0

Prologue

Prologue

อะไรอยู่ในซอง?

“สัสดิว รถที่บ้านมึงปะน่ะ!?”

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ตอนที่ได้ยินไอ้เอิร์ลพูดแบบนั้น แล้วก็เห็นรถครอบครัวสีครีมกำลังแล่นเข้ามาจอดเทียบริมฟุตบาทไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ผมหรี่ตามองป้ายทะเบียนเพื่อความแน่ใจ พบว่าใช่อย่างที่มันสันนิษฐานจริงๆ ด้วย

“เร็วมึง กูอยากกลับกรุงเทพฯจนตัวสั่นแล้ว” ไอ้ทิม เพื่อนอีกคนในกลุ่มยกกระเป๋าใบโตขึ้นมาแบก เดี๋ยวก่อนๆ อะไรจะพร้อมขนาดนั้น รถบ้านกูนะเฮ้ย

ผมพับซองสีน้ำตาลในมือยัดใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะยืนขึ้นเตรียมขนของตัวเองบ้าง

ถึงเวลากลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯแล้วครับ จบกันทีกับชีวิตปีหนึ่งที่ต้องมาเรียนต่างจังหวัด ผมกำลังจะเป็นหมอฟันปีสองเต็มตัว และนั่นหมายความว่าผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตในเมืองสักที ลาก่อนนครนายก ข้าจะคิดถึงเอ็ง //ตบหน้าอกแบบชาววากานดา

แต่แก๊งของเราต้องชะงัก เมื่อคนที่ลงมาจากรถคนแรกไม่ใช่พี่แช่มคนขับเจ้าประจำ แต่เป็นร่างเล็กๆ ที่สูงเพรียวพร้อมกับใบหน้าอันคุ้นเคย

“ไอ้ปู๊น?” ผมเอียงคอมอง เจ้าของชื่อที่โดนเรียกถอนหายใจจนปอยผมเป็นช่อเหนือแว่นกรอบดำกระพือพรืดเพราะแรงลม

“อะไรมึง”

“…”

สัส! สมัยนี้เขาคุยกับพี่แท้ๆ กันอย่างนี้เหรอวะ

“โหวววววว” เอิร์ลเอนตัวมากระซิบข้างหูผมอย่างไว “นี่อะนะ ปู๊นปู๊น น้องชายมึง!?”

“เออ”

“แฮกดีว่ะ”

“ไอ้ควาย เลิกคิดได้เลย กูไม่อยากมีมึงเป็นน้องเขย”

และดูไอ้เพื่อนรักแม่งมอง ห้ามจ้องใต้กางเกงน้องกูอย่างนั้นสิวะ!

“ทำไมใส่ชุดนักเรียน” ผมถามน้องชายทันที ดูดิ ยูนิฟอร์มของมันทำให้เพื่อนๆ ผมไม่เป็นอันหายใจแล้ว แฮกแม่งอย่างเดียว

“พอดีมีสอบเช้า พ่อก็เลยให้ตีรถมารับมึงเลยจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำมัน” มันว่า “ไหนอะ”

ผมขมวดคิ้ว ไอ้น้องผมมันมองหาอะไรวะ หัวแทบจะหมุนได้ร้อยแปดสิบองศาแล้วน่ะ

“ไหนอะไรวะ”

ไอ้ปู๊นทำเป็นดันแว่นให้เข้าที่แก้เขิน “พี่กุ้ง”

“…”

“ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว กูจะเซลฟี่กับพี่เขาเอง ใช้มึงไม่เคยได้เรื่อง”

โวะ! กูก็นึกว่าเรื่องอะไร คืองี้ครับ น้องผมมันเป็นแฟนตัวยงของกุ้งดาวเด่นสินกำ ตัวท็อปประหนึ่งดาราของมหา’ลัยเรา มันเคยรบเร้าให้ถ่ายคลิปกุ้งอวยพรวันเกิดไปให้ แต่พอดีผมมัวแต่ยุ่งก็เลยไม่ได้ทำตามที่มันหวัง ด่าผมซะชุดใหญ่ มันคงอิจฉาที่ผมเคยอวดว่ากุ้งเคยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผมละมั้ง

“เสียใจ เขากลับไปกรุงเทพฯตั้งแต่เช้าแล้ว”

“อ้าว! โห่’ไรวะ พี่กุ้งแม่งทำอกหัก” ไอ้น้องชายทำหน้าเง้าหน้างอ เห็นแล้วอยากจะตะปบหน้าแม่งสักที “กูมาทำไมเนี่ย เสียเวลา!”

