2

คนใจร้าย

 

แปดปีก่อน

สาวน้อยผมเปียสองคนในชุดนักเรียนของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเดินเคียงคู่กันลงมาจากอาคารในเวลาเลิกเรียน สาวน้อยคนหนึ่งหน้าตาสะสวยโดดเด่น ส่วนสาวน้อยอีกคนก็เป็นสาวหมวยหน้าตาน่ารักไม่แพ้กัน 

อลินกับลดาเพิ่งรู้จักกันตอนย้ายเข้ามา ม. 4 ด้วยความที่นั่งเรียนอยู่ข้างกัน มีความชอบอะไรหลายๆ อย่างคล้ายคลึงกัน ทำให้ทั้งคู่คุยกันถูกคอและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว 

‘วันนี้ไปค้างบ้านฉันมั้ยดา เสาร์-อาทิตย์จะได้ฉลองคริสต์มาสด้วยกันเลย ฉันเล่าเรื่องแกให้คุณพ่อคุณแม่ฟังไว้เยอะมาก ท่านอยากเจอแก’ อลินชักชวนเพื่อนสนิทด้วยท่าทีกระตือรือร้น ดวงตากลมโตคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นระคนลุ้นระทึก

ลดาเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกันที่อลินชวนไปฉลองคริสต์มาส เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยฉลองเทศกาลนี้เลยสักครั้ง แต่พอนึกถึงปะป๊ากับหม่าม้าผู้แสนเข้มงวดก็ต้องถอนหายใจ ใบหน้าจ๋อยลงถนัด

‘ฉันอยากไปนะอิงค์ แต่ป๊ากับม้าฉันคงไม่ยอมให้ไปค้างบ้านแกหรอก ขนาดขอไปบ้านเพื่อนเฉยๆ ยังไม่ค่อยจะให้ไปเลย’

‘โธ่ เสียดายอะ’ อลินคอตกตามไปด้วยอีกคน

สองสาวเดินมาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งเป็นจุดนั่งรอผู้ปกครองมารับ ปกติหลังเลิกเรียนจะมีรถตู้สีดำคันหรูของบ้านอลินมาจอดรอรับเสมอ ทว่าวันนี้กลับไม่มี

‘ลุงบิลลี่ยังไม่มารับแกอีกเหรอ’ ลดาสะกิดเพื่อนพร้อมเอ่ยถาม

‘อืม...เมื่อกลางวันคุณแม่โทร. มาบอกฉันว่าพี่ไอซ์จะมารับแทน’ 

‘พี่ไอซ์?’

‘พี่ไอซ์ พี่ชายฉันอะ ที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังไง’ 

‘จำไม่ได้แล้วว่ะ แกเล่าตอนไหนวะ’

‘ช่างมันๆ เดี๋ยวพอพี่ไอซ์มาแกก็จะได้รู้จักเอง นั่นไง ตายยากชะมัด’

อลินบุ้ยปากไปทางประตูรั้ว ลดาหันไปมองตามโดยอัตโนมัติ และภาพที่เห็นก็ทำให้สาวหมวยถึงกับหน้าแดง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงผิดจังหวะ ลมหายใจติดขัด

โห...หล่ออะไรขนาดนั้นนะ นี่คือประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง 

ผู้ชายคนนั้น พี่ชายของอลิน รูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อฮู้ดสีขาวกับกางเกงยีน ใบหน้าคมคาย จมูกโด่ง ปากแดงอย่างกับพระเอกซีรีส์จีน ผมของเขายุ่งเล็กน้อย แต่ผมยุ่งๆ นั่นทำให้เขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ มือข้างหนึ่งแกว่งกุญแจรถคันหรูขณะกำลังเดินตรงมายังโต๊ะม้าหินที่พวกเธอนั่งอยู่ การปรากฏตัวของเขาเรียกความสนใจจากบรรดานักเรียนหญิงในอาณาบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี

‘ไงตัวแสบ’ 

