4

บทที่ 4


4

 

ริโก้เลิกคิ้วเมื่อโคเซจ้องไม่วางตานับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องทำงาน โคเซนั่งอยู่บนโซฟามุมห้องซึ่งเป็นมุมโปรดของเขา ข้างโซฟามีไม้เท้าพิงอยู่ใกล้ๆ

“คุณพ่อไม่น่าต้องลำบากมาถึงที่นี่ ผมตั้งใจจะไปหาคุณพ่ออยู่แล้ว” ริโก้พูดขึ้นพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามบิดา

“ตั้งใจจะไปหาตอนงานเลิกละสิ” โคเซแดกดัน

“เปล่าครับ ตั้งใจจะแวะดื่มกาแฟสักถ้วยแล้วจะไป”

“อย่ามาลีลา แล้วทำไมถึงเข้าบริษัทสายเอาป่านนี้ ถือว่าเป็นลูกหลานของโดมิงโกแล้วจะเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้ยังงั้นรึ”

“ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ แค่ยังทำธุระไม่เสร็จ อีกอย่างคุณพ่อยกเลิกประชุม”

“ยกเลิกประชุม แกเลยถือเป็นข้ออ้างเข้างานสายอย่างงั้นสิ” โคเซแหว

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมบอกแล้วยังติดพันธุระอยู่”

“ธุระของแกไม่พ้นเรื่องผู้หญิงวันยังค่ำ” แดกดันด้วยน้ำเสียงรู้ทัน ริโก้หล่อเหลาคมคายชนิดที่เรียกว่าเลือดละตินในกายเข้มข้นกว่ายุโรป ความเป็นเลือดผสมระหว่างเปรูกับสเปนทำให้ริโก้คมเข้ม แต่ขาวอย่างยุโรป สมัยหนุ่มๆ โคเซว่าตัวเองหล่อที่สุดแล้วในบรรดาลูกหลานของตระกูลโดมิงโก แต่พอเทียบกับลูกชายตอนนี้ เขาไม่ติดสักกระผีก

“ถ้าคุณพ่อคิดแบบนั้น ผมว่าเปล่าประโยชน์ที่จะมาพูดกัน ว่าธุระของคุณพ่อมาเลยดีกว่า”

โคเซบดกราม แววตาไม่หวั่นไหวใดๆ ของริโก้ทำให้เขาสงสัยว่าลูกชายเคยเกรงกลัวเขาบ้างไหม อาจเป็นผลมาจากที่เขาไม่ได้เลี้ยงดู เลยไม่ได้ใกล้ชิดกัน ลูกชายถึงได้ทำท่ายโส กระด้างกระเดื่องใส่เขาตลอด

“ก็ได้” โคเซกระแทกเสียง “แกไปอ้อนคุณย่าอีท่าไหนถึงได้ยกตำแหน่งของฉันให้ แค่ตำแหน่งผู้จัดการทุกวันนี้ยังไม่พอใช่ไหม”

“คุณพ่อเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่เคยคิดอยากได้ตำแหน่งของคุณพ่อ แล้วก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับคุณย่าด้วย”

“ก็แล้วทำไมคุณย่าถึงอยากจะยกตำแหน่งซีอีโอให้แกนัก”

“คุณพ่อไม่ลองถามตัวเองดูล่ะครับว่าทำไม”

“นี่แก...” โคเซโกรธหน้าดำหน้าแดงจนพูดไม่ออก

“ผมไม่ได้ยั่วคุณพ่อ แต่คิดว่าถ้าคุณพ่อลองถามตัวเองอย่างสัตย์ซื่อ น่าจะได้คำตอบ”

“ถ้าไม่ใช่เพราะแกอยากได้ ถามหน่อยว่าคุณย่าของแกจะคิดทำอะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้มั้ย”

“ผมไม่เคยคิดอยากได้” ริโก้ย้ำ

“งั้นก็คุยกับคุณย่าสิ บอกให้ล้มเลิกความคิดซะ ฉันถึงจะเชื่อว่าแกไม่เคยคิดที่จะโค่นฉัน”

“ผมว่าเราเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ผมขอพูดชัดๆ ว่าผมไม่เคยอยากได้ แล้วผมก็ปฏิเสธข้อเสนอของคุณย่าไปแล้ว”

“โกหก ถ้าปฏิเสธแล้ว คุณย่าของแกต้องโทร. มาล้มเลิกกับฉันสิ”

“คุณพ่อคิดว่ารู้จักคุณย่าดีแค่ไหนครับ คุณย่าเป็นคนที่ลงว่าตัดสินใจทำอะไรแล้วมีแต่จะเดินหน้า แถมไม่ฟังเสียงค้านด้วย ผมค้านคุณย่าไปแล้วว่าโดมิงโกยังไม่ถึงเวลาผลัดใบ แต่คุณย่ายืนกรานแบบนั้น คงไม่ต้องให้ผมจาระไนใช่ไหมครับว่าคุณย่าพูดอะไรบ้าง”

โคเซบดกรามแน่น “คุณย่าแกคงด่าฉันเช็ดละสิ” เมื่อเห็นลูกชายไม่ตอบ โคเซจึงกล่าวต่อว่า “แกมีดีตรงไหน ทำไมใครๆ ถึงรุมรัก ฉันไม่เข้าใจเลย ตั้งแต่คุณปู่ของแกมาแล้ว รักแกมากกว่าฉันซึ่งเป็นลูกแท้ๆ เสียอีก”

“ผมว่าคุณปู่คุณย่ารักคุณพ่อไม่น้อยหรอกนะครับ”

“งั้นทำไมแกถึงได้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน”

ริโก้เงียบเมื่อจนคำตอบ

“ฉันละแค้นนัก ไม่คิดว่าคุณแม่จะทำกับฉันได้ ที่คุณย่าแกอยู่ตรงนั้นแล้วยังมีคนยำเกรง เพราะคุณย่าแกยังมีบารมี ยังกินบุญเก่า แต่ฉันเป็นใคร ไปอยู่ตำแหน่งนั้นไม่นานก็จะเหลือแต่อากาศธาตุ ไม่มีใครเห็นหัว”

ความจริงตำแหน่งประธานบริษัทเป็นตำแหน่งสูงสุด เสนอแต่งตั้งหรือปลดใครก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้ลงมาบริหารเองเท่านั้น ทว่าโคเซก็ยังรู้สึกว่าเป็นแค่ตำแหน่งหัวโขนที่ไม่มีบทบาทมากนักเมื่อเทียบกับประธานกรรมการบริหารบริษัทที่ให้คุณให้โทษแก่พนักงานได้มากกว่า

