10

จูบ (๒)...ไม่แคร์ แต่ไม่ลืม


 

“อื้อออ...”

หญิงสาวร้องประท้วง มือทั้งสองข้างระดมทุบลงไปบนแผ่นอกและแผ่นหลังกว้างสะเปะสะปะ พยายามเบือนหน้าหนีให้หลุดพ้นจากริมฝีปากที่บดขยี้เรียวปากเธออย่างเร่าร้อน แต่มิอาจทำได้สมดังใจ มือหนาขยุ้มผมเธอ บังคับให้แหงนเงยรับบทลงโทษจากเขาได้อย่างถนัดถนี่ ยิ่งเธอขัดขืนเขามากเท่าไร ริมฝีปากร้อนจัดก็ยิ่งบดเคล้าคลึงเคล้นอย่างหนักหน่วง ครอบครองกลีบปากเธอแนบแน่นจนไม่มีช่องว่างให้เธอหายใจ ซ้ำร้ายเขายังสอดแทรกลิ้นสากซอกซอนลึกล้ำเข้ามาในปากเธออย่างอุกอาจและเอาแต่ใจ

เขาจูบเธออย่างร้อนแรงชนิดดูดกลืนทุกลมหายใจ...

ร่างบางกระตุกไหว เสียววาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจดศีรษะ ก่อนจะแล่นย้อนกลับลงไปที่ปลายเท้าอีกที ในหัวขาวโพลน หูอื้อตาลายไปหมด หายใจไม่ทัน ยังดีที่เขาปรานียอมถอนริมฝีปากออกเสียก่อนที่เธอจะขาดอากาศตายไปจริงๆ

“เฮือก...” สลักจันทร์อ้าปากหอบหายใจ สูดอากาศเข้าทางปากแทน ใบหน้าแดงซ่าน หัวใจเต้นระส่ำดังตุบๆ ใกล้จะช็อกเมื่อไรก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นสติที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็สั่งให้เธอพยายามดิ้นรนหาโอกาสหนีอีกครั้ง

“อุ๊บ!”

ทว่าธรรศไม่เปิดโอกาสนั้นให้หล่อน เขายอมให้หล่อนพักหายใจเพียงอึดใจเดียว ก็ก้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มอีกครา ประทับจูบอย่างกระหายคล้ายกับคนขาดน้ำมาหลายวัน พอได้ลิ้มรสสักครั้งก็ตะกละตะกลามเฝ้าดูดดื่มอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

สลักจันทร์เพียรดิ้นรนอย่างหนัก ใช้สองมือประทุษร้ายเขาเท่าที่จะพอทำได้ แต่ก็ถูกเขารวบพันธนาการตรึงเอาไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง ไหนจะยังร่างกายที่ถูกคนตัวใหญ่กดทับให้ติดอยู่กับกระจกด้วยร่างใหญ่โตแข็งแกร่งดั่งหินผาอีกเล่า เป็นเหตุให้เธอไร้อำนาจที่จะต่อกรกับเขาได้ ร่างบางถูกเขาจองจำจนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่นิด มีเพียงลมหายใจของเธอเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าออกได้บ้าง แต่ก็ลำบากเต็มที

“ปล่อย...ฉัน” แต่ละคำช่างหลุดออกมาจากปากได้อย่างยากเย็น

“คุณเองก็รู้สึกดี...” ธรรศกระซิบชิดริมหูเสียงพร่า “แล้วจะให้ผมหยุดทำไมล่ะ”

“ไม่...” เธอส่ายหน้า ไม่ยอมรับความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจ ความรู้สึกที่ว่าร่างกายกำลังทรยศเธอ มันร้อนวูบวาบ ตื่นตัวขึ้นมาฉับพลัน หัวใจเต้นระรัว เนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับมีไฟอันรุ่มร้อนสว่างวาบสุมอยู่