คำแรกที่เขาเอ่ยทักทายอลิน ก่อนจะยื่นมือเรียวขาวมาวางลงบนศีรษะเพื่อนของเธออย่างอ่อนโยน

อลินไม่ยกมือไหว้คนเป็นพี่ หนำซ้ำยังแลบลิ้นใส่

‘เพิ่งลงเครื่องมาหยกๆ ไม่เจ็ตแล็กเหรอพี่ไอซ์’ พี่ชายของเธอเพิ่งกลับจากอังกฤษเพื่อมาฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว

‘นอนไปแล้วตื่นหนึ่งก็เลยดีขึ้น’ ชายหนุ่มตอบพลางไหวไหล่เล็กน้อย

‘เอ้อพี่ไอซ์ นี่เพื่อนสนิทอิงค์ ชื่อดา’ อลินแนะนำเพื่อนสนิทแก่พี่ชายของตน

‘อะ...เอ่อ สวัสดีค่ะ’ ลดายกมือสั่นๆ กระพุ่มไหว้ชายหนุ่ม เสียงที่เอ่ยออกมาตะกุกตะกักจนคนฟังจับสังเกตได้

‘เฮ้ยดา นี่แกกลัวพี่ชายฉันเหรอ’ อลินหัวเราะร่วน ‘ไม่ต้องกลัว พี่ไอซ์ไม่กัดแกหรอก เขากัดแต่ฉัน’

‘นี่แน่ะ ปากดีนักนะเรา’ อธิษฐ์ผลักศีรษะน้องสาวตัวแสบเบาๆ เขาเหลือบมองเพื่อนสนิทของน้องสาวแวบหนึ่งพลางส่งยิ้มให้

ลดาทำได้เพียงยิ้มตอบนิดๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย 

‘นั่นป๊าแกมารับแล้ว’ อลินบุ้ยปากไปทางประตูรั้วอีกครั้ง 

ปะป๊าของลดาสวมแว่นตาสีดำกำลังเดินเข้ามา ลดาจึงรวบกระเป๋าสะพายเตรียมตัวกลับบ้าน

‘งั้นฉันไปก่อนนะ’

‘เฮ้ย อย่าเพิ่ง ฉันนึกอะไรดีๆ ออกแล้ว’ อลินดีดนิ้ว ดวงตากลมโตสุกใสเป็นประกาย

‘นึกอะไร’ ลดาเลิกคิ้ว 

อลินไม่ตอบ หันไปเขย่าแขนพี่ชาย

‘พี่ไอซ์ช่วยพูดกับป๊าของดาให้หน่อยสิ ให้ดามาค้างที่บ้านเรา มาฉลองคริสต์มาสด้วยกัน คุณพ่อกับคุณแม่ก็อยากเจอดา’

‘อิงค์!’ ลดาดุเพื่อนสนิทแล้วสั่นศีรษะรัวๆ ไอเดียดังกล่าวช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย 

‘ไม่เป็นไรน่ะอิงค์ ฉัน...’

ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบประโยค ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปคุยกับปะป๊าของเธอเสียแล้ว ลดามองภาพนั้นด้วยหัวใจกระตุกวูบ คิดว่าอย่างไรเสียเหตุการณ์นี้คงจบไม่สวยแน่ ปะป๊าของเธอดุและเข้มงวดยิ่งกว่าอะไร การให้พี่ชายของเพื่อนเป็นคนไปขออนุญาตให้ยิ่งเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟเข้าไปใหญ่

‘โอ๊ย ตายแน่ๆๆๆ’ ลดาโอดครวญ หันหน้าหนีภาพดังกล่าวอย่างรวดเร็ว แต่พอหันกลับมามองอีกครั้งก็ให้นึกแปลกใจเหลือเกิน

ปะป๊าของเธอกำลังยิ้มและหัวเราะระหว่างสนทนากับพี่ชายของอลิน...