“ก็แล้วทำไมคุณพ่อไม่พิสูจน์ตัวเองว่าที่ใครๆ ปรามาสไม่เป็นความจริง”

“ฉันหรือจะไม่พูด ฉันขอโอกาสแล้ว แต่คุณย่าแกยืนยันว่าฉันใช้โอกาสนั้นหมดไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นมีทางเดียว แกต้องบริหารให้ผิดพลาด ฉันก็จะได้ตำแหน่งซีอีโอกลับคืน” แววตาโคเซลุกโชนไปด้วยความหวัง

ริโก้ขมวดคิ้ว “คุณพ่อสาบานนะครับว่าใช้สมองคิด ผมไม่เอาความเป็นความตายของบริษัทมาเสี่ยงด้วยหรอก เอาเป็นว่าเราจะเล่นกันแฟร์ๆ ถ้าผมทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าตัวเองยังไก่อ่อนเกินไปสำหรับตำแหน่งนี้ ถึงเวลานั้นไม่ต้องห่วง ผมคืนตำแหน่งซีอีโอให้แน่”

“แล้วถ้าแกทำได้ล่ะ ถ้าเกิดแกทำได้จริงๆ ฉันไม่ต้องระเห็จเป็นประธานบริษัทไปตลอดชีวิตหรือ”

“มันเป็นเงื่อนไขที่คุณพ่อเสนอคุณย่าเองไม่ใช่เหรอครับ แล้วคุณพ่อคิดว่าเงื่อนไขที่คุณพ่อสร้างขึ้นจะสำเร็จง่ายๆ ไหมครับ คุณพ่อรู้คำตอบดีอยู่แล้วถึงได้เสนอเงื่อนไขนี้”

“คุณรีคโอเคนะคะ” อเล็กซ์เยี่ยมหน้าเข้ามาถามในทันทีที่โคเซเดินออกจากห้อง มือเธอยึดขอบประตูค้างไว้

ริโก้ยังคงนั่งบนโซฟาในท่าเดิม เขาพยักหน้า

“รับอะไรอุ่นๆ ไหมคะ” อเล็กซ์ถามต่อเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนล้า มีแต่เธอที่ริโก้ยอมแสดงความรู้สึกตรงๆ ไม่ปิดบัง กับคนภายนอกเขาจะพยายามแสดงออกว่าเป็นคนแข็งแกร่งดั่งหินผา ทั้งที่ก็อ่อนล้าเป็น ต้องการความรักและดูแลเอาใจใส่

“ผมอยากได้หมอนวดมากกว่า”

อเล็กซ์เข้ามาในห้องแล้วล็อกประตู ป้องกันใครเข้ามาเห็นภาพไม่เหมาะสมก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังเขา “ขออภัยนะคะ” พึมพำแล้วลงมือนวดคลึงที่ขมับเขา

“คุณรู้ใจผมเสมอ” ริโก้เอนหลังพิงศีรษะกับพนักโซฟา หลับตาพริ้ม

“ครั้งนี้หนักหนามากหรือคะ”

“หนักกว่าทุกครั้ง คุณพ่อตั้งเงื่อนไขว่าภายในหกเดือนผมจะต้องเอาชนะผลประกอบการของซานโต้ในไตรมาสนี้ให้ได้ ท่านถึงจะยกตำแหน่งซีอีโอให้ตามที่คุณย่าต้องการ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ท่านขอตำแหน่งคืน ทางไหนก็ลำบากทั้งนั้น ถ้าทำไม่สำเร็จ คุณย่าเสียหน้า บริษัทอาจกระทบจนหุ้นร่วง แต่ถ้าสำเร็จ เท่ากับผลักคุณพ่อให้ยืนคนละฝั่งกับผมตลอดกาล”

“ถึงว่าใครๆ เริ่มวิ่งเข้าหาคุณ”

“คนที่รู้ระแคะระคายคงอยากเข้ามาเจรจาต่อรอง จากนี้ฝุ่นตลบแน่”

“ค่อยๆ คิด แก้ปัญหาไปทีละเปลาะดีไหมคะ ตอนนี้โฟกัสที่ผลประกอบการของซานโต้ก่อน ถ้าทำสำเร็จ เรื่องของคุณพ่อของคุณรีคค่อยแก้ปัญหาทีหลัง”

ริโก้พยักหน้า

อเล็กซ์ใช้ปลายนิ้วบีบเคล้นไปมา “แล้วจะให้ดิฉันลงในสมุดนัดไหมคะเรื่องที่ผู้บริหารขอพบ”

“ถามไปว่าต้องการพบเรื่องไหน ถ้าเป็นเรื่องนี้ บอกไปเลยว่าขอเป็นหลังประชุมบอร์ดที่มีอะไรๆ ชัดเจนแล้ว”

“ได้ค่ะ แล้วเรื่อง คุณเกรย์ หารพิทักษ์ อยากให้ดิฉันจ้างนักสืบไหมคะ” ถามอย่างเอาใจ

ริโก้นิ่งอย่างใช้ความคิด ที่สุดก็พยักหน้า “ขอบคุณมาก”

อเล็กซ์ชวนคุยต่อ “เธอสวยมาก แต่ก็ยังเด็กอยู่มาก บางทีอาจกำลังเรียนไฮสกูล”

ริโก้หัวเราะ “ทำไม กลัวผมจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เหรอ”

“ไม่น่ากลัวหรอกหรือคะ”

“ก็น่าอยู่ ถ้ายังไม่เกินสิบแปด” พูดกลั้วหัวเราะอย่างไม่อนาทรนัก “แถมคนอย่างผมลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้ว เป้าหมายมีไว้พุ่งชนเท่านั้น”

“น่าสงสาร แม่หนูน้อยจะรู้หรือยังว่ากำลังจะโชคร้าย เอ...หรือจะโชคดีดี ในเมื่อใครต่อใครต่างเนื้อเต้นทั้งนั้นที่จะได้ขึ้นเตียงกับคุณรีค เอาเป็นว่าขอเอาใจช่วยให้เธออายุเลยสิบแปดนะคะ คุณจะได้พ้นข้อหาพรากผู้เยาว์”

รีโก้หัวเราะ เลื่อนมือไปตบหลังมืออเล็กซ์เบาๆ “ขอบคุณมาก ผมดีขึ้นแล้ว”

อเล็กซ์ถอยออกมา “ยินดีค่ะ จะรับเครื่องดื่มร้อนๆ ไหมคะ”

