8

งอน


8

งอน

กลับถึงบ้านสิขเรศเรียกหาสโรชาก่อนเป็นอันดับแรก ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก เมื่อเช้าเด็กสาวแสดงกิริยามึนตึงอย่างเห็นได้ชัด คอแข็ง มองแล้วเมิน ข้าวปลาอาหารไม่บังคับก็ไม่ยอมแตะ จากเคยนายจ๊ะนายจ๋ากลับตาลปัตรเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำ ไม่ถามก็เอาแต่เงียบ ขลุกอยู่แต่ในห้อง ไม่พูดจาสุงสิงกับใคร

ตกบ่ายยังต้องประจันหน้ากัน ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเครียด อารมณ์คุกรุ่นสุมอยู่เต็มอก

“ใจคอจะไม่ถามเลยรึไง ว่าคุณกวางเป็นยังไงบ้าง”

“น้องนายเป็นยังไงบ้าง”

“ยังไม่ตาย”

สาวน้อยตาวาว ต่อให้โง่ที่สุดในปฐพีก็ฟังออกว่าชายหนุ่มกระแทกเสียงประชด อาศัยซุกหัวนอนอยู่ในบ้านหลังนี้จะถูกหรือผิดมันก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง

“ข้าไม่ได้เป็นคนแทง ผู้หญิงที่ชื่อตาลผลักน้องนายมาชนมีดของข้า”

“ฉันจะตัดประเด็นว่าเธอแทงหรือไม่แทงคุณกวางออกไปก่อน แต่ที่แน่ๆ เธอชักมีดออกจากฝัก เตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะเป็นมือมีด หรือร้ายแรงกว่านั้นก็เป็นฆาตกร ที่นี่ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนนะบัว เก่งๆ ห้าวๆ ใจกล้าบ้าบิ่น ติดคุกหัวโตกันนักต่อนัก ถ้าไม่อยากลงเอยอยู่ในสถานพินิจฯ ก็อย่าทำตัวหัวแข็ง ห้ามพกอาวุธ ห้ามก่อเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นอีก เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ!” สโรชาสวนกลับทันควัน

“ถ้าวันนี้ข้าไม่พกมีด ข้าจะเอาตัวรอดจากไอ้อีพวกนั้นได้ไหมล่ะ หัวเดียวกระเทียมลีบ ตัวก็เล็กกว่า นายปกป้องข้าไม่ได้ ข้าก็ต้องปกป้องตัวเอง จะงอมืองอเท้ารอให้พวกมันรุมกระทืบก็คงต้องเกิดเป็นควาย นายสั่งให้ไถนาก็ต้องรีบไปไถ”

“ไอ้บัว!”

“วันๆ นายไม่เคยอยู่บ้าน นายจะรู้อะไร แต่ถึงรู้นายก็ต้องเกรงใจคนอื่น คนที่รวยเสมอกัน”

ชายหนุ่มบดกรามจนขึ้นสันนูน ไอ้บัวมันคิดแง่งอนประสาเด็ก เขาไม่มีสิทธิ์หุนหันพลันแล่นต่างหากเล่า ด้วยคำว่าผู้ใหญ่ค้ำคออยู่เต็มๆ จะชี้หน้าพิริตาแล้วด่ากราดว่าหล่อนฉกเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมจากราวตากผ้าเอาไปเผาไฟจนเหลือแต่ขี้เถ้าก็ต้องหาหลักฐานพยานจนกว่าจะแน่ชัด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการปรักปรำ

ส่วนเรื่องวันนี้ที่หล่อนพาลูกสมุนมาไร่พันดาว กะจะรุมกินโต๊ะเด็กสิบหกเป็นการแก้แค้น เขาจัดการให้แล้ว สั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองจุด คือหน้าประตูไร่ซึ่งเป็นประตูใหญ่ และป้อมยามซึ่งตั้งอยู่หน้าเรือนไทยทรงประยุกต์ในพื้นที่จำนวนสิบสองไร่ ว่าห้ามลูกสาวเสี่ยโต้งผ่านเข้าออกได้อีก ไอ้บัวมันใจร้อนเป็นไฟ จะให้เขาตัดสินคดีความปุบปับฉับไวโดยไม่สืบสาวราวเรื่องเขาย่อมทำไม่ได้

“ลามปามใหญ่แล้วนะ กับฉันเธอก็ยังไม่เว้น”

“หึ!”

