1

คำทำนายของแม่หมอ


1

คำทำนายของแม่หมอ

เมื่อสามวันที่แล้วคุณมลฤดี แม่ของก้องบดินทร์และคุณพิสมัย ป้าของกิรฏา สองเพื่อนซี้ซึ่งรักการดูดวงเป็นชีวิตจิตใจได้ไปที่สำนักหมอดูแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ ซึ่งผู้คนเล่าลือว่าดูดวงแม่นมาก แม้กระทั่งดารา เซเลบ หรือนักการเมืองก็ยังแห่แหนกันไปตรวจดวงชะตาที่นั่น

แต่หมอดูชื่อดังก็ไม่ได้รับดูดวงให้ทุกคน มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะได้พบท่าน คุณมลฤดีและคุณพิสมัยเองก็จองคิวดูดวงล่วงหน้ามาร่วมเดือน ก่อนที่ลูกศิษย์ของแม่หมอจะโทร. มาแจ้งว่าพวกท่านผ่านการคัดสรรจากเบื้องบนแล้วซึ่งเบื้องบนที่ว่าก็คงเป็นเทพองค์ต่างๆ ที่แม่หมอนับถือนั่นละ

เมื่อถึงวันนัดหมาย แม่ของก้องบดินทร์และป้าของกิรฏาก็เดินทางไปยังสำนักหมอดูของแม่หมอพวงครามแต่เช้าตรู่

ตำหนักของท่านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด สร้างจากไม้เก่าแก่ทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวสดแสนร่มรื่นและน่าอยู่ ล้อมรอบบริเวณด้วยรั้วไม้ระแนงที่มีเถาตำลึงเลื้อยพันอย่างไม่เป็นระเบียบ

ภายในเรือนรับรองทรงไทยมีผู้มารอคิวดูดวงอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งลูกศิษย์ของแม่หมอพวงครามบอกว่าแต่ละวันท่านจะรับทำนายเพียงห้าคิวเท่านั้น

‘คิวต่อไป คุณมลฤดีกับคุณพิสมัยจ้า’

เมื่อได้ยินเสียงลูกศิษย์ของแม่หมอพวงครามเรียก หญิงสูงวัยทั้งสองก็รีบเดินเข้าไปในตัวตำหนักทันที

พอเข้ามาถึงก็พบแม่หมอชราในชุดปฏิบัติธรรมสีขาวกำลังนั่งหลับตาคล้ายเข้าฌานอยู่บนตั่งไม้ ด้านหลังของหมอดูชื่อดังคือโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธรูป รูปปั้นเทพ และกระถางธูปเทียนวางเรียงรายตามลำดับ

กลิ่นธูปที่ลอยอวลอยู่ในห้องและแสงจากเทียนเล่มใหญ่ที่กำลังลุกโชติช่วงทำให้บรรยากาศดูขรึมขลังมากขึ้นไปอีก

‘เดี๋ยวเชิญนั่งรอได้เลยจ้ะ ถ้าแม่หมอพร้อมเมื่อไหร่ ท่านจะลืมตาขึ้นเอง’ ลูกศิษย์สาวบอก ก่อนจะย่อตัวลงคลานเข่าเข้าไปนั่งข้างตั่งไม้

คุณมลฤดีและคุณพิสมัยหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างพยักหน้าเบาๆ และค่อยๆ ย่อตัวนั่งลง ขณะที่ก้นกำลังจะหย่อนแตะพื้นนั่นเอง แม่หมอชราก็ลืมตาโพลงขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงกังวาน

‘มากันแล้วรึ!!’

