3

ตอนที่ 3


บ่อน้ำผึ้งหวานเจี๊ยบ

 

                บริเวณสนามหญ้ากว้างของฟาร์มเพาะรักในค่ำคืนนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์ ฟ่อนฟางจำนวนมากถูกนำมาประยุกต์เป็นโต๊ะกับเก้าอี้ชั่วคราว ตลอดจนใช้ตกแต่งเวทีสำหรับดำเนินกิจกรรมต่างๆ ซึ่งหลังจากเขตพนากล่าวเปิดงานเรียบร้อย เจ้าหน้าที่เกษตรประจำฟาร์มจึงก้าวขึ้นไปรับหน้าที่พิธีกรโดยมีคู่หูเป็นหนุ่มหัวใจแหววจากแผนกบัญชี เพราะต่างมีความสามารถพิเศษในการสร้างความบันเทิงให้คนรอบข้าง

                “ปีนี้รูปแบบงานแปลกตาจังเลยค่ะ พี่หมี” กุมาริกายิ้มให้พี่ชายคนโตที่เพิ่งกลับมานั่งร่วมโต๊ะ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ แล้วก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของบ้านไร่กลางขุนเขา ทั้งๆ ที่อยู่แค่ชานกรุงเท่านั้น “น่ารักดีนะคะ ใครเป็นต้นคิด”

                เขตพนาไม่ทันได้ตอบคำถาม สาวสวยคนหนึ่งก็ก้าวมาร่วมวงสนทนาเสียก่อน

                “สวัสดีค่า...”

                เสียงใสๆ นั้นทำให้ทุกคนพร้อมใจกันหันไปหา ภาพที่เห็นคือลูกสาวผู้จัดการฟาร์มที่มาประจำอยู่บ้านพักพนักงานกับพ่อตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา พอเรียนจบก็เข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการมาได้หกปีกว่า

                “เป็นยังไงบ้างคะ งานปีนี้ถูกใจคุณหมีและทุกๆ คนหรือเปล่า”

                “น่ารักมากเลยจ้ะ” มุลิลาเป็นตัวแทนตอบคำถาม เริ่มเดาได้เลาๆ ว่าใครเป็นต้นคิดเรื่องเอาวัสดุอุปกรณ์ในฟาร์มมาประยุกต์ใช้ตกแต่งงาน “ไอเดียหนูเกดแน่ๆ”

                “ค่ะ” การะเกดยิ้มหวาน แก้มแดงระเรื่อยามที่ผู้ใหญ่เอ่ยชม “เกดเห็นว่าฟาร์มของเราจัดงานแบบเดิมมาตลอด ปีนี้เลยลองเปลี่ยนดูบ้าง ไหนๆ ก็ครบรอบปีที่สิบทั้งที...เลยคิดว่าน่าจะจัดให้ดูพิเศษกว่าทุกๆ ปีน่ะค่ะ”

                มุลิลาเห็นด้วย ลูกชายคนโตของหล่อนเองก็เตรียมของขวัญพิเศษมาจับฉลากแจกคนงานในฟาร์มเช่นกัน ถือเป็นการตอบแทนที่ช่วยกันดูแลรับผิดชอบงานในส่วนของตัวเองอย่างดี

                แต่ไม่ทันที่ใครจะได้พูดคุยอะไรต่อ เสียงผิวปากแซ็วของหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะแถวทางเข้างานก็ทำเอาเขตพนาอดหันไปมองไม่ได้ ชายหนุ่มถึงกับตัวชาไป เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะเห็นเด็กแสบของเขาก้าวเข้ามาในงานพร้อมลูกสมุนร่างจ้ำม่ำ

                นวินดาอยู่ในชุดกระโปรงสีขาว บนศีรษะผูกเชือกคาดผมประดับดอกไม้เล็กๆ ดูน่ารักอ่อนหวานผิดเพี้ยนไปจากวันธรรมดาอักโข ใบหน้าน่ารักกำลังชะเง้อชะแง้มองหาใครบางคน ก่อนที่มุลิลาจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หล่อนรู้ตัว 

“นั่นมัน...น้องผึ้งนี่ครับ” เขตชลหันไปหามารดา คิ้วหนาๆ เลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ “แม่เป็นคนชวนมาเหรอ”