“ขอชาสักถ้วยแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

อเล็กซ์ออกไปแล้ว ริโก้มองจนประตูดีดกลับ อเล็กซ์รู้ใจเขาเสมอ เธอรู้ว่าเขาตั้งใจทำอะไรเลยเตือนอ้อมๆ ด้วยความหวังดี แต่จะทำไงได้ ในเมื่อคนอย่างเขาไม่ใช่คนดีเด่หรือมีศีลธรรมมากมาย ลงว่าชอบแล้ว ทางเดียวที่จะดับความต้องการได้มีแต่ต้องทำให้สมหวังเท่านั้น ริโก้คิดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสไลด์ ภาพที่ปรากฏในห้วงคำนึงเป็นใบหน้าเรียบเฉยจนติดจะเย็นชาของเกรย์ ตอนนั้นเขาเผลอเรียกชื่อเธอโดยไม่รู้ตัว เธอสวยจนน่าตกตะลึง แต่เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง

เกรย์เป็นผู้หญิงประเภทไหนถึงไม่ยินดียินร้ายหรือตื่นเต้นกับการได้เจอเขา หน้านิ่งจนดูติดจะรำคาญนิดๆ ด้วยซ้ำเมื่อถูกเขารบกวนความสงบ นัยน์ตาคมซึ้งคู่นั้นเจนตาเจนใจราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน แล้วความรู้สึกของเขาก็ล่องลอยไปยังตอนที่ได้จับมือเธอ เขารู้ว่าเธอไม่เต็มใจจะจับมือเขา เขาเลยแกล้งกระตุกมือเธอมาจับแรงๆ จังหวะนั้นราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน และเขาเชื่อว่าเธอเองก็รู้สึกได้ถึงได้สะดุ้ง และรีบกระตุกมือกลับ ร่างกายพวกเขาทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกัน

เขาไม่เคยถูกเพศตรงข้ามดึงดูดแรงแบบนี้มานานแล้ว และดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้งด้วย เกรย์มีเซ็กซ์แอปพีล แค่เห็นหน้าเธอก็กระตุ้นแรงปรารถนาดิบเถื่อนในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นได้ เธอกระตุ้นแรงขับทางเพศ เป็นความรู้สึกรุนแรงชนิดที่เขาเองยังตกใจ และเขาหวังว่าจะหาทางดับมันได้ในเร็ววัน

 

พูลวิลลาของโลเปซตั้งอยู่บนเนินเขาแถบชานเมืองในแคว้นมาดริด ในพื้นที่เกือบหกสิบไร่ เป็นอาคารโมเดิร์นสูงสามชั้น ไต่ระดับความสูงลดหลั่นกันไปเพื่อให้เห็นวิวโดยรอบ โลเปซเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อสี่ปีก่อน วิลลาหลังเดิมค่อนข้างคับแคบเพราะโคเซพาครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ โลเปซเลยตัดสินใจขยับขยายออกมาซื้อที่ดินแถบชานเมือง สร้างเป็นพูลวิลลาขนาดสิบ ห้องนอนที่กรุด้วยกระจกกันกระสุนทุกด้าน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

ตอนที่บาร์เดนขับรถที่ริโก้นั่งพักสายตาอยู่บนเบาะหลังเข้าไปจอดในโรงจอดต่อท้ายรถสปอร์ตคันหนึ่งซึ่งริโก้ไม่คุ้นตา เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้ม แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาดินเนอร์ ปกติคนสเปนจะเริ่มกินมื้อค่ำประมาณสามทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน

“เอารถขึ้นลิฟต์แล้วหามื้อค่ำกินแล้วก็ไปพักผ่อนได้เลย คืนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว”

ริโก้บอกบาร์เดนแล้วลงจากรถ ที่นี่มีเรือนพักสำหรับแม่บ้าน คนงาน และคนติดตามแยกต่างหาก ทุกครั้งที่บาร์เดนมากับเขาจะมีห้องพักส่วนตัวที่โลเปซจัดเตรียมไว้ให้ อาคารจอดรถสร้างเป็นอาคารสูง ด้านล่างมีรถจอดอยู่เต็ม คงเหลือพื้นที่ด้านบนซึ่งต้องอาศัยลิฟต์ยก เป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองยุคนี้ที่ต้องการใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า

ริโก้เดินไปสวมกอดโลเปซที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก เขาย่อตัวเพื่อให้โลเปซแนบแก้มซ้ายขวาทักทายเหมือนเช่นทุกครั้งที่เจอกัน “คุณย่าซื้อรถใหม่หรือครับ” เขาหมายถึงรถสปอร์ตคันที่ไม่คุ้นตา

“รถของมาเรีย ลิลลี่เพิ่งซื้อให้ในโอกาสครบรอบวันเกิดสิบเก้าปี”

“วันเกิดมาร์หรือ ผมลืมเสียสนิท เอ...หาอะไรให้ดี” ริโก้เปรยเชิงหารือ

โลเปซเดินเกาะแขนหลานชายเข้าบ้าน “ไว้วันหลังก็ได้ รายนั้นคงดีใจถ้าจะได้ไปรับถึงที่” เป็นที่รู้กันว่ามาเรียติดริโก้ ออกจะคลั่งไคล้ด้วยซ้ำ จริงๆ ก็ไม่มีหลานสาวคนไหนที่ไม่ติดเขา โลเปซนึกอย่างขำๆ พลางเงยมองหลานคนโปรด ริโก้ไม่ต่างจากเทพบุตร นอกจากหล่อกระชากใจสาว รูปร่างดี แถมบุคลิกอบอุ่นแล้ว ยังเป็นที่พึ่งของใครๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ทุกคนถึงได้รัก

“คุณทวดพูดถูก ลุงรีคพร้อมเมื่อไหร่ก็กริ๊งกร๊างบอกมาร์ได้เลย มาร์พร้อมไปหาลุงถึงเพนต์เฮาส์” เสียงมาเรียมาถึงก่อน เจ้าตัวจะมาโผล่ที่ประตู ขยิบตาอย่างขี้เล่นแล้วโถมเข้ากอดเขาทั้งตัว ตามด้วยจูบแก้มซ้ายขวา ริโก้รีบปล่อยแขนโลเปซเพื่อประคองหลานสาวไม่ให้ล้ม

มาเรียยังคงกอดเอวเขาหลวมๆ อย่างประจบประแจงเมื่อถามว่า “คืนนี้ลุงค้างที่นี่ใช่ไหมคะ”

“ใช่ เราก็ค้างด้วยใช่ไหม” ริโก้ขยี้ศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู ปกติญาติคนอื่นๆ ทักทายด้วยการแนบแก้ม มีแต่หลานสาวคนนี้ที่จงใจจูบแก้มเขา

“ใช่ค่ะ”

“ดีเลย ลุงจะได้มีหมอนวดกิตติมศักดิ์”

