6
ปฏิบัติการ...ก่อการรัก
ปฏิบัติการ...ก่อการรัก
เสียงเพลงสนุกสนานในไนต์คลับค่อยๆ เบาลงเมื่อณจันทร์จูงมือสามีเฉพาะกิจออกมายังแผนกต้อนรับ ผนังทั้งสองฝั่งของโซนนี้ตกแต่งด้วยโทนสีร้อนแรง ทว่าหรูหรา มุมหนึ่งจัดเป็นโซฟาสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสงบ หรือออกมารอรับเพื่อน แต่เวลานี้กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน เว้นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานเปิดปิดประตูเท่านั้น
เมื่อชะเง้อชะแง้ไปทางประตูกระจกใสของไนต์คลับแล้วไม่เห็นคู่กรณีหนุ่มตามออกมาหาเรื่องอีก ณจันทร์ก็ถอนหายใจโล่ง
หญิงสาวหันกลับมายิ้มหวานให้คนที่ถูกเรียกว่า ‘ผัว’
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย” หล่อนกระพุ่มมือไหว้ แต่นอกจากชายหนุ่มจะไม่รับไหว้แล้วยังมองหล่อนด้วยแววตาดุ ริมฝีปากหยักลึกขยับยิ้มเล็กน้อย ทว่ากลับให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก
“สนุกมากไหม”
ณจันทร์ชักหนาวไส้ รู้สึกเหมือนยกมือเก้อพิกล
“เรื่อง...อะไรเหรอคะ” หล่อนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไหน เพราะเห็นว่าเขาอุตส่าห์ทำตัวเป็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วย ก็น่าจะแปลว่าเอ็นดูกันอยู่บ้าง
“ก่อเรื่องอะไรไว้บ้างล่ะถึงต้องให้สาธยาย”
หญิงสาวมุ่นคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่ไม่นานนักก็ฉุกคิดขึ้นได้
“อ๋อ...” หล่อนหัวเราะร่วน ดวงตากลมโตมองเขาอย่างทะเล้นทะลึ่ง “เรื่องที่หนูอ้างว่าลุงเป็นผัวอะเหรอ”
ให้ตาย! เรียกผัวน่ะไม่เท่าไร แต่เรียกลุงนี่สิ...
“แหม...ลุง” คนเมายังคงไม่รู้ตัวว่าเขาขุ่นเคืองใจเรื่องใด “ถ้าหนูไม่อ้างออกไปแบบนั้น นายนั่นก็ไม่เลิกราง่ายๆ น่ะสิคะ เกิดต้องแลกหมัดกันขึ้นมาจริงๆ คงเป็นเรื่องราวใหญ่โต ช่วงนี้หนูยิ่งชอร์ตๆ อยู่ด้วย ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลุงหรอกนะ”
“แต่มีเงินมาเที่ยว” รามิลยิ้มเย็นยะเยือก เล่นเอาคนชอร์ตถึงกับอ้าปากเป็นรูปตัวโอ “ดื่มไปเยอะละสิ ตาเยิ้มขนาดนี้”
ณจันทร์เม้มปากเล็กน้อย ที่จริงก็ไม่ได้ดื่มเยอะเสียหน่อย แต่เดท อิน ดิ อาฟเตอร์นูนอะไรนั่นพลังทำลายล้างสูงเกินลิมิตต่างหาก ตาลุงนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้มาว่าหล่อนฉอดๆ
แต่จะว่าไปผู้ชายดุๆ แบบนี้แหละ...น่าแหย่!
“ตาเยิ้มไม่ได้แปลว่าเมาอย่างเดียวนี่คะ บางทีมันก็อาจจะแปลว่า...เจอคนที่ถูกใจ” ณจันทร์แกล้งยักคิ้วในเชิงเย้ายั่ว คนกำลังอารมณ์ขุ่นๆ จึงได้แต่ทอดถอนใจ “แหม...ล้อเล่นน่าลุง หนูรู้หรอกว่าลุงมีเมียแล้ว”
คิ้วหนาๆ ขมวดมุ่น ไม่แน่ใจว่าหล่อนกำลังเอ่ยถึงใคร
“ฮั่นแน่! ทำเก๊ก หนูเห็นหรอกว่าเมียลุงนั่งอยู่ข้างบนโน่นอะ” ณจันทร์มิวายพยักพเยิดไปทางชั้นลอยข้างในไนต์คลับอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นรามิลก็ยังไม่เข้าใจ
“ใคร”
“ก็คนที่ลุงเดินไปนั่งด้วยไง”
ประกายตาคู่คมไหววูบอย่างคิดไม่ตก เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เดินไปนั่งกับผู้หญิงที่ไหนแน่ๆ เพราะคนเดียวที่เขามาพบคือศรุต
บ้าเอ๊ย!