“มีดเล่มนั้นอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่ห้อง”

“ไปหยิบมาให้ฉัน ฉันจะเก็บให้เอง โตกว่านี้ ใจเย็นกว่านี้ฉันจะคืนให้”

“มีดเล่มเดียวข้ามีปัญญาเก็บเอง”

“จะดื้อไปถึงไหนฮะ บอกสอนอะไรตะแบงมันทุกเรื่อง ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอนะบัว ไม่ใช่เพื่อนเล่น เถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้จะอยู่ร่วมบ้านกันได้ยังไง”

“ผู้ปกครอง?” เด็กสาวสบตาคู่คมก่อนจะเหยียดยิ้ม

“ผู้ปกครองที่เข้าพิธีแต่งงานกับข้าแล้วที่โป่งชะง่อน ผู้ปกครองที่พลิกลิ้นไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ ถ้าข้ามาอยู่ไร่พันดาวในฐานะเมียของนายเสือใครจะกล้ากลั่นแกล้งข้า มีดของข้าเคยเป็นของปู่มาก่อน ปู่ยกให้ข้าด้วยความห่วงใย ทุกครั้งที่มองมีดก็เหมือนได้มองหน้าปู่ เป็นตายยังไงข้าก็ไม่ยอมให้นายริบเอาไปเก็บ”

“จะงัดข้อกับฉัน?”

“นายบอกเอง นายเป็นผู้ปกครอง เพราะฉะนั้นนายไม่ใช่เจ้าชีวิต”

สิขเรศระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ ปกครองลูกจ้างเป็นร้อยเป็นพันคนก็ปกครองได้ กำราบเด็กสาวคนเดียวทำไมจะทำไม่ได้ ไม้อ่อนเอาไม่อยู่ก็ต้องใช้ไม้แข็งวัดกันดูสักตั้ง

“ได้! ถ้างั้นไปเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทาง พรุ่งนี้ฉันจะส่งเธอไปอยู่บ้านญาติห่างๆ ของฉันที่น่าน ไปเรียนรู้การวางตัว กิริยามารยาท และการเข้าสังคม เป็นกุลสตรีขึ้นบ้างแล้วค่อยกลับมาอยู่กับฉันที่ไร่พันดาว”

ริมฝีปากได้รูปสั่นระริก ดวงตาตัดพ้อแดงระเรื่อ นายรังเกียจมัน อยากผลักไสตัวภาระไปอยู่ไกลหูไกลตา พอสบโอกาสก็รีบตะเพิด เสียแรงที่ปู่คาดหวังและไว้ใจถึงขนาดยกหลานรักให้ทั้งคน

“พวกเขาสองผัวเมียเคยเป็นครู ตอนนี้เกษียณราชการแล้วทั้งคู่ ลูกหลานออกเรือนไปหมดแล้ว ไม่ค่อยมีกิจกรรมนอกบ้านทำ มีเวลาดูแลเธอได้เต็มที่ อยู่กับพวกเขาคงดีกว่าอยู่กับฉันที่วันๆ ไม่อยู่ติดบ้าน” ญาติที่กล่าวถึงมีตัวตนอยู่จริง จุดประสงค์ก็แค่จะขู่เด็กน้อยเพิ่งโตให้คลายดื้อดึงลงบ้าง

“นายอยากให้ข้าไปอยู่ที่อื่น?”

“ก็...” ชายหนุ่มมองสบดวงตาคู่สวย ก็เหมือนทุกครั้งที่หัวใจทั้งดวงพลันอ่อนยวบ

“นายคิดว่าข้าสิ้นไร้ไม้ตอกหมดทางไป เพราะงั้นนายจะทำยังไงกับข้าก็ได้”

“เปล่า ฉันแค่...”

“ข้าเข้าพิธีแต่งงานกับนายเพราะข้าเชื่อปู่ ปู่บอกข้าว่านายเป็นคู่ครอง ตอนนี้ปู่ตายแล้ว ถึงนายแกล้งลืมว่าข้าเป็นเมียข้าก็ต้องเออออตามใจนาย ยอมเป็นตัวประหลาดให้คนที่นี่ข่มเหงรังแก ข้าเพิ่งละทิ้งกระท่อมของข้ามา จากบ้านเกิดเมืองนอนมาแบบโดดเดี่ยวไม่มีพวกพ้อง ยังไม่ทันไรก็ต้องโยกย้ายไปอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้กระทั่งชื่อแซ่ ถ้านายเป็นข้า นายจะชอบใจไหมล่ะ”

“จะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ได้อะไรขึ้นมา ก็แค่ไปหยิบมีดเอามาให้ฉันก็แค่นั้น”

“ไม่หยิบ!”

“วะ!”

“ไม่หยิบโว้ย!”