“จ้ะ” มุลิลายิ้มรับ ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้บอกลูกๆ เนื่องจากเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด อีกทั้งหล่อนเองก็มัวแต่วุ่นอยู่กับงานในร้านอาหาร “เห็นหนูผึ้งตัวคนเดียวแล้ว แม่ไม่อยากให้เศร้านานๆ เลยชวนมาสนุกด้วยกัน อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้หายคิดถึงคุณย่าได้บ้าง”

                “สวัสดีค่ะ” นวินดาก้าวมาถึงโต๊ะก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่

รอยยิ้มหวานใสบนใบหน้าน่ารักทำเอาเขตพนาถึงกับใจกระตุกไหว เพราะมันเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เห็นหล่อนสวมชุดกระโปรงที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน ทั้งยังแต่งหน้าแต่งตาจนดูเป็นสาวเต็มตัวแบบนี้ ยิ่งเห็นหล่อนในระยะใกล้ๆ เขายิ่งไม่อยากละสายตาไปมองทางอื่น

                “ฮันแน่...ลุงหมีถึงกับตะลึง พี่ผึ้งของบื้อสวยใช่ไหมล่ะลุง” เสียงเย้าของเด็กจ้ำม่ำทำเอาชายหนุ่มวัยสามสิบห้าหลุดจากห้วงคำนึง

เขตพนารีบตีหน้าขรึม ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อครู่นี้เผลอมองหล่อนด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่แน่ๆ คือเขารู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยเมื่อเห็นว่าพวกคนงานหนุ่มๆ ต่างพากันมองหล่อน

                “ไร้สาระ” น้ำเสียงของเขตพนาราบเรียบเช่นเดียวกับสีหน้า ก่อนจะเบี่ยงประเด็นเรื่องที่ว่าสวยหรือไม่สวยด้วยการตำหนินวินดา “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรีบแต่งหน้าก็ได้ ชอบล่อเสือล่อตะเข้หรือไง” 

                “หมี...” คนเป็นมารดาถึงกับตีแขนก่อนจะเอ็ด “ไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง”

                “นั่นสิคะ” กุมาริกาเห็นด้วย ทั้งยังแอบสงสารสาวรุ่นน้องเพราะเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงเวลาแต่งตัวสวยๆ ก็ย่อมอยากได้ยินคำชมเชยมากกว่า “มดไม่เห็นว่าน้องผึ้งจะแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ตรงไหนเลย ชุดก็ไม่ได้โป๊ หน้าก็ไม่เข้มเกิน น่ารักสมวัยดีออก”

                นวินดาพยักหน้าหงึกๆ เพราะเอาเข้าจริงแล้วหล่อนก็ไม่ได้อยากล่อเสือล่อตะเข้สักนิด เป้าหมายแท้จริงของหล่อนในค่ำคืนนี้คือ ‘หมียักษ์ขั้วโลก’ ต่างหาก

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่มด” สาวน้อยวัยกระเตาะชินแล้วกับการถูกพ่อหมีบ่น “ลุงหมีหัวโบราณ ชอบเอาค่านิยมสมัยตัวเองยังหนุ่มๆ มาเป็นบรรทัดฐานอยู่เรื่อย ทั้งที่วันก่อนน้ำผึ้งเพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าเด็กสมัยนี้อายุสิบสี่ก็...”

                มีเสียงกระแอมของเขตพนาดังขึ้น ดวงตาคมดุมองคาดโทษเด็กสาวที่กำลังจะพูดจาไม่น่ารักต่อหน้าผู้ใหญ่เต็มโต๊ะ แต่นอกจากหล่อนจะไม่สำนึกผิดแล้ว ยังยิ้มทะเล้นอีกด้วย

                “ก็หัดแต่งหน้ากันแล้ว...” นวินดาหัวเราะคิก ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบวันนั้นออกมาจริงๆ เสียหน่อย เพราะต่อให้หล่อนจะดูเหมือนเด็กก๋ากั่นในสายตาเขา แต่หล่อนก็รู้กาลเทศะและรู้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หลายๆ คนควรวางตัวอย่างไร “หมายถึงน้ำยาอุทัยทิพย์ไง ไอเท็มยอดฮิตของเด็กๆ มอต้นที่โรงเรียนเลยนะ”

                “หึ!” เขตพนาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันนี้หล่อนจะมาไม้ไหน

                การะเกดร้อนรนในใจที่เห็นเขาเอาแต่หรี่ตามองเด็กสาวอย่างประเมิน เพราะหากไม่นับรวมกุมาริกาที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาแล้ว หล่อนไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนมีตัวตนในสายตาเขาเลย

เด็กผี! ตั้งใจแต่งตัวสวยมาเพื่อดับรัศมีหล่อนชัดๆ

แต่ไหนแต่ไรการะเกดไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายอยู่เป็นทุน เหตุผลคือสวยเกินหน้าเกินตาไปมาก ทั้งยังรูปร่างดีมีส่วนเว้าโค้ง ผิดกับหล่อนที่แบนเรียบจนต้องเสริมฟองน้ำตลอด แย่กว่านั้นคือหล่อนสูงแค่ร้อยห้าสิบห้า ดูไม่สง่างามยามยืนข้างกัน

                “แต่พี่เกดเห็นด้วยกับคุณหมีนะ” การะเกดไม่รอช้าที่จะร่วมออกความคิดเห็น ริมฝีปากขยับยิ้มอ่อนโยน ทว่าแววตากลับเยาะหยันมากกว่า “น้องผึ้งยังเด็กอยู่ ไม่ควรแต่งหน้าหรอกจ้ะ เป็นเด็กหน้าสดน่ะดีแล้ว รีบเอาเครื่องสำอางไปฉาบแบบนี้จะทำให้ ‘หน้าแก่’ เกินวัยเปล่าๆ ที่พูดนี่ก็ไม่ใช่ว่าอยากทำให้น้องผึ้งเสียเซลฟ์นะจ๊ะ พี่เกดก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ”

                “ขอบคุณพี่เกดมากค่ะ แต่น้ำผึ้งไม่ได้แต่งทุกวันคงไม่แก่ง่ายๆ อีกอย่างปีนี้เพิ่งย่างเข้าสิบแปดเอง ยัง ‘เอ๊าะ’ อยู่เลยค่ะ” นวินดาแกล้งพูดติดตลก แต่จงใจเน้นคำว่า ‘เอ๊าะ’ ใส่หน้าคนอายุมากกว่าเกือบสิบปีเต็มๆ เล่นเอาการะเกดถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะรู้เท่าทันในเจตนาเด็กแสบ แต่คนอื่นๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรกลับยิ้มแกมหัวเราะอย่างเอ็นดูเสียอีก

“เอาละ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ให้หนูผึ้งกินอะไรอร่อยๆ ดีกว่า” มุลิลาเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งเดินทางมาถึงงานหมาดๆ น่าจะยังไม่ได้กินอะไรมาจากที่บ้าน หล่อนจึงหันไปสั่งผู้ช่วยผู้จัดการสาวที่ยืนอยู่ใกล้ตัว “หนูเกด ไปบอกเด็กเอาของว่างมาเสิร์ฟให้หนูผึ้งหน่อยจ้ะ”

                “เกดเหรอคะ” หล่อนทวนถามอย่างอึ้งๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะต้องบริการเด็กผี แต่สีหน้างงๆ ของเจ้านายก็ทำให้ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะลูกจ้าง “เอ่อ...ค่ะ”

                การะเกดยิ้มแก้เก้อนิดๆ เผลอลืมตัวไปเสียสนิทว่าตัวเองเป็นใคร เพราะอยากจะเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวพยัคฆาเต็มแก่ แต่เมื่อยังไม่อาจเป็นได้ในตอนนี้ หล่อนจึงได้แต่หมุนตัวออกไปทำตามคำสั่ง แล้วชำเลืองมองเด็กแสบอย่างหมายมาดว่าหากตัวเองเลื่อนขั้นเป็นภรรยาเจ้าของฟาร์มเมื่อไรจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายเฉียดเข้ามาในเขตฟาร์มเพาะรักแน่!

                “หนูผึ้ง บื้อ นั่งก่อนสิจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ แม่” นวินดายิ้ม นั่งลงบนฟ่อนฟางใกล้ๆ กับที่หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยที่บื้อเองก็นั่งลงข้างๆ ลูกพี่สาววัยกระเตาะ

สรรพนามที่นวินดาใช้เรียกผู้ใหญ่เมื่อครู่ทำให้เขตพนาอดแปลกใจไม่ได้

                “แม่?” เขาถึงกับทวนถาม เลิกคิ้วน้อยๆ เพราะคิดว่าตัวเองอาจเพียงหูฝาด แต่สีหน้าประหลาดใจของน้องๆ อีกสองคนก็ราวกับจะตอกย้ำว่าได้ยินไม่ผิดจริงๆ