“นี่เธอคิดว่าฉันกับไอ้หมอนั่น...”
“ไม่ต้องอายหรอกน่า” ณจันทร์แทรกเอานิ้วมาเล่นปูไต่บริเวณแผงอกของเขาพร้อมยิ้มระรื่น “สมัยนี้แล้วใครๆ เขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แค่ชอบฟันดาบกับเมียที่บ้านไม่ได้ไปฟันใครตายนี่ลุง”
“จะลองสักทีไหม”
ปลายนิ้วที่กำลังไต่อกเขาถึงคราวต้องชะงัก ณจันทร์กะพริบตาปริบๆ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจ้องมองหล่อนด้วยแววตาเอาจริงแบบนี้
หรือผู้ชายคนนั้นจะเป็นแค่เพื่อนจริงๆ เพราะตาคมๆ ที่เริ่มเจืออารมณ์อยากลิ้มลองกำลังชวนให้รู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง
“ไม่อะค่ะ” หล่อนค่อยๆ เอามือออกอย่างมีมาด ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ประหนึ่งไม่ได้สะทกสะท้านกับการเชิญชวนของเขา “ถึงหนูจะเฟรนด์ลี แต่ไม่ใช่ฟรีวาย-ฟายนะคะถึงจะเชื่อมต่อกับใครก็ได้ อีกอย่างคือลุงคงไม่รู้ละสิว่า กฎของเสือ...คือไม่หลงรักเหยื่อ และไม่แย่งเนื้อใคร”
“เสือ?” รามิลขำ มองนางแมวป่าที่กำลังชูคอมองเขาอย่างมีจุดยืน ท่าทางคงจัดจ้านในย่านนี้จริงๆ ถึงได้คิดว่าตัวเองเป็นนางเสือ “เสือกระต่ายเหรอ เมื่อกี้ถึงได้เกือบถูกลากไปกิน”
ณจันทร์ขมวดคิ้วน้อยๆ ดวงตามีประกายงุนงง เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ ‘เสือกระต่าย’ มาก่อน และตาคมๆ ที่มีประกายขบขันของคนตรงหน้าก็ทำให้หล่อนคิดดีไม่ได้เลยจริงๆ แต่เมื่อไม่อยากถามเขาให้เสียศักดิ์ศรี หญิงสาวจึงก้มลงเปิดกระเป๋าสะพายข้าง หยิบเอามือถือมากดหาข้อมูลในกูเกิล
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าเสือกระต่ายเป็นชื่อสามัญของ...แมวป่า!