‘ว้าย กระบือ!’/‘ว้าย ตัวเงินตัวทอง!’ทั้งคู่ตกใจจนหงายหลังตึง เมื่อตั้งสติได้จึงรีบลุกขึ้นนั่งในท่าสำรวม

‘คราวหลังรบกวนแม่หมอนับวัน ทู ทรีก่อนลืมตาด้วยนะคะ พวกฉันจะได้ตั้งตัวทัน’ คุณมลฤดีที่เกือบหัวใจวายบอกพลางตวัดตาค้อน

‘นั่นสิคะ ใจหายวาบเลย’ คุณพิสมัยพยักพเยิด

‘พวกเอ็งจะมาดูดวงหรือมาสั่งข้า!’ แม่หมอพวงครามชี้นิ้วกราด ดวงตาฝ้าฟางลุกวาบด้วยความกริ้วโกรธ

‘ดูดวงค่ะดูดวง’ คุณมลฤดียกมือไหว้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

‘พวกเราจะไม่สั่งแม่หมออีกแล้วค่ะ แต่ช่วยดูดวงให้พวกเราด้วยนะคะ’ คุณพิสมัยละล่ำละลักบอก

หมอดูชรายิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะค่อยๆ หันมาจ้องคุณมลฤดีอย่างพิจารณา ‘เอ็งมีลูกชายคนนึงใช่ไหม’

‘ใช่ค่ะแม่หมอ’ แม่นสมคำเล่าลือจริงๆ ด้วย ขนาดยังไม่ได้บอกว่ามีลูกชาย แม่หมอยังรู้เลย

‘อืม...’ คิ้วสีดอกเลาขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด

‘มีอะไรหรือเปล่าคะ’ คุณมลฤดีรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรหรอก

‘อืม...’ แม่หมอพวงครามถอนหายใจก่อนเอ่ยสิ่งที่ฟังแล้วขนลุกออกมา ‘ลูกชายของคุณนาย...มีดวงจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ!’

ดวงตาของผู้ฟังเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกบาลเปรี้ยงใหญ่

‘อะไรนะคะแม่หมอ ลูกชายฉันมีดวงจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุงั้นเหรอคะ!’

‘ใช่! ข้ารู้ ข้าเห็น ข้าสัมผัสได้ มีความมืดดำโอบล้อมตัวของลูกชายคุณนายอยู่ มันน่ากลัวมาก’ แม่หมอทำท่าขนลุกขนพอง

‘โธ่ ตาก้องลูกแม่’ คุณมลฤดีหน้าซีด มือสั่น รู้สึกกลัวจับใจเมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวไป

‘ใจเย็นๆ นะมอลลี่’ คุณพิสมัยมองเพื่อนสนิทอย่างห่วงใยและเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเล่นที่เรียกกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งชื่อนี้พวกท่านจะใช้เรียกกันเวลาไม่ได้อยู่ต่อหน้าลูกๆ หลานๆ เท่านั้น เพราะกลัวเด็กๆ ได้ยินแล้วจะไม่เกรงขาม

‘ฉันเย็นไม่ไหวแล้วพรีมมี่ เรื่องนี้เกี่ยวกับความเป็นความตายของตาก้องเลยนะ’ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเครียดและหวาดหวั่นพรั่นพรึง

‘อย่าเพิ่งคิดมากไปคุณนาย ทุกอย่างมีทางออกเสมอ หึๆๆ’ น้ำเสียงน่าเกรงขามที่เอ่ยขึ้นทำให้แววตาคุณมลฤดีมีความหวังขึ้นอีกครั้ง

‘ทำยังไงคะแม่หมอ ฉันยอมทำทุกอย่างเลยค่ะ ขอแค่ให้ลูกชายรอดชีวิตก็พอ หรือผ่อนหนักเป็นเบาก็ยังดี’

‘วิธีสะเดาะเคราะห์ในครั้งนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก’ แม่หมอพวงครามกระตุกยิ้มมุมปาก ในขณะที่คุณมลฤดีรอฟังอย่างจดจ่อ

‘ทำยังไงเหรอคะ’

‘ลูกชายของคุณนายจะต้องแต่งงานภายในสามเดือนนับจากวันนี้ แล้วเขาจะรอดชีวิต แต่ถ้าไม่...ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามคำทำนายของข้า!’

