4

สมาชิกใหม่


4

สมาชิกใหม่

กลับจากทริปบริจาคเงินและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กยากไร้ในท้องถิ่นทุรกันดาร สิขเรศก็หมกมุ่นหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีปศุสัตว์อย่างละเอียด เพื่อพัฒนาไร่พันดาวให้สมเป็นไร่ตัวอย่าง เป็นแหล่งเกษตรครบวงจรของภาคเหนือตอนล่าง ปลูกไม้ผลและผักปลอดสารพิษส่งออกประสบผลสำเร็จดีแล้วก็อยากทดลองเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กเพื่อการค้าดูบ้าง ที่เขามองๆ และกำลังชั่งใจคือ ไก่ไข่ ไก่เนื้อ และไก่พันธุ์สวยงามจากต่างประเทศ

เดือนทั้งเดือนเช้าจดเย็นมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน เรื่องราวเกี่ยวกับไอ้บัวตัวแสบจึงไม่ค่อยใส่ใจนัก อีกอย่างพรานบุญก็น่าจะอายุยืนเกินห้าวัน เผลอๆ อยู่เป็นขวัญกำลังใจให้หลานสาวได้อีกหลายปี ก็ในเมื่อยังพูดจารู้เรื่อง ชัดถ้อยชัดคำ นัยน์ตากร้านโลกคู่นั้นยังฉายแววน่าเกรงขามเสียด้วยซ้ำ

“นาย! นายคร้าบ!” คำมูล คนงานทำงานบ้านที่แม่เลี้ยงศรีดาราไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จอดมอเตอร์ไซค์ได้ก็วิ่งชายเสื้อปลิวสะบัดฝ่าเปลวแดดเข้าหาร่างสูงที่ยืนส่องกล้องทางไกลอยู่บนเนินดินใกล้ต้นกระบก

“อะไรฮึ แตกตื่นเป็นเจ๊กตื่นไฟ”

“แม่เลี้ยงให้มาตามนายกลับบ้าน กำชับว่าต้องกลับเดี๋ยวนี้ กลับด่วน”

“แม่เลี้ยงเป็นอะไร”

“เปล่าครับ แม่เลี้ยงไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่า...นายเสืออาจจะเป็น”

“จะเล่าก็ไม่เล่ารวดเดียวจบ เล่นลิ้นขยักขย่อน ประเดี๋ยวพ่อตัดเงินเดือนเสียให้เข็ด”

“โธ่นาย!” ไอ้หนุ่มเคราแพะโอดครวญเสียงหลง คนกำลังเก็บหอมรอมริบ จะหอบเงินแสนไปสู่ขอลูกสาวแม่ค้าขายส้มตำในตลาดหน้าอำเภอทำเมีย เอาไว้นอนกอดอุ่นๆ ให้เพื่อนฝูงที่ยังไร้คู่อิจฉาเล่น

“เงินเดือนของกระผมน้อยนิดแค่พอยาไส้เดือนชนเดือน อย่าเสียเวลาหักเลยนะนาย”

“คำมูล!”

“ครับ! ครับ! คืองี้ครับ ที่แม่เลี้ยงให้กระผมมาตามนายกลับบ้านด่วนก็เพราะมีเด็กชาวป่าหน้าตามอมแมม ผมเผ้ายุ่งกระเซิง หลงมาจากยอดดอยยอดไหนก็ไม่รู้ มาแอบอ้างว่านาย...เอ่อ...นายเสือเป็นผัวของมัน มันจะตามมาอยู่ด้วย”

“ไอ้บัว!” งานเข้าเขาอีกแล้ว เผลอๆ อาจจะเป็นงานช้าง

“ใช่ครับนาย มันบอกแม่เลี้ยงว่ามันชื่อบัว ตัวเท่าลูกหมาริอ่านโกหก จะบุกล้วงคองูเห่าถึงถิ่น”

สิขเรศถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนควักกระดาษสีขาวพับสามทบออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือให้แก่คำมูล

“ไปตามหาหัวหน้าคนงานนะ คุณนิมิตหรือคุณสมชาติก็ได้ ให้เข้าไปตรวจอาคารแปรรูปผลิตภัณฑ์แทนฉันหน่อย ฉันนัดคุณสุพรรณิการ์หัวหน้าอาคารเอาไว้ตอนบ่ายสอง ให้สุ่มตรวจตามหัวข้อที่ฉันจดโน้ตเอาไว้ เน้นความสะอาดเป็นหลัก”

