4
ปรัชญาว่าด้วยไก่ทอด
‘มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง’
ลดาคิด
ต่อให้เธอยอมจุกตายเพื่อให้ได้รับประทานอาหารร่วมกับคนที่เธอรัก แต่อย่างน้อยมันก็ไม่สมควรวนกลับมาร้านเดิมสิวะ
รู้ตัวอีกที เธอก็เดินตามอธิษฐ์เข้ามาในร้านอาหารฟาสต์ฟูดร้านเดิมที่เธอแวะรับประทานคราวแรก เธอไม่กล้าเอ่ยปากขัดคอ เพราะเขายืนยันว่าอยากรับประทานไก่ทอดที่ร้านนี้ตอนเดินมาด้วยกันสองคน ส่วนบอดีการ์ดของเขาสแตนด์บายรออยู่ห่างๆ นอกร้าน
เศรษฐีอย่างพี่ไอซ์เนี่ยนะชอบรับประทานอาหารฟาสต์ฟูดธรรมดา...ไม่อยากตัดสินที่ฐานะหรอกนะ ไม่ว่าใครก็ชอบอาหารฟาสต์ฟูดได้ แต่พอเป็นพี่ไอซ์ ผู้ชายซึ่งเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วมานั่งอยู่ในร้านอาหารฟาสต์ฟูด มันดูไม่เข้ากันเสียเลย
“ไม่กินเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้น บุ้ยปากไปยังไก่ทอดในกล่องกระดาษหลากหลายกล่อง หลากหลายเมนู
“อ๋อ กินค่ะกิน” ลดาหัวเราะแห้งๆ ใช้มือหยิบไก่ทอดชิ้นพอดีคำมาจิ้มซอสมะเขือเทศเข้าปาก กล้ำกลืนฝืนทนทั้งๆ ที่อยากจะอาเจียนด้วยความเลี่ยนไก่
“เอ่อ...พี่ไอซ์คะ ดาขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม”
“ว่ามาสิ”
“พี่ไอซ์ชอบของขวัญที่ดาทำให้หรือเปล่าคะ”
“...”
ชายหนุ่มไม่ตอบ ตักข้าวหน้าไก่ทอดเข้าปากด้วยอาการสงบ ก่อนเงยหน้ามองหญิงสาวที่กลอกตาเลิ่กลั่กไปมา
“เป็นของขวัญที่ดี”
คำตอบสั้นๆ ทำหัวใจลดาพองฟู
“งั้นพี่ไอซ์ช่วยอะไรดาอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
“ถ้าสิ่งที่ดาขอให้ช่วยสมเหตุสมผล พี่ก็ช่วยได้” อธิษฐ์สงวนท่าที
“พี่ไอซ์ช่วยอย่าเอาของขวัญที่ดาทำให้พี่ไอซ์ไปให้ผู้หญิงคนอื่นแตะต้องได้ไหมคะ อย่าเพิ่งดุดานะ คือดาไม่อยากงี่เง่าหรอก แต่ดาไม่สบายใจเลยค่ะที่เห็นพี่ไอซ์ทำแบบนั้น”
ลดาขอร้องคนตรงหน้าด้วยสายตาและน้ำเสียงวิงวอน ที่เธอกล้าพูดเช่นนี้ เพราะเธอเผยใจให้พี่ไอซ์รับรู้นานแล้ว เธอจีบเขาแบบสุภาพนุ่มนวล ไม่ปิดบังความรู้สึกยามได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
“ถ้าไม่สบายใจจะเอาของขวัญคืนไปก็ได้นะ พี่ไม่ติดหรอก” เขาบอกเสียงเรียบเฉย
“ดาไม่ได้อยากเอาคืนค่ะ ดาแค่ไม่อยากให้...”
“ลดา” อธิษฐ์เรียกชื่อเต็มของเธอ สายตาของเขาที่มองเธอว่างเปล่า
“เรากับพี่เป็นอะไรกัน”
“เป็นแฟนในอนาคตของกันและกันมั้งคะ” ลดาตอบพร้อมยิ้มแหยๆ
“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน สิทธิ์ที่จะหึงหวงกันไม่มี สิทธิ์ที่จะจำกัดสิทธิเสรีภาพของกันก็ไม่มี ทีนี้เข้าใจหรือยัง”
“แล้วดาหึงหวงพี่ไอซ์ในฐานะคนที่รักพี่ไอซ์ไม่ได้เหรอคะ”
“แล้วพี่ได้รักดาหรือเปล่า”
“...”
