักแข็งๆ นี้แล้ว แต่ท่อนแขนใหญ่ที่รวบตัวเธอและหลังไว้ ก็กักตัวเธอจนหนีไม่ได้

“เห็นเมื่อก่อนอยากอยู่ใกล้อานักไม่ใช่หรือไง นี่ไง ใกล้แค่นี้พอใจเราหรือยัง”

คุณอาข้างบ้านยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ พร้อมกันนั้นที่ท่อนแขนกระชับเอวคอดเล็กของคนดื้อเข้าหาตัวอีกที กลายเป็นว่าร่างของเธอแทบจะเกยอยู่บนอกของเขา แนบสนิทชนิดที่แม้แต่อากาศก็ลอดผ่านเข้ามาไม่ได้

“ทำไมไม่ตอบอาล่ะ เด็กใจกล้าคนนั้นหายไปไหนแล้ว หืม?”

รินลดาหน้าร้อนวูบตอนฟังเขาพูดจบ ทั้งโกรธทั้งอายเมื่อภาพเหตุการณ์ที่เธอคิดเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาย้อนเข้ามาเป็นฉากๆ เมื่อเถียงอะไรไม่ได้เธอจึงเลือกดิ้นรนลงจากตักเขาอีกครั้ง ทว่าดวงตาคู่สวยกลับต้องเบิกค้างเมื่อปลายจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาโฉบวูบลงบนผิวแก้ม

“อาธี!”

คนเอาแต่ใจจูบแก้มเธอซ้ำๆ จนได้ยินเสียงจุ๊บหลายทีติด ฝ่ามือที่โอบอยู่ด้านหลังเคลื่อนลงไปด้านล่าง ทั้งซุกซนและพลิ้วไหวเสียจนหญิงสาวหน้าตาตื่น ความร้ายกาจของคุณอาข้างบ้านที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนี้ทำเธอตั้งรับไม่ถูก 

รินลดาทั้งตกใจทั้งแตกตื่นเพราะสัมผัสที่เพิ่งพบพาน คุณอาข้างบ้านไม่เคยทำแบบนี้กับเธอ เขาแทบไม่แตะตัวเธอด้วยซ้ำตอนอยู่ด้วยกัน ทว่าในเวลานี้ปลายจมูกของเขากลับเล่นงานแก้มของเธอจนช้ำไปหมด รินลดาเบี่ยงหน้าหนีจากสัมผัสร้อนวูบของคนตัวสูงตรงหน้า แต่แทนที่จะหลบพ้น กลายเป็นว่าริมฝีปากและปลายจมูกของเขาแตะลงบนลำคอของเธอแทน

“อื้อ!”

ร่างเล็กบนตักสะดุ้งไหวเมื่อสัมผัสหนักๆ กดลงบนแอ่งชีพจรที่เต้นถี่ ในวินาทีนั้นร่างทั้งร่างก็ชาวาบ สมองแทบขาวโพลนยามเมื่อปลายลิ้นร้อนของคุณอาแตะเบาๆ แล้วดูดดุนอย่างหยอกเย้า ก่อนจะร้อนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเธอใช้มือสั่นๆ ผลักเขาออก

“อ๊ะ”

เนื้อตัวของคนถูกรุกเร้าสั่นเทาไปทั้งร่าง รินลดาทำอะไรไม่ถูก หัวใจแทบหล่นหาย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนมาเคล้นคลึงลงน้ำหนักกับร่างนุ่มนิ่มของเธอไม่ต่างจากริมฝีปากร้อนๆ ที่ยังวนเวียนอยู่กับซอกคอขาว ก่อนเขาจะกดจูบหนักๆ ตามบทลงโทษของผู้เป็นเจ้าของ 

รินลดาอ้าปากหายใจแรง พูดอะไรไม่ออก เผยอริมฝีปากค้าง ทว่าไม่มีคำพูดเล็ดลอดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ราวกับเธอถูกสะกดตรึงอยู่กับสัมผัสของเขาโดยสมบูรณ์แบบ อ่อนระทวยจนแทบพยุงร่างตัวเองไว้ไม่ไหว ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเริ่มปัดป่ายปลายลิ้นลงกับผิวกาย รินลดายิ่งรู้สึกว่าร่างกายของเธอจะแตกเป็นเสี่ยงๆ 

“อืม ริน”

‘ให้ตายเถอะ!’

ธีรดนย์คำรามในลำคอด้วยเสียงต่ำพร่า ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นตั้งแต่คนบนตักเริ่มขยับเขยื้อน แม้จะเพียงแผ่วเบา แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าแค่นั้นก็ทำเอา ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ของเขาตื่นเพริดแทบควบคุมไม่อยู่ จนเขาต้องสูดดมกลิ่นกายหอมของคนเนื้อนุ่มหนักๆ เพื่อระบายความงุ่นง่านโดยไม่กล้าทำอย่างอื่น