เมื่อรู้วิธีแก้เคล็ดแล้ว คนที่เชื่อเรื่องดวงอย่างหัวปักหัวปำจึงไม่รอช้าที่จะหาผู้หญิงสักคนมาแต่งงานกับลูกชาย และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล กิรฏา พฤกษ์อนันต์ หรือหนูกอหญ้า หลานสาวของคุณพิสมัย ซึ่งเธอเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกนั่นเอง

...

วันนี้คุณมลฤดีและคุณพิสมัยจึงนัดกันออกมารับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในย่านเยาวราช และให้ก้องบดินทร์กับกิรฏามาด้วยเพื่อจะได้ถือโอกาสบอกเรื่องนี้กับทั้งสองคน

ตอนแรกแม่ของชายหนุ่มและป้าของหญิงสาวก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ก่อนจะเข้าเรื่องสำคัญ

‘แม่กับป้าพริ้มอยากให้ก้องกับหนูกอหญ้าแต่งงานกันจ้ะ’

‘อะไรนะครับ! แต่งงานเหรอ’ ก้องบดินทร์ถามอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดเลยสักนิดว่าแม่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

หญิงสูงวัยพยักหน้าเบาๆ ‘ใช่จ้ะ เราสองคนไปดูดวงมา แม่หมอท่านบอกว่าก้องต้องแต่งงานภายในสามเดือน ก้องไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหานะจ๊ะ’

‘ผมไม่มีแฟนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่จะจับให้แต่งงานกับใครก็ได้ หมอดูคนนั้นทำนายอะไรไร้สาระสุดๆ’ แค่ได้ฟังก็ขำยิ่งกว่าดูชิงร้อยชิงล้าน

‘มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลยนะก้อง’ แม่ของเขาทำหน้าเคร่งเครียด

‘ไร้สาระสิครับ ทำไมเราต้องไปเชื่อแม่หมออะไรนั่นด้วย’ ก้องบดินทร์ส่ายหน้าและถอนหายใจ

‘เพราะทุกคนพูดกันว่าคำทำนายของแม่หมอแม่นมากไงล่ะ’

ก้องบดินทร์หัวเราะเสียงดัง ‘แม่หมอเป็นญาติยมทูตเหรอครับ ถึงรู้ว่าใครจะตายเมื่อไหร่ แม่งมงายหนักขึ้นทุกวันแล้วนะครับ ป้าพริ้มน่าจะช่วยเตือนสติกันหน่อย’ เขาหันไปเอ่ยกับป้าของกิรฏา

‘ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะก้อง’ คุณพิสมัยก็ดูจะเชื่อเรื่องนี้อย่างสนิทใจไม่แพ้แม่ของเขา

‘แล้วถ้าผมแต่งงาน มันจะช่วยให้ผมรอดเหรอครับ’

‘ใช่ลูก แม่หมอบอกวิธีแก้มาแบบนี้ เพราะฉะนั้นแม่เลยอยากให้ก้องแต่งงานกับหนูกอหญ้าจ้ะ’ คุณมลฤดีมองลูกชายอย่างห่วงใยเหลือล้น

‘แต่...’ ก้องบดินทร์ไม่ทันได้แย้งก็ถูกแม่ตัดบท

‘ตกลงก้องยอมแต่งแล้วเนอะ เดี๋ยวแม่กับป้าพริ้มจะไปหาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดมาให้จ้ะ’ คุณมลฤดีบอกด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้น ทั้งที่ลูกชายยังไม่ตอบตกลงสักคำ แต่เธอจะมัดมือชกเสียอย่าง ใครจะทำไม

‘เดี๋ยวนะครับ แม่จะไม่ถามผมกับกอหญ้าเลยเหรอว่าเราเต็มใจจะแต่งงานกันไหม’ ชายหนุ่มหันไปขอเสียงสนับสนุนจากกิรฏา ‘บอกไปสิว่าเราจะไม่แต่งงานกัน’

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ ‘เอ่อ...’