ร่างสูงกระโจนแผล็วมาจับสาวน้อยปากกล้าเขย่าตัวหัวสั่นหัวคลอน

“เป็นเด็กเหลือขอรึไงฮะ เถียงฉอดๆ เถียงคำไม่ตกฟาก ฉันเป็นห่วงเธอ อยากให้เธอตั้งใจเรียนหนังสือมีความรู้ กลัวจะพลั้งมือฆ่าคนตายเพราะความใจร้อน รอให้โตกว่านี้หน่อย อย่าว่าแต่มีดเล่มเดียวเลย จะซื้อปืนเอาไว้ป้องกันตัวหรือให้ฉันสร้างสนามยิงปืนเอาไว้ซ้อมยิงฉันก็ทำให้เธอได้”

สโรชาชะงัก แต่ก็แค่อึดใจเดียว มันได้ยินนายเสือแผดเสียงลั่นบ้านเมื่อเท้าหนาโดนกระทืบเต็มรัก

“ตบหัวแล้วลูบหลัง ไอ้บัวไม่ง้อนายแล้ว ไม่มีนายข้าก็มีชีวิตอยู่ได้ ไม่ตาย!”

ด้วยแรงผลักอันสุดแรงเกิด ร่างสูงจึงผงะหงายจนเกือบจะล้ม

“ข้าเป็นเด็กดีของปู่มาตลอดทั้งชีวิต ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ข้าจะไม่เชื่อฟังปู่ เพราะนาย นายไม่รักษาสัจจะของนายก่อน ข้าไม่สามารถอยู่เคียงข้างนายได้ตลอดรอดฝั่งทั้งๆ ที่ปู่อุตส่าห์สั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย รู้งี้ข้าไม่เป็นเจ้าสาวให้นายหรอก เป็นศัตรูคู่แค้นกันยังจะดีเสียกว่า”

ร่างเล็กวิ่งตื๋อผ่านหน้าเจ้าของไร่ด้วยความเร็วที่เขาไม่อาจจะสกัดกั้นได้ทัน ลงจากเรือนไปหามุมสงบอยู่คนเดียวเงียบๆ

“เด็กบ้า!” ชายหนุ่มเสยผมที่แต่เดิมไม่ยุ่งจนยุ่งไปหมดทั้งศีรษะ จะตามไปเอาน้ำเย็นเข้าลูบก็ไม่มีเวลาเหลือเพียงพอ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจะต้องย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล ป่านนี้แก้วกุดั่นน่าจะตื่นแล้ว อาจจะอยากได้ของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่จำเป็น และที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจจากพี่ชายซึ่งเป็นคนในครอบครัว หล่อนเพิ่งประสบเหตุร้ายจนได้รับบาดเจ็บก็คงตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย

คืนนี้สิขเรศไม่กลับบ้าน จะเจอกับเด็กสาวเลือดร้อนอีกทีก็พรุ่งนี้ตอนสาย ต่างคนต่างใจเย็นลงคงพอจะคุยกันรู้เรื่อง คำว่าห่วงใยที่โพล่งออกไปคือความรู้สึกอันแท้จริง เขาเริ่มเอ็นดูหลานสาวพรานบุญตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ตัว ไม่รำคาญ ไม่อยากซัดบ้องหูมันเหมือนแต่ก่อน

มันคงเป็นความปรารถนาดีที่ผู้ปกครองมีให้เด็กในอุปการะ ต้องหาวันว่างสักวันไปร้านหนังสือในตัวจังหวัด หาหนังสือจิตวิทยาเลี้ยงวัยรุ่นมาอ่านสักสองสามเล่ม การสื่อสารระหว่างเขากับไอ้บัวจะได้หมดปัญหาไปเสียที

 

แก้วกุดั่นร้องไห้กระซิกเมื่อเห็นหน้าพี่ชาย พร่ำพูดซ้ำๆ ว่าหล่อนขอโทษ เพราะมัวแต่อ่อนแอจึงเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีก พนักงานรักษาความปลอดภัยก็มี คนงานในบ้านก็มีให้เรียกใช้เป็นสิบ หล่อนเกรงใจพิริตามากเกินไป ไม่กล้ามีปากเสียงกระทั่งได้รับบาดแผลจากคมมีดเป็นบทเรียนในการเลือกคบคน

“เจ็บแผลมากหรือเปล่า” ชายหนุ่มลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงผู้ป่วย เช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มเซียวซีดด้วยกิริยาอ่อนโยน

“เจ็บค่ะ แต่ก็เจ็บพอทนได้”

“ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ถือเสียว่าฟาดเคราะห์”

“กวางเสียใจค่ะพี่เสือ กวางไม่เอาไหน โตจนป่านนี้ก็ยังไม่เอาไหนเลยสักเรื่อง”