แต่ไม่ว่าจะแตะตรงไหนร่างเล็กๆ ก็ดูน่าหลงใหลไปเสียหมด ทำเอาเขาเกือบตาย

ทำไมนะ ธีรดนย์เฝ้าถามตัวเองในใจซ้ำๆ ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยมีความคิดแบบนี้ในหัวเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับไม่อยากห่างเธอเลย ให้ตายสิ! รินลดาทำเขาเสียการควบคุม เธอทำเขาเสียผู้ใหญ่ และเหมือนจะเสีย ‘หัวใจ ให้เธอไปแล้วด้วยเช่นกัน

ฝ่ามือร้ายกาจของคุณอาข้างบ้านเลื่อนจากด้านล่างขึ้นมาบนแผ่นหลังเล็ก ลูบไล้แผ่วเบาอย่างปลอบโยน ไม่นานก็เลื่อนขึ้นสูงไปยังลำคอระหงแล้วเคล้นคลึง ก่อนจะแนบใบหน้าลงชิดหูขาวพลางกระซิบ

“รินคนเดิมของอาไปไหน ไม่เห็นใจกล้าเหมือนวันนั้นเลยนี่นา”

ท่าทางน่ารักของหญิงสาวทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่ รินลดาคนที่กล้าเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเขาหายไปแล้ว เหลือเพียงเด็กขี้อายที่ซบใบหน้าหนี ทิ้งตัวนุ่มนิ่มลงกับแผ่นอกเขาด้วยท่าทางแสนน่าเอ็นดู 

เขาเอ็นดู 

ทว่าคนถูกจี้จุดกลับตีความไปอีกอย่าง 

รินลดาขยับใบหน้าออกมาจากการซุกซบ ปรือดวงตาคู่สวยขึ้นมองคนพูดอย่างตัดพ้อต่อว่า ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มล้อเลียนตรงหน้าก็เหมือนความน้อยใจจะพุ่งขึ้นมาจนจุกไปหมด เพราะเขารู้ว่าเธอมีใจให้ใช่ไหม เขาถึงคิดจะล้อเล่นกับหัวใจเธออย่างไรก็ได้ 

“รินไม่ได้เลิกใจกล้า รินแค่กำลังจะตัดใจต่างหาก จะแปลกอะไรถ้ารินอยากตักตวงความสุขจากอาธีเป็นครั้งสุดท้าย”

เธอเชิดใบหน้าเรียวเล็กก่อนพรั่งพรูถ้อยคำประชดประชันจนจบประโยค หลังจากนั้นบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปเย็นยะเยือก เมื่อใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มของคุณอาข้างบ้านเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจัง

“ถือว่าหาประสบการณ์ไงคะ เผื่อต้องไปทำกับคนอื่น รินจะ...อื้อ!”

รินลดาไม่มีโอกาสได้เอ่ยประโยคประชดประชันจนจบ เพราะริมฝีปากถูกคนตัวสูงบดขยี้เสียก่อน ธีรดนย์คำรามในลำคอด้วยความไม่ชอบใจ พร้อมกันนั้นก็ดูดดึงและขบกัดกลีบปากอิ่มของอีกฝ่ายแรงๆ เขารับรู้ได้ถึงร่างเล็กๆ ที่สั่นเทาในอ้อมแขน

กรอบหน้าเรียวของรินลดาถูกฝ่ามือทั้งสองของคุณอาข้างบ้านตรึงแน่น ไม่ต่างจากริมฝีปากที่เขากลืนกินจนได้ยินเสียงครางหวาม โดยเฉพาะริมฝีปากล่างที่เขาแทบดูดกลืนเข้าไป 

รินลดาดิ้นรนบนตักแกร่ง ทุบฝ่ามือลงบนแผ่นอกแน่นตึงเมื่ออากาศหายใจถูกช่วงชิงไปเกือบหมด แต่คนตัวสูงกลับไม่ผ่อนปรนให้เธอแม้แต่น้อย เขายังคงเอาแต่ใจ จนริมฝีปากเธอนั้นบวมเจ่อเพราะการดูดย้ำหนักๆ ของเขา

“อื้อ!”

ร่างเล็กของเด็กดื้อสะดุ้งไหว เธอตกใจจนเผลอร้องเพราะฝ่ามือใหญ่ของเขาขยำสะโพกเธออีกครั้ง แน่นอนว่านั่นเปิดทางให้เขาสอดปลายลิ้นเข้ามากวาดชิมโพรงปากเธอโดยง่าย เกี่ยวกระหวัดลิ้นร้อนกับปลายลิ้นของเธอจนสัมผัสถึงของเหลวเหนียวใสฉ่ำวาว

รินลดามึนเบลอไปชั่วขณะ ราวกับความรู้สึกของเธอถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำๆ เพราะการกระทำของคนตรงหน้า เธอเสียจูบแรกให้คนที่ไม่กล้าคิดฝันในวันนี้ แถมยังเสียจูบที่สองและสามตามมาในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง

จูบของคนที่อยู่ในใจแทบจะพรากสติและลมหายใจจากเธอไปอยู่รอมร่อ

เหมือนคุณอาข้างบ้านจะรู้ตัวว่าเอาแต่ใจกับเธอเกินไป สัมผัสหนักหน่วงของเขาจึงค่อยๆ อ่อนหวานนุ่มนวล ปลุกปลอบคนบนร่างด้วยความหวานซ่านของปลายลิ้น แตะกลีบปากฉ่ำวาวเบาๆ อย่างลุแก่โทษ ก่อนจะวนเวียนแลบเลียราวต้องการให้การกระทำนั้นบอกกล่าวแทนคำพูดของตนเอง

