0

จุดเริ่มต้นและจุดจบ


บทนำ

จุดเริ่มต้นและจุดจบ

 

เสียงเครื่องบินแหวกอากาศดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มร่างสูงสะพายตะกร้าไม้ไผ่สานบรรจุเมล็ดกาแฟสดสีแดงจัดอยู่เกือบครึ่ง แหงนมองฟ้าตามต้นเสียง นัยน์ตาสีแปลกจับจ้องนกเหล็กสีฟ้าลายพรางรูปทรงเรียวแหลมสองลำพุ่งผ่านอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มุ่งหน้าไปทางพรมแดน

ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา คนในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่าบนดอยนี้มีโอกาสได้เห็นเครื่องบินขับไล่บินผ่านอยู่หลายต่อหลายครั้ง นั่นเพราะเกิดเรื่องราวความไม่สงบบริเวณตะเข็บชายแดนซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร ตามที่มีรายงานข่าวผ่านโทรทัศน์เกือบทุกช่อง

เขามองตามจุดเล็กบนฟ้าจนลับสายตาไปแล้วจึงเหลียวกลับมามองหาพ่อกับแม่ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บผลกาแฟสุกซึ่งเรียกกันว่า ‘ผลเชอร์รี’ อยู่ตรงเชิงเขาด้านล่างห่างไปไม่ไกลนัก

พื้นที่บริเวณนี้คือไร่กาแฟของครอบครัว ไม้พุ่มขนาดสูงท่วมหัวคน ใบสีเขียวจัดขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ตามกิ่งก้านออกลูกสีแดงสดเกาะกลุ่มกันแน่น ขึ้นแทรกตัวซ่อนอยู่ท่ามกลางป่าสน อาศัยร่มเงารำไรของต้นไม้ใหญ่ให้ได้เติบโต บรรยากาศเขียวร่มชุ่มชื้นไปทั้งเขา หมอกเจือจางผสมไอเย็นสดชื่นอบอวลอยู่รอบกาย ช่วงหน้าหนาวปลายปีแบบนี้เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต แทบทุกวันที่เขากับคนในครอบครัวต้องทำงานหนักอยู่ในไร่ อาเชเดินเลือกเก็บผลกาแฟจากต้นจนกระทั่งแน่ใจว่าเมล็ดสีแดงจัดในบริเวณพื้นที่ที่รับผิดชอบถูกเก็บจนเกลี้ยง เหลือไว้แค่เมล็ดสีแดงปนเขียวที่ยังไม่สุกดีรอไว้เก็บในวันต่อไป กาโหยะ๑ที่สะพายอยู่ข้างตัวเต็มปรี่จนเกือบล้นแล้ว เขาถอดหมวกสานออก ยกแขนขึ้นเช็ดหน้าผากกับแขนเสื้อ ใช้แรงจนเหงื่อเริ่มซึมทั้งที่อากาศเย็นสบาย นาฬิกาข้อมือบอกเวลาใกล้เที่ยง

ชายหนุ่มไต่ขึ้นเนินไปตามทางดินแดงแคบและชัน ตรงสันเขามี ‘ล่อ’ สัตว์หน้าตาคล้ายม้าแคระขนสีน้ำตาลยืนเล็มหญ้าอยู่สองตัว บนหลังล่ำสันของมันมีคานไม้คู่พาด ปลายทั้งสองข้างแขวนตะกร้าไม้ไผ่สานใบเขื่อง อาเชเทผลกาแฟทั้งหมดที่เก็บมาได้ลงไป ลูบแผงคอสัตว์เลี้ยงของเขาอย่างรักใคร่ ก่อนจะยืดตัวยืดแขน ขับไล่ความเมื่อยขบและความอ่อนล้า แล้วเดินกลับมาตะโกนเรียกพ่อแม่

“อ่าดา๒ อ่ามา๓ จะเที่ยงแล้ว พักกินข้าวกันก่อนไหม”

“เสร็จพอดี เดี๋ยวขึ้นไป” ชายสูงวัยตะโกนตอบกลับมา ก่อนหันไปถามหญิงข้างกาย “มีแอ เจ้าเหนื่อยไหม ใกล้เสร็จรึยัง พักก่อนเถอะนะ”

ใบหน้ากร้านแดดของเธอมีเค้าความงาม แต่ปรากฏริ้วรอยแห่งวัย ลักษณะเด่นชัดบางอย่างถูกถ่ายทอดส่งตรงไปยังลูกชาย...นัยน์ตาสีเทาอ่อนโยนคู่นั้น

“เหลืออีกนิดเดียว เดินขึ้นไปก่อนเถอะ เสร็จแล้วจะตามไป ไม่นานหรอก”