คนที่จงใจปลดปล่อยเรียวปากเธอเป็นอิสระมองใบหน้าแดงปลั่งแล้วกระตุกยิ้มคล้ายเยาะบนมุมปาก

“ร่างกายคนเรามันไม่โกหกหรอกนะสลักจันทร์ มันรู้สึกยังไง ก็แสดงออกมาแบบนั้น”

แล้วคนพูดก็โชว์หลักฐานด้วยการก้มหน้าขบริมฝีปากและฟันฝังลงบนต้นคอนวลผ่อง

“อ๊า...!” หญิงสางครางกระเส่า ไม่ทันตั้งรัความเสียวซ่านที่เกิดจากประสบการณ์แปลกใหม่ซึ่งเธอไม่เคยพานพบ “ปล่อยฉัน...คุณธรรศ!”

“แต่หน้าตาคุณไม่ได้บอกแบบนั้น มันฟ้องให้ผมทำมากกว่านี้”

“หยุดนะ!” หญิงสาวร้องห้ามเสียงหลง

“หยุดทำไมล่ะ แค่ปล่อยตัวไปตามหัวใจ เดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกดีเอง ผมก็มีดีไม่แพ้แฟนคุณหรอก เผลอๆ คุณอาจจะติดใจผมมากกว่าแฟนคุณก็ได้”

ใช่...อีกประเดี๋ยวหล่อนก็คงจะเคลิบเคลิ้มหลงใหลกับรสจูบและความกระสันที่เขามอบให้ ไม่มีจุดไหนในกายสาว ที่เขาไม่รู้จัก ผู้ชายเจนสนามรักอย่างเขารู้ดีว่าจุดอ่อนไหวของพวกหล่อนอยู่ตรงไหนบ้าง หล่อนชอบให้เขาสัมผัสตรงไหน รักหล่อนอย่างไร ต้องทำเช่นไรแม่สาวตรงหน้าถึงจะคลั่งอยู่ภายใต้ร่างของเขาและเฝ้าวิงวอนร้องขอให้เขามอบความสุขสมให้หล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า

เขารู้จักผู้หญิงอย่างพวกหล่อนดี รู้ซึ้งไปถึงธาตุแท้ข้างในเสียด้วยซ้ำ!

ธรรศย้ำกับตัวเอง แม้บางความรู้สึก...ในเสี้ยวหนึ่งของความนึกคิดจะร้องเตือนเขาว่า สลักจันทร์อาจไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ดวงตาคมที่มีหยาดน้ำตาเอ่อล้นคู่นั้นบ่งฟ้องว่าหล่อนกำลังหวาดกลัว เต็มไปด้วยความสับสน ตัวสั่นเหมือนลูกนกแรกเกิดที่เจอสัตว์ร้ายตรงเข้าขย้ำ

แต่เขาก็ไม่ฟัง!

ธรรศเลือกที่จะเชื่อประสบการณ์ของเขามากกว่า ผู้หญิงบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เจ้าเล่ห์ มารยาร้อยเล่มเกวียนทุกคน คนอย่างเขา ‘เจ็บ’ แล้ว ‘จำ’ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่ยอมโง่ซ้ำซาก ไม่มีวันหลงกลความไร้เดียงสาที่ฉาบไว้ด้วยพิษร้ายของพวกหล่อนอีก เพราะกว่าจะรู้ตัว พิษของมันก็แล่นเข้าสู่หัวใจ ทำให้เขาแดดิ้นได้ง่ายๆ

เขายอมกลายเป็นปีศาจ...ทำให้พวกหล่อนเจ็บ ดีกว่าตัวเองเจ็บ!

เขาจะไม่มีทางเชื่อผู้หญิงคนไหน ต่อให้พวกหล่อนเล่นบทพระแม่มารีผู้แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาก็ไม่มีวันเอาหัวใจตัวเองไปวางไว้ใต้ฝ่าเท้าให้ใครเหยียบย่ำซ้ำเติมเล่นอีกแล้ว...

