5

ตั้งใจลืมหรือลืมจริงๆ

5

ตั้งใจลืมหรือลืมจริงๆ 


ยี่สิบนาทีผ่านไป

    ม่านมุกและเพื่อนๆ ยังคงนั่งอยู่ในสวนบริเวณหน้าห้องน้ำเหมือนเดิม บิวตีบล็อกเกอร์สาวหันไปมองทางเดินเป็นระยะ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววเจ้าของโทรศัพท์แม้แต่น้อย

    “ฉันว่าเขายังไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าลืมมือถือไว้กับแก ไม่งั้นคงรีบกลับมาเอาแล้วละ” เลขาฯ สาวว่าพลางยกมือขึ้นกอดอก

    “นั่นดิ” พัชนีพยักหน้าสนับสนุน “แกโทร. ไปบอกเขาเลยดีกว่าว่าลืมโทรศัพท์ จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอ เพื่อนอยากแดนซ์ต่อแล้วอะ”

    “โอเค” ม่านมุกกำลังจะทำตามที่เพื่อนบอก แต่ก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยวนะไอ้แพท มือถือเขาอยู่กับฉัน แล้วฉันจะโทร. บอกเขาได้ไงวะ” 

    “เออว่ะ ลืมไป” เจ้าตัวหัวเราะแห้งๆ 

    “นี่ๆ คิดออกละ มือถือเขาตั้งรหัสผ่านไว้ไหม ถ้าไม่ แกลองโทร. ไปเบอร์ล่าสุดที่เขาโทร.ออกดิ เผื่อเขาจะอยู่ด้วยกัน” มทิราที่ปิ๊งไอเดียดีๆ เสนอขึ้น

    บิวตีบล็อกเกอร์สาวลองแตะหน้าจอสมาร์ตโฟน ก่อนจะพบว่า...

“เขาไม่ได้ตั้งรหัส” ดวงตากลมโตเป็นประกายพริบพราวขึ้น

    “งั้นโทร. เลย” มทิราว่า

    ม่านมุกพยักหน้า ก่อนกดโทร.หา ‘พี่ธรรศ’ ซึ่งเป็นเบอร์ล่าสุดในประวัติการโทร. เสียงสัญญาณดังอยู่แค่สองครั้งก็มีคนรับสาย 

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มห้าวตอบกลับมา

    “สวัสดีค่ะ คุณธรรศใช่ไหมคะ”

    “ไม่ใช่ครับ”

    “...”

    “ผมเดย์”

    สาวร่างเล็กทำหน้างง เธอกดโทร. หาคนที่ชื่อธรรศ แล้วทำไมกลายเป็นคนที่ชื่อเดย์รับสายเนี่ย

“น้องชายเฮียปรินซ์ไง” 

    เมื่อได้ยินประโยคต่อมา ม่านมุกก็หายสงสัย “อ๋อ คุณนั่นเอง”

    “ผมลืมมือถือไว้กับคุณใช่ปะ” อีกฝ่ายถามต่อ

    “ใช่ คุณอยู่ไหนเนี่ย”

    “ออกมาจากร้านแล้วครับ เพิ่งรู้ตัวว่าลืมตอนคุณโทร. เข้ามานี่แหละ”

    นี่แสดงว่าตอนเจอกันหน้าห้องน้ำอีกฝ่ายกำลังจะกลับสินะ แต่บังเอิญเธอขาพลิก เขาเลยต้องช่วยปฐมพยาบาลก่อน

    “อ้าว แล้วมือถือคุณล่ะคะ จะกลับมาเอาไหม”

    “คุณจะอยู่ที่ร้านอีกนานไหมครับ”

“ก็...” หญิงสาวพลิกข้อมือดูนาฬิกา “น่าจะอีกประมาณชั่วโมงนึงค่ะ”

“อืม...พอดีผมขับรถออกมาไกลแล้ว คงย้อนกลับไปเอาไม่ทัน เพราะอีกฝั่งรถติดมาก”

“งั้น...เดี๋ยวฉันฝากไว้ที่ร้านก็ได้ค่ะ” ม่านมุกเสนอทางออก

“ฝากไว้กับคุณดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่า เฮ้ย คุณ แค่นี้ก่อนนะ แบตเครื่องนี้จะหมดแล้ว เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมโทร. หาอีกที อย่าปิดเครื่องนะครับ” 