ปะป๊าของเธอที่มักตีหน้าดุเสมอและไม่ค่อยมีอารมณ์ขันน่ะหรือกำลังหัวเราะ ให้ตายเถอะ...เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เธออยากได้ยินพวกเขาสนทนากัน แต่จากตรงนี้มันไกลจนแทบไม่ได้ยินอะไรเลย

‘ไปได้สวย เห็นมะ’ อลินขยับมากระซิบข้างหู ‘พี่ไอซ์น่ะเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง เห็นนิ่งๆ อย่างนั้น เรื่องการพูดการเจรจาไม่เป็นสองรองใคร’ 

ครู่ต่อมา ชายหนุ่มต่างวัยทั้งสองก็เดินมาหาพวกเธอที่โต๊ะม้าหินอ่อนพร้อมกัน

‘ป๊าสวัสดีค่ะ’ ลดายกมือไหว้คนเป็นบิดา อลินเองก็รีบยกมือไหว้สวัสดีเช่นกัน

‘จะไปค้างบ้านหนูอิงค์เขาใช่ไหม งั้นก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวพี่เขากับหนูอิงค์จะมารับ’

‘เอ่อ...ค่ะ’ สาวหมวยพยักหน้าหงึกๆ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าป๊าของเธอจะอนุญาตง่ายดายขนาดนี้

‘เมมเบอร์ไว้แล้วใช่ไหมเรา พอขับมาถึงเยาวราชแล้วก็ค่อยโทร. มาอีกที เดี๋ยวอาบอกทางให้’

‘ครับคุณอา’ ชายหนุ่มรับคำอย่างนอบน้อม

ลดาได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก ถึงขั้นที่มีเบอร์มือถือกันแล้วหรือ? ปะป๊าของเธอหวงเธอยิ่งกว่าอะไร แต่กลับเชื่อใจผู้ชายคนนี้ง่ายดาย

พี่ไอซ์เป็นสาลิกาลิ้นทองหรืออย่างไรนะ...

‘ไปอาดา กลับๆ’ ปะป๊ากวักมือเรียกเธอ

‘ค่ะป๊า ฉันไปก่อนนะอิงค์’ ลดาหันไปโบกมือลาเพื่อน 

‘อื้ม เจอกันเย็นนี้’ อลินฉีกยิ้มกว้าง โบกมือให้เธออย่างอารมณ์ดี

‘สวัสดีค่ะ’ สาวหมวยไม่ลืมยกมือไหว้ลาพี่ชายเพื่อน อยากกล่าวขอบคุณ แต่ไม่กล้าพูดออกไป 

ส่วนเขาไม่พูดอะไรนอกจากรับไหว้และยิ้มให้

มันเป็นรอยยิ้มที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของลดามาตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วินาทีที่ลดารู้ว่าได้ตกหลุมรักอธิษฐ์เข้าให้แล้ว กว่าจะรู้ว่าถอนตัวไม่ขึ้นก็กินเวลาล่วงเลยมาจนถึงแปดปี


 
สุดสัปดาห์ต่อมา วันที่ลดาตั้งตารอคอยก็มาถึง

อลินพร้อมด้วยวาดฟ้าขับรถมารับเธอที่บ้านเพื่อไปยังห้องเพนต์เฮาส์สุดหรูของโรงแรม STK Hotel 

เธอกับวาดฟ้าตั้งใจว่าจะช่วยอลินซ้อมบทซีรีส์ เสร็จจากนั้นก็จะใช้เวลาร่วมกันตามประสาแก๊งเพื่อนสาว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเธอจะมีโอกาสได้เจอหน้าอธิษฐ์ ซึ่งอาศัยอยู่ห้องเพนต์เฮาส์เดียวกับอลิน 

“โอ๊ยไอ้วิว ฉันคิดถึงแกจังเลย” ลดาพุ่งตัวไปกอดเพื่อนรักบนเบาะหลังทันทีที่ขึ้นรถมา

“แกเว่อร์มาก ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี” วาดฟ้าพูดกลั้วหัวเราะ แต่ก็กอดตอบลดาแน่นไม่แพ้กัน