ชายผู้เป็นพ่อยังคงคุ้นเคยกับการสวมชุดชนเผ่าแบบดั้งเดิม กางเกงผ้าฝ้ายทอมือขากระบอกสีดำ เสื้อแขนยาวผ่าหน้าสีเดียวกันปักลวดลายบริเวณชายเสื้อ เดินไต่เขาผ่านดงกาแฟกลับขึ้นมา เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงกึกก้องกัมปนาทดังไปทั่วท้องฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้แผดลั่นกระทบโสตประสาทจนคนข้างล่างต้องยกมือขึ้นปิดหู สายตาทุกคู่จดจ้องไปยังเบื้องบน

อากาศยานจู่โจมขับไล่ความเร็วเหนือเสียงสีดำสนิทบินเดี่ยวพุ่งผ่านน่านฟ้าด้วยเพดานบินต่ำ ไล่ตามติดมาด้วยเครื่องบินสีเทาลายพรางสองลำ ปรากฏสัญลักษณ์ธงชาติไทยตรงปลายหาง น่าจะเป็นเครื่องที่เพิ่งบินผ่านไปเมื่อสักสิบนาทีก่อน เห็นชัดว่ากำลังขับไล่ผู้รุกล้ำน่านฟ้า ข่มขู่กันอยู่ในที เครื่องลำสีดำพยายามหนีและบินเชิดหัวขึ้นสูงโฉบหลบผู้ไล่ล่า ขณะที่ผู้ติดตามไม่มีท่าทีลดละ บินไต่เพดานความสูงรุกไล่อย่างเกรี้ยวกราด ก่อนลำลายพรางจะบินแยกซ้ายขวา ดักคู่ต่อสู้ไม่ให้หนีพ้น นกเหล็กสามลำขับเคี่ยวพันตูกระชั้นชิดอยู่กลางอากาศ จนในที่สุดดูเหมือนเจ้าดำลำเดี่ยวแปลกปลอมจะไม่มีทางหลบลี้หนีไปได้รอด แสดงทีท่ายอมแพ้แต่โดยดี บินมุ่งตรงไปทางเขตชายแดนหายลับไปในพริบตา

เครื่องบินลายพรางบินวนเคียงคู่กัน รอสังเกตการณ์เพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยอยู่อีกครู่ใหญ่ ก่อนตัดสินใจเบนหัวมุ่ง

หน้ากลับเข้าเขตแดนไทย แต่แล้วหนึ่งในสองลำกลับลดระดับลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ

เพียงชั่ววินาที เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟสีแดงปรากฏขึ้นบริเวณเครื่องยนต์ด้านซ้าย เครื่องบินลอยลำอยู่เหนือยอดเขาตรงเขตหมู่บ้านเมื่อเครื่องสูญเสียการทรงตัว หัวปักดำดิ่งควงสว่านลงมาอย่างหยุดไม่อยู่ พุ่งตรงลงมายังกลุ่มบ้านคน

‘แย่แล้ว หมู่บ้าน! ไม่พ้นแน่!’ อาเชร่ำร้องในใจ

นักบินพยายามแก้เครื่องอย่างสุดความสามารถ ในเวลาไม่กี่วินาที เพียงแค่กะพริบตา คนบนพื้นล่างลุ้นจนแทบลืมหายใจ เครื่องบินหลุดพ้นจากอาการหมุนคว้าง เชิดหน้าขึ้น เบี่ยงออกไปทางป่าทึบพ้นเขตชุมชน แต่ด้วยความเร็วที่ตกลงอย่างฉับพลันเพราะเสียกำลังเครื่องยนต์ประกอบกับเพดานบินลดต่ำมาก ทำให้ไม่สามารถบังคับเครื่องไปต่อ นักบินตัดสินใจนาทีสุดท้ายดีดตัวออกมา

อาเชมองตามร่างที่ลอยละลิ่วอยู่บนท้องฟ้า ร่มชูชีพสีขาวด้านหลังกางออกแต่ยังไม่กินลมเต็มที่นัก เมื่อร่างนั้นตกลงบริเวณป่าทึบไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ เสียงเครื่องบินตกกระทบพื้นดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินแทบเท้าสะเทือนลั่น ควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากเนินเขาไกลออกไป ห่างจากจุดที่คาดว่านักบินตกลงมาพอควร

ชายหนุ่มกับพ่อหันมาสบตากัน สีหน้าตื่นตระหนก

“ไป ไปดูเขาหน่อย เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” พ่อพูดกับลูกชาย แล้วตะโกนบอกแม่ซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ตรงเชิงเขาด้วยอาการช็อก ตาเบิกค้าง ใบหน้าขาวซีด

“มีแอ รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ แล้วข้าจะรีบกลับมา”

พ่อเดินนำไปอย่างรวดเร็ว อาเชหัวใจเต้นแรง ตกใจที่สุดในชีวิตก็คงเหตุการณ์นี้ ภาพนักบินลอยกลางอากาศยังติดอยู่ในความนึกคิด

‘หวังว่าคงปลอดภัย’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น