ลดาสะอึก นิ่งอึ้งกับถ้อยคำของอธิษฐ์ เขาไม่ได้ตะคอก ไม่ได้ตวาดเธอเลยสักนิดเดียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา ทว่ากรีดลึกไปถึงกลางใจคนฟังอย่างเธอ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอคำถามย้อนกลับของเขา เธอเจอมาหลายครั้งหลายหนตั้งแต่เริ่มอาจหาญแสดงให้เขารู้ว่ารู้สึกอย่างไร แต่เธอไม่เคยชินเลยสักครั้ง คำถามย้อนกลับเหล่านั้นทำให้เธอเจ็บปวดเสมอ
“อาจจะรักมั้งคะ” เธอก้มหน้าฝืนยิ้ม หยิบเฟรนช์ฟรายส์ในกล่องกระดาษส่งเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ รสชาติแสนฝืดเฝื่อน
“สิ่งที่ดาต้องทำคือเลิกรักพี่ แล้วหันกลับไปรักตัวเองซะ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่อยากฝืนกินอาหารร้านเดิมแล้วก็แค่ปฏิเสธ”
“พี่ไอซ์...รู้อยู่แล้วเหรอคะว่าดากินร้านนี้ตั้งแต่แรก”
“คิดเอาเอง”
อธิษฐ์คว้าแก้วน้ำอัดลมข้างตัวมาดูด ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาเรือนหรู
“ไปกันเถอะ พี่จะพาไปส่งที่บ้าน”
“ขอบคุณนะคะ” ลดายกมือไหว้ กล่าวขอบคุณแผ่วเบา เธอเงยหน้ามองเขาสักครู่แล้วเอ่ยต่อว่า
“แต่ถ้าวันหนึ่งพี่ไอซ์ได้ตกหลุมรักใครสักคน พี่ไอซ์ก็จะทำเหมือนอย่างที่ดาทำ ต่อให้พี่ไอซ์ไม่อยากกินอาหารร้านเดิม แต่ถ้าคนที่พี่ไอซ์รักอยากกิน พี่ไอซ์ก็จะไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ”
“...”
“ดาขอเอาไก่ทอดที่เหลือห่อกลับบ้านนะคะ”
สาวหมวยลุกขึ้นยืน รวบเอาไก่ทอดหลายกล่องใส่ถาด เดินนำไปให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ห่อกลับบ้านให้
ต่อให้ต้องรับประทานไก่ทอดซ้ำสอง แต่มือนี้อธิษฐ์เป็นเจ้ามือ เธอไม่ได้จ่ายเองสักบาท อย่างน้อยเธอก็ไม่ขาดทุนละวะ ยังได้ไก่กลับไปรับประทานที่บ้านเป็นมื้อต่อๆ ไป
รถยนต์คันหรูสีดำแล่นฝ่าการจราจรติดขัดในชุมชนเยาวราชมาจอดเทียบหน้าร้านทองพริ้มพรรณ ลดาซึ่งนั่งสงบปากสงบคำอยู่บนเบาะหลังมาตลอดทางยืดตัวขึ้น กระชับกระเป๋าผ้าขึ้นคล้องไหล่ หันไปยกมือกระพุ่มไหว้คนที่นั่งอยู่ข้างเธอบนเบาะอีกฝั่ง (นั่งข้างแบบห่างๆ น่ะ)
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะพี่ไอซ์”
“อืม”
อธิษฐ์ตอบรับ ทว่าสายตาเขามองไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้มองมาทางเธอ
“ขอบคุณพี่ๆ ที่มาส่งดาด้วยนะคะ” ลดาไม่ลืมยกมือไหว้บอดีการ์ดร่างยักษ์ของเขาสองคน คนหนึ่งเป็นคนขับ คนหนึ่งนั่งข้างคนขับ
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” บอดีการ์ดของเขาทั้งสองตอบกลับมาอย่างสุภาพ หาได้หยิ่งยโสเหมือนเจ้านายของพวกเขาเลยสักนิด
