0

ปฐมบท+บทนำ

 

ปฐมบท

 

สองปีก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...

            วิยะดาบอกตัวเอง ขณะรับเอกสารมาจากพนักงานตรวจเอกสารเดินทางเพื่อผ่านเข้าไปยังเกตสำหรับรอขึ้นเครื่อง

หลังจากเช็กอินและโหลดสำภาระที่จำเป็นด้านหน้าแล้ว สาวน้อยจึงเหลือเพียงกระเป๋าสะพายสายยาว เสื้อโค้ตตัวหนา และกระเป๋าล้อลากใบเล็ก สำหรับนำติดตัวขึ้นเครื่องในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

            การจากลาครอบครัวในครั้งนี้ ทำให้วิยะดารู้สึกเศร้าไม่น้อย แต่ก็พยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้แล้ว แม้ว่าแม่และวาริศาจะบ่นน้อยใจ เรื่องที่เธอใจร้อนเดินทางไปรอเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ญี่ปุ่นในทันทีที่เรียนจบ พูดหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ฟัง จนสุดท้ายต้องพ่ายต่อเหตุผลของสาวน้อย และยอมให้เดินทางไกลในวันนี้

สำหรับวิยะดาแล้ว...แม้จะรู้สึกผิดต่อมารดาและพี่สาวที่ต้องทำให้ห่วงใย แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยเธอจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง คิดทบทวน และเติบโต...เพื่อจะข้ามผ่านบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่อาจจัดการให้เข้าที่เข้าทางได้ในตอนนี้

อย่างน้อยที่สุด...เธอก็ไม่อยากรู้สึกผิดต่อวาริศา พี่สาวที่เธอรักและเทิดทูนเสมือนมารดาคนที่สอง

            “ยิ้ม”

            เสียงเรียกนั้นทำให้วิยะดาที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็กรายละเอียดบนตั๋วโดยสารเพื่อให้แน่ใจก่อนเลี้ยวเข้าทางแยกชะลอฝีเท้า

เธอเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็กส์สีดำที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง

เขามาอยู่ที่นี่...ได้ยังไง...

            “พี่เจษฎ์” เสียงที่ถูกเปล่งออกมาแผ่วเบาจนคล้ายกระซิบ

            วินาทีนั้น...ราวกับเข็มนาฬิกา และผู้คนที่อยู่รายล้อมหยุดนิ่ง

เธอมองใบหน้าของคนที่คิดถึงทุกลมหายใจอันแสนเจ็บปวด ราวกับคิดว่าสิ่งที่เห็น...เป็นเพียงภาพฝัน

            มารู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่น และกลิ่นกายเฉพาะตัวแสนคุ้นเคย

            วิยะดากะพริบตาไล่ความรู้สึกแสบร้อน แม้มันจะไม่ได้ผลนักก็ตาม

            “พี่เจษฎ์จะเดินทางไปต่างประเทศหรือคะ” นั่นคือเหตุผลเดียวที่เธอนึกออก กับการเจอเขาครั้งนี้

            “พี่มาส่งยิ้ม”

            สาวน้อยนิ่งไป พร้อมคำถามมากมายหลากล้นในใจ จนแยกไม่ออก...ว่าระหว่างความสับสนงุนงงกับความเจ็บปวด อันไหนที่มีมากกว่ากัน

เขามาส่งเธอทำไมเขาไม่ควรมาส่งเธอเลย...มิใช่หรือ

และการใช้อำนาจโดยมิชอบนั้น...ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเจษฎ์บดินทร์เลย แต่เขากลับกำลังบอกว่าการมาที่นี่ในตอนนี้ ก็เพื่อมาส่งเธอ...

“ขอบคุณค่ะ...”

วิยะดาพยายามมองสบตากับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี

แม้จะเจ็บปวด...แต่ลึกๆ แล้ว การได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่เธอปรารถนานั่นคงเพราะเธออยากจะบันทึกเขาเอาไว้ในความทรงจำ ด้วยไม่รู้เลยว่าอีกนานเท่าไร ถึงจะได้กลับมาพบกันอีก และครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะมองสบตากับเขาด้วยความรู้สึกที่มีเต็มหัวใจ...