“แน้...” มาเรียร้องประท้วง แต่ตาเป็นประกาย เป็นความสุขเล็กๆ ที่ได้แต๊ะอั๋งหนุ่มหล่อที่ได้ชื่อว่าฮอตที่สุดในทำเนียบหนุ่มไฮโซ “เดี๋ยวคืนนี้มาร์นวดให้ทั้งคืนเลย นี่เห็นแก่ของขวัญหรอกนะคะ”

ริโก้หัวเราะ “อยากได้อะไรเป็นของขวัญ ยังไม่บอกลุงเลย”

“เอ...อะไรดีน้า” มาเรียเอียงคอทำท่าคิด “ขอเป็น...ป้าสะใภ้ดีไหมคะ บ้านเราขาดเสียงเด็กมานาน มาร์อยากอุ้มหลาน คุณทวดล่ะคะเห็นด้วยมั้ย ลุงรีคน่าจะหาหลานให้เราสักคนได้แล้ว”

ริโก้สำลัก “ขอแบบนี้เห็นทีจะอดละ ลุงยังไม่มีใคร จะหาให้ลุงสักคนไหมล่ะ” น่าแปลก ปฏิเสธหลานสาว แต่ใบหน้าของเกรย์กลับลอยเข้ามาในความคิด สวรรค์...เขาอยากรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่

“หาให้จริงๆ จะเอาไหมล่ะ เพื่อนๆ มาร์ปลื้มลุงกันทั้งนั้น”

โลเปซรีบเบรก “จะเอามาทำไม ให้มาเล่นตุ๊กตาเป็นเพื่อนเราหรือ”

“มาร์เลิกเล่นตุ๊กตาไปนานแล้วนะคะคุณทวด มาร์โตเป็นสาวแล้ว” มาเรียปรายตาค้อนไม่จริงจังนัก แล้วหันกลับมามองริโก้ “ว่าไปคุณทวดพูดก็ถูก เพื่อนมาร์แต่ละคนไม่เอาไหนทั้งนั้น ดีแต่สวย เพราะงั้นอย่าคว้ามาเป็นแม่พันธุ์เลย”

“ถ้ายังไม่มีตัวเลือกดีๆ งั้นลุงขออยู่เป็นโสดแบบนี้ไปดีกว่า”

“ความจริงไม่ใช่ไม่มีตัวเลือกดีๆ หรอกใช่ไหม แต่ลุงน่ะหวงชีวิตโสดยิ่งกว่าอะไร ถึงจะหาได้ถูกใจ ลุงก็คงควงแค่แป๊บๆ แล้วก็เลิก” มาเรียพูดอย่างรู้ใจ

“แน่ะ ทำมาเป็นรู้ดี” ริโก้จิ้มหน้าผากหลานสาว

“ก็จริงนี่ กี่รายมาแล้ว ลุงรีคเปลี่ยนเป็นว่าเล่น เปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่าเน็กไทเสียอีก อ้อ...ยกเว้นอยู่ราย ซอนย่า ไม่รู้รายนี้ถูกใจอะไรนักหนา คบยืนยาวมาสองปีแล้ว เอ...หรือว่าจะมาสิ้นลายที่คนนี้”

“รีคไม่ได้คิดจริงจังกับแม่นางแบบรายนี้ใช่ไหม” น้ำเสียงโลเปซคาดคั้น

“คุณย่าไม่ชอบซอนย่าเหรอ” ริโก้แสร้งตีหน้าซื่อถาม

“ยังจะมาถาม ย่าขอเถอะ ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าน่ะอย่าคว้ามาเป็นแม่พันธุ์เลย ผู้หญิงพวกนั้นเหมาะกับการพาขึ้นเตียงหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่เหมาะจะพาเข้าบ้านในฐานะหลานสะใภ้ของย่าหรอก”

“โห ยุคนี้ ค.ศ. นี้แล้ว ใครเขาจะมาถือเรื่องสกุลรุนชาติ เขาไม่สนกันแล้วค่ะคุณทวด”

“ทวดคนนี้แหละยังสน หลานคนอื่นจะคว้าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ทวดไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่รีค”

“คุณทวดถามลุงรีคหรือยังว่าเอากับคุณทวดด้วยไหม คุณทวดรักชอบของคุณทวด แต่อาจจะไม่ถูกสเปกลุงรีคก็ได้”

“สมบัติทุกอย่างของทวดจะเป็นของรีค เพราะงั้นรีคจะไม่ฟังทวดบ้างเชียวหรือ”

“โห พูดซะน่าน้อยใจ ว่าแต่คุณทวดถามลุงรีคหรือยังว่าอยากได้สมบัติของคุณทวดหรือเปล่า เผลอๆ ลุงรีคอาจอยากสร้างอะไรๆ ด้วยตัวเองก็ได้” มาเรียแสร้งลอยหน้าถาม เป็นที่รู้กันว่าริโก้เป็นหลานชายคนโปรดของโลเปซ เหลนปลายแถวอย่างเธอจึงไม่ได้คาดหวังทรัพย์สมบัติของโลเปซ

“เอ๊ะ...ไอ้เหลนคนนี้กวนโอ๊ยเสียจริง คุยดีด้วยไม่ถึงนาทีเป็นต้องขัดคอให้วงแตกซะเรื่อย”

มาเรียหัวเราะ ไม่ถือจริงจังกับคำเหน็บ ความสุขของเธอคือได้กวนประสาทผู้เป็นทวดนิดๆ คงเหมือนริโก้ที่คุณตาบ่นกระปอดกระแปดให้ฟังอยู่เรื่อยว่าชอบทำตัวขวางโลก กวนประสาท “อย่างคุณทวดนี่ต้องหลานสาวของอิสซาเบลเท่านั้นถึงจะเหมาะกับตำแหน่งหลานสะใภ้ทองคำ”

“ล้อเลียนทวดหรือ” โลเปซเขกศีรษะเหลนไปทีหนึ่ง

“โอ๊ย” มาเรียคลำหัวป้อยๆ รีบขยับไปแอบหลังริโก้

“อิสซาเบลมีหลานสาวด้วยหรือ ลุงไม่รู้” ริโก้หันมาทางหลานสาวซึ่งตอนนี้เกี่ยวแขนเขาอีกข้าง

โลเปซพยายามสบตามาเรีย ขยิบตาไม่ให้พูด แต่รายนั้นกวนโอ๊ยเหลือเกิน ทำทีมองไม่เห็น ไม่รับรู้สัญญาณเตือนจากเธอ

“มีสิ เก่งด้วย ส่วนจะสวยมั้ยต้องถามคุณทวด”