“แต่ฉันกับไอ้ดาก็เหมือนไม่ได้เจอแกนานเป็นสิบปีจริงๆ นั่นแหละ แหม พอจะแต่งงานปุ๊บหายหน้าไปเลยน้าคุณวาดฟ้า อนันต์ธาดา”

อลินกระเซ้า โดยเติมนามสกุลของว่าที่เจ้าบ่าวต่อท้ายชื่อจริงของเพื่อน

“ยังจ้ะ ยังเป็น วาดฟ้า ถาวรปัญญา อยู่ ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มเขิน 

“แล้วนี่แกเตรียมงานถึงไหนแล้วเนี่ย” ลดาถามหลังจากคลายอ้อมกอดออก

“ฉันก็เพิ่งไปเลือกแหวนแต่งงานกับพี่ภีมมา ส่วนอาทิตย์หน้าจะไปรับชุดแต่งงานที่นิวยอร์ก”

“หรูหราอลังปังเว่อร์มาก” อลินสำทับอย่างมีจริตจะก้าน

“ชุดฉันเว่อร์แล้ว ชุดอาฟเตอร์ปาร์ตีพวกแกก็อย่าแผ่ว โอเคมะ” 

วาดฟ้าท้ามาอย่างนี้แล้ว มีหรือเพื่อนเจ้าสาวสองหน่อจะยอม

“จัดไปค่า!” อลินกับลดาประสานเสียงรับพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่คนขับอย่างอลินจะกดเปิดเพลงสากลจังหวะเร้าใจจากยูทิวบ์ที่เชื่อมต่อกับลำโพงของรถยนต์ พวกเธอทั้งสามร้องเล่นเต้นกันไปตลอดทาง เฉลิมฉลองให้ว่าที่เจ้าสาวป้ายแดง

รถยนต์คันหรูแล่นเข้าไปจอดในลานจอดรถสำหรับวีไอพี อลินเดินนำสองสาวขึ้นลิฟต์ไปยังห้องเพนต์เฮาส์ส่วนตัวที่เธอกับอธิษฐ์พักอาศัยอยู่ด้วยกัน ห้องเพนต์เฮาส์ดังกล่าวมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งหรูหราไม่ต่างจากคฤหาสน์ของครอบครัวเลยทีเดียว

วาดฟ้ากับลดาเคยมาที่นี่หลายครั้งหลายหนแล้วจึงรู้สึกคุ้นเคย แต่ลดายังคงหอบหายใจถี่รัวด้วยความตื่นเต้น ลนลานรีบหยิบลิปสติกในกระเป๋ามาแต่งเติมริมฝีปากขณะอยู่ในลิฟต์

“แก ฉันสวยยังวะ” ลดาถามความเห็นเพื่อน ตามองจ้องอยู่กับกระจกเงาในลิฟต์

“ส้วยยย!!!” อลินใส่จริตคำว่าสวยเต็มที่ จนคนสวยมองค้อนผ่านกระจกกลับมา

“ความคลั่งรักของไอ้ดานี่มันไม่แผ่วจริงๆ เลยนะ รักพี่ไอซ์มาแปดปี ไม่มีแววว่าจะเลิกรักบ้างเลยเหรอ” วาดฟ้าพูดยิ้มๆ

“ความรักของฉันมั่นคงค่ะ”

ลดาตอบอย่างมั่นใจในตัวเลขที่จดบันทึกเสมอมา ราวกับว่ามันเป็นวันครบรอบแต่งงานของตนกับอธิษฐ์อย่างไรอย่างนั้น 

ทั้งที่จริงแล้วมันคือ ‘ครบรอบรักข้างเดียว’ ตลอดแปดปีต่างหาก

“นี่สินะเกรต้า รักอันบริสุทธิ์ รักไม่คาดหวัง ช่างงดงามปานดอกกุหลาบขาวส่งกลิ่นหอม” 

อลินแสร้งเอ่ยล้อเลียนลดาด้วยท่าทีเคลิ้มฝัน แสดงสีหน้าแววตาท่าทางสมกับเป็นอดีตนางเอกละครเวทีของคณะศิลปศาสตร์

“ไม่คาดหวังก็บ้าแล้ว ฉันฝันอยากจะเป็นศรีภรรยาของพี่ไอซ์อยู่ทุกวัน...”