เพราะครั้งต่อไป วิยะดาสัญญากับตัวเองว่า เธอจะต้องมองเขาด้วยสายตาของน้องสาวที่มีให้กับพี่ชาย อย่างที่เขาต้องการให้จงได้

“งั้นยิ้ม...ขอตัวก่อนนะคะ อีกสามสิบนาทีเครื่องจะขึ้นแล้ว”

เจษฎ์บดินทร์ไม่ได้พูดอะไร และยังคงมองเธอนิ่งๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า

วิยะดาจึงตัดสินใจยกมือไหว้ลาเขาอีกครั้ง ก่อนจะดึงกระเป๋าล้อลากใบเล็กของตนเอง และเดินผ่านร่างสูงใหญ่เข้าไปทางเกต ตามหมายเลขที่ระบุในตั๋วโดยสาร ทว่า...มือบอบบางที่จับคันกระเป๋าอยู่นั้น กลับถูกตรึงเอาไว้ด้วยมืออุ่นจัดของคนที่เธอกำลังจะเดินผ่าน

ฉับพลันนั้นสาวน้อยรู้สึกชาวูบ เพราะกระแสไฟที่แล่นพล่านขึ้นมาจับขั้วหัวใจ กับสัมผัสที่ไม่คาดฝัน หากช่างคุ้นเคยเหลือเกิน...

ความรู้สึกนั้น ส่งผลให้กระบอกตาที่ร้อนผ่าวของเธอเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำ

สาวน้อยหยุดเดิน เบือนหน้ามามองเขาที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างเดิม...ไม่หันมามองเธอ

“เดินทางปลอดภัยนะ”

เท่านี้หรือที่เขาต้องการพูด นั่นสินะ...แล้วเธอจะให้เขาพูดอะไรออกมาอีกเล่า

“ค่ะ ยิ้มไปก่อนนะคะ”

นั่นเองที่มือของเขาค่อยๆ ผละออก พร้อมกับที่วิยะดาเดินตรงไปยังทิศทางที่ตั้งใจ ขณะที่น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มเนียนใส...อย่างไม่อาจกลั้น

ลาก่อนนะคะพี่เจษฎ์ ลาก่อน...ความรักที่มีค่าและงดงามที่สุดของยิ้ม

           

“พี่เจษฎ์จริงๆ ด้วย” วาริศาร้องออกมาอย่างยินดี ขณะเข้ามายืนพิงรถสปอร์ตสีดำข้างๆ ร่างสูงใหญ่ของเจษฎ์บดินทร์ ผู้กำลังทอดสายตามองเครื่องบินที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

            หล่อนมาส่งวิยะดาพร้อมกับครอบครัว แต่ตอนขากลับเจอเพื่อนที่กำลังรอขึ้นเครื่องไปต่างประเทศโดยบังเอิญ จึงขอแยกตัวไปพูดคุย และเพิ่งออกมา ไม่คิดว่าจะมาพบรถของเจษฎ์บดินทร์จอดอยู่ริมทางบริเวณใกล้ๆ ลานบินระหว่างประเทศ

            จริงๆ แล้วหล่อนแน่ใจ ว่าอย่างไรเสียเจษฎ์บดินทร์ก็ต้องมาส่งวิยะดาแน่...เพียงแต่เดาไม่ออกว่าเขาจะใช้วิธีการใด ให้ที่บ้านของหล่อนไม่รู้

ดังนั้นพอมาเจอเขาแบบนี้...เลยอดจอดรถทักทาย และถือโอกาสแกล้งแซ็วไม่ได้

            “ทำไมไม่เข้าไปส่งยิ้มด้วยกันล่ะคะ”

            “...”

            วาริศาหัวเราะเบาๆ กับความเงียบที่อีกฝ่ายส่งมา ขณะที่เขายังคงมองเครื่องบินลำหนึ่งทะยานสูงขึ้นทุกขณะ...ไม่ยอมละสายตา

เห็นอย่างนั้นคนที่คิดจะแซะก็อดถอนหายใจไม่ได้

“แยมไม่เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมพี่เจษฎ์ต้องทำแบบนี้...”