น่าน ยังจะโยนมาอีก... โลเปซเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะเจ้าเหลนตัวดี “ย่าไม่รู้หรอก ไม่เคยสนใจ” โลเปซรีบตอบเมื่อริโก้เบือนหน้ามาถามด้วยสายตา

ริโก้หันมาทางหลานสาว “มาร์มีรูปเธอไหม หน้าตาเป็นยังไง”

“ไม่มีหรอกค่ะ ไม่เคยเห็นหน้าด้วย รู้แต่ว่าเสื้อผ้าที่พวกเพื่อนๆ มาร์ใส่ล้วนเป็นยี่ห้อซานโต้ที่เธอออกแบบทั้งนั้น”

“เธอออกแบบ? มาร์รู้จักชื่อเธอไหม เพื่อนๆ พูดถึงบ้างหรือเปล่า”

“เพื่อนๆ เคยพูดแหละ แต่มาร์จำไม่ได้ ชื่อเหมือนผู้ชาย เกรย์หรือเกย์อะไรนี่แหละค่ะ ใจจริงมาร์ก็อยากซื้อใส่อยู่เหมือนกัน แบบจ๊าบๆ ทั้งนั้น ถ้าไม่ติดว่าคุณทวดจะ...” มาเรียละไว้ในฐานที่เข้าใจกันแค่นั้น

“ไอ้เหลนคนนี้นี่ดีแต่กวนโอ๊ยเหลือเกิน” โลเปซทำเสียงเขียว

มาเรียหัวเราะชอบใจที่ยั่วได้ ขณะที่ริโก้ไม่มีโอกาสตอบอะไรมากกว่านั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ผมขอโทษครับ ผมต้องรับสายนี้ คุณย่ากับมาร์เข้าบ้านไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะตามเข้าไป” ริโก้บอกแล้วเดินห่างออกมาเกือบสุดอาณาเขตของวิลลาซึ่งมีรั้วแก้วกั้นอยู่ แถบนี้เต็มไปด้วยวิลลาหรูของพวกเศรษฐีทั้งใหม่และเก่าและนักธุรกิจนักลงทุน นัยว่าวิลลาของอิสซาเบลก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่เขาไม่รู้ว่าหลังไหน

“ว่าไงมาร์ติน” เขารับสายเพื่อน

“กว่าจะติดต่อได้ ยังกับอยู่คนละซีกโลก” มาร์ตินเหน็บมาตามสาย มีเสียงดนตรีดังเป็นแบ็กกราวด์ราวกับอยู่ในผับ

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง นายอยู่อเมริกา ฉันสเปน”

“แต่ฉันยังติดต่อรพีได้ถี่กว่าติดต่อนายอีก” มาร์ตินหมายถึงเพื่อนร่วมรุ่นชาวไทย

“เหน็บเป็นสาวหมดประจำเดือนไปได้ นี่อยู่ไหน เสียงดังเชียว ผับเหรอ”

“เปล่า งานปาร์ตี้วันเกิดคริสเตน จำคริสต์ ผู้หญิงที่นายสลัดรักได้มั้ย พอเจอรายใหม่สวยถูกใจปุ๊บ นายก็สลัดทิ้งทันที”

“ตอบเฉยๆ ไม่ต้องมีสร้อยได้ไหมไอ้หอกหัก กวนตีนแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากโทร. กลับ”

“แหม รำลึกความหลังนิดเดียวทำเป็นมีน้ำโห จะชวนไปงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าจอร์จทาวน์ ไปกันนะเพื่อนๆ ไปกันเต็ม รพีก็ไป คริสต์บอกว่าอยากเจอนายด้วย”

“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่เล่นบทพ่อสื่ออยู่หรอกนะ”

“ไม่โว้ย ฉันรู้ สำหรับนายสายน้ำไม่เคยไหลกลับ ถ่านไฟเก่าไม่เคยคุ คริสต์ฝากมาบอกว่าอยากเจอนาย”

“คริสต์ หรือนายอ้างคริสต์”

“ไม่โว้ย เพื่อนๆ อยากเจอนายจริงๆ”

“ช่วงนี้ฉันวุ่นๆ กับบริษัท ไม่แน่ใจว่าจะปลีกตัวไปได้ไหม”

“ไม่ต้องรีบปัดเลย งานคืนสู่เหย้าอีกสองเดือนโว้ย นี่ฉันโทร. มาชวนแต่เนิ่นๆ เพื่อให้นายมีเวลาเคลียร์งาน”

“แต่ยังไงช่วงนั้นฉันก็ยังวุ่นกับงานบริษัท”

“น่า ไม่ได้เจอกันนานแล้ว นายผัดอยู่เรื่อย เพราะงั้นรอบนี้มาเจอกันเถอะ อีกอย่างโดมิงโกต้องจัดงานเดินแบบ”

“ถ้าช่วงนั้นยุ่งมาก ฉันอาจให้ใครไปคุมแทน”

“ไม่อยากเจอศัตรูหัวใจหรือ มีข่าวลือหนาหูว่าปีนี้เจ้าชายฮาเวียร์จะไปด้วยนะ ไม่แน่นะ ที่ดาด้าหายตัวไปอาจจะกำลังคบหาดูใจอยู่กับเจ้าชายก็ได้”

“ดาด้า ใคร?”

“อะไร ไหนว่ารักกันชั่วฟ้าดินสลาย ถึงกับทิ้งคริสต์ไปยังจะจำไม่ได้อีก ดาด้า...ดาโกตาแฟนนายไง นี่อุบัติเหตุตอนนั้นทำให้ความทรงจำนายหายไปถาวรเลยหรือ ไหนหมอบอกว่าจะค่อยๆ จำได้ไง”

“นายพูดเรื่องอะไร อุบัติเหตุอะไรกัน แล้วดาโกตาแฟนฉันอะไรกัน”

“แมท! หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายพูดอะไรออกไปรู้ตัวหรือเปล่า” คริสเตนแหวมาตามสาย แล้วจากนั้นตามด้วยเสียงต่อล้อต่อเถียงของมาร์ตินกับเธอ

“แมท อย่าเพิ่งวางสายนะ นายต้องพูดกับฉันให้รู้เรื่องก่อน ศัตรูหัวใจอะไรกัน อุบัติเหตุอะไร แล้วไหนจะเจ้าชายฮาเวียร์แล้วก็ดาโกตาอีก พูดให้เคลียร์ๆ เลย”

“ไม่ได้แล้ว คริสต์กำลังจะแย่งโทรศัพท์ได้แล้ว ถ้าอยากรู้รายละเอียดบินมาจอร์จทาวน์งานเลี้ยงคืนสู่เหย้าเลย ฉันจะจองตั๋วล่วงหน้าให้นาย ถ้าไม่อยากให้เพื่อนเสียค่าตั๋วฟรีๆ ก็ไสหน้าหล่อๆ มาเจอเพื่อนซะดีๆ มีหลายคนคิดถึงอยากเจอนาย” เสียงมาร์ตินกระหืดกระหอบมาตามสายราวกับวิ่งไปด้วย คุยไปด้วย

“เดี๋ยวสิ บอกก่อน ดาโกตาเป็นใคร”

“ฉันบอกแล้วไงแฟนนาย”

“เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร...”