“ใจคอมึงจะมาเจอพี่ชายอย่างกูไม่ได้เลยว่างั้น”

“กูไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปกับมึง ยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ”

“เช่นอะไร!”

“เรียนวาดรูป!”

ผมคงเป็นพี่ที่หัวเน่า ขนาดน้องแม่งยังสนใจจะวาดภาพมากกว่าเจอหน้าผมเลย เซ็งว่ะ

“น้องมึงโหดดีว่ะ” ไอ้เอิร์ลเอนตัวมากระซิบอีกแล้ว “อยากได้อะ จีบได้ปะ?”

“มึงอาจจะผิดหวังนะ น้องกูไม่ใช่แนวมึงหรอก แม่งชอบอยู่ข้างบน”

“ไม่เป็นร้ายยย กูโอเค มีท่าทางมากมายที่กูสามารถให้น้องมึงอยู่ข้างบนได้ ไว้ใจกูเหอะ”

“สัส! อยากติดคุกเรอะ!” ผมตบหัวเพื่อนไปดังป้าบ

ถึงจะดูเป็นพี่ที่ตีกับน้องไม่ยั้ง แต่ยังไงๆ ผมก็หวงมันเหมือนกันนะโว้ยยย (แม้แม่งจะไม่เคยคิดสนใจผมบ้างเลยก็เหอะ)

“จะกลับกันได้ยัง” ไอ้ปู๊นกอดอกเร่ง ดูท่าทางแม่งดิ บางทีผมก็นะ งงว่าใครเป็นพี่กันแน่ “ตอนเย็นมีเรียนพิเศษ GAT PAT ไม่อยากเสียเวลา”

“น้องดูตั้งใจเรียนจังเลยนะคร้าบ” ไอ้เอิร์ลเสนอหน้าเข้าไปใกล้ๆ คนใส่ชุดนักเรียน

“ใช่ๆ” แน่ะ! ไอ้สัสทิมเริ่มเอากับเขาแล้วเหมือนกัน “ตั้งใจแบบนี้ต้องสอบติดคณะที่หวังแน่ๆ เลยนะคร้าบ”

ทว่าไอ้ตัวดีกลับทำเป็นยกไหล่ “อืม ก็ว่างั้นแหละฮะ”

ตอนแรกผมก็กังวลนะว่าน้องชายตัวเองจะก้าวร้าวเกินไปหรือเปล่า แต่พอสังเกตปฏิกิริยาไอ้เพื่อนรักสองตัวที่อยู่ข้างๆ แล้วเท่านั้นแหละ...ไอ้ห่าเอ๊ย! มีประกายปิ๊งๆ อย่างกับทะเลอันดามันกระทบแสงแดด ความเย็นชาลบล้างความจัญไรไม่ได้สินะ

“เชี่ยยย เขาพูดกับกูว่ะ” ไอ้เอิร์ลตัวสั่น

“อย่าซุย! น้องพูดกับกู” ไอ้ทิมหน้าแดง

เฮ้อออ กูละเหนื่อยกับพวกมันสองคนจริงๆ “ไปๆ ขึ้นรถเลยสัส เห็นอยากกลับกรุงเทพฯนักไม่ใช่เหรอพวกมึงสองตัวอะ”

เราโยนกระเป๋าใบโตไว้ท้ายรถ โชคดีที่ผมเอาของใช้บางส่วนกลับไปกรุงเทพฯบ้างแล้ว วันสุดท้ายแบบนี้เลยไม่ต้องมีภาระมากมายเท่าไหร่ จากนั้นเราก็กระโดดเข้าประจำที่ ไอ้เอิร์ลกับไอ้ทิมเข้าไปก่อน ส่วนผมกับน้องชายตามไปสมทบทีหลัง พอประตูปิด รถเราก็แล่นออกจากมหา’ลัยสักที

ลาก่อนนะ...ที่ที่กูใช้ชีวิตเพื่อเรียนอย่างเดียว ไม่เคยจะส่งเมียมาตกถึงท้องให้สักคน ฮึ่มมมมมม เส็งเคร็ง

“เฮ้ย!” ไอ้ปู๊นร้องลั่นรถเล่นเอาซะผมต้องหันไปมองเพราะความเป็นห่วง ไอ้เราก็นึกว่าโดนอะไรแทง แต่เปล่าครับ มันแค่ตกใจเพราะไอ้เอิร์ลเท้าเบาะด้านหลังของมันอยู่ แถมจ้องยังกะหมา น้ำลายนี่แทบจะหยดใส่เบาะหนังกำมะหยี่

“แหะๆ” ไอ้เอิร์ลยิ้มแป้น พร้อมถวายตัวเป็นแฟนบอยน้องชายผมเต็มที่ “กลิ่นของน้องหอมจัง”

“หะ…หา!?”