                “อ้อ” มุลิลาหัวเราะ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกลูกๆ เรื่องนี้ “แม่กับพ่อตกลงกันว่าจะรับหนูผึ้งมาเป็นลูกสาวอีกคน ไหนๆ เราก็คนกันเอง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด สำนักงานหมีอยู่ใกล้ๆ สวนของน้อง ต่อไปนี้ก็ช่วยสอดส่องดูแลให้น้องด้วยนะ”

                เขตพนานิ่ง หันไปมองหน้าเด็กแสบอย่างไม่แน่ใจนักว่าหล่อนมีแผนอะไรในใจ คราวก่อนมาอ้อนขอแต่งงานกับเขา พอไม่สำเร็จก็ไปอ้อนขอเป็นลูกสาวพ่อแม่เขาแทน ยิ่งเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ๆ ของหล่อน เขายิ่งไม่อยากไว้ใจสักนิด

                วันนี้ตาขวากระตุกตั้งแต่เช้าแล้ว โบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี...สังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายชอบกล!

 

                เสียงเพลงลูกทุ่งจากศิลปินมือสมัครเล่นของฟาร์มดังคลอเคล้าบรรยากาศสนุกสนานในงานสังสรรค์ หลังจากที่นวินดาถูกเชิญนั่งร่วมโต๊ะไม่นาน มุลิลาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยสามีของหล่อนอาสาออกไปเป็นเพื่อน

“พี่มด ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึงจังเลยค่ะ” นวินดาถือโอกาสชวนคุย เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกันในงานสวดอภิธรรมศพคุณย่า หล่อนยังจมอยู่กับความสูญเสียจนไม่มีแก่ใจถามไถ่สารทุกข์สุกดิบใครมากนัก “พี่มดสบายดีนะคะ น้องในท้องกี่เดือนแล้ว”

                “เกือบห้าเดือนแล้วค่ะ”

                “โห...” นวินดาครางอย่างอึ้งๆ ดวงตากลมโตจ้องเป๋งไปยังท้องของสาวรุ่นพี่ที่นูนออกมามากกว่าปรกติแค่นิดเดียวเท่านั้น “เกือบห้าเดือนแล้วเหรอคะ นี่ถ้าไม่บอก น้ำผึ้งคิดว่าแค่สองเดือนเอง ว่าแต่...ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ น่าจะรู้เพศแล้วหรือเปล่า”

                “รู้ได้ตั้งแต่สามสัปดาห์แรกแล้วค่ะ เป็นผู้ชายนะ”

                “งั้นต้องหล่อเหมือนคุณชายแน่ๆ” นวินดายิ้ม ดวงตากลมโตมองไปทางหม่อมราชวงศ์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ภรรยาของเขาอย่างชื่นชม ไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังทำให้อารมณ์ของเขตพนาขุ่นมัว กระทั่งบังเอิญเหลือบไปเห็นพ่อหมียักษ์จ้องหล่อนตาไม่กะพริบ นวินดาจึงอดประหลาดใจไม่ได้ “ลุงหมีมองน้ำผึ้งทำไมคะ หรือว่าหน้าน้ำผึ้งมีอะไรติดอยู่”

                ความระรื่นไงล่ะ! เขตพนาไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหงุดหงิดแบบนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนก็ไม่ได้ก่อกวนอะไรเขาเหมือนเคย

                “มองว่าเมื่อไรเธอจะหยุดพูดเสียที ตั้งแต่มาถึงก็เห็นจ้ออยู่คนเดียว”

                “เอ้า!” นวินดาอุทาน ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด “ก็น้ำผึ้งมนุษยสัมพันธ์ดี ไม่เหมือนลุงนี่ เอาแต่นั่งนิ่งๆ เป็นหมีขั้วโลก คงเพราะแบบนี้แหละถึงไม่มีใครหลวมตัวมาเป็นแฟนด้วย”

                “เด็กบ้า...” ชายหนุ่มผรุสวาทลอดไรฟันเบาๆ “พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