“อยากรู้ก็ต้องไปเจอกันในงาน แล้วฉันจะเล่าความลับเมื่อสามปีก่อนที่ใครต่อใครพยายามปิดบังนาย แค่นี้นะรีค คริสต์จะวิ่งตามทันแล้ว” มาร์ตินทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วตัดสายไป

ริโก้เพียรโทร. กลับเท่าไรก็ไม่เป็นผล เขาแตะปลายยอดหญ้าอย่างขัดใจ พระเจ้า...ดาโกตา เจ้าชายฮาเวียร์ อุบัติเหตุ สามคำนี้เกี่ยวพันกันอย่างไร และมีความหมายอย่างไรกับเขา ริโก้พยายามขบคิด แต่สมองเขากลับขาวโพลนราวกับไร้ซึ่งความทรงจำ ดาโกตาจะเป็นชื่อเดียวกับที่อเล็กซ์พูดถึงไหม พระเจ้า!...เขาได้ยินชื่อนี้จากคนสองคนแล้ว จากนั้นริโก้ก็จมอยู่กับการค้นหาคำตอบ ไม่รู้เลยว่าตัวเองตกอยู่ในภวังค์นานแค่ไหน จนเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามา ริโก้จึงผละจากรั้ว

“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เข้าบ้าน” เสียงโลเปซดังขึ้น

ริโก้สูดลมหายใจ ยกมือเสยผม หันหน้ามาเผชิญผู้เป็นย่า “สามปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับผม”

โลเปซชะงัก “รีคพูดอะไร”

ริโก้มองหน้าผู้เป็นย่าโดยไม่คลาดสายตา “มาร์ตินบอกว่าผมประสบอุบัติเหตุ ทำให้ความทรงจำหายไป”

โลเปซอึ้งราวกับช็อก นึกดีใจที่ไฟบริเวณนี้ไม่มากพอให้หลานชายจับพิรุธได้ มั่นใจว่ายามนี้หน้าเธอคงซีดเผือด โลเปซเบือนหน้าออกไปมองขุนเขาเบื้องหน้า “ไม่มีอะไร รีคไปเที่ยวประเทศไทยกับเพื่อนๆ แล้วประสบอุบัติเหตุ”

“ทำไมผมจำไม่ได้”

“รีคสูญเสียความจำช่วงนั้นไป”

ริโก้หน้าเผือดสี “ตอนนั้นผมมีแฟนอยู่แล้วใช่ไหม”

“ย่าไม่รู้หรอก รีคใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เพราะงั้นรีคจะคบหาใคร เลิกกับใคร ย่าไม่รู้ด้วยหรอก”

“ผมไม่เคยพาแฟนมาให้คุณย่ารู้จักเลยเหรอ”

โลเปซส่ายหน้า ไม่สบตาหลานชาย

“มาร์ตินบอกว่าผมมีแฟนชื่อว่าดาโกตา”

โลเปซเงียบ มือที่กำรั้วแน่นปูดโปนสะท้อนถึงความรู้สึกปั่นป่วนภายใน

“ผมถามใหม่ อิสซาเบลมีหลานสาวชื่ออะไรครับ”

“ย่าไม่รู้”

“คุณย่าอยากให้ผมสืบเองไหมครับ”

โลเปซเหยียดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง “ย่าไม่รู้จริงๆ”

“อเล็กซ์บอกว่าหลานสาวของอิสซาเบลชื่อดาโกตา ตอนนี้เหลืออยู่แค่ข้อสงสัยเดียว เธอเคยเรียนที่จอร์จทาวน์ไหม”

“ย่าไม่รู้”

“คุณย่าอยากให้ผมไปถามอิสซาเบลเองไหมครับ”

“อย่าเชียวนะ” โลเปซเบือนหน้ากลับมาแหว แต่เมื่อเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของริโก้ เธอก็รู้ว่าเพลี่ยงพล้ำให้หลานชายเจ้าเล่ห์เข้าแล้ว ก่อนผ่อนลมหายใจ “อย่าให้อิสซาเบลรู้เป็นอันขาดว่ารีคกำลังสนใจหลานสาวหล่อน แค่นี้อิสซาเบลก็หลงลำพองว่าตัวเองเป็นต่อแล้ว ถ้ารีคไปถามเรื่องนี้อีก หล่อนจะยิ่งได้ใจว่าถือไพ่เหนือเรา”

“ถ้าไม่อยากให้ผมไปถามอิสซาเบล คุณย่ารู้อะไรก็บอกผมสิ”

“ย่าไม่รู้ อย่างเดียวที่ย่ารู้ก็คืออย่าเอาเด็กคนนั้นเข้าบ้านย่าเด็ดขาด ลูกหลานตระกูลซานโต้ ย่าไม่ยอมรับเด็ดขาด” โลเปซพูดแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป

ริโก้มองตามด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเพราะน้ำเสียงโลเปซยามพูดถึงหลานสาวของอิสซาเบลบอกถึงความชิงชังชัดเจน เขาบดกรามแน่นก่อนจะเบนสายตาไปมองความเวิ้งว้างแห่งขุนเขาท่ามกลางความมืดมิด ช่างไม่ต่างกับจิตใจของเขายามนี้ที่มืดมนพอกัน เหลียวมองไปทางไหนก็ไร้ซึ่งคำตอบ วินาทีนั้นเขาอยากเรียกความทรงจำกลับมา อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อสามปีก่อน

 

“เมื่อวานหนูเกรย์ไปหายายที่บริษัทมีอะไรด่วนหรือเปล่า” อิสซาเบลเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นเมื่อแอนนาและเกรย์ทรุดตัวนั่ง และพ่อครัวเสิร์ฟอาหารเรียบร้อยแล้ว มีอาโรซเนโกรหรือข้าวผัดหมึกดำซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของเกรย์ ปาเอย่าหรือข้าวผัดซีฟูดสเปน ฮามอน อิเบอริโค หรือแฮมหมักเกลือ ซึ่งเป็นแฮมที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดและแพงที่สุด ทำจากหมูดำไอบีเรีย ตอร์ตียาเดปาตาตัส หรือไข่เจียวมันฝรั่ง สตู ปลาหมึกต้มเครื่องเทศ ซีฟูดชุบแป้งทอด ซุปกัซปาโช ส่วนเครื่องเคียงมีมะกอกดองกับชีส