“พี่หมายถึง ตัวน้องหอม...ใช่น้ำหอมยี่ห้ออะไรน้า~”

กูละเซ็งจริง...เพื่อนผมแม่งทำให้ขายหน้าได้ทุกทีสิน่า

น้องชายผมไม่ตอบ มันแค่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเขยิบมาใกล้คนเป็นพี่อย่างผม

“มึงไปหาเพื่อนเพี้ยนๆ แบบนี้มาจากที่ไหน งานสอยดาววัดอ้อมน้อยเรอะ”

“ทำไม ชอบเหรอ” ผมแกล้งแหย่ “สนใจมั้ยล่ะ ดูมันถูกใจมึงอย่างแรงเลยนะ”

“เฮอะ! อย่าหวัง ตัวก็ใหญ่อย่างกับหมีควาย”

“เขาเรียกหุ่นดี ดูตัวมึงซะก่อน แห้งอย่างกับน้าผีในละครจักรๆ วงศ์ๆ”

“มันคืออะไรน่ะ”

จะอธิบายยังไงดีวะ ช่างเหอะ...ลืมไปว่าผมกับมันเกิดคนละเจเนอเรชั่น

“มันหุ่นดีสมชายชาตรีกว่ามึงแล้วกัน” ผมยักคิ้วกวนๆ

“ไอ้พวกนี้อะ คงเข้าแต่ยิมเอาแต่ยกเหล็กตัวเปียกเหงื่อจนมันเลื่อม”

“ก็ดีกว่าเอาแต่แต่งตัวเนี้ยบๆ ทำเป็นภูมิฐานกลบความปวกเปียกแบบมึง”

“หรือกูต้องปล่อยให้ตัวเองเซอร์แบบมึงฮะ เป็นหมอฟันแต่ภาพลักษณ์ไม่ได้น่าเชื่อถือเล้ยยย”

“มึงก็คุณชายเกินกว่าจะอยากเรียนวิจิตรศิลป์เหมือนกัน!!!”

กรอดๆๆๆ เอาสิ จะมองตากันเป็นหมาเตรียมไฟท์ก็เอาเลย ไอ้น้องเวร!

แต่ก่อนสงครามประสาทของเราจะเริ่มต่ออีกยก อยู่ๆ ซองสีน้ำตาลที่ผมเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ร่วงออกมาได้ถูกเวลาสุดๆ!!!

แหมะ!

สัสเอ๊ย!!! กระจัดกระจายซะนึกว่าเทศกาลเทกระจาด ไอ้พวกนี้มันจะเห็นความลับของผมกันมั้ยฮะ!

“อะไรอะ”

ผมมองตามมือเล็กๆ ของน้องชาย เฮ้ยยย อย่านะ มึงอย่าหยิบขึ้นมาอ่านเด็ดขาด ในซองนี้มีแต่ความลับทั้งนั้น บอสอุตส่าห์ส่งข้อมูลเป้าหมายรายใหม่ที่ผมต้องรับผิดชอบมาให้ ถ้ามันรู้ว่าผมทำงานเสริมอะไรรับรองว่าความแตกแน่ ปู๊นรู้โลกรู้ ไม่ใช่ฉายาที่ได้มาเล่นๆ!

แล้วนั่น! มันเสือกหยิบแผ่นที่มีรูปภาพขึ้นมาซะด้วย!!!

“…”

เวรละ! เอากระเป๋าตังค์หนีบจมูกตัวเองชิงตายตอนนี้ดีมั้ยวะ

“อี๋! มึงแม่งโรคจิต!!!”

ตายแน่! ผมตายแน่!!!