ไม่มีวัน!

ชายหนุ่มย้ำเตือนตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะจูบหล่อนเสียใหม่ ตั้งใจมอบความอ่อนหวานให้หล่อนหลงมัวเมา เขาไม่ได้ถอนริมฝีปากออก แต่ไม่บดขยี้ให้กลีบปากอิ่มช้ำชอกเหมือนเดิม ชายหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนคล้อยคลอเคลียจูบหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง ขบเม้มริมฝีปากล่างของหล่อนเบาๆ สลับกับนวดคลึงอย่างยั่วยวน

ปลายลิ้นสากไล้เลียแทรกตัวเข้าไปในโพรงปากนุ่มชื้น ตรงเข้าสะกิดปลายลิ้นเล็กๆ หยอกเอินให้หล่อนรับการรุกเร้า กระทั่งหญิงสาวลืมตัวเผลออ้าปากกว้างขึ้น เขาก็โจนจ้วงเข้าไปควานหาความหอมหวานภายในอย่างลึกล้ำ กวาดลิ้มชิมรสหวานปานน้ำผึ้งพระจันทร์ไปทั่วกระพุ้งแก้ม จนเมื่อหนำใจจึงชักปลายลิ้นเข้าออก จงใจกระตุ้นเร้าเลือดในกายสาวให้เดือดพล่าน หลอกล่อให้หล่อนกระวนกระวายจนต้องส่งลิ้นตามติดเข้ามาในปากเขา ตอบสนองเขา จูบเขา และให้เขาจูบหล่อนได้อย่างลึกซึ้งดื่มด่ำยิ่งขึ้น

ธรรศเจตนาล่อลวงให้หญิงสาวสัมผัสถึงจูบที่แสนเร่าร้อนอ่อนหวาน เพื่อที่หล่อนจะได้พ่ายแพ้ต่อแรงกฤษณาอันมืดดำที่เขาเชื่อว่ามีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน...

ความใคร่!

ทีนี้เขาก็จะได้ข้อพิสูจน์เสียทีว่า ผู้หญิงที่แกล้งทำตัวอินโนเซนส์ตรงหน้าไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าใครๆ ที่แท้หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงใจง่ายที่พอเลิกกับแฟนปุ๊บ ก็สามารถกระโดดขึ้นเตียงกับผู้ชายคนใหม่ได้ทันที เช่นเดียวกับนิศานาถ ทั้งๆ ที่มีเขาคอยปรนเปรอความสุขให้ไม่ขาด แต่หล่อนก็ยังไม่รู้จักพอ เที่ยววิ่งเร่ไปหาคนอื่นให้มาช่วยบำเรอราคะหล่อนอย่างถึงอกถึงใจ

“อืม...บอกผมซิว่าคุณรู้สึกดีแค่ไหน” ธรรศกระซิบถามชิดริมฝีปากอวบอิ่ม

แทนคำตอบ สลักจันทร์กัดปากคนถามที่จูบซับปากเธอไม่เลิกทันควัน

“โอ๊ย!” ธรรศสะดุ้ง เพราะไม่ทันระวัง

“เป็นไง...รู้สึกดีไหมล่ะ” หญิงสาวถามเยาะ “คนอย่างฉันไม่ได้ใจง่าย ยอมมีอะไรกับใครก็ได้เหมือนที่คุณพยายามจะยัดเยียดให้เป็น ฉันไม่ใช่และไม่มีวันเป็นของเล่นของคุณเด็ดขาด อย่าเอาฉันไปรวมกับผู้หญิงพวกนั้นของคุณ!”

ชายหนุ่มฟังคนฉุนจัดด่าทอพลางแตะปลายนิ้วลงบนมุมปาก เมื่อรับรสคาวเฝื่อนๆ ภายในปากได้ ดวงตายิ่งลุกวาว เมื่อเห็นว่าเป็นเลือด!