คนบ้านี่! กล้าดียังไงมาดูหมิ่นหล่อนซึ่งหน้าแบบนี้
ณจันทร์แทบอยากร้องกรี๊ด แต่ครั้นนึกได้ว่านั่นคือพฤติกรรมของเหล่านางร้าย ริมฝีปากเล็กๆ จึงได้แต่เม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาขุ่นมัว
“ลาละค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า เมื่อครู่นี้เขายังเพิ่งช่วยเป็นผัว เอ้ย! เป็นไม้กันหมา แต่ครั้นหมุนตัวไปทางลานจอดรถจริงๆ ณจันทร์กลับรู้สึกว่าพื้นทางเดินเอียงกะเท่เร่จนทำให้เดินเซตามไปด้วย
“ไหวเหรอ”
เสียงนั้นทำเอาคนเมาชะงัก หันกลับไปหาคนขี้เก๊กที่ยังคงยืนมองหล่อนอยู่จากที่เดิม
“ธุระของลุงปะล่ะ”
เหมือนจะโดนด่าอ้อมๆ ว่าเสือก...รามิลชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะระบายลมหายใจเล็กน้อย
“ก็แค่ไม่อยากเห็นข่าวตอนเช้าวันพรุ่งนี้ว่ามีเด็กหัวชมพูนอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ริมถนน หรือไม่ก็โดนฆาตกรรมหั่นศพเป็นท่อนๆ โดยมีเบาะแสเป็นกางเกงสั้นเสมอหูในพงหญ้ารก”
ปากร้าย! น่าตบสักฉาดแล้วกระชากมาจูบนัก
“เป็นห่วงเมียเหรอคะ” หญิงสาวมิวายแกล้งเย้ายั่ว เพราะอยากรู้ว่าตาลุงขี้เก๊กจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่แล้วก็ได้เห็นว่าเขาถอนหายใจเหมือนกลุ้ม
“เรียกแท็กซี่ให้ไหม หรือต้องให้ไปส่ง”
ชัดช้า! เสนอตัวแถมมาแบบนี้ มีหรือที่หล่อนจะรู้ไม่ทันว่าแอบคิดอะไร คงเห็นว่าหล่อนอ่อยหนักแล้วจะได้แอ้มง่ายๆ ละสิ
ฝันเปียกเอาเถอะ ตาลุงขี้เก๊ก!
ณจันทร์อาจจะเป็นได้แค่นางแมวป่าในสายตาของเขา แต่นางแมวป่าอย่างหล่อนไม่ถูกใครจับกินง่ายๆ แน่นอน
“แท็กซี่สมัยนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ ส่วนลุง...ไว้ใจได้หรือเปล่าคะ” ณจันทร์แสร้งหยอดถาม หมายจะเอาคืนเขานิดๆ หน่อยๆ ที่บังอาจมาดูหมิ่นว่าหล่อนเป็นแมว
“คิดว่ายังไงล่ะ”
“ลุงจะส่งหนูถึงบ้านหรือเปล่าล่ะ”
“ก็ถ้าไม่ถึงบ้านแล้วจะให้ถึงไหน”
“ถึงสวรรค์ ‘ชั้นเจ็ด’ มั้ง...” ณจันทร์ทอดเสียง เล่นหูเล่นตาจนน่าอุ้มกลับไปฟัดเล่นที่บ้านจริงๆ แต่นางแมวสาวไม่ได้คิดจะให้เขาไปส่งอยู่แล้ว เพราะเมื่อไรก็ตามที่เขาเริ่มอยาก...ก็จะทำได้แค่ ‘อยาก’ ต่อไป
“ชอบเล่นกับไฟนะเรา”
“ลุงไม่รู้จักอินสติงต์ละสิ” ณจันทร์ยักคิ้วเป็นต่อ พอเห็นเขาทำหน้าไม่เข้าใจ หล่อนก็ไม่รอช้าที่จะยกสมาร์ตโฟนในมือขึ้นมาใช้ต่างไมโครโฟน “โปรดส่งใครมาร้ากกก...ฉันที...อยู่อย่างนี้มันหนาว...เกินไป”
เพลงของวงอินสติงต์ที่หญิงสาวหยิบเอามาร้องดื้อๆ ทำให้รามิลขำ ส่ายหัวน้อยๆ อย่างไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กแสบจะเมารั่วได้ขนาดนี้
ที่สำคัญคือหล่อนไม่ได้ร้องเพลงเก่งอย่างเดียว ท่วงท่าและลีลาก็พลิ้วไหวไปกับทำนองสมตำแหน่งสายตื๊ดตัวแม่
“อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร... มีจริงใช่ไหม2” ณจันทร์แกล้งยักคิ้วข้างหนึ่งให้เขาเยี่ยงสาวเสเพล แต่แล้วจู่ๆ คนที่กำลังเพลินกับการโยกไปตามจังหวะเพลงก็เกิดอาการเท้าแฉลบจนลื่นหงายหลัง “ว้าย!”
โครม!