‘หนูกอหญ้ายินดีจะแต่งงานกับก้องจ้ะ ป้าพริ้มเองก็ไม่มีปัญหา’ คุณมลฤดียิ้มกริ่ม ดักไว้ทุกทางแบบนี้ ดูสิว่าเจ้าลูกชายตัวดีจะปฏิเสธได้อีกไหม

‘เธอรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วเหรอ’ ก้องบดินทร์ถามหญิงสาวเสียงดุ

‘ค่ะ’ กิรฏายิ้มสู้

‘แล้วเธอก็เต็มใจจะแต่งงานกับฉันงั้นเหรอ’ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วหนาขึ้น

‘ค่ะ’ หญิงสาวตอบเสียงหนักแน่น

‘แต่ผมไม่แต่งนะครับ’ ก้องบดินทร์รีบหันไปบอกผู้ใหญ่ทั้งสอง

‘ไม่ได้เด็ดขาด ก้องต้องแต่งงานกับหนูกอหญ้าภายในสามเดือน ไม่งั้นก้องจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุอย่างที่แม่หมอบอก’ เธอเหนื่อยใจกับเจ้าลูกชายจอมดื้อด้านนี่จริงๆ ทั้งที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของตัวเองแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว

‘มันก็แค่คำทำนายครับแม่ ถึงผมไม่ได้ไปหาหมอดู ผมก็รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเราก็ป้องกันได้ด้วยการมีสติอยู่เสมอ ไม่ใช่การแต่งงานครับ’

‘แต่ถ้าไม่ทำตามที่แม่หมอบอก แม่ก็คงไม่สบายใจ ขอร้องละนะ ถ้าก้องไม่แต่งกับหนูกอหญ้า จากนี้ไปแม่คงนอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน พ่อของเราก็จากไปคนนึงแล้ว ถ้าก้องจากแม่ไปอีกคน แม่จะอยู่กับใครล่ะ’ คุณนายแม่ของเขาทำตาแดงๆ และเริ่มสะอึกสะอื้น

‘ครั้งนี้น้ำตาของแม่ไม่ได้ผลเหมือนที่ผ่านมาหรอกครับ’ เวลาเขาขัดใจแม่ทีไร ท่านก็จะใช้น้ำตานี่ละเป็นอาวุธทำให้เขาใจอ่อน

เท่านั้นละ น้ำตาของคุณมลฤดีก็ร่วงพรูลงมาราวกับทำนบพัง

‘ฮือออ ก้องไม่รักแม่แล้วใช่ไหม ถึงพูดจาเย็นชาอย่างนี้ แม่เสียใจจริงๆ ที่ความรักความห่วงใยของแม่ไม่มีค่าสำหรับก้องเลย ฮือออ’ หญิงสูงวัยร้องไห้อย่างสมจริง เพราะมีดีกรีเป็นอดีตนางเอกละครเวทีของคณะ

ก้องบดินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็ปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาทันที

‘อย่าร้องนะมอล...เอ๊ย มล’ คุณพิสมัยเกือบจะเผลอเรียกชื่อเพื่อนตามความเคยชิน

‘ไม่ให้ร้องได้ไงล่ะพริ้ม ฮึก ตาก้องไม่เห็นความหวังดีของฉันเลย ฮึก และไม่ห่วงเลยสักนิดว่าถ้าเขาตายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร’

‘ก้อง ทำตามที่แม่ของเราบอกเถอะนะ’ คุณพิสมัยมองลูกชายเพื่อนอย่างขอร้อง

‘ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วละพริ้ม เขาคงอยากเห็นแม่ร้องไห้จนขาดใจตาย ฮือๆๆ’ คุณมลฤดีสะอื้นไห้ตัวโยนอย่างน่าสงสาร

‘ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะครับ’ ชายหนุ่มทำหน้าเครียด

‘ถ้างั้นก็ตกลงแต่งงานกับหนูกอหญ้าสิจ๊ะ’ หญิงสูงวัยมองลูกชายอย่างคาดหวัง

ก้องบดินทร์เงียบ ดวงตาคมกริบฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะเขาไม่อยากทำให้แม่เสียใจ แต่ก็ไม่อยากจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเช่นกัน

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัดหลังจากใคร่ครวญอยู่ราวห้านาที ‘ผม...’