ติ๊ง! 

ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมกับลดาที่รู้สึกเหมือนขากรรไกรค้างขึ้นมา เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออธิษฐ์ในชุดสเวเตอร์สีฟ้าอ่อน เขามองมาที่เธอนิ่งๆ ด้วยสายตาเย็นชาเหมือนอย่างเคย

ซวยละ เธอหลุดปากพูดแบบนั้นออกไปในจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดิบพอดี ไม่รู้ว่าเขาได้ยินเธอหรือเปล่า

แต่คงได้ยินละมั้ง เย็นชาเสียขนาดนั้น...

“สวัสดีค่ะพี่ไอซ์” วาดฟ้ายกมือไหว้พี่ชายของเพื่อนรัก

ลดาเองก็ยกมือไหว้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่มอง และสนทนากับวาดฟ้าแทน

“ได้ยินจากอิงค์ว่าวิวจะแต่งงาน ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณค่ะ ไว้วิวจะส่งการ์ดเชิญผ่านอิงค์มานะคะ”

“แล้วนี่พี่ไอซ์มารอลิฟต์จะลงไปไหนเนี่ย” อลินเปิดฉากถามพี่ชายเมื่อก้าวขาออกจากลิฟต์มาแล้ว

“ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหม” อธิษฐ์ว่าคนเป็นน้องสาว ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในลิฟต์

“ไอ้...” อลินกำลังจะหันไปด่า ทว่าก็ช้าไปแล้วเมื่อประตูลิฟต์ปิดลง

“เฮ้อ กวนประสาทชะมัดเลยพี่ชายฉันเนี่ย” ดาราสาวสั่นศีรษะ หันไปมองทางลดาที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม

“แกไม่ต้องคิดมากนะ อีพี่ไอซ์มันก็เป็นแบบนี้กับแกปกติอยู่แล้ว วันไหนคุยดีด้วยสิแปลก คงกินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปแหงๆ”

“ฉันไม่ได้คิดมากเรื่องนั้น” ลดาส่ายหน้าด้วยดวงตาอันเหม่อลอย “แกว่าพี่ไอซ์ได้ยินที่ฉันพูดกับพวกแกเมื่อกี้ปะวะ”

“ฉันว่าพี่ไอซ์ได้ยินชัดเต็มสองรูหูแน่นอน แต่แล้วยังไงวะ พี่ไอซ์เขาก็รู้อยู่แล้วแหละว่าแกอยากได้เขาเป็นสามี รู้ตั้งแต่แกเริ่มจีบเขาแล้ว” วาดฟ้าหัวเราะเบาๆ 

“เออ มาคิดมากอะไรตอนนี้จ๊ะแม่เสือสาว ไปๆ ไปช่วยฉันซ้อมบทดีกว่า เสร็จจากซ้อมบทฉันจะเลี้ยงข้าวพวกแกมื้อใหญ่เลยบ่ายนี้”

อลินตัดบท โอบไหล่เพื่อนทั้งสองพาเดินเข้าไปในห้องเพนต์เฮาส์ โดยมีบอดีการ์ดสองคนช่วยเปิดประตูอำนวยความสะดวกให้ เหล่าสาวใช้ก็พากันเข้ามาช่วยถือกระเป๋า

ลดากวาดสายตามองสำรวจความหรูหราภายในเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้มาเยือน มองดูข้าวของตกแต่งสวยงามราคาแพง สัมผัสความเย็นสบายและความเงียบสงบ คิดๆ ไปแล้วเธอก็แอบอิจฉาอลินกับวาดฟ้าอยู่ไม่น้อยที่ทั้งคู่มีโอกาสได้พักอาศัยบนเคหสถานชั้นเยี่ยม 