ไอ้ปู๊นยื่นกระดาษแผ่นนั้นเข้ามาใกล้หน้า แทบจะแปะติดหน้าผากผมเป็นผีกองกอยอยู่แล้วเชียว ผมรับมันมาจากมือน้องชาย มองคนที่หน้ามึนๆ ง่วงๆ ตลอดเวลาในภาพนั้นสลับกับมันอย่างงุนงง

“…”

น้องผมเบะปากเหมือนผมเป็นผู้ชายแสนโสโครก “มึงพกรูปพี่ปีใหม่ ไว้กับตัว โอตะว่ะ!”

ผมที่หลับตาปี๋ค่อยๆ ค่อยๆ ลืมมองมัน อ้าว! แบบนี้ก็หมายความว่า...

“มึงรู้จักคนในรูปเหรอ”

“รู้จักดิ ใครไม่รู้จักพี่ปีใหม่ก็บ้าละ”

ผมหยิบรูปขึ้นมาดูอีกที...

ใครวะ ทำไมน้องผมรู้จักแต่ผมกลับไม่รู้ นักร้องกามิกาเซ่หรือเปล่าเนี่ย

“พี่เขาเป็นรุ่นพี่กู ป๊อปปูล่าร์จะตาย”

อ๋อ ทีหลังก็บอกก่อนสิว่าเป็นเครือญาติของมึง กูก็พินิจพิเคราะห์เอาตาย จ้องน้องในรูปจนเลขจะขึ้นแล้วสัส

เฮ้ย! เดี๋ยวนะ

“งี้ก็หมายความว่าคนนี้อยู่โรงเรียนเดียวกับมึงเหรอ” ผมชี้คนในภาพ

“นี่แหละเหตุผลที่กูต้องติว GAT เพราะกลัวจะบื้อแบบมึง” ไอ้ปู๊นกอดอกถอนหายใจอย่างเอือมระอา ดูมันทำท่า ไอ้เด็กเปรต “ก็บอกอยู่ว่าเป็นรุ่นพี่”

“อ่อ”

“แล้วอีกอย่าง” ผมเห็นว่าแก้มใต้แว่นกำลังแดงก่ำ “กูเคยจีบเขา”

แคกๆ ถึงกับสำลักน้ำลายเลยกู “ตะกี้มึงว่าเคย’ไรนะ”

“เคยจีบ!!!” มีการทำหน้าเหยอซะด้วย

“โถไอ้ควาย ตัวก็เท่าเม็ดกระเทียม ริอ่านจะจีบรุ่นพี่!!!” ขนาดผมหล่อกว่ามัน ผมยังคิดเลยว่าคนในรูปดีเกินกว่าจะคู่ควรกับผมด้วยซ้ำ นี่อะไร คนหน้าเหมือนดินแดงที่โดนรถแทรกเตอร์ทับแบบไอ้ปู๊น เขาเล่นด้วยก็แปลกแล้ว

พอและ ผมจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับมันดีกว่า เดี๋ยวมันด่าผมเสียหมาอีก ผมเหนื่อย

และที่สำคัญ ผมมีงานที่ต้องทำ! ซึ่งตอนนี้ผมมีแผนแล้วด้วย

“มึงสอบอีกทีวันไหนนะ”

“สอบตัวสุดท้ายอาทิตย์หน้า” ไอ้เด็กเปรตย่นคิ้ว “ทำไมวะ”

หึๆ! อะไรจะเข้าทางขนาดเน้!

“สอบเสร็จไปเดินสยามกันมั้ย เดี๋ยวไปรับที่โรงเรียน” ผมยิ้มหวาน

ไอ้ปู๊นถึงกับอึ้ง “เมื่อกี้พี่แช่มขับรถตกหลุมเปล่าวะ หัวมึงกระแทกหรือไงอยู่ดีๆ ก็จะชวนกูไปเที่ยว”

“คิดถึงมึงไง”

“…” ไอ้ปู๊นทำเป็นลอยหน้าลอยตาทั้งๆ ที่กอดอก ดูก็รู้ครับว่าแม่งใจอ่อน ก็นี่น้องชายผมนะ เดาทางง่ายจะตาย ลึกๆ แล้วมันรักผมแหละ “เลี้ยงเรดซันกูด้วย อยากกินมานานแล้ว”

“ไม่มีปัญหาเลยน้องปู๊นปู๊น”

“เออ ทีงี้ก็เงียบซะ จะฟังเพลง” พูดจบคนในชุดนักเรียนก็หยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋า อิ๊กนอร์พี่ชายอย่างผมไปเรียบร้อย