    “เอ้า” สาวร่างเล็กทำหน้ามุ่ย เพราะคุยกันไม่ทันรู้เรื่อง สายก็ตัดไปแล้ว

    สรุปว่า...เธอต้องเอาโทรศัพท์มือถือของเขากลับบ้านด้วยสินะ


ม่านมุกกลับมาถึงคอนโดย่านทองหล่อตอนสี่ทุ่มครึ่ง โดยมีพัชนีขับรถมาส่ง 

เออีสาวเดินไปซื้อน้ำแข็งหลอดจากร้านแม็กซ์แวลูตรงข้ามคอนโด ก่อนจะประคองเพื่อนขึ้นมาส่งที่ห้องพัก จากนั้นก็เตรียมอุปกรณ์ประคบข้อเท้าอย่างกะละมังสำหรับใส่น้ำแข็งและผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาให้คนเจ็บที่นั่งรออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“ขอบใจมากแก เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง แกกลับไปพักผ่อนเถอะ” ม่านมุกบอกเพื่อน

“แน่ใจนะว่าไม่ให้อยู่ด้วย เผื่อแกอยากเข้าห้องน้ำ หรืออยากหยิบอะไรไง”

“ฉันพอเดินได้ เดี๋ยวค่อยๆ กระดึ๊บๆ ไป ไม่ต้องห่วง”

เมื่อเพื่อนว่าอย่างนั้น พัชนีก็ไม่เซ้าซี้ “โอเค งั้นฉันกลับละนะ ถ้ามีไรก็โทร. หาแล้วกัน”

“จ้า ขับรถดีๆ นะ” ม่านมุกโบกมือลาเออีสาว ก่อนถามอย่างนึกขึ้นได้ “เอ้อ แกเอาคีย์การ์ดมาปะ”

ที่คอนโดนี้ใช้ระบบลิฟต์แบบล็อกชั้น ซึ่งต้องสแกนคีย์การ์ดก่อนกดลิฟต์ทั้งตอนขึ้นและลง เธอให้คีย์การ์ดและกุญแจห้องสำรองไว้กับเพื่อนสนิททั้งสองคน เผื่อว่าเกิดอะไรฉุกเฉินจะได้มาช่วยเหลือกันได้ พัชนีและมทิราก็ให้คีย์การ์ดกับกุญแจห้องสำรองของตัวเองไว้กับเธอเช่นกัน แต่ที่ม่านมุกถามก็เพราะว่าถ้าพัชนีลืมคีย์การ์ด เธอจะได้ไปส่งอีกฝ่ายที่ลิฟต์

“ฉันเอาไว้ในกระเป๋าตลอดอยู่แล้ว” เออีสาวว่าพลางยิ้มกว้าง

“โอเค งั้นฉันไม่ไปส่งแกนะ”

“จ้า คืนนี้ก็ประคบน้ำแข็งวนไป จะได้หายเร็วๆ”

เมื่อพัชนีกลับไปแล้ว ม่านมุกก็แกะผ้ายืดสีน้ำตาลที่พันข้อเท้าอยู่ออก และใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งมาประคบจุดที่บาดเจ็บเพื่อลดอาการปวดและบวม

ว่าแต่...ไหนอีตาเดย์บอกว่าจะโทร. มาตอนถึงบ้าน เขาน่าจะถึงบ้านก่อนเธอนานแล้วปะ ไม่เห็นโทร. มาเลย

กริ๊ง กริ๊ง

ดวงตากลมโตตวัดไปมองสมาร์ตโฟนสองเครื่องที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะกลาง เครื่องที่กำลังส่งเสียงร้องคือเครื่องของ ‘อีตาเดย์’ นั่นเอง เบอร์ที่โทร. เข้ามาไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในเครื่อง แต่ก็น่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์นั่นแหละที่โทร. เข้ามา

“สวัสดีค่ะ” 

“หวัดดีครับ นี่เดย์นะ” เสียงทุ้มห้าวดังมาตามสาย

“ค่ะ” ตายยากจริงๆ นะ

“ถึงบ้านยังครับ” แทนที่จะรีบเข้าเรื่อง แต่เขากลับถามไปเรื่องอื่น

“ถึงแล้วค่ะ”

“ได้ประคบน้ำแข็งต่ออย่างที่ผมบอกหรือเปล่า”

“ค่ะ นั่งประคบอยู่เนี่ย”

“แล้วยังปวดข้อเท้าอยู่ไหม”

“ค่ะ”

“ปวดมากไหม” 

‘แหม ซักอาการยังกับเป็นหมอเลยนะ’ ม่านมุกแอบจิกกัดอีกฝ่ายในใจ 

“ก็มากอยู่”