‘ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ’ แววตาของคุณนายแม่เป็นประกายเรืองรองด้วยความหวัง

ก้องบดินทร์ถอนหายใจอีกรอบ ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะขยับบอก ‘ผมจะยอมแต่งงานกับกอหญ้าก็ได้ครับ’ ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆ นั้นมีรอยยิ้มชั่วร้ายซ่อนอยู่

พอกินข้าวเสร็จ แม่ก็ให้เขาไปส่งกิรฏาที่บ้าน ส่วนพวกท่านจะโทร. บอกให้คนขับรถมารับ ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าไม่ได้วางแผนล่วงหน้ากันมาก่อน

...

“แม่ต้องโดนเธอทำเสน่ห์แน่ๆ ถึงได้เลือกเธอมาแต่งงานกับฉัน” ก้องบดินทร์ปรายตามองหญิงสาวอย่างรำคาญใจ

“เพราะป้ามลเห็นว่าหญ้าเป็นผู้หญิงที่ดีต่างหาก” ถึงเธอจะไม่ได้เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว แต่นิสัยห่างไกลจากคำว่าแย่เยอะ กิรฏามั่นใจว่าอย่างนั้น

“ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายง่ายๆ”

“ก็หญ้าบอกไปแล้วไงคะว่าหญ้ารักพี่ก้อง ถ้าไม่รักก็คงไม่ยอมแต่งหรอก”

“แต่ฉันไม่ได้รักเธอเว้ย!” ชายหนุ่มบอกเสียงดังลั่นรถ

“โห แค่นี้ต้องขึ้นเว้ยเลยเหรอคะ แต่ก็ดีค่ะ หญ้าชอบผู้ชายเถื่อนๆ เกรี้ยวกราดแบบนี้แหละ มันกร้าวใจดีค่ะ” นัยน์ตาหวานทอประกายซุกซน

“โว้ย! คนอะไรหน้ามึนจริงๆ” ก้องบดินทร์อยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยตาย

“คนหน้ามึนที่รักเธอไงคะ”

“อ้วกกก! ไม่ว่ายังไงเธอก็ห้ามแต่งงานกับฉัน เข้าใจไหม!” ท่าทีขึงขังของเขาไม่ได้ทำให้กิรฏาหวาดหวั่นเลยสักนิด

“ไม่-เข้า-ใจ-ค่ะ” สาวหน้าหวานยิ้มแฉ่ง ดวงตากลมโตยังคงสดใส แม้จะโดนด่ามาหลายรอบแล้วก็ตาม

“โว้ยยย ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ อยากให้ฉันเล่นบทโหดใช่ไหม” คราวนี้ใบหน้าของเขาดุดันและจริงจังมากขึ้นสิบเท่า

แต่กิรฏาหาได้แคร์ไม่ พี่ก้องคิดจะทำตัวร้ายๆ ให้เธอถอดใจงั้นเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก

“ไม่มีเหตุผลที่หญ้าต้องปฏิเสธการแต่งงานค่ะ หญ้าถูกป้ามลเลือกให้เป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านกุลธรโดยชอบธรรม หญ้าไม่ได้ใช้อำนาจแย่งตำแหน่งนี้จากใคร เพราะงั้นโปรดฟังอีกครั้งค่ะว่า...หญ้าจะแต่งงานกับพี่ก้อง!”

“ฉันก็จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้งานแต่งงานเกิดขึ้นเหมือนกัน!”

ตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นกิรฏาจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวั่นๆ “พี่ก้องคะ...”