ไม่ใช่ว่าไม่รักห้องนอนน้อยๆ บนตึกแถวที่มีกลิ่นอับผสมกลิ่นสีน้ำของตัวเอง แต่มันจะมีวูบหนึ่ง...เธออยากลองสัมผัสความร่ำรวยมหาศาล ปราศจากกฎเกณฑ์ มีอิสระมากพอจะบันดาลสิ่งต่างๆ ให้ชีวิต

ดวงตาเรียวเล็กลึกดำดิ่งขณะมองใบหน้าหล่อเหลาของอธิษฐ์ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มบนกรอบรูปภาพในห้องรับแขก นึกไปถึงคำพูดของอลินที่บอกว่า ความรักที่เธอมีให้อธิษฐ์นั้นบริสุทธิ์

แต่ใครเลยจะรู้ว่าความรักของเธอไม่ได้บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในความรักยังมีความต้องการครอบครอง ความคาดหวัง ความทะเยอะทะยาน และผลประโยชน์... 

‘การได้ลงเอยกับพี่ไอซ์อาจทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นกว่านี้ก็ได้’

เสียงลึกลับภายในจิตใจของลดาบอกแบบนี้

อลินเริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยหน้าตาที่สะสวยโดดเด่น บุคลิกมั่นใจ แถมยังมาจากตระกูลมั่งคั่งเข้าขั้นมหาเศรษฐี ทุกสื่อ ทุกผู้ทุกคนย่อมให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็พยายามใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อไต่เต้าในวงการบันเทิง 

สมัยมหาวิทยาลัยเธอก็วิ่งเต้นแคสต์งานสารพัด ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากในฐานะนักแสดง กระทั่งช่วงใกล้ๆ จะเรียนจบ เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของค่ายผลิตซีรีส์วัยรุ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง และเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการแสดงบทบาทตัวร้ายในซีรีส์วาย หลังจากนั้นอลินก็มักได้รับบทตัวร้ายเรื่อยมา แม้แต่ซีรีส์ล่าสุดที่ทอย สารินรับบทเป็นพระเอกประกบนางเอกคู่จิ้นอย่างเดล ดิสรณ์ อลินก็มิวายได้รับบทตัวร้ายในเรื่องนี้ ดีหน่อยที่ตัวร้ายในเรื่องค่อนข้างมีบทบาทโดดเด่น ไม่ได้ทำหน้าที่แค่กรี๊ดหวงพระเอกไปวันๆ เหมือนในซีรีส์เรื่องก่อนๆ ที่ตนเคยเล่น

“ลูกหยี แกใช่ไหมที่เป็นคนปล่อยคลิปนั่น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุดอย่างแกจะทำแบบนี้” ลดาพูดบทของนางเอกตามที่ปรากฏบนหน้ากระดาษเอสี่ปึกใหญ่ในมือ พยายามสวมวิญญาณเป็นนักแสดงบ้าง แต่คงไม่เข้าท่าเพราะวาดฟ้าที่กำลังถ่ายคลิปให้กลั้นขำแทบไม่อยู่

“แกพูดเรื่องอะไรวะนิ้ง ฉันไม่รู้เรื่อง” อลินต่อบทคล่องแคล่ว แสดงสีหน้าแววตาใสซื่อประหนึ่งผู้บริสุทธิ์

“แกเลิกแสดงได้แล้ว ฉันรู้ว่า...” ลดาชะงักค้าง เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องรับแขกเปิดออก อธิษฐ์เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวแต่งกายภูมิฐานคนหนึ่ง ด้านหลังมีผู้ติดตามสามคน 

“อ้าว ไอซ์มีแขกด้วยเหรอ หยีนึกว่าไอซ์อยู่คนเดียวเสียอีก” 