“โอ๊ย!” ณจันทร์ร้องลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเพราะก้นจ้ำพื้นเข้าเต็มๆ
รามิลถึงกับยืนอึ้ง เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะตั้งหลักเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน แต่ครั้นเห็นหล่อนพยุงตัวเองลุกขึ้นมาอีกครั้งและไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรมากนัก เขาก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยในการกลั้นยิ้ม
“ตลกมากไหมคะ”
“ขอโทษ” รามิลไม่ได้มีเจตนาหัวเราะเยาะหล่อน เพียงแต่ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนตลกเท่านางแมวป่าของเขามาก่อน
งอนเอง หายเอง อ่อยเอง ร้องเอง เต้นเอง ล้มเอง แล้วยังลุกเองอีก...
นักเลงตัวจริง!
รามิลไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดหล่อนถึงคิดว่าตัวเองเป็นเสือ
“แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขาเห็นหล่อนลูบข้อศอกป้อยๆ ก็ชักเริ่มเป็นห่วงว่าจะมีแผลฟกช้ำดำเขียวเข้าให้
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย” ไม่ทันขาดคำก็ขู่ฟ่อๆ เข้าให้ “แทนที่จะช่วยรับหนูเอาไว้แบบพวกพระเอกในละคร ลุงนะลุง...กลับมาหัวเราะซ้ำเติมกันได้ นึกว่าเป็นเทพบุตรขี่ม้าขาว ฮึ! ซาตานชัดๆ”
“ซาตาน?”
เป็นอีกครั้งที่รามิลกลั้นขำไม่อยู่ เพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าบนโลกกลมๆ ใบนี้จะมีผู้หญิงคนไหนด่าผู้ชายว่าซาตานเหมือนในละครแนวตบจูบ ถ้าหล่อนไม่ได้ดูละครมากไปก็คงชอบอ่านนิยายมากๆ หรือไม่ก็มีอีกอย่างคือ...คนบ้า!
“ก็เห็นกำลังสนุกอยู่” เขาไม่ได้พูดตามที่ใจคิดจริงๆ เพราะเกรงว่านางแมวป่าจะงอนหนักกว่าเดิม “ใครจะไปคิดล่ะว่าอยู่ดีๆ จะล้มลงไปอย่างนั้น”
“ปกติหนูก็ไม่ซุ่มซ่าม สงสัยเพราะลุงนั่นแหละ”
คิ้วหนาๆ เลิกขึ้นแทนการตั้งคำถาม ณจันทร์จึงไม่รอช้าที่จะขยายความ
“ทำหนูสะดุด...รัก” ว่าแล้วก็แกล้งส่งจูบเบาๆ จนชวนให้ใจสั่น เพราะขนาดเขาคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตเสเพลมาจนรู้จักผู้หญิงแทบทุกประเภท แต่กลับยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนอ่อยหนักขนาดนี้มาก่อน
อ่อยเหมือนกลัวไม่รู้ว่าอ่อย! อ่อยแบบขนรถอ้อยมาคว่ำตรงหน้า มองเผินๆ เหมือนเด็กก๋ากั่น แต่มองนานๆ แล้วก็...น่ารักดี
“ชื่ออะไรล่ะเรา”
ณจันทร์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาตอบใกล้ๆ
“ลุงไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ เพราะอีกนิดเดียวก็เรียกหนูว่า ‘ที่รัก’ แล้วละ” หญิงสาวคิดว่าเขาจะหัวเราะสักหน่อย ทว่าดวงตาคมๆ ที่มองตอบมานั้นกลับนิ่งไปเหมือนต้องมนตร์สะกด
ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่คืบมือกำลังทำให้สาวน้อยอ่อยหนักเริ่มวางตัวไม่ถูก ลมหายใจปั่นป่วนนิดๆ อย่างไม่อาจคาดเดาได้ว่ากำลังเมาเหล้าหรือเมาใจมากกว่า แต่ที่แน่ๆ คือเหมือนสมองจะไม่ค่อยสั่งการ ในขณะที่ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าหล่อนมีใบหน้ารูปหัวใจ มีดวงตากลมโตที่ชวนให้ค้นหา และมีจมูกเล็กจิ้มลิ้มที่รับพอดีกับริมฝีปากอิ่มสีแดงสดดั่งผลเชอร์รี
จะหวานแบบเชอร์รีไหมนะ...รามิลแอบคิดอยากลิ้มลองชิมหล่อน ยิ่งยื่นหน้ามามองใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งเหมือนแมวน้อยเวลาอ้อนให้เกาคาง แต่แล้วท่าทีคล้ายๆ คนเริ่มพะอืดพะอมของหล่อนก็ทำให้เขารู้ทันทีว่าตอนนี้เชอร์รีไม่น่าจะหวาน
“เอื๊อออ...”