“ทำอะไร”

หล่อนหันมามองคู่สนทนาตรงๆ

“ก็...ที่อ้างกับยายยิ้มว่าแยมเป็นคนบอกให้ไปรับที่ระยอง แล้วไหนจะยัง...ยอมปล่อยให้ยิ้มหมั้นกับนายวีร์อีก”

“ชัชวีร์ไม่ดีตรงไหน”

วาริศาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง กับคำถามตอบกลับของผู้ที่เปรียบเสมือนเพื่อน และพี่ชายที่หล่อนเคารพ

หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้มากนัก ทั้งๆ ที่พยายามบอกวิยะดาแล้วว่าตนกับเจษฎ์บดินทร์ไม่ได้คบกันอย่างที่เข้าใจ แต่น้องสาวกลับคิดว่าที่หล่อนพูดไปแบบนั้น เพราะยังไม่ได้ประกาศคบกับเขาอย่างเป็นทางการเลยปฏิเสธไปก่อน พอจะอธิบายก็ติดอยู่ที่หล่อนเอง...ก็มีความลับบางอย่าง ที่ยังไม่สามารถบอกน้องได้ในตอนนี้ ว่าทำไมถึงได้มีข่าวกับเจษฎ์บดินทร์ จนพาให้ทุกคนเข้าใจผิด...

“ไม่ใช่ว่านายวีร์ไม่ดีหรอกค่ะ นายวีร์เหมาะสมกับยิ้มทุกอย่าง อาจจะมากกว่าพี่เจษฎ์ด้วยซ้ำ...”

“...”

“แต่เพราะแยมรู้ว่าทำไมคุณปู่ถึงอยากให้ยิ้มแต่งงานกับพี่เจษฎ์ โดยข้ามหัวพี่สาวที่อายุเหมาะสมมากกว่าอย่างแยมไป...”

“...”

“นั่นเพราะ...คุณปู่คงเห็นความจริงบางอย่าง...ถูกต้องไหมคะ”

วาริศารู้ดีว่าจะคาดหวังให้เจษฎ์บดินทร์แสดงสีหน้าใดๆ ต่อคำพูดของตนไม่ได้ แต่ก็มั่นใจเหลือเกิน...ว่าสิ่งที่ได้เอ่ยออกไปนั้นกำลังแทงใจดำคนฟังอย่างจัง...จึงพูดต่อไป ท่ามกลางบทสนทนาที่ไร้การตอบกลับ

“ความจริงแล้วคุณปู่น่ะ ถึงจะเผด็จการไปหน่อย แต่ท่านก็รักยายยิ้มมาก และไม่ใช่คนที่จะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งมันไม่มีทางเลยที่ท่านจะฝืนใจยายยิ้มให้แต่งงานกับพี่เจษฎ์แค่เพราะชอบพี่เจษฎ์ และอยากให้มาช่วยดูแลสุรสินทร์แต่คงเพราะท่านมั่นใจว่ายายยิ้มจะมีความสุข ถ้าได้แต่งงานกับคนที่รักตัวเอง...พี่เจษฎ์ว่าแยมเข้าใจถูกไหมคะ”

แต่น่าเสียดายที่ความทิฐิของปู่ ทำให้ท่านเลือกกู้หน้าด้วยการบังคับให้น้องสาวของหล่อนแต่งงานกับผู้ชายอีกคนหนึ่งแทน

เจษฎ์บดินทร์ไม่ได้ตอบอะไร เมื่อเครื่องบินลำนั้นลับสายตาไป เขาก็ขยับเปลี่ยนอิริยาบถ เหมือนกับเรื่องที่วาริศาพูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“เย็นมากแล้ว พี่คงต้องกลับก่อน”

วาริศาเหยียดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนใจกึ่งๆ เห็นใจ แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เลือกทำก็ตาม

“โอเคค่ะ งั้นแยมเอง...ก็คงต้องกลับด้วยเหมือนกัน ไว้พบกันใหม่นะคะพี่เจษฎ์” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า

หากขณะที่หล่อนกำลังจะเดินกลับไปที่รถนั้น

“เดี๋ยวก่อนแยม...”

“คะ?”

“พี่อยากจะเตือนแยม เรื่องพี่เชษฐ์...”


 

บทนำ

สองปีต่อมา

            นับตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ข่าวสารตามหน้าหนังสือพิมพ์ไม่เคยว่างเว้นจากเรื่องราวที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคมหลายๆ เรื่องสั่นสะเทือนวงการ และถูกปั่นกระแสจนเหมือนพายุโหม เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีแห่งความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง...

ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงข่าวที่สร้างความสนใจ และมีผลต่อการก้าวเดินของเศรษฐกิจ การเงิน และต่างประเทศมากที่สุดในขณะนี้ ก็เห็นจะเป็นข่าวร้าย และข่าวร้อนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทางฝั่งวงการธุรกิจด้านอสังหาริมาทรัพย์ หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้สูญเสีย ท่านวิเชียร สุรสินทร์ ๑ ใน ๔ เจ้าพ่อแห่งวงการรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ พร้อมกับการประกาศตัวขึ้นศักราชใหม่ ของผู้บริหารซึ่งเป็นทายาทอย่าง วันชนะ สุรสินทร์

ทว่า...ไม่ทันที่สุรสินทร์ ดีเวลอปเมนต์จะได้ประกาศความสำเร็จในไตรมาศแรก ภายใต้การบริหารงานของผู้นำรุ่นที่ ๒ ก็กลับมีข่าวร้ายสั่นสะเทือนวงการ และเป็นที่วิภาควิจารณ์กับอย่างมาก นับตั้งแต่ต้นปี...

 

            เดือน...มีนาคม

            ‘เทคโอเวอร์สุรสินทร์ดีเวลอปเมนต์’

            ปิดฉาก ‘หนึ่งในสี่จตุรเทพแห่งวงการรับเหมา’

            กับวันที่ไร้เงา ‘วิเชียร สุรสินทร์’

            พี.เค. กรุ๊ป[1] เตรียมแต่งตั้งผู้บริการชุดใหม่ พร้อมปรับโฉม

 

            สลด! วันชนะ สุรสินทร์ ยิงตัวดับ

            คาดเครียดหนัก หลังถูกยึดกิจการ

            เดือน...เมษายน

            ซ้ำรอย! โยธา สุรสินทร์ กระโดดตึกดับ

            หลังถูกจับคดีฟอกเงิน และทุจริตรับเหมา ๑๖ โครงการ

 

            เดือน...สิงหาคม

 

            หลังจากภาพและเสียงเพลงอินโทรรายการ ‘เจาะโลกธุรกิจ’ จบลง ก็ตัดเข้าสู่รายการคุยข่าวเศรษฐกิจที่ออกแบบอย่างทันสมัยงดงาม โดยมีผู้ประกาศข่าวชายหญิงในชุดภูมิฐานนั่งประจำอยู่หลังโต๊ะ ทั้งสองยกมือประนมไหว้อย่างพร้อมเพรียงด้วยสีหน้าประดับรอยยิ้มไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

“สวัสดีค่ะ”

            “สวัสดีครับ”

            “ต้อนรับท่านผู้ชมทุกท่านเข้าสู่ ‘เจาะโลกธุรกิจ’ วันอังคาร ที่ ๒๒ สิงหาคม เช้านี้อยู่กับดิฉัน พรประภา ตั้งจิตศัตรูไกล”

            “และผมกิตติคุณ รุ่งกิจการ ครับ”

            หลังจากแนะนำตัวกันแล้ว ผู้ประกาศข่าวชายหันไปมองผู้ประกาศข่าวฝ่ายหญิงที่มีอายุน้อยกว่าเป็นเชิงหารือ ตามรูปแบบรายการเล่าข่าว ที่มุ่งเน้นการรายงานข่าว และแสดงความคิดเห็น

            “เช้าวันนี้เริ่มจากเศรษฐกิจไทยกันก่อนดีกว่านะครับ คุณพรประภา”

            “ค่ะ ว่าด้วยเรื่องของการประกาศลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ของเจ้าสัวบวร พุฒิวิริยะกุล ประธานกรรมการบริหาร พี.เค. กรุ๊ปหลังจากที่เข้าซื้อหุ้นและเทคโอเวอร์สุรสินทร์ ดีเวลอปเมนต์ บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ดำเนินกิจการมากว่า ๕๐ ปี ได้เป็นผลสำเร็จ”

            “หากที่น่าสนใจก็คือ ผู้ที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนหลังลงจากตำแหน่ง คือ คุณเจษฎ์บดินทร์ พุฒิวิริยะกุล หลานชายคนที่ ๒ ซึ่งถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นทายาทรุ่นที่ ๓ ต่อจากคุณบพิตร พุฒิวิริยะกุลผู้เป็นพ่อที่ยังคงดำรงตำแหน่งรองกรรมการบริหารอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม การพลิกโผผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (CEO) คนใหม่ของพุฒิวิริยะกุลในครั้งนี้ ได้ทำให้ราคาหุ้นของ พี.เค. กรุ๊ป ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ในรอบ ๒๐ ปี...”

“ก็คงต้องบอกว่าถือเป็นข่าวน่ายินดี ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักกันอีกครั้งนะครับ”

“ใช่ค่ะ”

“แต่ตอนนี้...เราคงต้องพักชมสิ่งที่น่าสนใจกับสักครู่ แล้วกลับมาพบกับ...”


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น