สั่งงานเสร็จชายหนุ่มก็ขับรถยนต์ตรงดิ่งกลับบ้าน เขากับมารดากันพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้สิบสองไร่ ปลูกบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่สวยงามอยู่กลางสวนผลไม้พื้นเมืองอันร่มรื่น ล้อมรั้วคอนกรีตสูงสามเมตรเอาไว้แน่นหนา ป้องกันนักท่องเที่ยวขาจรเข้าใจผิดจะเข้ามาเยี่ยมชม จะเข้าจะออกต้องผ่านป้อมยามก่อน ส่วนที่เหลือรวมเบ็ดเสร็จเกือบหนึ่งพันห้าร้อยไร่ เป็นส่วนที่ทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ลดปุ๋ยเคมี ให้ความสำคัญแก่การฟื้นฟูคุณภาพดิน

ภายในไร่มีร้านอาหารเพื่อสุขภาพปรุงสดใหม่จานต่อจาน ร้านขายของฝากของที่ระลึก รีสอร์ต จุดกางเต็นท์ จุดถ่ายรูป จุดชมวิวสามร้อยหกสิบองศา รวมถึงอาคารแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อส่งขาย และบริการนวดแผนไทยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบมากเป็นพิเศษ

คนงานส่วนใหญ่ของไร่พันดาวเป็นคนในพื้นที่ ทำงานกันแบบเช้าไปเย็นกลับ มีรถสองแถวหกล้อบริการรับส่งฟรีจนถึงหน้าบ้าน มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งก็มีเรือนพักคนงานเป็นสวัสดิการให้พัก แยกเป็นสัดส่วนสามคนต่อหนึ่งห้อง แต่ละห้องมีส่วนทำครัวขนาดเล็ก ส่วนซักล้าง ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องเสีย แต่ต้องประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็น

“ยังไงฮึ เกิดเรื่องใหญ่ทำไมถึงอุบเงียบ เห็นแม่เป็นหัวหลักหัวตอแล้วรึ” แม่เลี้ยงศรีดาราซักฟอกลูกชายทันทีที่เห็นหน้า เธอนั่งอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง ไร้เงาของเด็กสาวจากโป่งชะง่อน

“ผมไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ”

“อ้อ! แล้วที่โผล่พรวดพราดมาแสดงตัวว่าเป็นเมียเด็กของเสือ แม่ไม่ตกใจเลยงั้นสิ หัวใจเกือบวายแน่ะ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมอธิบายได้”

คนเป็นแม่โบกมือพร้อมๆ กับส่งค้อนวงเบ้อเริ่ม

“เด็กมันเล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว ก็ดูซื่อๆ ดี ดูไม่มีพิษภัย”

“หึ!” ใต้ความซื่อคือความป่วน ทำเขาเสียศูนย์จนต้องเกี่ยวดองข้องเกี่ยวกัน มันบอกใครต่อใครเต็มปากว่าเขาเป็นผัว ตามมาทวงสิทธิ์ที่ไม่พึงมีถึงอาณาจักรที่เขาภาคภูมิใจ รับมือเด็กอายุสิบหกไม่น่ายาก แต่กลับกลายเป็นเรื่องไม่หมูไปเสียได้

ไอ้บัวมันเก่งหรือเขาใจอ่อนไปกับดวงตาบ้องแบ๊วคู่นั้น

“แล้วนี่เด็กบัวไปไหนล่ะครับ”

“แม่ให้ยายกวางพาไปเข้าห้องน้ำ บ่นว่าปวดฉี่ ฉี่จะราดอยู่แล้ว โธ่เอ๋ย ทำสุ้มทำเสียงน่าเอ็นดู แม่ก็อดเอ็นดูไม่ได้” แม่เลี้ยงวัยห้าสิบเจ็ดเป็นคนจิตใจดี ชอบทำบุญทั้งกับวัดและกับคน

“ยายกวางอยู่บ้าน?”