“งั้นกินยาแก้ปวดเลยครับ ที่บ้านมีหรือเปล่า” คนปลายสายแนะนำ

“มีค่ะ เดี๋ยวกิน” จากนั้นม่านมุกก็รีบดึงเข้าประเด็นทันที “เรื่องมือถือจะเอาไงคะ”

“อืม...” ชายหนุ่มทำเสียงครุ่นคิด ก่อนจะถาม “บ้านคุณอยู่ไหนอ้ะ”

คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ถามทำไมคะ”

“ก็...เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเอามือถือที่บ้านคุณไงครับ ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม” พรุ่งนี้ที่เขาว่าก็คือวันเสาร์นั่นเอง

“ไม่ได้ไปไหนค่ะ แต่คุณไม่รีบเหรอ เผื่อมีคนโทร. เข้ามาอะ เดี๋ยวฉันเรียกเมสเซนเจอร์ให้เอาไปส่งที่บ้านตอนนี้เลยก็ได้นะ” ม่านมุกไม่อยากเก็บของสำคัญของคนอื่นไว้กับตัวนาน

“ไม่เอา ผมไม่ไว้ใจเมสเซนเจอร์ เกิดเขาโอนเงินออกจากบัญชีผมหมดจะทำไง เอาไว้กับคุณปลอดภัยสุดแล้ว”

“แล้วไว้ใจฉันเหรอ รู้สึกว่าเราก็เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะ ตอนนี้ฉันอาจจะแอบโอนเงินคุณเข้าบัญชีตัวเองหมดแล้วก็ได้”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะคุณกำลังจะจีบพี่ชายผม ถ้าคุณแอบโอนเงินผม ผมจะบอกเฮียปรินซ์ว่าคุณเป็นพวกมิจฉาชีพ” อีกฝ่ายขู่ด้วยน้ำเสียงเอาจริง

“งั้นคุณไปบอกหมอปรินซ์ได้เลยค่ะว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ดีมากกก เพราะฉันไม่ได้ยุ่งกับโทรศัพท์คุณเลย อ้อ แล้วรู้ไหมว่าโทรศัพท์มือถือมันตั้งรหัสผ่านได้”

“รู้”

“แล้วทำไมไม่ตั้งคะ”

“ขี้เกียจอะ”

ม่านมุกทำหน้าระอา “นี่ แค่ตั้งรหัสมันไม่ได้ใช้เวลาเกินห้านาทีปะ นี่คุณโชคดีนะที่ลืมไว้กับฉัน ถ้าทำหายที่อื่นป่านนี้เงินหายหมดบัญชีละ”

“นั่นสิ โชคดีจริงๆ เลย แต่พวกแอปธนาคารผมก็ตั้งรหัสนะ”

เพราะมันบังคับให้ตั้งน่ะสิ ไม่งั้นเขาก็คงไม่ตั้งหรอก “แต่ถ้าคุณตั้งรหัสผ่านเครื่องด้วย มันก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นอีก เอากลับไปแล้วก็ตั้งรหัสผ่านด้วยนะคะ เพราะคราวหลังอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้” หญิงสาวบอกอีกฝ่ายอย่างหวังดี

“รับทราบครับ แต่คุณไม่ได้เข้าไปดูอะไรในมือถือผมจริงๆ อ้ะ” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ

“จริงสิ”

“ค่อยสบายใจหน่อย ผมกลัวคุณจะเห็นรูปลับกับคลิปลับของผม”

หา? อะไรนะ 

รูปลับ? 

คลิปลับ? 

นี่อย่าบอกนะว่าอีตาเดย์ถ่ายรูปโป๊แล้วก็คลิปโป๊ตัวเองเอาไว้ อี๋ คนบ้า หื่นกาม ลามกที่สุด!

‘ว่าแต่...ก็อยากดูอยู่นะ’ บิวตีบล็อกเกอร์สาวยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตากลมโตทอประกายวิบวับ

‘บ้า ไม่อยากดูสักหน่อย’ คิดอะไรออกไปเนี่ย ไอ้สมองบ้า ม่านมุกต่อว่าสมองที่น่าจะรวนเพราะขาพลิก

“ฉันไม่อยากดูหรอกค่ะ เพราะมันคงไม่มีอะไรน่าดู” ถ้าเป็นของหมอปรินซ์ก็ว่าไปอย่าง

“ไม่อยากดูก็ดีแล้ว ว่าแต่ว่าที่พี่สะใภ้ชื่ออะไรอ้ะครับ ผมจะได้เรียกถูก” 