“อย่า!” เขารีบยกมือปิดปากหญิงสาวที่เกือบจะสำรอกทุกอย่างออกมา ทั้งยังทำท่าทางราวกับว่าจะกักกั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วด้วย “ใจเย็น! ไปข้างนอก”
ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะโอบร่างบางออกไปจากโซนต้อนรับของไนต์คลับ กระทั่งมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ลานจอดรถที่ค่อนข้างปลอดคน เขาถึงค่อยปล่อยให้หล่อนนั่งลงปล่อยสิ่งที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้ออกมา
เด็กหนอ...จะดื่มอะไรก็ไม่รู้จักประเมินตัวเองเสียบ้าง
รามิลส่ายหัวน้อยๆ เมื่อนึกถึงตอนที่หล่อนยืนชนแก้วกับกลุ่มเพื่อนๆ รุ่นพี่ แม้เขาจะนั่งอยู่บนชั้นลอย แต่ก็พอจะมองออกว่าโต๊ะนั้นสั่งค็อกเทลที่มีส่วนผสมของแอ๊บแซงธ์...เหล้าซึ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์เข้มข้นมากชนิดจุดไฟติด และได้รับฉายาจากทั่วโลกว่าเป็นสุราถอนวิญญาณ
แม้จะมีหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อก็มีระดับแอลกอฮอล์ต่างกันออกไป แต่ถ้าไม่ใช่พวกคอทองแดงจริงๆ ก็ไม่เหมาะที่จะดื่มแอ๊บแซงธ์อยู่ดี
หากเป็นน้องเป็นนุ่งละก็...พ่อจะจับตีให้ก้นลาย!
แม้จะคิดอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ยังอดไม่ได้ที่จะก้มลงช่วยลูบหลังให้หล่อน เพราะเห็นว่าถูกเดท อิน ดิ อาฟเตอร์นูนทำพิษจนใกล้ ‘เดด’ แล้วจริงๆ
กระทั่งเห็นว่าหล่อนอาเจียนออกมาพอสมควร รามิลก็มองไปทางรถยนต์ส่วนตัวของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนัก
“รอเดี๋ยวนะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวคนเมา ก่อนจะเดินตรงไปเปิดรถเพื่อหยิบน้ำดื่มขวดหนึ่งติดมือกลับมา ทั้งยังไม่ลืมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดฝาให้หล่อน “เอ้านี่”
ณจันทร์หันมายกมือไหว้ แล้วจึงค่อยรับน้ำดื่มไปบ้วนปากทางเดิม
ชายหนุ่มอดเอ็นดูไม่ได้ เพราะไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนโดนพิษเหล้าถอนวิญญาณเข้าไปขนาดนี้แล้วยังมีแก่ใจไหว้ขอบคุณ
อยากชมว่าพ่อแม่อบรมมาดีก็เกรงจะเข้าใจผิด เพราะบางทีหล่อนก็คล้ายๆ คนบ้า!