“น้องลืมของ กลับมาเอาของพอดี”

หลังเรียนจบแก้วกุดั่นไม่ต้องออกไปสมัครงาน หล่อนทำงานอยู่ในไร่พันดาว เป็นพนักงานบัญชีที่เจ้าของไร่สามารถไว้ใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้เต็มร้อย ในฐานะที่เป็นลูกคนเดียว เมื่อบิดามารดาสิ้นบุญทรัพย์สินของพวกท่านและเงินประกันชีวิตจึงตกเป็นของหล่อนทั้งหมด

“เท่าที่ฟังเรื่องราวก็ชุลมุนเอาเรื่องอยู่ เสือคิดรึยังลูก ว่าจะเอายังไงต่อไป”

“มันมาคนเดียวหรือเปล่าครับ”

“จ้ะ มาแค่คนเดียว อาศัยโบกรถมาเรื่อยๆ”

“แม่ครับ ให้ไอ้บัวอยู่ที่นี่กับเราได้ไหมครับ ผมจะเลี้ยงมันเอง อย่างน้องอย่างหลานก็ได้”

“โถลูก จะถามแม่ทำไมเล่า บ้านช่องเรือกสวนแม่ก็ยกให้เสือแล้วทั้งหมด อะไรเห็นสมควรเสือตัดสินใจได้เลย วันๆ แม่ก็เข้าแต่วัด เดินสายทำบุญมั่ง ปฏิบัติธรรมมั่ง ทั้งบ้านทั้งไร่เสือเป็นคนดูแลอยู่แล้ว”

“ผมกลัวว่าแม่จะปวดหัว ไอ้บัวมัน...มันแก่นแก้วกระโดกกระเดก พูดจาโผงผาง ยังไม่ค่อยรู้กาลเทศะ”

คนเป็นแม่หัวเราะเสียงนุ่ม นึกย้อนไปถึงเรื่องราวแต่หนหลัง

“ตอนที่เสือเป็นวัยรุ่นทั้งเฮี้ยวทั้งห่าม ดื้อก็ดื้อ หัวรั้นไม่มีใครเกิน แม่ยังเลี้ยงเสือได้ นับประสาอะไรกับเด็กผู้หญิงตาดำๆ แค่คนเดียว ถ้าเสือตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงดู แม่จะอบรมกิริยามารยาทให้เอง”

แม่เลี้ยงศรีดาราไม่ได้คิดลึก แต่คำว่าเลี้ยงดูดันสะกิดใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้เผลอย่นหัวคิ้วเข้าหากัน เหมือนว่าเขาจะเลี้ยงต้อยไอ้บัวเอาไว้รอมันโต

บ้าน่า! เขาเจตนาดี ต่อให้มันสาวขึ้น สวยขึ้นผิดหูผิดตา นายเสือแห่งไร่พันดาวก็ไม่อดอยากปากแห้งถึงปานนั้น เด็กในบ้านอยู่ในปกครอง ขืนวอแวฉันชู้สาวก็มีแต่เสียกับเสีย สมภารกินไก่วัดเขาไม่นิยม สาวนอกบ้านที่รูปโฉมเตะตาเดินขวักไขว่อยู่เกลื่อนถนน

“ผมจะวานยายกวางให้ช่วยขัดเกลาไอ้บัวอีกแรง แม่จะได้ไม่เหนื่อย”

“น้องไม่ค่อยว่างหรอกมั้ง เห็นหนูตาลลากไปโน่นมานี่ไม่เว้นวัน ดูท่าเสี่ยโต้งจะรักลูกสาวคนนี้มาก งานการไม่ยอมให้แตะ เรียนจบก็ตั้งหลายปีแล้ว”

สิขเรศยังไม่ทันจะออกความคิดเห็นก็ต้องมีอันสะดุ้ง เสียงเรียกดังลั่นมาพร้อมร่างเล็กๆ ที่โถมเข้าหา

“นาย! ในที่สุดข้าก็หานายเจอ”

แก้วกุดั่นมองพี่ชายที่กำลังถอยร่นไม่เป็นกระบวน เด็กบัวก็ตามติดเกาะแขนแจ มันแหงนหน้ามองเขาด้วยแววตาน่าสงสาร มีน้ำตาเอ่อขังอยู่คลอคลอง

ชายหนุ่มทำท่าจะผลักเด็กสาวแต่งกายมอมแมมออกพ้นตัว แต่คำพูดของมันสะกดใจดวงใหญ่ให้โอนอ่อนได้ราวกับเสกคาถานะจังงัง