หญิงสาวที่เรียกแทนตัวเองว่า ‘หยี’ หันไปเอ่ยกับอธิษฐ์ด้วยท่าทีสนิทสนม 

ลดารู้สึกชาตั้งแต่หัวจดเท้า ผู้หญิงคนนี้...เป็นอะไรกับพี่ไอซ์ของเธอกันนะ

“ใช่ มีน้องสาวไอซ์กับเพื่อนๆ น่ะ” อธิษฐ์เหลือบสายตาไปยังเหล่าสาวๆ ที่รวมตัวกันอยู่ตรงมุมโซฟา

“ทุกคน นี่คุณลูกหยี แขกของพี่เอง”

“สวัสดีค่ะ” อลินกับวาดฟ้ายกมือไหว้สวัสดีทักทายพร้อมกัน ส่วนลดาน่ะหรือ อ้ำอึ้งไปพักใหญ่กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอและยกมือไหว้แขกผู้อาวุโสกว่า

“สวัสดีค่ะ ไม่ต้องเกร็งนะคะ พี่มารบกวนไม่นาน” ลูกหยียิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร 

“เชิญทางนี้ครับ” อธิษฐ์พาหญิงสาวกับผู้ติดตามเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้องรับแขกซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง แบ่งแยกการใช้สอยออกเป็นสัดส่วน

ลดาชะเง้อคอมอง เห็นทั้งสี่กำลังยืนจดๆ จ้องๆ กับสิ่งของคล้ายโมเดลจำลองตึกสูงในตู้กระจกบนโต๊ะ คุยกันดูเป็นงานเป็นการ แต่ก็ไม่เป็นทางการมากเกินไป สังเกตจากการที่ผู้ชายเย็นชาอย่างพี่ไอซ์ (เย็นชาเฉพาะกับเธอหรือเปล่านะ) หยอกเย้าคุณลูกหยีคนนั้นในบางครา และคุณลูกหยีก็ตีแขนของพี่ไอซ์กลับเบาๆ 

“โอ๊ยยย เจ็บไปทั้งหัวใจทำไมยังทน~” วาดฟ้าได้ทีขยับเข้ามากระซิบบทเพลงแทงใจดำลดา ก่อนจะหันไปถามอลินต่อ

“ว่าแต่ คุณลูกหยีคนนั้นใครวะอิงค์” 

“ไม่รู้ว่ะ แต่ฉันรู้สึกคุ้นๆ หน้าอยู่นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน...” อลินขมวดคิ้วมุ่น แอบเพ่งพิศใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ทว่านึกเท่าไรก็นึกไม่ออก

“แต่มาคุยงานกับพี่ไอซ์ได้ถึงที่นี่คงต้องสนิทมากๆ ไม่แน่อาจเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจครอบครัวเรา เอาไว้มีโอกาสฉันค่อยถามพี่ไอซ์แล้วกัน” เธอสรุปประเด็น 

“ดา”

“...”

ลดาไม่ได้ใส่ใจเสียงอลินเรียก เธอยังคงเหม่อลอยมองพี่ไอซ์กับคุณลูกหยี ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าทั้งคู่ดูมีซัมติงกัน

“แกอย่าเพิ่งคิดมาก สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นทั้งหมด” อลินตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

“ใช่ เพราะสิ่งที่เป็นอาจจะมากกว่านี้ก็ได้” วาดฟ้าสัพยอก

“เฮ้อ” ลดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ละสายตาจากคนทั้งคู่ สงบสติอารมณ์ตัวเองชั่วครู่ “มา รีบซ้อมบทกันต่อเถอะ ฉันหิวข้าวแล้ว”

“มาๆๆ” อลินยืดตัวลุกขึ้นจากโซฟา หลับตาลงทำสมาธิ

“นางร้ายในซีรีส์เรื่องนี้ที่อิงค์เล่นก็ชื่อลูกหยีเหมือนกัน แล้วคุณลูกหยีก็โผล่มาตอนเรากำลังซ้อมบทพอดี อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนะ” วาดฟ้าพึมพำขณะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเตรียมถ่ายคลิปต่อ