ครั้นหญิงสาวบ้วนปากเสร็จเรียบร้อยและทำท่าจะลุกขึ้นยืน รามิลจึงเข้าไปช่วยประคองมานั่งพักที่ม้าหินในบริเวณใกล้ๆ
“ไหนว่าไหว”
ณจันทร์หน้าบูดยามเงยขึ้นมองเขา ไม่คิดไม่ฝันเลยเหมือนกันว่าเจ้าเดท อิน ดิ อาฟเตอร์นูนแก้วนั้นจะทำพิษได้ขนาดนี้ บางทีมันควรเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เดททันที’ มากกว่า ยิ่งมานั่งอาเจียนต่อหน้าเขายิ่งน่าอายชะมัด เพราะตั้งแต่เที่ยวมา...หล่อนไม่เคยเสียลุคต่อหน้าผู้ชายขนาดนี้มาก่อน
“นานทีปีหนน่าลุง” หล่อนเสียงเบาอุบอิบ ทว่าคนฟังกลับขำ
“นึกว่าจะบอก...ปกติหนูไม่เมาแบบนี้ แต่ที่เห็นเมาๆ อยู่นี่หนูเมารัก”
“โอ๊ย...” คนชอบหยอดหัวเราะร่วน ไม่คาดคิดเลยว่ามนุษย์ลุงขี้เก๊กจะมีมุกกับเขาเหมือนกัน แต่นาทีนี้หล่อนยอมรับว่าเมาจริงๆ ไม่มีแก่ใจจะแอ๊วผู้ชายเล่นเหมือนอย่างเมื่อครู่ “หนูก็พูดไปงั้นแหละ ลุงอย่าคิดจริงจังเชียว”
คิดไปแล้วนี่สิ... เป็นประโยคที่ดังขึ้นในสมองของเขา แม้จะรู้แต่แรกว่าหล่อนแค่อ่อยเล่นๆ ก็ตาม
“แล้วตกลงจะให้ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวก้มลงมองสมาร์ตโฟนที่ยังถือติดอยู่มือ ก่อนจะเปิดหน้าจอเพื่อติดต่อหาเพื่อนซี้ที่ไม่รู้ว่าตกส้วมตายไปถึงไหน แต่แล้วณจันทร์ก็ได้เห็นว่ามีสายไม่ได้รับจากอีกฝ่าย ทั้งยังมีข้อความที่ธนนท์ส่งเข้ามาในไลน์ตั้งแต่หลายนาทีก่อน
เพื่อนก้อยอยู่ตรงไหนอะ
หญิงสาวตาพร่าจนคร้านจะพิมพ์ตอบจึงตัดสินใจกดโทร. ทางไลน์แทน นึกไม่ถึงว่าหน้าจอจะดับวูบลงไปเสียก่อน
“เฮ้ย!” คนเมาใช้นิ้วเคาะหน้าจอซ้ำๆ “ทำไมไม่ติดแล้วล่ะ”
“แบตหมดหรือเปล่า”
“หา...” ณจันทร์ครางอย่างเหลือเชื่อ เพราะไม่คิดว่าแบตโทรศัพท์จะมาหมดเอาตอนคับขันแบบนี้ แต่ไม่นานก็นึกได้ว่าธนนท์โทร. ไปชวนหล่อนแบบกะทันหัน ตอนออกมาจึงไม่ทันได้เช็กปริมาณแบตให้ดี “โอ๊ย...ซวยอะไรเบอร์นี้”
พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่สั้นๆ ณจันทร์ก็เงยหน้ามองเขาตาแป๋ว
“ลุงขา...” แม้เปลือกตาหนักๆ ของหล่อนดูคล้ายอยากจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แต่ดวงตาที่ปราศจากแววขบถเหมือนเมื่อพักก่อนก็ให้อารมณ์เหมือนลูกแมวน้อยกำลังอ้อนเอาอาหาร “ยืมมือถือหน่อยสิคะ หนูจะโทร. ให้เพื่อนมารับ”
แม้ลึกๆ จะยังอยากเสนอตัวไปส่ง เพราะไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่านางแมวป่าตัวนี้น่าอุ้มไปฟัดเล่นบนเตียงแบบสุดๆ แต่หล่อนเมาหนักขนาดนี้ เขาไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง และวันนี้เขาก็ไม่ได้มาคนเดียวด้วย หากชิงกลับก่อนคงไม่ค่อยเหมาะนัก
“เบอร์อะไร” รามิลหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงออกมา ตั้งใจจะต่อสายให้เพราะพิจารณาแล้วว่าสภาพหล่อนตอนนี้ไม่น่าจะกดหมายเลขเองได้
“ศูนย์ แปด เก้า...” หญิงสาวเอ่ยพลางนั่งพักสายตาไปด้วย รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งพอๆ กับสมอง “ห้า หก สี่...สี่ แปด เจ็ด เจ็ด สอง”
รามิลกดหมายเลขตามคำบอกแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะดูๆ แล้วไม่น่าจะโทร. ติด
“เลขมันเกินสิบตัวแล้ว เอาใหม่ซิ”
เกินได้ไง... ณจันทร์ลืมตาประท้วง ตาลุงนี่ไม่ตั้งใจฟังแน่ๆ ถึงได้มาหาว่าหล่อนบอกเลขไปเกินสิบตัว
“ศูนย์ แปด เก้า...” หล่อนบอกเสียงดังฟังชัดอีกครั้ง ทว่าสมองที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้หัวทิ่มไปชนหน้าท้องชายหนุ่ม “ห้า หก...”