“หยุดโทษตัวเองได้แล้ว พี่ไม่อยู่บ้าน แต่พี่ก็รู้ว่าใครเป็นตัวต้นเหตุ พี่ไม่อนุญาตให้คุณตาลเข้านอกออกในบ้านเราอีก กวางจะคบเพื่อนคนนี้ต่อก็คบไป แต่ต้องนัดเจอกันที่อื่น นักเลงอันธพาลจะชายหรือหญิงไร่พันดาวก็ไม่ยินดีต้อนรับ”

“พี่เสือทำถูกแล้วค่ะ กวางรู้ซึ้งแล้วว่ามิตรภาพแบบไหนที่กวางไม่ควรถนอม ยิ่งยื้อยิ่งได้เห็นนิสัยใจคอด้านมืดของกันและกัน ก่อนออกจากโรงพยาบาลกวางขอคุยกับตาลสักครั้งนะคะ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันมานาน จะตีตัวออกหากกวางก็ควรจะบอกกล่าวเหตุผลว่าที่ผ่านๆ มากวางอึดอัดใจมากเหลือเกิน ไม่มีความสุข ไม่เป็นตัวของตัวเอง”

“เอาสิ ถ้าคิดว่าคุยแล้วสบายใจขึ้นก็ลองคุยดู”

“ขอบคุณค่ะ”

“ไอ้บัวมันบอกพี่ว่ากวางเซไปชนมีดของมันเอง มันไม่ได้แทง คุณตาลพูดอีกอย่าง พี่อยากได้ความจริง”

แก้วกุดั่นไม่อยากปกป้องคนผิดอีกแล้ว พิริตาย่ามใจก่อเรื่องวิวาทสองวันซ้อน คงคิดว่าเบ๊ตลอดศกอย่างหล่อนจะคอยเข้าข้างเหมือนอย่างเคย เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ช่วยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพราะกลัวจะโดนโกรธ กลัวจะเสียเพื่อน

หญิงสาวเล่าเรื่องอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ และถือโอกาสสารภาพผิดในวันที่เสื้อผ้าของเด็กบัวถูกเผา หล่อนรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ไม่กล้าพูดความจริงให้เขาฟัง มิหนำซ้ำยังโกหกผสมโรงว่าสาวแรกแย้มจากโป่งชะง่อนทุบตีพิริตาและเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน

“หลายๆ ครั้งกวางก็เกลียดตัวเองค่ะ เกลียดที่อ่อนแออยู่ร่ำไป พยายามจะเข้มแข็ง แต่ก็ทำไม่เคยได้”

“กวางเจ็บตัวขนาดนี้ก็คงเสียขวัญ พี่ไม่ตำหนิซ้ำเติมหรอกนะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วกวางขอโทษไอ้บัวมันหน่อยก็แล้วกัน นี่มันก็งอนตุ๊บป่องใส่พี่อยู่ เคืองพี่ที่พี่ไปดุมัน จะยึดมีดของมันเอามาเก็บ”

แก้วกุดั่นรีบรับคำอย่างไร้แง่งอน ถึงสิขเรศไม่เอ่ยปากหล่อนก็ตั้งใจไว้แล้ว อยากขอโทษสโรชาถึงแม้อีกฝ่ายด้อยอาวุโสกว่าหลายปี หล่อนประพฤติตนไม่น่านับถือ ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ ไม่โดนเด็กถอนหงอกก็ถือว่าบุญโข

“ไหนๆ ก็จับเข่าคุยกันแล้ว คุยอีกเรื่องละกัน”

“เรื่องอะไรคะ”

“เรื่องพี่สิงห์”

น้องสาวหลบตาวูบ กิริยาของหล่อนเต็มไปด้วยพิรุธ

“ไอ้สิงห์มันรักกวางนะ แต่ก็รักอย่างน้อง พี่รู้ใจมันเท่าๆ กับที่มันรู้ใจพี่”

“พี่เสือรู้?”

“รู้”

“พี่สิงห์ล่ะคะ รู้ด้วยหรือเปล่า”

“ก็คงรู้”

“โธ่ กวางอับอายเหลือเกินค่ะ จะสู้หน้าพี่สิงห์ได้ยังไงอีก”

“ใจเย็นๆ” สิขเรศจับมือน้องสาวและบีบให้กำลังใจ

“ไอ้สิงห์มันไม่ได้รำคาญ สมเพช หรือเห็นน้องเป็นตัวตลกเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะรู้สึกมันก็รู้สึกเหมือนพี่คือห่วงใยกวาง ปรารถนาดี ไม่อยากให้กวางจ่อมจมอยู่กับความหวังที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ พี่จะไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ปล่อยให้กวางเรียนรู้ความรักด้วยตัวของกวางเอง แต่นี่ก็หลายปีแล้ว หลายปีที่ดวงตาของกวางจับจ้องแต่ไอ้สิงห์ ไม่มองคนอื่น ไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาใกล้ชิด”