“ปู่ตายแล้ว ข้าไม่เหลือใครแล้ว เหลือแค่นายคนเดียว”

“ก็แล้วทำไมไม่ส่งข่าวมา”

“จะส่งยังไงล่ะนาย สู้มาเองยังง่ายเสียกว่า”

“ไปนั่งตรงโน้นไป ใกล้ๆ แม่เลี้ยงโน่น”

“ไม่เอา ข้าอยากอยู่ใกล้ๆ นาย คิดถึง”

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดจาน่าเกลียด ฉันเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิง ยืนเบียดกระแซะกันต่อหน้าแม่เลี้ยง ต่อหน้าคุณกวาง มันไม่สมควร”

“อ๋อ เข้าใจละ จะกอดนาย จะหอมนาย ต้องรอให้อยู่กันสองต่อสองก่อน”

“เฮ้ย!”

แม่เลี้ยงศรีดาราเกือบสำลัก ในขณะที่หลานสาวของเธอยืนแก้มแดงอ้าปากค้าง มีคนเดียวที่ฮึดฮัดคือชายหนุ่มบุคลิกดีที่โดนสาวน้อยอ่อนวัยต้อนหน้าต้อนหลังจนดวงตาคู่คมเริ่มจะขุ่นเขียว

“จะต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นก็ห้ามจู่โจมถึงเนื้อถึงตัวฉันอีก มันไม่เหมาะ หัดสงวนกิริยาบ้างสิ เดินเบาๆ พูดเบาๆ ทำตัวแก่แดดไม่น่ารักเลยสักนิด”

“ไม่น่ารักยังไง ก็นายเป็นผัวข้า เราเป็นผัวเมียกัน แต่งก็แต่งกันแล้ว เหลือก็แค่ยังไม่ได้เอากัน” บัวตะเบ็งเสียงด้วยภาษาบ้านๆ ภาษาที่ทำคนสามคนอยากยกมือขึ้นกุมขมับ

“วะ!”

“เอาละๆ” แม่เลี้ยงศรีดาราลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักทองเพื่อทำหน้าที่สงบศึก น้อยครั้งนักที่จะเห็นบุตรชายโทนมีคนอาจหาญต่อกร เขาโกรธ ดูก็รู้ หน้าบึ้ง ปากเม้ม ดวงตาวาววับอย่างเสือดุ แต่สาวน้อยใจกล้ากลับไม่กลัวเกรง

“กวาง หนูกลับไปทำงานต่อเถอะลูก”

“ค่ะ คุณป้า” แก้วกุดั่นว่านอนสอนง่ายเหมือนอย่างเคย ถึงอยากรู้ที่มาที่ไปของเด็กสาวชื่อบัวก็ต้องเดินลงเรือนไปแบบเงียบๆ ปล่อยให้สองแม่ลูกเจรจากับผู้มาเยือนตามสะดวก

“เสือจะเอายังไงแบบไหนก็พูดคุยกันดีๆ ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ แม่หนูจะได้กระจ่าง ตกลงกันได้ จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันเสียงดัง หมอเปรมศักดิ์ที่แม่นัดทำฟันด้วยบ่อยๆ จะเปิดคลินิกเพิ่มอีกสาขานึงแล้ว เปิดแถวๆ ถนนจอมพล แม่จะจัดกระเช้าผลไม้ไปแสดงความยินดีกับเขาหน่อย อยู่กันสองคนไม่มีกรรมการคอยจับแยก อย่าฆ่ากันตายเสียล่ะ” ประโยคสุดท้ายเธอสัพยอกเล่น

เมื่อมารดาคล้อยหลัง สิขเรศก็จับบ่าบอบบางของไอ้บัว จะให้มันตั้งใจฟังเขาพูด ทว่ามือหนาโดนปัดอย่างแรง

“ก็ไหนว่าถึงเนื้อถึงตัวกันไม่ดี พูดเองลืมเองหรือนาย ว่าคนอื่นว่าได้ว่าเอา!” มันยอกย้อนเล่นเอาเขาสะอึก

“ฟังฉันนะ”

“แค่นายอ้าปากข้าก็เห็นลิ้นไก่นายแล้ว นายจะเบี้ยวข้า เบี้ยวคำสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ สับปลับกลับกลอก”