ลดาทำปากยื่นเล็กน้อย หันมองใบหน้าที่เธอคิดถึงทุกขณะจิตราวกับจะซึมซับเก็บไว้ในหัวใจ จากนั้นจึงเปิดประตูลงจากรถ ยืนรอจนรถยนต์แล่นออกไปจนลับสายตาค่อยเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณดาเธอน่ารักนะครับคุณไอซ์”
‘เตชิต’ บอดีการ์ดเบอร์สองที่นั่งอยู่ข้างคนขับเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“คุณเตคิดแบบนั้นเหรอครับ” อธิษฐ์ละสายตาจากนอกหน้าต่างมองตรงมายังบอดีการ์ดของตน
“ครับ น่ารักเหมาะสมกับคุณไอซ์” เตชิตพูดยิ้มๆ
“แล้วคุณกั้งคิดว่าดาเป็นยังไงบ้างครับ”
ชายหนุ่มถามความเห็นของบอดีการ์ดเบอร์หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นคนขับอยู่ ณ ขณะนี้บ้าง
“คุณดาน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัยครับ ผมเห็นด้วยถ้าคุณไอซ์จะคบหากับเธอ เธอดูชอบคุณไอซ์มาก” ไกรวิชญ์ตอบเจ้านายไปตามที่สังเกตเห็นมาตลอด
อธิษฐ์ยิ้มมุมปาก หากเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันแล้ว เขามักจะปรึกษาไกรวิชญ์กับเตชิต บอดีการ์ดคนสนิทที่อยู่ด้วยกันมานาน ทั้งสองคนเป็นลูกน้องที่คล่องแคล่วและรู้ใจเขายิ่งกว่าใครๆ
“งั้นผมคงทำให้พวกคุณผิดหวังแล้วละ เพราะผมไม่ได้ชอบดา”
“อ้าว นี่ผมเข้าใจผิดหรอกหรือครับ” เตชิตขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“ผมก็คิดว่าคุณไอซ์ชอบคุณดาเสียอีก” ไกรวิชญ์แย้งบ้าง ท่าทีของเจ้านายที่เขาเห็นในบางครั้งมันช่างดูขัดแย้งกับคำว่า ‘ไม่ชอบ’ เหลือเกิน
“เอาเป็นว่าพวกคุณจะไม่มีทางได้ลดาเป็นเจ้านายอีกคนตลอดจนเกษียณจากการทำงานแน่นอนครับ ผมรับรอง” อธิษฐ์ตอบอย่างมั่นใจ
“แต่ผมเกรงว่าอาจจะไม่ได้คุณดาเป็นเจ้านายเพิ่มแค่คนเดียว แต่จะได้เจ้านายตัวน้อยๆ เพิ่มมาด้วยน่ะสิครับ”
เตชิตเย้าคนเป็นเจ้านาย ซึ่งก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมากระทั่งถึงเพนต์เฮาส์ของโรงแรม STK Hotel
วันคืนของการทำงานหมุนเวียนผ่านไป ลดายังคงตรากตรำอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์งกๆ ตั้งแต่เช้าจดเย็น จนตามมาด้วยอาการปวดตาและปวดหลังตามลำดับ เป็นวัฏจักรของชีวิต
แต่เหมือนเทพเทวดา หรืออาจจะเป็นผีบรรพบุรุษอากง อาม่าท่านคงจะเห็นใจเธอ จึงได้ช่วยดลบันดาลให้เฮียบิ๊กสั่งปิดร้าน Big Shop ในวันเสาร์นี้โดยไร้สาเหตุ และไม่ได้หักเงินค่าจ้างแม้แต่น้อย ทั้งที่ปกติเฮียบิ๊กไม่เคยสั่งปิดร้าน ถึงตัวจะไม่อยู่ก็จะให้ลดากับลูกน้องเฝ้าร้านแทน
ช่างเถอะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันเป็นวันหยุดที่ลดาจะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ นั่งวาดรูป ฟังเพลงสบายๆ ในห้องนอนและนั่งคิดถึงอธิษฐ์ทั้งวัน
“อาดา ไปช่วยกันทำงาน!”