ฝ่ามือใหญ่ของคุณอาหนุ่มลูบปลอบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ริมฝีปากก็เฝ้าวนเวียนป้อนจูบแสนหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลมหายใจของคนบนตักถูกเขาช่วงชิงซ้ำๆ ยิ่งตอกย้ำว่าคนทั้งคู่กำลังพ่ายแพ้ให้กันและกันโดยสมบูรณ์

แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเกือบสำลักลมหายใจ คนมากประสบการณ์อย่างธีรดนย์จึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วเบาๆ บนผิวแก้ม ก่อนจะเคลื่อนมายังกลีบปากสีแดงระเรื่อที่ฉ่ำวาวเพราะความเอาแต่ใจของเขา

“อาขอโทษ รินเจ็บหรือเปล่า”

ปลายนิ้วของคนโตกว่าแตะลงบนกลีบปากของเด็กดื้อที่ยังตัวสั่นในอ้อมแขน เขาปลอบคนที่ดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่ร้องไห้ให้เห็นน้ำตาสักหยด แต่แค่นั้นหัวใจคนมองก็ยวบไหว ความรู้สึกผิดจู่โจมจนต้องแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างปลอบโยน

“ทำแบบนี้กับรินทำไมคะ” 

กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ผ่านไปเป็นนาที รินลดามองนัยน์ตาคนตรงหน้าที่วูบไหวด้วยความรู้สึกที่อ่านไม่ออก เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ตอนรินเสนอให้ อาธีก็ปฏิเสธรินอย่างไม่ไยดี แล้วตอนนี้คืออะไรเหรอคะ อาธีต้องการอะไรจากรินกันแน่”

ครั้งก่อนเขาปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใย แต่มาวันนี้คนที่เคยปฏิเสธกันเด็ดขาดกลับเป็นคนเดียวกับที่จูบเธอจนแทบหลอมละลายอยู่บนตัก เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ แค่ความรู้สึกที่เธอเผชิญอยู่ยังเจ็บไม่พออีกเหรอ

“พอรินสารภาพรักอาธีก็ปฏิเสธ แต่พอรินจะตัดใจ อาธีก็ทำแบบนี้”

ผู้ชายตรงหน้าเธอกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง คำตวาดกร้าวที่บอกไม่อยากให้เธอมาเจอหน้า รินลดายังจำมันได้ แต่วันนี้เธอกลับถูกเขาจับให้นั่งอยู่บนตัก แถมยังถูกจูบเอาๆ แบบนี้เธอไม่ควรตั้งคำถามหรืออย่างไร

“อาธีกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง รู้ตัวบ้างไหมคะ”

“รู้สิ อาเป็นแบบนั้น เป็นอย่างที่รินว่า” 

คนคิดกลืนน้ำลายตัวเองยอมรับทุกข้อกล่าวหา ธีรดนย์ไม่มีอะไรโต้แย้ง เพราะการกระทำทุกอย่างของเขาชัดเจนมากอยู่แล้ว ในเมื่อความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไรอีก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของตัวเอง หรือความรู้สึกที่รินลดามีต่อเขา

“อากลืนน้ำลายตัวเอง” เขาเอ่ย

“...”

“แล้วตอนนี้อาก็อยากจูบรินมากๆ ด้วย”

คำสารภาพที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำเอาดวงตาคู่สวยของคนฟังเบิกกว้าง รินลดาทำตัวไม่ถูก ตั้งรับไม่ทัน ส่วนใบหน้านั้นก็ร้อนวูบราวกับจ่ออยู่หน้ากองไฟกองใหญ่ เธอไม่แน่ใจว่าควรโกรธหรือควรอายเพราะคำพูดแสนตรงไปตรงมาของเขากันแน่

“อาธีหมายความว่ายังไง” 

คนกำลังสับสนอย่างเธอต้องการคำยืนยันมากกว่านี้ แม้หัวใจจะเต้นแรงจนเจ็บ แต่เธอยังแสร้งแสดงสีหน้าเรียบเฉยอย่างสุดความสามารถ 

“หมายความว่าอาอยากได้ริน” 

แต่แล้วคำตอบที่ตรงเสียยิ่งกว่าไว้บรรทัดของเขาก็ทำเอาปากเล็กๆ อ้าค้างเพราะความตกใจ ธีรดนย์อยากได้ นั่นเป็นคำพูดที่สื่อความหมายตรงตัวสุดๆ สำหรับเขาแล้วในเวลานี้

“คราวนี้ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”

เขาอยากได้ความรักจากรินลดา

อยากให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

อยากทำให้อ่อนระทวยอยู่ใต้ร่าง 

อยากได้ทั้งตัวและหัวใจ 

ทุกอย่างที่เป็นรินลดา เขาต้องการครอบครองไว้ทั้งหมด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น