“ถ้าฉันสับปลับกลับกลอกจริง ป่านนี้ฉันไล่ตะเพิดเธอออกจากไร่ไปแล้ว ไม่มายืนหัวโด่ให้เด็กเมื่อวานซืนถอนหงอกออกเป็นกำๆ หรอกนะ เธออยู่ที่นี่ได้ ฉันจะเป็นผู้ปกครองดูแลทุกข์สุขของเธอเอง แต่เราต้องไม่ใช่ผัวเมียกัน จากนี้ไปฉันจะถือว่าเธอเป็นญาติ เรียกฉันว่าคุณอาก็ได้ จะเรียกอาเฉยๆ หรือจะเรียกอาเสือก็สุดแท้แต่ใจ”

“ไม่เรียก!” ดรุณีแรกแย้มมองหนุ่มฉกรรจ์ตาคว่ำ

“ข้าจะไม่เรียกผู้ชายที่ข้าเคยนอนเบียดตัวกลมดิ๊กว่าอา”

“มีเหตุผลหน่อยสิ ที่ของฉัน กฎของฉัน ไร่พันดาวไม่ใช่โป่งชะง่อนที่ยังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ก็ต้องปรับตัวใหม่ หัดเรียนรู้วิถีชีวิตของท้องถิ่นที่ความเจริญเข้าถึงแล้ว หรือว่า...” ชายหนุ่มหรี่ตา คิดออกว่าต้องใช้ไม้ไหนกับเด็กหัวแข็ง

“อยากเป็นไอ้บัวขี้แพ้ เจอกฎกติกามารยาทเข้าหน่อยก็ร้องไห้โวยวายขี้มูกโป่ง ปากพร่ำอวดเก่งไปอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงใจเสาะยิ่งกว่าลูกหมา”

“อย่าดูถูกข้านะ ใจข้าไม่เสาะ” เด็กสิบหกก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ เจอกลยุทธ์ล่อหลอกก็หลงกล

“ไม่ดูถูกยังไงไหว แค่จะอยู่ไร่พันดาวโดยไม่อาศัยตำแหน่งเมียเจ้าของไร่เป็นเกราะคุ้มกะลาหัวก็ไม่กล้าเสียแล้ว ขี้ขลาดตาขาวสิ้นดี”

“ข้าอยู่ได้”

“อยู่ได้ก็ดีแล้ว ฉันจะสั่งคนงานให้จัดห้องให้พัก เอาห้องที่ติดกับคุณกวางก็แล้วกัน ห้องนั้นกว้างขวาง มีห้องน้ำในตัว มีหน้าต่างบานเปิดหลายบาน อากาศถ่ายเทดี เธอน่าจะชอบ”

“ข้ายังพูดไม่จบ” ร่างน้อยขยับมายืนเกือบชิด

“คนอย่างไอ้บัวอยู่ไหนก็อยู่ได้ถ้าใจของข้าอยากอยู่ แต่ถ้าวันไหนใจดวงนี้ถูกเหยียบย่ำทำร้ายจนอ่อนแอแล้วละก็ นายไม่ต้องออกปากไล่ให้เสียเวลา ข้าจะไปเอง ไปให้ไกลพ้นหูพ้นตา”

สิขเรศหลุบตามองดวงหน้ารูปไข่ แปลกพิกล รู้สึกหน่วงๆ ในอกอีกแล้ว สบตากับสาวเยาว์วัยแต่ละครั้ง เขาคอยแต่จะแพ้ทางมันอยู่เรื่อย ดวงตาคู่สวยที่แสนดำขลับ แววตากึ่งเศร้ากึ่งถือดีของคนหัวรั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างทรงอิทธิพล จะเกลียดก็เกลียดไม่ลง จะรำคาญก็รำคาญไม่เต็มที่ ออกจะสงสารเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เรียกฉันว่าอาก็ไม่เป็นไร แต่อย่าแทนตัวเองว่าข้าเลยนะ ใครฟังก็สะดุดหู จะต้องตอบคำถามเรื่องพื้นเพจนเธอเบื่อจะตอบ”

“หึ ที่ของนาย กฎของนาย ถ้าไม่เชื่อฟังนายอย่างหนูกลัวแมวก็ต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น”

“ฮื้อ!” หนุ่มมาดเข้มยกมือเสยผมแรงๆ อุตส่าห์เอาน้ำเย็นเข้าลูบยังไม่วายโดนแขวะ

“เปลี่ยนจากข้าเป็นหนู เปลี่ยนได้ไหม”

“ไม่!”