หญิงสาวสะอื้น อเนจอนาถใจกับความรัก อายุใกล้จะขึ้นเลขสามแค่แฟนสักคนก็ยังไม่เคยมี ไม่เคยจูบ ไม่เคยได้รับดอกไม้ช่อใหญ่ๆ ในวันวาเลนไทน์ อีกหน่อยตัดขาดกับพิริตาก็คงต้องเดินชอปปิงเหงาๆ คนเดียว ซื้อตั๋วหนังใบเดียว นั่งรับประทานไอศกรีมเพียงคนเดียวในร้านที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่ดอกรักกำลังผลิบาน

“ถ้ามีความเป็นไปได้ถึงจะแค่เล็กน้อย พี่จะเชียร์กวางให้เป็นสะใภ้สิงหคุณาวัฒน์จนสุดตัว แต่พี่กับไอ้สิงห์สนิทกันตั้งแต่เด็ก พี่คิดว่าพี่อ่านใจมันออกทะลุปรุโปร่ง”

“กวางทราบดีค่ะว่าพี่สิงห์ไม่มีทางคิดกับกวางฉันชู้สาว กวางแค่...แค่ไม่รู้วิธีตัดใจ บอกตัวเองก็แล้ว ด่าตัวเองก็แล้ว แต่กวางก็ยังเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ อยู่”

“อย่าร้องไห้ ความรักไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ลองเปิดใจออกกว้างๆ กวางอาจจะเจอผู้ชายคนอื่นที่เป็นคนดีเหมาะสมจะเป็นคู่ชีวิต ดูแลปกป้องกวางได้ เป็นกำลังใจ สร้างเสียงหัวเราะ พร้อมจะแบ่งปันความสุขหรือแม้กระทั่งความทุกข์ เมื่อกวางเจอคนพิเศษของกวางแล้ว ความรู้สึกลึกซึ้งที่เคยมีให้ไอ้สิงห์มันจะเลือนหายไปเอง”

“ผู้หญิงทึ่มๆ ไม่มีเสน่ห์อย่างกวางไม่มีใครอยากข้องแวะหรอกค่ะ”

“ต้องมีอยู่แล้ว ผู้หญิงน่ารักน่าทะนุถนอม นิสัยดี กิริยามารยาทอ่อนหวานอย่างกวางเปรียบเป็นเพชรก็เพชรน้ำหนึ่ง แค่เลิกเก็บตัวขี้คร้านพวกหนุ่มๆ จะพุ่งมาขายขนมจีบกันจ้าละหวั่น คราวนี้แหละ บ้านแม่เลี้ยงศรีดาราหัวบันไดจะไม่แห้ง”

คนเจ็บเกือบจะเผลอยิ้ม น้ำตาแห้งเหือดไปตั้งแต่ตอนไหนหล่อนก็ไม่รู้ตัว

“เอาไว้วิ่งได้ปร๋อเมื่อไรพี่จะพาเที่ยว พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ”

สิขเรศดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี กำชับให้หล่อนปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด ถึงเวลานอนเขานอนไม่ค่อยหลับ แปลกที่ก็ส่วนหนึ่ง จิตกระหวัดถึงสโรชาก็อีกส่วน

หากเขายอมอ่อนข้อเรื่องมีด พรุ่งนี้เจอกันมันจะตอกเขาหน้าหงายอีกหรือเปล่า หาว่าชอบตบหัวแล้วลูบหลัง ทำให้มันเจ็บใจจนถึงขั้นตะเบ็งเสียงใส่หน้าว่ามันไม่ง้อนายแล้ว ไม่มีนายก็อยู่ได้ไม่ตาย

หัวใจบางมุมก็ช่างแปลกพิกล สโรชาไม่ง้อก็น่าจะดี ขาดคนตามตอแยกวนประสาทก็น่าจะชอบ จะแคร์อะไรกับเด็กมอมแมมตัวเท่าลูกหมา เขาเป็นใครกันเล่า นายเสือแห่งไร่พันดาวไม่ใช่เพื่อนเล่นหัวของเด็กสิบหกเสียหน่อย

ชะตาชีวิตขีดเขียนให้บังเอิญต้องพัวพันกัน แต่อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาคอยแต่จะใจอ่อน อาจเป็นเพราะดวงตาดำขลับทอประกายสุกสกาว หรือเสียงหัวเราะสดใสปานระฆังเงิน ดวงหน้าทะเล้นที่ชอบยิ้มแป้นแล้นยั่วโทสะ กิริยากระโดกกระเดกไร้จริตปรุงแต่งประสาเยาวชนที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือเป็นกิจจะลักษณะ