                “ก็ไม่เห็นเข้าใจยากตรงไหน” หล่อนย้อนพลางพยักพเยิดไปทางกุมาริกา “ดูอย่างพี่มดสิคะ อ่อนกว่าลุงตั้งเป็นสิบๆ ปี แต่งงานจะมีลูกอยู่แล้ว ลุงเป็นพี่ชายคนโตแท้ๆ ปล่อยให้น้องแซงหน้าก่อนได้ไง ระวังน้า...ชักช้าอืดอาดมากๆ พี่หมึกแซงไปอีกคน แล้วจะเหลือลุงเป็นตาแก่เดียวดาย จัดงานแซยิดไม่มีลูกมีเต้ามันเหงานะลุง”

                เขตชลหัวเราะพรืด ตรงข้ามกับพี่ชายคนโตที่นอกจากขำไม่ออกแล้วยังหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกด้วย

                “ก็ถ้าโลกนี้มีแต่ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันขออยู่เป็นโสดดีกว่า”

จังหวะนั้นเสียงเพลงลูกทุ่งของนักร้องมือสมัครเล่นจบลงพอดี หลายคนจึงพร้อมใจกันปรบมือ ก่อนที่พิธีกรจะก้าวขึ้นสู่เวทีอีกครั้ง

                “จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเพลงแรกในค่ำคืนนี้ และเมื่อครู่นี้มีนักร้องสาวสวยแอบกระซิบมาว่าอยากร้องเพลงให้ทุกคนฟังบ้าง พร้อมจะพบกับเธอกันหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้ว...ขอเสียงปรบมือต้อนรับสาวน้อยหน้ามนคนหน้าหวาน หลานสาวคุณนายเจ้าของสวนมะม่วงชื่อดัง น้องน้ำผึ้งเดือนห้า หน้าสวย เสียงใสกระชากวิญญาณคร้าบบบ”

                นวินดาถึงกับอ้าปากหวอ กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้เลยว่าหล่อนไปกระซิบบอกพิธีกรตั้งแต่เมื่อไร

หรือจะเป็นฝีมือบื้อ? ลูกพี่สาววัยกระเตาะหันไปมองตำหนิสมุนน้อยที่นั่งกินขนมอยู่ข้างๆ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันจนชักไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นฝีมือใคร ปรกติแล้วบื้อไม่เคยกล้าโกหกหล่อน กระทั่งเหลือบเห็นการะเกดยืนยิ้มมุมปากอยู่ใกล้ๆ เวที คำตอบที่ค้างคาใจก็แล่นเข้ามาในสมอง

                ที่แท้ก็ฝีมือผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตนี่เอง!

                “มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”

                คำถามของเขตชลเรียกความสนใจของเด็กสาวให้หันไปหา แต่เสียงปรบมือของเหล่าพนักงานตามโต๊ะต่างๆ ก็ทำให้หล่อนคิดว่าไม่ควรปฏิเสธ สุดท้ายจึงตัดสินใจพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการลุกขึ้นไปกระซิบข้างหูเขตพนา

“เดี๋ยวรอดูนะลุง ว่าผู้หญิงอย่างน้ำผึ้งจะมีใครอยากหลวมตัวบ้าง” หล่อนก้าวตรงไปข้างๆ เวทีเพื่อนัดแนะกับเจ้าหน้าที่เครื่องเสียง ดวงตากลมโตมิวายชำเลืองมองการะเกดนิดๆ เพราะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากแกล้งให้หล่อนขายหน้า แต่คนอย่างนวินดาไม่เคยกลัวอะไรง่ายๆ ตอนนี้ถึงได้ก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกันกับที่เสียงดนตรีเพลงลูกทุ่งยอดนิยมดังขึ้น

                บรรดาพนักงานในฟาร์มปรบมือให้กำลังใจกันเกรียวกราว โดยเฉพาะเหล่าลุงๆ น้าๆ ดูจะชอบอกชอบใจเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นเพลงที่ประพันธ์ขึ้นมาเอาใจคนอายุมากโดยเฉพาะ

 

มีเมียเด็ก...ไม่ต้องตรวจเช็กร่างกาย

น้องมียาสมุนไพรเตรียมเอาไว้...ให้พี่

ไม่ต้องระแวงกลัวเรี่ยวแรง...ไม่มี

อย่าได้เกรงกลัว ในตัวของน้องมีของดี

ขอเพียงแต่พี่...มีหัวใจรักน้องจริง

 