“งั้นก็บัว แทนตัวเองว่าบัว”

ไอ้บัวยืนเงียบ เมื่อมันเงียบก็เท่ากับยอมตกลง

“มีชื่อจริงหรือเปล่า หรือว่าชื่อจริงชื่อเล่นชื่อเดียวกัน ใบเกิด บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน มีอะไรติดตัวมาบ้าง”

เด็กสาวจับจ้องดวงหน้าหล่อคมด้วยสายตาอ่านยาก และยืนหลังตรง คางมนเชิดขึ้นน้อยๆ

“ข้าไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ข้าอ่านออกเขียนคล่อง บวกลบเลขก็เป็น ปู่สอนข้า ชมเปาะว่าข้าความจำดีแถมยังหัวไว ที่นายถามหาข้าพกใส่ย่ามมาด้วยทั้งหมด ชื่อจริงก็มี นายอยากรู้ไหมล่ะ”

“ชื่ออะไร”

“สโรชา นางสาวสโรชา ไพรขวัญ สโรชาแปลว่าดอกบัว พ่อเฒ่าทองเอี่ยมกับปู่ช่วยกันตั้งให้”

“สโรชา” ชายหนุ่มนึกภาพดอกบัวดอกสวยบานอยู่กลางสระ บัวชมพูคลี่กลีบแยกแย้มเชิญชวนภมร ส่งกลิ่นรวยระรินเคล้าสายลมที่พัดผ่านผิวน้ำ หอมเย็นๆ หอมอ่อนๆ กลิ่นรัญจวนน่าอภิรมย์ในแบบที่เขาชอบ

ถ้าไอ้บัวเป็นดอกบัวมันก็ยังไม่บาน เพิ่งโผล่พ้นโคลนตม เป็นเพียงดอกตูมดอกเล็กๆ ไม่ค่อยสดสวยต้องตาต้องใจเพศตรงข้าม เมื่อปวารณาตนเป็นผู้ปกครองเขาก็มีหน้าที่ดูแลฟูมฟักดอกไม้แรกผลิดอกนี้ให้แบ่งบานสวยสะพรั่ง งดงามขึ้นด้วยวิชาความรู้ที่อนาคตจะได้ร่ำเรียนจากครูอาจารย์หลายท่าน

ชายหนุ่มรู้ว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แต่เขาไม่คิดว่าหลานสาวพรานบุญจะเติบโตขึ้นเป็นสาวสวยชนิดหาตัวจับยาก ก็ในเมื่อเรือนร่างผอมกะหร่องของมันยังขาดส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมอง ขี้ไคลเกาะซอกคออยู่เป็นคราบดำ จริตจะก้านปรุงแต่งยังไม่มีติดตัวเลยแม้แต่น้อย

 

ตกเย็นหลังเลิกงาน แก้วกุดั่นนั่งพับใบเตยให้เป็นดอกกุหลาบอยู่ในศาลาไม้ทรงโดมข้างบ่อเลี้ยงปลาสวยงามอันร่มรื่น ถ้าวันไหนอยู่บ้านไม่ไปไหน แม่เลี้ยงศรีดาราจะต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน

พิริตาเดินกระแทกเท้าวนเวียนเป็นหนูติดจั่น เรื่องราวของเด็กบัวทำหัวใจรุ่มร้อน ไม่อาจจะข่มให้สงบ

“ทริปบริจาคสิ่งของทริปนั้นพี่รุตก็ไปด้วย ฉันจะโทร. หาพี่รุต จะเค้นความจริงให้ละเอียดว่าทำไมอีนังเด็กแม้วมันกล้าลงดอยมาตามตอแยพี่เสือ” วิศรุตเป็นเครือญาติของเสี่ยโรงงานน้ำตาล

นักบัญชีสาวเงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังหยิบมือถือราคาแพงออกจากกระเป๋าสะพาย เป็นไปตามคาด มีคนเต้นแร้งเต้นกาแสดงอารมณ์หึงหวงทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่อยากเล่า แต่จำเป็นต้องเล่า ถ้าพิริตารู้เองในภายหลังหล่อนจะโดนบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไม่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้