“จะยอมแพ้แล้วใช่ไหมล่ะ” ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มร้าย

“เปล่าค่ะ”

“แล้วเรียกฉันทำไม!” ก้องบดินทร์ตวาดเสียงดุ

“หญ้าแค่จะบอกว่า...ดูถนนด้วยค่ะ ถ้ามัวแต่จ้องตาหญ้าอยู่อย่างนี้ อีกไม่เกินสิบวินาทีเราต้องชนท้ายคันหน้าแน่นอน”

ชายหนุ่มได้สติ รีบหันขวับกลับไปมองถนน และ...“เฮ้ย!”

เอี๊ยดดด!

ก้องบดินทร์เหยียบเบรกจนตัวโก่ง เพราะสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดี และรถคันข้างหน้าเขาก็กำลังชะลอความเร็วลง ต่างจากเขาที่ขับมาด้วยความเร็วสูง

โชคดีที่ผ้าเบรกยังมีประสิทธิภาพทำให้หยุดรถได้ทันท่วงที ชายหนุ่มเอนหลังลงพิงเบาะและพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เฮ้อ เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวเอง” กิรฏาทำหน้าหวาดเสียว

ก้องบดินทร์ปรายตามามองเธอแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

“ขอโทษด้วยนะคะที่ความสวยของหญ้าทำให้พี่ก้องเผลอสบตานานจนลืมมองถนน” เธออมยิ้มแบบเขินๆ

“นี่สวยแล้วเหรอ” เขาเลิกคิ้วหนาขึ้นอย่างเห็นขัน

“สวยสิคะ” กิรฏาตอบอย่างฉะฉานทันที “หญ้าส่องกระจกทุกวัน มั่นใจว่าหน้าแบบนี้เรียกว่าสวยแน่ๆ”

“สวยกว่าตูดลิงนิดเดียว” ริมฝีปากรูปกระจับโค้งขึ้นนิดๆ อย่างเห็นขัน

“พี่ก้อง!” ใบหน้าหวานงอง้ำ ดวงตากลมโตที่ล้อมรอบด้วยแพขนตางอนยาวมองเขาอย่างน้อยใจ

“ทำไม โกรธฉันเหรอ ขอยกเลิกการแต่งงานเลยดิ” เจ้าของใบหน้าคมคายเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“ไม่มีทางหรอกค่ะหญ้าไม่หัวร้อนกับเรื่องแค่นี้หรอก พี่ก้องจะว่าหญ้าหน้าเหมือนตาตุ่ม เล็บขบ หรืออะไรก็ตามสบายเลยค่ะ หญ้าไม่ถือสา เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้หน้าแบบนั้น”

“แน่ใจนะว่าอยากแต่งงานกับฉัน” จู่ๆ เขาก็คิดแผนการชั่วร้ายบางอย่างออก รับรองว่าวิธีนี้จะทำให้ยายกอหญ้ารีบวิ่งไปขอยกเลิกงานแต่งงานแทบไม่ทันเลยละ

“จะถามอีกกี่ที หญ้าก็ขอยืนยันคำเดิมว่าจะเป็นภรรยาของพี่ก้องค่ะ!” ดวงตาคู่สวยทอประกายเด็ดเดี่ยว

“โอเค” เขาพยักหน้า

“หือ?”

“ก็อยากเป็นเมียของฉันไม่ใช่เหรอ” รอยยิ้มของชายหนุ่มดูเหมือนพวกตัวร้ายในละครที่กำลังคิดจะขืนใจนางเอกยังไงยังงั้น

“พี่ก้องคิดจะทำอะไรคะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างจับผิด

“เดี๋ยวก็รู้ หึๆๆ” ก้องบดินทร์หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ

กิรฏามองเสี้ยวหน้าหล่อจัดของคนที่กำลังยิ้มมุมปากพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อย่าบอกนะว่าพี่ก้องคิดจะปล้ำเรา


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น