จะอะไรก็ช่าง! เขาพลาดท่าเอ็นดูหลานสาวพรานบุญเข้าให้แล้ว

 

พิริตาขับรถตรงดิ่งมาโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าหล่อนเข้าเยี่ยมแก้วกุดั่นได้แล้ว คนเจ็บเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาหล่อนเอง บอกสั้นๆ เพียงว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เมื่อมาถึงหล่อนเจอต้นนทีหอบกระเช้าซุปไก่สกัดมาเยี่ยมน้องสาวเพื่อนและนั่งอยู่ข้างเตียง สนทนากันด้วยเรื่องบำรุงสุขภาพ

ด้วยความใจร้อนสาวสวยจึงโพล่งฉอดๆ ออกมา โดยไม่สนใจบุคคลที่สามว่าจะตกตะลึงแค่ไหนที่ได้เห็นพฤติกรรมก้าวร้าวสุดโต่ง

“พี่เสือทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง เขาสั่งห้ามฉัน ไม่ให้ฉันเข้าออกไร่พันดาวอีก ไม่ไว้หน้า ไม่ให้เกียรติกันเลย ฉันไม่ได้แทงเธอ โน่น นังเด็กบัวโน่นมันเป็นคนแทง จะพาลพาโลโกรธฉันเรื่องอะไร”

“ชู่ อย่าเสียงดังนักสิน้องตาล น้องกวางยังไม่ทันจะแข็งแรงดี”

“เพื่อนกับเพื่อนจะเคลียร์กัน พี่ต้นไม่รู้สี่รู้แปดกรุณาอย่าสอด”

“ตาล! เธอรู้ตัวหรือเปล่าเธอกำลังหยาบคาย”

“เฮอะ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ เป็นมาตลอด แต่เธอก็คบหาฉันได้นี่กวาง วันนี้จะมาบอกว่าฉันหยาบคาย”

ต้นนทีส่ายหัวเอือมระอา เขารู้จักพิริตาเพราะหล่อนเป็นญาติผู้น้องของวิศรุต ผู้หญิงบางคนเวลาโกรธความสวยมลายเกือบจะหมดสิ้น ถมึงทึงเลือดร้อน ขมวดคิ้วนิ่วหน้าตาขวาง เขาไม่พาตัวเองออกไปจากห้องพิเศษเพราะห่วงสวัสดิภาพของแก้วกุดั่น คนหนึ่งก็เหมือนไฟ อีกคนก็เหมือนแก้ว เปราะบางจนห่วงว่าจะแตกร้าวคามือคนเจ้าอารมณ์

“เธอต้องคุยกับพี่เสือ อธิบายให้เขาเลิกเข้าใจฉันผิด แล้วนังเด็กหูหนาตาเล่อนั่นล่ะ พี่เสือลงโทษมันหรือยัง”

“พี่เสือไม่ได้เข้าใจเธอผิด เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอหรือบัวที่ควรจะเรียกหาความยุติธรรม ฉันเคารพการตัดสินใจของพี่ชายฉัน ถ้าเขาห้ามเธอไม่ให้เข้าออกไร่พันดาวแสดงว่าเขาเหลืออดแล้วจริงๆ แม้แต่ตัวฉันเองก็หมดสิ้นความอดทนแล้วเหมือนกัน เธอไม่เกรงใจฉัน ฉันไม่เคยปริปากพูด อึดอัดแค่ไหนก็สู้ทนกล้ำกลืนเอาไว้ แต่เธอไม่เกรงใจพี่เสือ ไม่เกรงใจคุณป้า ฉันยอมไม่ได้ จะไม่ยอมตามน้ำอีกต่อไปแล้ว”

แก้วกุดั่นเหลือบมองนักออกแบบผลิตภัณฑ์หนุ่ม อายก็อายที่แตกคอกับเพื่อนต่อหน้าบุคคลอื่น แต่ลึกๆ ก็อุ่นใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับลูกสาวเสี่ยโต้งตามลำพัง เมื่อไม่ได้ดังใจเหมือนที่เคยได้ พิริตาอาจสติแตก ควบคุมอารมณ์รุนแรงไม่อยู่

ต้นนทีลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อม เห็นนัยน์ตาวาววับก็รู้แล้วว่าทายาทโรงงานน้ำตาลควันแทบจะออกหู หล่อนไม่ชินกับการโดนย้อน เคยแต่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน

“กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้ เธอกล้าดียังไงฮะยายกวาง”

“ฉันก็แค่พูดความจริง ที่ผ่านๆ มาฉันเฝ้าแต่รักษาน้ำใจเธอ ยอมสูญเสียตัวตนก็ยอม เธอล่ะตาล เคยเรียนรู้วิธีถนอมน้ำใจใครบ้างไหม เธอมองว่าฉันเป็นลูกไล่ เป็นคนที่เธอจะยกตนข่มท่านยังไงก็ได้”

“เพื่อนทรยศ!”