“ความจริงก็ไม่มีอะไรมากค่ะ หนูกะไปคุยเรื่องงานเดินแบบที่ไอคา จะบอกว่าหนูไม่ได้อยู่คุมงานเพราะต้องบินไปฟังศาสตราจารย์ดีแลนบรรยายที่มหา’ลัย แต่เดาว่าคงไม่ต้องแล้ว คุณยายน่าจะรู้แล้ว” เกรย์ตอบพลางตักอาโรซเนโกรจากจานกลางใส่จานตัวเอง นับแต่กลับจากลิมา เธอคลาดกับผู้เป็นยาย เลยยังไม่ได้คุยกันเป็นกิจจะลักษณะ

“ดีแล้ว หนูใช้เวลาคุ้มค่าแล้ว อยู่ฟังดีแลนบรรยายได้ประโยชน์กว่าอยู่คุมงานที่ไอคา”

เกรย์มองผู้เป็นยายตาปริบๆ สุดท้ายกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่

“หนูหัวเราะอะไร” อิสซาเบลมองหน้าหลานสาวคนสวย หน้าตาเหลอหลา

“นั่นสิ เกรย์หัวเราะอะไรลูก” แอนนาถามอีกคน

เกรย์ยังคงหัวเราะเสียงพลิ้วหวาน ซาเสียงหัวเราะแล้วจึงตอบว่า “ก็เบคก้าบอกว่าถ้าคุณยายรู้เรื่องหนูทิ้งงานที่ไอคาเพื่อไปฟังศาสตราจารย์บรรยายที่ลิมา คุณยายต้องบอกว่าดีแล้ว หนูใช้เวลาได้คุ้มค่าแล้ว” เธอเลียนเสียงเพื่อนที่เลียนเสียงอิสซาเบลอีกทีในท้ายประโยค

อิสซาเบลหัวเราะ แอนนาหัวเราะตามอีกคน

“หนูเบคก้ารู้ใจยายจริงๆ แล้วที่โรงแรมไอคามีฟีดแบ็กยังไงบ้าง”

“ทางนั้นส่งเมลมาบอกว่าโอเคค่ะ ถ้ามีงานหน้าจะจ้างเราอีก”

“หนูรู้หรือเปล่าใครอยู่เบื้องหลังการว่าจ้าง”

“คุณยายถามแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่เจ้าของโรงแรมที่ไอคาหรือคะ”

อิสซาเบลส่ายหน้า “เบื้องหลังคือโดมิงโก”

เกรย์ขมวดคิ้ว “เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร ดูไอเดียงานดีไซน์เราน่ะเหรอ”

“ยายคิดว่าแบบนั้น”

“งั้นโชคดีที่งานนี้หนูไม่ได้ปล่อยไอเดียใหม่ๆ มาเสียหมด”

อิสซาเบลพยักหน้า “เห็นดีแลนบอกว่าเมื่อวานริโก้ไปเจอหนูหรือ” ความจริงไม่อยากเอ่ยชื่อริโก้ให้เสียอรรถรสอาหาร แต่ทำอย่างไรได้ เธอจำเป็นต้องสกัดก่อนที่ถ่านไฟเก่าจะคุ อุตส่าห์ผลักดันให้เกรย์รีบออกไปจากบริษัทกับดีแลน ที่ไหนได้ ไม่พ้นริโก้อยู่ดี รายนั้นหูตายิ่งกว่าเรดาร์จริงๆ

แอนนาฟังคำถามมารดาแล้วได้แต่ทำตาปริบๆ เธออุตส่าห์ไม่เล่า แต่ดีแลนกลับเล่าเสียเอง

เกรย์จิ้มชีสที่พ่อบ้านหั่นพอดีคำวางบนแฮม ก่อนจะจิ้มทั้งแฮมและชีสเข้าปาก เคี้ยวละเอียดและกลืนแล้วจึงตอบว่า “ค่ะ ทำไมนะหนูถึงรู้สึกว่าการที่เขามาคุยกับหนูถึงเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อวานคุณแม่ก็ซักหนูไปทีแล้ว”

แอนนายิ้มเจื่อนๆ ขณะที่อิสซาเบลยังคงมีสีหน้าเข้มงวด “หนูต้องเข้าใจ เขาเป็นตัวอันตรายสำหรับสาวๆ”

“คำเดียวกับที่ศาสตราจารย์พูดเปี๊ยบ” เกรย์พึมพำขณะจิ้มมะกอกดองเข้าปาก

อิสซาเบลทำทีไม่สนใจเสียงบ่นงึมงำ “เขามาคุยอะไรกับหนู ยายอยากรู้ว่าเขามาหาหนูทำไม” คลาร่าตามหาตัวพนักงานที่ได้คุยกับริโก้จนเจอ แต่จับมาซักไซ้ไล่เลียงแล้วก็ไม่ได้คำตอบมากมายนัก อนาบอกแค่ว่าริโก้ให้ดูคลิปของเกรย์ ฝ่ายนั้นอ้างว่าหยิบของสลับกันเลยจะขอมาเปลี่ยนคืน ฟังดูก็รู้ว่าเป็นอุบายเพื่อหลอกถามหาเกรย์ ริโก้เจ้าเล่ห์นัก แต่อย่างไรก็เป็นไปตามที่เธอคาด ตลอดเย็นวาน เดินไปทางไหนก็มีแต่พนักงานจับกลุ่มพูดถึงเขา

“เขาบอกว่าเขาคลาดกับหนูที่ไอคา มีคนพูดถึงหนูเยอะเลยอยากเจอ เลยมาหาที่บริษัท”

“เดี๋ยวนะ ริโก้รู้เหรอว่าหนูเป็นหลานยาย” อิสซาเบลแทรกขึ้น

“ไม่นะ หนูว่าในสเปนนับหัวได้ที่รู้เรื่องของหนู”

“งั้นเขาหาหนูเจอได้ไง” อิสซาเบลพึมพำ พยายามขบคิดหาคำตอบ

“หนูไม่ทราบค่ะ ถ้าให้เดาคงเพราะหนูเช็กอินในนามบริษัท แต่ประเด็นคือต้องมีใครบางคนสนใจถึงได้ไปค้นข้อมูลว่าหนูเช็กอินด้วยชื่ออะไร”