ผมเหลือบไปเห็นไอ้สองตัวด้านหลังคอพับคออ่อนคาเบาะ โถถถถถถ กูก็ว่าทำไมเงียบๆ ที่แท้ไปเฝ้าพระอินทร์กันหมด เหลือแต่ผมคนเดียวสินะ ทีนี้จะหยิบกระดาษในซองขึ้นมาอ่านอีกทีก็คงไม่มีใครสนใจแน่นอน

 

เป้าหมาย

จักรวาล พันธะพิสัย (ปีใหม่)

อายุ : 17 ปี

การศึกษา : - มัธยมโรงเรียนXX

- มหาวิทยาลัย เพิ่งสอบติดคณะศิลปกรรมศาสตร์

เอกการแสดงและกำกับการแสดง

อัตราหนี้ : 150,000 บาท

ผู้ว่าจ้าง : คุณกำพล -สงวนนามสกุล- (ฐานะ : คู่รัก)

สาเหตุที่เลิก : (ไม่ระบุ)

เด๊ดไลน์จากผู้ว่าจ้าง : ก่อนที่เป้าหมายจะขึ้นเรียนมหาวิทยาลัย

 

โห่’ไรวะ ไหนๆ ก็ให้ข้อมูลมาเยอะขนาดนี้แล้ว จะบอกไซซ์รองเท้าหน่อยไม่ได้หรือยังไง จะเอามาจิ้นต่ออะ

แต่ไม่เป็นไรครับ แค่เห็นหน้าในรูปที่บอสให้มาผมก็จำได้ขึ้นใจ

เฮ้อออ ไอ้น้องเอ๊ย! หน้าตาก็น่ารักดันไปคบเสี่ยแก่ๆ แถมยังไปทำแสบติดหนี้เขาเป็นแสนอีก เอาเงินไปทำอะไรเยอะขนาดนั้นวะ ไหนลองบอกพี่สิครับ

“…”

แต่ขณะที่ผมกำลังจ้องหน้าใสๆ ในรูปนั้น อยู่ๆ แก้มผมก็กระตุก

เฮ้ย! ผมยิ้มว่ะ

ยิ้มทำไมวะเนี่ยยยยยย

เวรแล้วครับ จู่ๆ ผมก็เห็นคนในรูปน่ารักขึ้นมาเฉย...หน้าที่เคยมองว่าดูมึนๆ ง่วงๆ กลับกลายเป็นเสน่ห์ชวนให้หลง เพิ่งสังเกตว่าความขาวนวลของผิวหน้าน้องทะลุออกมาจากแผ่นกระดาษเฉยเลย

ฮึ่มมม แฮกเหมือนกันนะเรา

แต่ไม่ได้ครับ ผมเคยปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้ว ไม่ว่าเป้าหมายจะน่ารักขนาดไหน งานก็คืองาน ห้ามตกบ่วงภาพลวงตาที่จะทำให้เราโลเลเด็ดขาด

หึ! งั้นยิ้มเบาๆ แบบกระตุกมุมปากให้ดูคูลๆ หน่อยแล้วกัน

น้องปีใหม่ครับ บอกก่อนเลยนะว่าพี่ไม่ใจอ่อนกับน้องหรอก ยังไงซะน้องก็ต้องโดนพี่เช็กบิลแน่นอน หึๆ

“น้องดิวอี้ครับ!”

“ฮะ!? ว่าไงครับ” ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงพี่แช่ม

“น้องเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว”

เวร เห็นด้วยเหรอฟะ

“แหะๆ เปล่าครับ พอดีคิดอะไรเพลินๆ”

“เฮ้อ! ตกใจหมด พี่นึกว่าน้องเห็นผี” คนหลังพวงมาลัยกุมอกถอนหายใจแบบเกินจริง แหม พี่ก็เว่อร์ ไม่มีผีอะไรทั้งนั้นแหละครับพี่แช่ม มีแต่น้องปีใหม่อะไรในรูปนี่ต่างหาก!

ว่าแล้วก็หยิบภาพน้องเขาขึ้นมาดูอีกทีดิ๊...

ฮึ่มมม เจอกันแน่น้อง น้องคือบ่อเงินบ่อทองของพี่ ปิดเทอมนี้น่าจะรวยว่ะ

“เห็นผีอีกแล้ว”

“พอครับพี่!!!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น