“...?” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องเร็วจนเธอตามไม่ทัน 

ว่าที่พี่สะใภ้เหรอ หมายถึง...อ๋อ หมายถึงเธอสินะ สมองของม่านมุกใช้เวลาประมวลผลอยู่ห้าวินาที ก่อนที่จะเข้าใจ 

“เรียกมุกก็ได้ค่ะ”

“มาจากอะไร ไข่มุกเหรอ” 

“ม่านมุก” 

“อ๋อ ชื่อเพราะดี ผมดุลยวัตนะ”

บอกทำไม ไม่ได้ถามสักหน่อย “นี่ กลับมาเรื่องโทรศัพท์ต่อก่อนไหมคะ” อีตานี่พาเธอออกทะเลอยู่เรื่อย คืนนี้จะสรุปได้ไหมเนี่ย

“เอ้อ จริงด้วย ตกลงบ้านคุณอยู่ที่ไหน”

“อยู่คอนโดค่ะ ไม่ได้อยู่บ้าน”

“แล้วคอนโดอยู่ที่ไหนครับ”

อืม...ก็แค่บอกว่าคอนโดอยู่ไหน ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหนอยู่ดี หรือถึงรู้ก็ขึ้นมาไม่ได้ปะ ในเมื่อลิฟต์มันเป็นระบบล็อกชั้น คนที่มีคีย์การ์ดเท่านั้นที่จะขึ้นและลงได้ และขึ้นลงได้เฉพาะชั้นที่ตัวเองอยู่และชั้นส่วนกลางเท่านั้นด้วย

เมื่อคิดได้ดังนั้น ม่านมุกจึงตอบปลายสาย

“ทองหล่อค่ะ” สาวร่างเล็กบอกชื่อคอนโดและซอยที่คอนโดตั้งอยู่ 

“อ้าว บ้านผมก็อยู่ทองหล่อเหมือนกัน แต่ตอนนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอาดีกว่า” 

หญิงสาวที่กำลังจะบอกว่า ‘งั้นมาเอาตอนนี้เลย’ ชะงัก เพราะอีกฝ่ายเอ่ยดักทางไว้แล้ว จึงเปลี่ยนคำถาม

“แล้วถ้ามีคนโทร. เข้ามาล่ะ”

“หลังวางสายคุณปิดเครื่องเลย เดี๋ยวมันจะโอนสายมาเครื่องสำรองของผม เอ๊ะ แต่ผมก็จะติดต่อคุณไม่ได้ดิ เพราะไม่มีเบอร์คุณแล้ว งั้นขอเบอร์คุณอีกรอบได้ไหมครับ”

“เอ่อ...”

“คุณเป็นว่าที่พี่สะใภ้ผม ยังไงก็ต้องติดต่อกันอีกอยู่แล้ว เอามาเหอะน่า”

ก็จริงของเขา ม่านมุกพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะบอกเบอร์โทร. ตัวเองไป “ศูนย์แปด...”

“โอเคครับ คุณสะดวกให้ผมไปหากี่โมง”

“สักสิบเอ็ดโมงแล้วกันค่ะ”

“ครับผม”

“มีอะไรอีกไหมคะ”

“ถ้าพรุ่งนี้อาการไม่ดีขึ้นบอกผมนะ” 

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันไม่ดีขึ้นเดี๋ยวฉันไปหาหมอ”

“นี่ก็หมอ”

“หา?”

“ผมเป็นหมอ”

ม่านมุกเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เขาก็เป็นหมอเหมือนพี่ชายเหรอเนี่ย

“ผมเรียนจบเฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อมาโดยตรงด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ผมถนัด” ดุลยวัตบอกต่อ

ขี้โม้ชะมัด หญิงสาวอดหมั่นไส้คนปลายสายไม่ได้ “ค่ะ เดี๋ยวจะบอกแล้วกันว่าดีขึ้นไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะคะ” 

“ครับผม แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้า”


ดุลยวัตมองหน้าจอสมาร์ตโฟนที่ดับไปแล้วพร้อมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ 

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตอนนี้เขาได้รู้ทั้งชื่อ เบอร์โทร. แล้วก็ที่อยู่ของเธอแล้ว ต่อไปก็คือ...

    “หึๆ” แพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงต่ำ 

เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้บนเตียงนอน จากนั้นก็ยกมือหนาขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวถอดออก ตามด้วยกางเกงสแล็ก และบ็อกเซอร์สีดำเป็นชิ้นสุดท้าย เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งที่แน่นหนั่นไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนสุขภาพดี

ดุลยวัตเดินผิวปากเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีพลางคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น