“หรือทางโรงแรมอยากรู้ว่าลูกสาวแม่เป็นใคร เพราะหนูสวยมาก” แอนนาออกความเห็น

“หนูไม่คอนเฟิร์มค่ะ” เกรย์มองเป็นเรื่องปกติที่ไปไหนมาไหน ผู้คนโดยเฉพาะเพศตรงข้ามจะให้ความสนใจ เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เข้าสู่วัยสาว ฉะนั้นเมื่อมีใครให้ความสนใจ เธอจึงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก บางทีนี่อาจเป็นจุดผิดพลาดที่ทำให้เธอพลาดรายละเอียดที่จะปะติดปะต่อได้ว่าริโก้รู้จักและมาหาเธอได้อย่างไร

“แล้วเขาคุยอะไรกับหนูอีก”

“เขาให้นามบัตรแล้วก็ชวนหนูไปดินเนอร์ค่ะ”

“ยายขอนามบัตรนั้นได้ไหม”

“หนูทิ้งไปแล้วค่ะ”

อิสซาเบลยิ้มสมใจ “แล้วเรื่องดินเนอร์หนูตอบไปว่าไง”

“หนูปฏิเสธไปค่ะ”

“ดีมาก ยายขอพูดตรงไปตรงมา ยายไม่อยากให้หนูคบค้าสมาคมกับผู้ชายคนนี้ เกรย์ให้ยายได้หรือเปล่า”

“หนูขอเหตุผลได้ไหมคะ” เกรย์ถามเสียงอ่อนๆ ปกติอิสซาเบลไม่เคยก้าวก่ายเรื่องคบเพื่อน

“เขาเป็นศัตรูทางธุรกิจของเรา ที่สำคัญเขาเป็นตัวอันตรายสำหรับผู้หญิง ยายไม่อยากให้หนูต้องมานั่งเสียใจในเรื่องความรัก” อิสซาเบลพูดตรงไปตรงมา

“คุณยายไม่คิดว่าหลานคนนี้จะทำให้เสือผู้หญิงอย่างเขารักจริงได้เลยหรือคะ”

อิสซาเบลอึ้ง “ยายไม่ตั้งใจจะประเมินหนูต่ำ เพียงแต่ยายไม่อยากให้หนูเอาตัวเองไปเสี่ยงกับผู้ชายที่ไม่มีค่าอย่างเขา”

“หนูเข้าใจความหวังดีของคุณยายค่ะ”

“แล้วจะให้ยายได้หรือเปล่า”

“หนูไม่กล้ารับปาก เพราะถ้าอนาคตมีเหตุให้ต้องดีลธุรกิจกัน หนูจะกลายเป็นคนผิดสัญญาได้ แต่อย่างหนึ่งที่หนูพูดได้ก็คือ หนูไม่สนใจผู้ชายคนนี้ เพราะฉะนั้นคุณยายอย่ากังวลเลยค่ะ”

“ถ้างั้นไปเรียนจอร์จทาวน์เพื่อยายได้ไหม”

“คุณแม่บอกหนูแล้วค่ะ เพื่อจะได้อยู่ห่างจากผู้ชายคนนั้นหรือคะ”

ทั้งแอนนาและอิสซาเบลอึ้งเหมือนถูกน็อก เพราะไม่คิดว่าเกรย์จะย้อนถามตรงๆ

“ใช่ และยายอยากขอร้องให้หนูออกเดินทางตั้งแต่เดือนหน้าด้วย”

“เรื่องนั้นหนูไม่ขัดข้องหรอกค่ะ แต่หนูขอเหตุผลตรงๆ ได้ไหมคะ เพราะอะไร คุณยายมีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลังนอกเหนือจากเรื่องคู่แข่งทางธุรกิจหรือเปล่าคะถึงอยากให้หนูอยู่ห่างเขา หรือเพราะเขาเป็นหลานชายของโลเปซ”

“ยายบอกไปแล้ว ยายไม่อยากให้หนูต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะความรัก”

“ทำไมนะหนูถึงรู้สึกว่าคุณยายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับหนู” เกรย์ตั้งข้อสังเกตแล้วจ้องหน้าคนเป็นยายตรงๆ อิสซาเบลยังมีเค้าสวยในวัยสาว ทั้งที่อายุแปดสิบแปดปี อิสซาเบลสวยคม ถ้าเธออายุเท่าคุณยาย เธอก็อยากดูดีได้ถึงครึ่งของคุณยาย

อิสซาเบลผ่อนลมหายใจ “หลานพูดถูก ยายมีเหตุผลของยายที่ไม่สามารถบอกหนูได้ แต่ใช่ เรื่องคู่แข่งทางธุรกิจเป็นปัจจัยหนึ่งด้วย เพราะฉะนั้นยายไม่อยากให้หนูเป็นเพื่อนกับเขา เมื่อไหร่ความสัมพันธ์เปลี่ยนจากคู่แข่งทางธุรกิจมาเป็นเพื่อน วันที่หนูต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ ประสิทธิภาพในการตัดสินใจจะด้อยลงทันที”

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณยายกลัวว่าหนูจะเป็นเพื่อนกับเขา”

“ไม่ใช่แค่นั้น ริโก้ได้ชื่อว่าเสือผู้หญิง ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้มีแต่หวั่นไหว หลงเสน่ห์ เพราะฉะนั้นยายไม่อยากให้หนูกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงพวกนั้น”

“ทำไมไม่คิดบ้างว่าเขาอาจเป็นฝ่ายหลงเสน่ห์หนู”

“ความหมายจะต่างกันตรงไหน แรกๆ เขาอาจหลงเสน่ห์หนู แต่นานๆ ไปเป็นฝ่ายผู้หญิงทั้งนั้นที่ตกบ่วงเสน่ห์เขา”

“เรื่องนั้นอย่ากังวลเลยค่ะ เพราะวันนี้หนูได้เจอเขา ได้เผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ยังไม่รู้สึกอะไรเลย” ไม่รู้สึกอะไรจริงๆ หรือ แล้วกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านตัวเขามาที่มือเธอล่ะ มันคืออะไรกัน เกรย์นึกถามตัวเอง

“อย่าชะล่าใจไป เขายังไม่ได้เริ่มร่ายมนตร์ ฉายาเขา จีบใครไม่เคยพลาด”

“ลองดูไหมคะ หนูเชื่อสัจธรรมที่ว่าทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ”

จากนั้นดินเนอร์มื้อนั้นก็เป็นไปอย่างเคร่งเครียด เพราะจบจากเรื่องของริโก้ก็ตามมาด้วยเรื่องกลยุทธ์ในการเอาชนะโดมิงโก ซึ่งแอนนาปรึกษาอิสซาเบลเรื่องที่เกรย์เสนอไอเดียให้ซื้อหุ้นโดมิงโก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น