“สุดแต่ใจของเธอเถอะ ฉันเป็นคนผิดให้ก็ได้ถ้ามันทำให้เธอสบายใจขึ้น แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปอย่าเอาอารมณ์ฉุนเฉียวของเธอมาลงที่ฉันอีก ฉันไม่ใช่กระโถนท้องพระโรง”

“หึ! เธอคิดว่าฉันต้องง้อเพราะเธอเป็นน้องพี่เสือ กล้าต่อว่าฉันฉอดๆ เพราะคิดว่าฉันไม่มีปัญญาตัดใจ ตีหน้าซื่อแต่ที่แท้น้ำนิ่งไหลลึก ฝันไปเถอะ ฉันไม่ง้อ ไม่มีฉันซะคนอย่างเธอก็หมาหัวเน่า เธอนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ถึงตอนนั้นถ้าฉันสะบัดบ๊อบใส่อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”

แก้วกุดั่นมองดวงหน้าสวยเฉียบพลางหายใจสะท้อน เสียดายวันเวลาที่เคยพบปะคุ้นเคยกัน แต่จะทำอย่างไรได้ พิริตาร้อนรุ่มเป็นไฟ อารมณ์กราดเกรี้ยวขึ้นๆ ลงๆ ทำหล่อนเข็ดขยาด

“ใครกันแน่ที่ต้องอดทน ฉันรำคาญนิสัยกระบิดกระบวนของเธอมาหลายปี น้ำตาเข้าน้ำตาออกวันละสี่ห้ารอบอย่างกับลูกแหง่ไม่รู้จักโต คนอย่างฉันจะเข้าสังคมไฮโซโก้หรูแค่ไหนก็เข้าได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เสือฉันโละเธอออกจากกรุนานแล้ว อ้อ ฝากไปบอกพี่ชายเธอด้วยนะ ฉันไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกอย่างที่เขาคิด อาเจ็กเต็งจะนัดดูตัวให้ฉันเร็วๆ นี้ ผู้ชายคนนั้นแว่วว่าเป็นนายทหารยศพันโท รูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่ฐานะการเงินสมน้ำสมเนื้อกับฉันทุกอย่าง”

“ไม่เป็นไรหรอกตาล เธอคบฉันเพราะอะไรฉันรู้ ตอนนี้ฉันหมดประโยชน์กับเธอแล้ว ถึงฉันโน้มน้าวให้ตายพี่เสือก็ไม่ใจอ่อนคล้อยตาม ถ้าเธอได้เจอคนที่เธอถูกใจฉันก็ยินดีด้วย นิสัยของเราสองคนไม่ค่อยเข้ากัน ถ้าคบกันต่อเธอจะขุ่นเคืองใจเสียเปล่าๆ”

“ไม่ต้องพล่ามอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า ฉันเกลียดเธอ เกลียดเพื่อนทรยศ” พิริตาเค้นเสียงลอดไรฟัน ความผิดของตัวเองหล่อนมองไม่เห็น

สาวผมสั้นก้าวฉับๆ ออกไปจากห้อง ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลแค่ไม่กี่นาทีก็ขับรถกลับบ้าน ไม่ถามแก้วกุดั่นถึงอาการบาดเจ็บสักคำ มิตรภาพยาวนานขาดสะบั้นลงในพริบตาก็เพราะทิฐิอยู่เหนือเหตุผล ปล่อยให้ความโกรธบดบังดวงตาจนมืดบอด คำว่าขอโทษคำเดียวก็ซื้อใจคนเป็นเพื่อนได้แล้ว หล่อนคิดว่าตัวเองทั้งสวยทั้งรวยครบเครื่อง จะต้องง้ออะไรนักหนากับแก้วกุดั่นที่มีดีอยู่แค่ข้อเดียว กล่าวคือมีพี่ชายหล่อ แต่หล่อลากไส้แค่ไหนเขาก็ชังน้ำหน้าหล่อนแล้ว ไม่อนุญาตแม้แต่จะให้เข้าใกล้

“กวางอายพี่ต้นจังเลยค่ะ” แก้วกุดั่นพูดเสียงเบา สีหน้าแววตาของหล่อนน่าสงสาร

“ถ้าน้องกวางไม่รังเกียจ พี่สมัครเป็นเพื่อนน้องกวางได้ไหมครับ”