                “โห...” เขตชลถึงกับอึ้ง ไม่อยากเชื่อว่านวินดาจะร้องเพลงได้จริงๆ แม้ไม่ไพเราะเทียบเท่านักร้องออกแผ่นเสียง แต่ก็รื่นหูไม่เบา เหนือสิ่งอื่นใดคือหล่อนยังแกล้งยักคิ้วหลิ่วตามาทางเขตพนาตอนร้องจบท่อนแรกราวกับจะบอกความในใจกลายๆ เล่นเอาการะเกดร้อนรนในใจราวกับมีใครเอาไฟมาสุม “ไม่คิดรับไมตรีบ้างหรือไง พี่หมี”

                “พูดอะไรของแก” น้ำเสียงของเขตพนาราบเรียบ คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดๆ อย่างไม่เข้าใจ

                “เด็กมันชัดเจนขนาดนี้ยังต้องให้แปลอีกเหรอ...” คนเป็นน้องยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นพลางหันไปหาแนวร่วม “จริงไหมคุณชาย”

                หม่อมราชวงศ์นพคุณนิ่ง ไม่แน่ใจว่าเขาเกี่ยวอะไรด้วย แต่คงเพราะไม่บ่อยนักที่พี่ชายของภรรยาจะพูดจาดีๆ กับเขาแบบนี้ ราชนิกุลหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและตอบไปตามตรง

                “ครับ”

                “นั่นไง” เขตชลแทบตบเข่าฉาด “คุณชายยังดูออกเลย”

                “ไร้สาระ” เขตพนาส่ายหัวพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มบ้าง ทั้งยังอดหงุดหงิดไม่ได้ที่เห็นพวกคนงานหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในฟาร์มลุกไปรำหน้าเวทีเพื่อสนุกกับนวินดา บางคนพอมีเงินเดือนเหลือใช้ก็ยังยื่นธนบัตรสีแดงให้ทิปหล่อนเสียอีก และเขาไม่ชอบเอาเสียเลยที่เห็นหล่อนยิ้มรับหน้าระรื่น สุดท้ายเลยต้องเบือนหน้าหนีมาทางวงสนทนา “อีกอย่างฉันไม่ได้คิดอะไร ไม่ใช่เฒ่าหัวงูเหมือนคุณชาย แก่ไม่อยู่ส่วนแก่ ยังเต๊าะเด็กนักศึกษาได้ลง”

                “อ้าว...” ราชนิกุลหนุ่มขำ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเออออห่อหมกแค่คำเดียวสั้นๆ สุดท้ายแล้วงานจะเข้าเขาอีกจนได้ เพราะครั้งที่ตามจีบกุมาริกาใหม่ๆ หล่อนยังเป็นเพียงนักศึกษาฝึกสอนในโรงเรียนเขาอยู่เลย และด้วยอายุที่ต่างกันค่อนข้างมาก กว่าจะฝ่าด่านอรหันต์ของสองเขตได้ก็ต้องใช้ความจริงใจอักโข

“คนเราถ้ารักกันเสียอย่าง อายุห่างกันกี่ปีก็ไม่สำคัญหรอกครับ”

                “พูดได้ดี” เขตชลหัวเราะชอบใจ และเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาญาติดีกับน้องเขยแบบนี้ “ค่อยสมกับที่ยกมดให้หน่อย”

                “นี่แกแปรพักตร์ตั้งแต่เมื่อไร”

                “ยังครับยัง” เขตชลยืนยันว่ายังอยู่ข้างพี่ใหญ่ของบ้านเหมือนเดิม “แต่บางเรื่องที่มันดี ผมก็ต้องว่าดี เหมือนอย่างเรื่องที่น้องผึ้งเป็นคนน่ารัก ผมก็ว่าน่ารัก น่ารับประทาน...เอ้ย! น่ารับไมตรีไงครับ”

“ฉันไม่หัวงูเหมือนแก กับเด็กมัธยมแท้ๆ ยังคิดลามกได้ลง”

“คร้าบ พี่หมีคนดี ไม่หัวงูจริงๆ ก็ดีแล้ว” เขตชลหัวเราะขบขัน เมื่อเห็นพี่ชายยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มราวกับอยากยุติบทสนทนาเต็มแก่ “เพราะถ้าเกิดหลวมตัวขึ้นมาจริงๆ ประเดี๋ยวจะเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ได้”

                เขตพนาแทบจะสำลักพรวด แต่ก็ยังดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน

บ้าฉิบ! เขาไม่ได้คิดอะไรกับนวินดาจริงๆ เสียหน่อย เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนมีมวลสารมากมายแล่นเข้ามากระแทกใจแรงๆ แบบนี้ แล้วพอหันไปเห็นหล่อนยืนร้องเพลงอยู่ท่ามกลางความสนใจของสายตาหลายคู่ก็รู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย แม้ว่าหล่อนจะกำลังมองมาที่เขาก็ตาม

 

มีผัวแก่...แต่เสน่ห์หลากหลาย

หนุ่มๆ น่ะชิดซ้าย ลูกเล่นแพรวพราย...ดียิ่ง

เอาอกเอาใจ ไม่ต้องเฝ้าคอยท้วงติง

อยากกินอะไรก็หามาให้ยอดหญิง

สารพัดทุกสิ่ง ดีจริงๆ หนอ...พ่อคุณ

 

                จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนหล่อนกำลังยั่วโมโหเขา เพราะคำพูดที่หล่อนทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนขึ้นเวทีกำลังวนเวียนเข้ามาในสมอง

                ‘เดี๋ยวรอดูนะลุงว่าผู้หญิงอย่างน้ำผึ้งจะมีใครอยากหลวมตัวบ้าง’

                นวินดายักคิ้ว ดูเหมือนกำลังชอบใจที่มีลุงๆ น้าๆ หลายคนไปรำอยู่เป็นเพื่อนตรงหน้าเวที

 

หนูได้ผัวแก่ แต่เนื้อหนังไม่หย่อนยาน

ตามสเปกที่ต้องการ รักชุ่มฉ่ำหวาน...อบอุ่น

มีผัวคราวลุง ไม่ยุ่งยากเปลี่ยนรักเป็นทุน

สมชายชาตรี มีหัวใจเป็นนักบุญ

พลังรักไม่สิ้นสูญ ไม่ว้าวุ่น...หัวใจ

 

                เขตพนายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่เมื่อพบว่าไม่มีของเหลวไหลรินเข้าปากก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมจนอดไม่ได้ที่จะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง

                “บื้อ”

                “คะ...ครับ” เด็กชายที่กำลังเพลินอยู่กับการกินถึงกับสะดุ้ง ไม่แน่ใจในอารมณ์ของอีกฝ่าย ตลอดเวลาที่เขตพนากำลังคีบน้ำแข็งชงเหล้า บื้อจึงเฝ้ามองอย่างระมัดระวังตัว

                “ไปบอกลูกพี่แกให้กลับลงมาได้แล้วไป ร้องไม่ได้เรื่องแล้วยังอยากจะร้องอีก”

                “หา...” บื้อถึงกับอุทานด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ระดับรางวัลชนะเลิศของโรงเรียนนี่ยังไม่ได้เรื่องอีกเหรอลุง”

                “เออ” เขาตอบห้วนๆ พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาถือ

                แววตาคมดุคู่นั้นทำเอาบื้อไม่กล้าขัด ร่างจ้ำม่ำรีบลุกจากโต๊ะไปทางเวที และมันเป็นเวลาเดียวกับที่สาวน้อยข้างฟาร์มกำลังร้องเพลงท่อนสุดท้ายอยู่

 

มีผัวแก่...แต่มีหน้ามีตา

ตกเย็นค่ำมา จะเตรียมยาดองของดีให้

อยากให้ดื่มกิน บำรุงกำลัง...ภายใน

พี่จ๋าอย่ากลัว ใครอุ้มตัวน้องไป

ทั้งนา...นอก นาใน ให้พี่ไถดำทำทั้งปี

 

ใครแต่งเพลงนี้วะ!

                เขตพนาเผลอจินตนาการตามเนื้อเพลงแล้วก็อดใจเต้นโครมครามไม่ได้ ยิ่งคนร้องเป็นนวินดาที่เพียรส่งสายตามาหา โลหิตในกายยิ่งแล่นพล่านอย่างบอกไม่ถูก เพราะบางครั้งเขาก็รู้สึกว่านอกจากยั่วโมโหแล้ว หล่อนยังยั่วให้เขาอยากกระโจนตัวเข้าคุกอีกด้วย

                หล่อนก็แค่ร้องเพลง แค่ร้องเพลง...

เขตพนาพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน เพราะถึงอย่างไรนวินดาก็เป็นแค่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อให้หล่อนจะแอบเชื้อเชิญจริงๆ อย่างมากเขาก็ได้แค่มองเท่านั้นเองแหละ!

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น