“อือ แล้ว?”
“ห้า หก สี่ แปด...” ประโยคหลังๆ คนเมาพึมพำจนฟังแทบไม่เป็นภาษา เขาจึงได้แต่ถอนหายใจเล็กๆ แล้วจับไหล่หล่อนให้ลุกมานั่งดีๆ
“ห้า หก สี่ แล้วอะไรต่อ”
“อือ” หญิงสาวสัปหงกลงมาพิงหน้าท้องเขาอีกครั้งประหนึ่งเป็นคนไม่มีกระดูกสันหลัง “หนึ่ง หนึ่ง ห้า ศูนย์”
“นั่นมันร้านพิซซา”
“เอาฮาวายเอี้ยนสุพรีม หนานุ่มขอบชีส...”
รามิลถอนหายใจอย่างขบขัน ก่อนจะส่ายหัวนิดๆ เมื่อดูท่าว่าแมวป่าของเขาจะโดนเจ้าแอ๊บแซ็งธ์ถอนวิญญาณออกจากร่างไปแล้วแน่นอน
ครั้นมองไปหน้าทางเข้าไนต์คลับก็ไม่เห็นวี่แววจะมีใครมาตามหาหล่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าสังสรรค์อยู่กับเพื่อนหลายคน แต่จะว่าไป...อาจไม่ได้มาด้วยกัน เพราะนางแมวป่าของเขาดื่มอยู่ครู่สั้นๆ แล้วแยกตัวไปอีกทาง ไม่รู้ว่าเพื่อนกลุ่มนั้นไว้ใจได้แค่ไหนด้วย ถึงเอาค็อกเทลแรงๆ ให้เพื่อนดื่มแล้วไม่ดูแลกัน
เมื่อครู่เจ้าหล่อนจะโทร. หาใครก็ยังไม่รู้
ชั่งใจครู่หนึ่ง รามิลก็ตัดสินใจเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกง แล้วอุ้มคนตัวเล็กที่เมาหลับอยู่ขึ้นในอ้อมแขนแข็งแกร่ง
เพียงไม่นาน ร่างไร้สติของคนเมาก็ถูกอุ้มมานั่งอยู่บนเบาะข้างๆ คนขับ
รามิลปรับพนักพิงเอนลงให้หล่อนนอนสบายๆ และไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยให้หล่อน เรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยปิดประตู และเดินอ้อมรถไปนั่งบนเบาะอีกด้าน
มือหนาหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาศรุต
“ว่าไงพ่อเสือ”
“ขอโทษทีว่ะ ฉันคงไม่กลับเข้าไป ต้องไปจัดการอะไรหน่อย”
“ตามสบาย” คนในสายถอนหายใจเบาๆ เหมือนเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะโดนเพื่อนเท แต่ถึงอย่างนั้นก็มิวายแหย่ทิ้งท้าย “ออกจากนี่ไปสองร้อยเมตรมีร้านสะดวกซื้ออยู่ ถ้าไม่ได้เตรียมมาก็แวะซื้อถุงยางเสียด้วยล่ะ ถุงยางจากสาวของแปลกมันไม่น่าไว้ใจ”
“ไอ้บ้า” รามิลตัดสายทิ้ง ก่อนจะหันไปมอง ‘สาวของแปลก’ ที่เพื่อนสนิทของเขาแอบตั้งฉายาให้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหล่อนไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนจริงๆ
รามิลยิ้มมุมปาก ยื่นมือไปติดเครื่องยนต์เพื่อพาหล่อนไปยังเพนต์เฮาส์ส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลนัก และหวังลึกๆ ว่าที่นั่นจะช่วยให้ลูกแมวของเขาฟื้นจากความตายได้บ้าง