สาวเปรี้ยววางสายเมื่อเค้นแล้วเค้นอีกจนญาติผู้พี่เก็บความลับไม่อยู่ เล่าหมดเปลือกถึงความสัมพันธ์ฉุกละหุกระหว่างสิขเรศกับสาวน้อยเป็นกำพร้า

“อีนังบ้านนอกมันอยากมีผัวจนตัวสั่น จะจับพี่เสือทำผัวให้ได้ ชาวบ้านที่นั่นก็หูหนาตาเถื่อนกันทั้งตำบล รู้เห็นเป็นใจกับมัน คงจะกลัวปู่ของมันเสกตะปูเข้าท้อง ขนาดพี่เสือหนีกลับมาไร่ได้แล้วมันยังตามมาเจ๋อ หน้าไม่อาย ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยว่าทุเรศนัยน์ตาแค่ไหน” พิริตาเล่าต่อเป็นฉากๆ ประดุจว่าร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยอีกคน

“แต่คุณป้าบอกฉันว่าพี่เสือจะรับอุปการะเด็กบัวให้เป็นเด็กในปกครอง ส่งเสียให้เรียนหนังสือ นี่ก็จัดห้องพักให้พักแล้ว ห้องติดกับฉันนี่แหละ”

“แหม ก็แน่ละ หล่อลากไส้อย่างพี่เสือไม่มีทางยกนังเด็กหย็องกรอดขึ้นเป็นเมียอยู่แล้ว แต่ฉันหมั่นไส้มัน ไม่ไว้ใจมัน ปู่ของมันเป็นจอมขมังเวทนะกวาง มันอาจจะรู้คาถาอาคม ทำเสน่ห์ยาแฝดให้พี่เสือหน้ามืดตกเป็นของมัน เธอไม่ห่วงพี่ชายเธอบ้างหรือไงฮะ นั่งพับดอกไม้ใจเย็นอยู่ได้”

“โธ่ตาล เด็กบัวยังเด็กมากเลยนะ เด็กกว่าพวกเราเป็นสิบปี หน้าตาท่าทางก็ดูซื่อๆ คงไม่รู้จักมนตร์ดำอวิชาจำพวกนั้นหรอก”

“น้อยไปสิ เด็กสมัยนี้แก่แดดจะตายไป ใส่ชุดคอซองนั่งกอดจูบลูบคลำกันดาษดื่น มันดั้นด้นมาหาพี่เสือถึงไร่พันดาว มันต้องหวังสูงอยู่แล้ว ถ้าเธอรักพี่เสือ ห่วงใยเขาเหมือนที่ฉันห่วง ก็ต้องหาทางกำจัดมันออกไป”

“ฉัน...ฉันทำไม่ได้ ฉันรู้จากคุณป้าว่าพี่เสือจะไหว้วานฉันให้ช่วยอบรมมารยาทให้เด็กบัว”

“โอ๊ย! นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เธอทำอะไรได้สำเร็จบ้างกวาง ไปปั่นจักรยานไร่เรืองสิงห์เป็นเดือนๆ ก็กินแต่แห้ว ฉันแนะนำให้หัดอ่อยหัดทอดสะพานเธอก็มัวแต่ขวยเขินสะทกสะเทิ้น ทำตัวเป็นนางอายสมัยพระเจ้าเหา จนตอนนี้พี่สิงห์งานยุ่งไม่มีเวลาเป็นไกด์ให้พวกเราแล้ว ฉันอุตส่าห์พาเทียวไล้เทียวขื่อ เสียเวลาเปล่าปลี้งั้นสิ” หล่อนกระแทกเสียงขุ่น หงุดหงิดแล้วพาลใส่เพื่อนเหมือนอย่างเคย

“ฉันขอโทษ อย่าอารมณ์เสียเลยนะ” คนไม่ผิดเป็นฝ่ายยอมผิดอีกจนได้

“เรื่องพี่เสือก็เหมือนกัน ฉันขอร้องเธอให้เธอชวนเขาไปดื่ม ไปนั่งฟังเพลง จนป่านนี้ฉันยังไม่เคยได้ควงพี่เสือเลยสักครั้ง”