ลดาได้แต่แค่นยิ้ม ในโลกความเป็นจริงคุณลูกหยีคนนี้คงเป็นนางเอก ส่วนเธอคงเป็นนางร้ายที่ได้แต่หึงหวงพระเอกไกลๆ ไม่มีสิทธิ์จะกรีดร้องโวยวายเหมือนในละครด้วยซ้ำ

การซ้อมบทกลับมาดำเนินต่อ คราวนี้ลดาไม่มีสมาธิเลย อ่านผิดอ่านถูกทั้งๆ ที่บทอยู่ในมือแท้ๆ อลินคงเห็นว่าลดาไม่ไหวแล้ว จึงสลับให้วาดฟ้ามาต่อบทกับเธอแทน และพักการถ่ายคลิปเอาไว้ก่อน

“ฉันมีหลักฐานหมดแล้วว่าแกเป็นคนทำ”

“แล้วไหนล่ะหลักฐานของแก”

เสียงต่อบทของเพื่อนทั้งสองยังดังต่อเนื่อง ลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของลดาไป 

ตอนนี้สาวหมวยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หันมองอีกมุมหนึ่งของห้อง แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอพ่ายแพ้สิ้นเชิง

“หยีว่าโครงการนี้โอเคแล้วนะ เดี๋ยวเราค่อยเสนอที่ประชุมบอร์ดอีกที” ลูกหยีพยักหน้า

“ตามนี้ งั้นเดี๋ยวหยีกับทีมอยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนนะ” 

“โอ๊ย ขอโทษจริงๆ นะไอซ์ แต่พอดีหยีจองร้านไว้สำหรับเลี้ยงทีมแล้วอะ” 

“ไม่เป็นไรหรอก ไว้คราวหน้าก็ได้” อธิษฐ์พูดยิ้มๆ

“แค่มีน้ำผลไม้เย็นๆ ชื่นใจเลี้ยงก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ” 

ลูกหยีหันไปคว้าแก้วน้ำส้มที่วางบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม ทว่าท่าไหนไม่รู้ แก้วน้ำส้มเจ้ากรรมดันลื่นหลุดจากมือเรียวบาง น้ำส้มหกกระจายเต็มอกเสื้อ แถมแก้วยังตกกระทบพื้นแตกกระจาย

เพล้ง!

“ว้าย!”

อลินหยุดการต่อบทเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง พยักหน้าให้สัญญาณลดากับวาดฟ้าเพื่อรีบเข้าไปดูเหตุการณ์ดังกล่าว สามสาวผละจากมุมโซฟา ตรงมาหาอธิษฐ์กับลูกหยีและคนอื่นๆ ที่เหลือ

“เกิดอะไรขึ้นคะ” อลินเอ่ยถามทันทีเมื่อมาถึง

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่ซุ่มซ่ามไปหน่อย ขอโทษทีนะไอซ์” 

“ไม่ต้องขอโทษหรอก รีบเอานี่เช็ดก่อน หยีเลอะหมดแล้ว” อารามรีบร้อนทำให้อธิษฐ์คว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดในกระเป๋ากางเกงออกมาส่งให้หญิงสาว 

“ขอบคุณนะ” ลูกหยีรีบรับผ้าเช็ดหน้าจากอธิษฐ์มาซับตามอกเสื้อ เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวใช้เข้ามาเก็บกวาดพอดี

ลดามองภาพนั้นด้วยหัวใจเจ็บแปลบ เจ็บกว่าการที่เห็นพี่ไอซ์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น คือการที่เห็นเขาเอาผ้าเช็ดหน้าของเธอซึ่งตั้งใจปักหลังขดหลังแข็งให้เขาเป็นสัปดาห์ให้ผู้หญิงคนอื่นเอาไปกระทำย่ำยีง่ายดายราวกับเป็นสิ่งของไร้ค่า

คนใจร้าย... ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลย 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น