เสียงเคาะประตูห้องนอนตามด้วยเสียงเรียกของผู้เป็นบิดาในช่วงสายๆ ทำให้ฝันและอุดมการณ์ของลดาสลายไปในพริบตา
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ ลุกขึ้นจากเตียงพลางบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างด้วยใบหน้าอิดโรย
วันนี้ราคาทองลง ผู้คนมากหน้าหลายตาแห่แหนกันมาซื้อทองเก็บไว้ ด้วยความที่ห้างทองพริ้มพรรณเป็นห้างทองใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในย่าน อีกทั้งนายมงคลกับนางลาวัลย์ หรือผู้คนแถวนั้นเรียกว่าเฮียคิ้มกับเจ๊วัลย์ก็เป็นที่รู้จัก มีลูกค้าจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าหน้าเก่าหน้าใหม่
“ร้านตั้งใหญ่ ป๊ากับม้าน่าจะจ้างลูกน้องสักคนนะ” สาวหมวยเปรยกับบิดา มารดา หลังจากลูกค้าเนืองแน่นทยอยกลับกันไปหมดแล้ว
การขายนี่ทำเธอวิ่งวุ่นหัวหมุนจนเหงื่อซึมเลยทีเดียวแม้เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ กว่าจะได้นั่งพักก็ปาไปเที่ยงแล้ว
เธอไม่ถนัดการค้าขาย ไม่ถนัดการเจรจา ขนาดตอนต้องคุยงานกับลูกค้าเธอยังเหนื่อยเลย นับประสาอะไรกับเรื่องพวกนี้
“จ้างทำไมให้เปลืองสตางค์ ป๊ากับม้าดูแลร้านนี้ได้ ยิ่งถ้ามีลื้อมาช่วยด้วยอีกแรงละก็พอแล้ว หึ แต่ลื้อก็ยังดึงดันออกไปทำงานไร้สาระ ป๊ากับม้าเลยต้องเหนื่อยตอนแก่”
“เฮ้อ ดาไปตักข้าวมากินก่อนแล้วกัน”
เมื่อรู้ว่าหากต่อความยาวสาวความยืดคงมิวายจบลงด้วยการทะเลาะ ลดาจึงเดินเลี่ยงออกไปหลังร้าน เข้าครัวตักข้าวกับไก่ทอดที่อุ่นในหม้อข้าวซึ่งเหลือจากเมื่อวานใส่จาน
‘สิ่งที่ดาต้องทำคือเลิกรักพี่ แล้วหันกลับไปรักตัวเองซะ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่อยากฝืนกินอาหารร้านเดิมแล้วก็แค่ปฏิเสธ’
คำพูดของอธิษฐ์ลอยมาขณะที่ลดากำลังจะใช้ช้อนตักไก่ทอดเข้าปาก มือชะงักค้าง ดวงตาเรียวเล็กหม่นแสงลง รู้สึกเจ็บแปลบปลาบในทรวงอก
‘หรือว่าเราควรเลิกฝืนกินไก่ทอดแล้วจริงๆ?’
ลดาตั้งคำถามกับตัวเองในใจ
“ไม่เลิกหรอก ถึงเมื่อวานจะฝืนกินไม่ลงเพราะมันเลี่ยน แต่พอวันนี้มันก็อร่อยเหมือนเดิมแล้ว”
ลดาว่าพร้อมไหวไหล่ ตักข้าวกับไก่เข้าปากแล้วเดินถือจานข้าวออกจากครัวไป
“อ้าวหมอน ไปไงมาไงเนี่ย ไม่เจอกันซะนานเลย” ลาวัลย์ทักทายเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีจ้า อั๊วว่าจะมาซื้อทองรับขวัญหลานน่ะ เมียอาโจ้คลอดลูกแล้ว ได้ลูกสาว”
‘ชิดชนก’ หรือว่า ‘เจ๊หมอน’ สตรีม่ายเจ้าของโรงงานผลิตน้ำแข็งในย่านใกล้เคียงเดินเข้ามาในร้าน นางสวมเสื้อผ้าลายลูกไม้กรุยกราย สวมเครื่องประดับทั้งตัว ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีบานเย็นเป็นเอกลักษณ์
“สวัสดีค่ะอาโกวหมอน”
ลดาเงยหน้าจากจานข้าวยกมือไหว้เพื่อนของหม่าม้า ผู้ซึ่งเห็นหน้าค่าตากันมานานตั้งแต่จำความได้ อีกฝ่ายมีลูกชายสองคน คนโตชื่อว่า ‘เฮียโจ้’ อายุมากกว่าเธอเกือบสิบปี ส่วนอีกคนคือ ‘เฮียจีน’ อายุมากกว่าเธอแค่สามปี เคยวิ่งเล่นด้วยกันเมื่อครั้งนานมาแล้ว
“สวัสดีๆ อาดาสวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะอาโกวหมอน” คนถูกชมว่าสวยยิ้มฝืดๆ พลางยกมือไหว้รับคำชม
“ยังเรียบร้อยน่ารักเหมือนเดิม” ชิดชนกหยิกแก้มสาวหมวย ความที่นางไม่มีลูกสาวทำให้รักและเอ็นดูลดามากเป็นพิเศษ
ส่วนลดาก็ทำได้เพียงยิ้มฝืดๆ ตอบอีกครั้ง
‘สวย เรียบร้อย น่ารักงั้นหรือ ...?’
ไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด ปะป๊ากับหม่าม้าของเธอรู้ดี ดังนั้น พวกท่านจึงเลือกที่จะเงียบไม่เอ่ยอันใด
“เดี๋ยวนี้ได้เจอเฮียจีนบ้างหรือเปล่า โตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว เปิดร้านกาแฟในห้าง ว่างๆ ก็หาเวลาไปเจออีได้นา”
“อะแฮ่ม ลื้อจะซื้อทองรับขวัญหลานไม่ใช่เหรออาหมอน อยากได้แบบไหนล่ะ เดี๋ยวอั๊วไปหยิบมาให้เลือกดู”
“เอ้อใช่ๆ อั๊วอยากได้กำไลข้อเท้ากับสร้อยข้อมือน่ะเฮียคิ้ม”
“รอแป๊บหนึ่ง”
ในช่วงจังหวะที่พวกผู้ใหญ่หันไปให้ความสนใจกับทองรับขวัญทารกน้อย ลดาก็หยิบจานข้าวปลีกตัวออกไปหลังบ้านอย่างเงียบๆ
เธอรู้ว่าชิดชนกพยายามจะจับคู่เธอกับลูกชายคนเล็กของตน หม่าม้าของเธอก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเธอเคยได้ยินสองคนนี้คุยกัน และคิดว่าคงจะมีการดูตัวเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในไม่ช้า หากปะป๊าของเธอเห็นดีเห็นงามด้วยอีกคน
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์เรียกสติของลดาให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยอีกครั้ง เธอหยิบขึ้นมาเปิดดูพบว่าเป็นอลินที่ส่งข้อความเข้ามาในกลุ่ม ว.อ.ด. เหมือนเช่นเคย
อ.อิงค์ : ฉันมาเมกา อยากได้ของฝากอะไรพิมพ์ทิ้งไว้ได้เลย
ว.วิว : ขอหนุ่มฝอหล่อๆ สักคน
อ.อิงค์ : ฉันจะแคปไปฟ้องพี่ภีม
ว.วิว : หยอกเล่นนนน~
อ.อิงค์ : ฝากไอ้ดาดูแลพี่ไอซ์ในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ด้วย
ด.ดา : พูดง่าย ทำอย่างกับว่าพี่ไอซ์เขาจะมาอยู่ให้ฉันดูแลงั้นแหละ
ด.ดา : ว่าแต่คืนนี้ฉันอยากออกไปปาร์ตีมากๆ กลุ้มกับชีวิต อยากกินเหล้า แกสนใจมั้ยวิว
ว.วิว : แกชวนคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างฉันเนี่ยนะ เอาไว้คืนปาร์ตีสละโสดทีเดียวเถอะ
อ.อิงค์ : อีกอย่างนะ แกอยากจะไปกินเหล้าเนี่ย ป๊ากับม้าไม่ฆ่าแกตายเหรอตอนเห็นสภาพแกเมากลับมา ปกติแค่แกกลับดึกก็เค้นแทบตายแล้ว
ลดาถอนหายใจยาว ทุกครั้งที่แอบไปปาร์ตีกับเพื่อน เที่ยวผับบาร์ เธอก็ทำได้เพียงดื่มน้ำอัดลมเพราะบิดา มารดาสั่งห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด เธอไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองแอลกอฮอล์เหมือนอย่างคนอื่นๆ เลย
ลดาเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ...ความรู้สึกอยากรู้อยากลองที่ถูกกดทับด้วยกฎเกณฑ์ของครอบครัวมาตลอดระเบิดออกมา จนทำให้ลดาเกิดความคิดบ้าบิ่นที่สุดในชีวิต
ความคิดเห็น |
---|