แก้วกุดั่นวางกุหลาบใบเตยลงบนถาด ถึงคราวอับจนคำพูดจะตอบโต้

“อุ๊ย! นั่นรถพี่สิงห์นี่ พี่สิงห์มา” พิริตาวี้ดว้ายเสร็จก็รีบจับแขนเพื่อน ดึงเรือนร่างสมส่วนให้ลุกขึ้นยืน

“ไปเร็ว รีบไปต้อนรับสิ มัวนั่งเอ้อระเหยอยู่ได้”

“พี่สิงห์มาหาพี่เสือ ไม่ก็มาหาคุณป้า เขาไม่ได้มาหาฉัน”

“จะมาหาใครก็ช่าง เธอต้องรีบฉวยโอกาสทำคะแนน พวกเราอายุยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดแล้วนะ เผลอแป๊บๆ ก็สามสิบแล้ว ไม่อยากขึ้นคานเป็นสาวเทื้อก็อย่าเหนียมให้มากนัก”

ด้วยนิสัยไม่ชอบขัดใจใคร สาวเรียบร้อยจึงเดินเข้าหารถสปอร์ตอเนกประสงค์เพื่อตัดรำคาญ พิริตาขนาบข้างทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยยุยงเสี้ยมสอนไม่หยุดหย่อน อีกหลายก้าวกว่าจะถึงตัวสิงหราชที่เพิ่งจอดรถเสร็จ

“นายสิงห์” เสียงเล็กๆ ใสๆ ดังลั่นไปทั่วลานดินหน้าบ้าน บ่งบอกความตื่นเต้น

ชายหนุ่มหุ่นสมาร์ตหันขวับไปหาต้นเสียง เจอไอ้บัวของเพื่อนเกลอวิ่งตื๋อเข้ามายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าเขาก็ยิ้มตอบ

แก้วกุดั่นชะงักเท้าบางโดยอัตโนมัติ หล่อนไม่รู้ว่าสองคนต่างวัยคุยอะไรกัน ที่เห็นคือใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอารีของบุรุษที่มักเคร่งขรึมอยู่เป็นนิตย์

เด็กสิบหกตัวจ้อยก็ร่าเริงสดใสอย่างกับเป็นผีเสื้อ มันแทบจะเต้นหย็อยไปรอบตัวสิงหราชขณะชวนเขาคุย สนทนาโต้ตอบกันอยู่ชั่วครู่ เด็กเพิ่งโตกับหนุ่มฉกรรจ์ก็เดินตามหลังกันต้อยๆ ขึ้นไปบนเรือน

“เห็นไหม เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม นังเด็กอุบาทว์มันทำตัวระริกระรี้น่าเกลียด จะจับพี่เสือ จะงาบพี่สิงห์ โอ๊ย! ไม่ไหวแล้วยายกวาง ฉันเกลียดมัน ชังน้ำหน้ามัน ไม่ถูกชะตาอย่างแรง”

“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เขาก็แค่...แค่ทักทายกัน”

“ย่ะ! ใจเย็นเป็นน้ำเข้าไปเถอะ ถ้าพี่เสือไม่หลงกลหรือโดนคุณไสยมันก็ต้องหาที่เกาะใหม่ ร้อยนึงเอาบาทเดียวมันโผไปหาพี่สิงห์แน่ ถึงตอนนั้นเธอจะเสียใจที่ไม่ร่วมมือกับฉันตัดไฟแต่ต้นลม”

แก้วกุดั่นหน้าเสีย รอยยิ้มอ่อนโยนของชายในฝันใครจะไม่อยากได้ เด็กบัวทำให้เขายิ้ม แววตาที่มองดวงหน้าอ่อนเยาว์เป็นแววตาอบอุ่นและใจดี

หล่อนไม่อยากอิจฉาเด็ก โดยเฉพาะเด็กบ้านป่าแต่งตัวสกปรก ก็แล้วถ้าคุณป้าดาราจับสโรชาแปลงโฉมเป็นสาววัยรุ่นเนื้อตัวเอี่ยมสะอาด สวมเสื้อผ้าชุดใหม่สีสันอ่อนหวานเข้ารูปทรง มันจะสวยขึ้นไหม ถ้าสวยขึ้นหัวใจของนายสิงห์แห่งไร่เรืองสิงห์จะหวั่นไหวไปกับเสน่ห์แรกแย้มหรือเปล่า

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น