“อย่าเลยค่ะ ตาลพูดถูก กวางเป็นคนน่าเบื่อ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยมีเพื่อน”

“นั่นอาจจะเป็นเพราะ...” ต้นนทีหยุดชั่งใจ สุดท้ายก็เลือกที่จะพูด

“น้องตาลไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครนัก ดูหยิ่ง ดูเป็นคนเข้าถึงยาก น้องกวางสนิทอยู่กับน้องตาล คนที่เขาไม่รู้ก็อาจจะเหมารวมว่าเพื่อนกันนิสัยก็น่าจะคล้ายคลึงกัน”

หญิงสาวเอียงคอ หล่อนไม่เคยคิดในแง่ที่ต้นนทีคิด คำพูดของเขามีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย

“พี่ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ เทียบพี่สิงห์ไม่ติดฝุ่นในทุกๆ ด้าน แต่พี่ก็มั่นใจว่าพี่เป็นเพื่อนที่ดีของน้องกวางได้แน่ๆ”

“ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงเปรียบเทียบตัวเองกับพี่สิงห์” หล่อนถามเสร็จก็กลั้นใจรอคำตอบ รู้สึกกล้าหาญอย่างประหลาดเมื่อมองสบกับดวงตาคู่อ่อนโยน

“น้องกวางรู้ไหมครับ เวลาที่เราชอบใคร พี่หมายถึงแอบชอบเขาข้างเดียว สายตาของเราจะเฝ้ามองแต่เขาคนนั้นอยู่เสมอ เขาชอบใคร ใครที่เขายิ้มแย้มอ่อนหวานให้เป็นพิเศษ ใครที่เปลี่ยนแก้มขาวๆ ของเขาเป็นสีชมพูระเรื่อ เราจะรู้ จะลอบสังเกตอากัปกิริยาของเขาอยู่ในมุมที่เขาไม่เคยเหลือบตามามอง แอบรู้และแอบเจ็บอยู่คนเดียวเงียบๆ”

“พี่ต้น...” แก้วกุดั่นลากเสียงยาว ถึงไม่ฉลาดเลอเลิศนักก็พอจะแปลความหมายออก

“ลองคบพี่เป็นเพื่อนดูไหมครับ เริ่มจากเพื่อนก็พอ เอาไว้เล่าเรื่องทุกข์สุข เอาไว้ถือของให้ตอนน้องกวางเดินชอปปิง เป็นบอดีการ์ดส่วนตัวพี่ก็เป็นได้นะ ถ้าพี่นิสัยไม่ดี ทำอะไรก็ไม่เข้าตา น้องกวางจะเลิกเป็นเพื่อนกับพี่ตอนไหนก็ได้ เอาที่น้องกวางสบายใจ”

“พี่ต้นพลาดแล้วละค่ะ มาขอเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่มีเพื่อน กวางกำลังกลัวความเหงา กลัวว่าจะต้องไปไหนมาไหนคนเดียว ตัดขาดกับตาลกวางจ๋อยยิ่งกว่าจ๋อยอีกค่ะ”

“พี่ยอมพลาด ไม่ใช่แค่วันนี้หรอกนะครับ ถ้าเพื่อน้องกวางแล้ว ต่อให้พลาดทั้งชีวิตพี่ก็ยอม”

แก้วกุดั่นเผลอตัวคลี่ยิ้มขำขัน ร่างกายอิดโรยแต่สมองคลายตึงเครียดลงมาก ตลกมุกลิเกของผู้ชายที่หล่อนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของสิขเรศ อายุไล่เลี่ยกับหล่อน แต่ประสบการณ์ชีวิตห่างกันหลายขุม โลกของหล่อนเป็นโลกแคบๆ ถ้ามีใครสักคนที่พอไว้ใจได้มาช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นก็คงเข้าที

สิงหราชอยู่สูงเหลือเกิน สุดมือเอื้อมก็ยากจะคว้าถึง ที่พอจะทำได้คือเก็บเขาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ เอาไว้คิดถึง เอาไว้ชื่นชมปลาบปลื้ม อยู่ในความฝันเพียงบางค่ำคืนเท่านั้น แต่ถ้าจะรัก จะมองหาตัวจริงเอาไว้เดินจับมือหล่อนต้องมองคนอื่น อาจเป็นต้นนทีที่เพิ่งเสนอตัวเป็นเพื่อนใหม่ ใครก็ได้ ใครสักคน คนจิตใจดีที่ไม่คิดกับหล่อนฉันน้องสาววันยังค่ำ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น