“ไม่เคยมีใครทำให้ผมเจ็บ...สลักจันทร์!”

หญิงสาวเชิดหน้าท้าทายกลับ

“ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนคนนั้น คุณควรจะได้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นที่ถูกคุณพูดจาดูถูกทิ่มแทงเสียบ้าง คราวหน้าคราวหลังคุณจะได้หัดปรับปรุงตัว นึกถึงใจเขาใจเราให้มากกว่านี้”

“อย่าบังอาจมาสั่งผม!” เขาคำรามลั่น

“ทีคุณยังชอบบังคับฉันเลย”

“ผมมีสิทธิ์ เพราะผมเป็นนายจ้าง”

“ข้ออ้างงี่เง่าเต่าล้านปี!”

“หยุดด่าผมเดี๋ยวนี้นะสลักจันทร์!” ชายหนุ่มเตือนเสียงเยียบเย็น สีหน้าขึงขังจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามขมับ

“คุณก็หัดให้เกียรติคนอื่นก่อนสิ”

“ผมจะไม่เตือนคุณซ้ำ”

พอสลักจันทร์อ้าปากจะเถียง ธรรศก็จัดการกระแทกริมฝีปากปิดปากเจ้าหล่อนทันที บดขยี้อย่างรุนแรงจนหญิงสาวที่รองรับการรุกล้ำรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งริมฝีปาก โดยเฉพาะกลีบปากล่างที่ถูกเขากัดเสียเต็มแรง เป็นเชิงลงทัณฑ์โทษฐานที่เขาเตือนหล่อนหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่หญิงสาวกลับเพิกเฉยไม่ยอมฟัง ริจะลองดีกับเขาให้ได้

เขาไม่ชอบคนพูดมาก และวันนี้หล่อนก็กล่าวหลายเรื่องเกินความจำเป็น...

“อื้อออ...”

ธรรศได้ยินเสียงร้องงึมงำอยู่ในลำคอของเขา แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าหล่อนกำลังบริภาษหรือครวญครางเพราะระงับความรัญจวนใจไม่อยู่ แต่ก็อดเป็นสุขลึกๆ ไม่ได้ที่เห็นหล่อนพ่ายแพ้เป็นฝ่ายยอมจำนน เขาพอใจที่หล่อนแสดงความรู้สึกออกมา เพราะแปลว่าหล่อนไม่ได้รังเกียจเขา หล่อนรู้สึกรู้สากับสัมผัสของเขา และบางทีหล่อนอาจจะชื่นชอบมันเสียด้วยซ้ำ

“คุณกำลังรู้สึกดี”

“ไม่!” สลักจันทร์ปฏิเสธเสียงแข็ง

ธรรศครอบครองริมฝีปากหล่อนใหม่อีกครั้ง...

คราวนี้เขาประทับจูบหญิงสาวอย่างเนิบนาบ ค่อยๆ พรมจูบสลับกับขบเม้ม ตอดริมฝีปากอวบอิ่มถ้วนทั่ว หยอกเย้าหล่อนอย่างนุ่มนวล คลึงเคล้านวดวนกระทั่งเจ้าของเรียวปากเกิดความวาบหวามหวั่นไหว ใจเต้นรัว มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้กลุ่มเส้นผมให้หล่อนเงยหน้ารับจุมพิตลึกล้ำยิ่งขึ้น แทรกปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากทันทีที่สลักจันทร์เผลอเผยอปาก ขยับลิ้นแผ่วพลิ้วละเลียดวาดลีลาไล้เลียไปให้ทั่วริมฝีปากของอีกฝ่าย กระทั่งร่างบางอ่อนระทวยราวกับต้องมนตร์

“คุณรู้สึกดี!”

ธรรศไม่รอให้หล่อนเอ่ยค้าน ก็รีบครอบครองริมฝีปากสีชมพูอิ่มอีกครั้ง จูบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม สองมือที่พันธนาการตัวหล่อนไว้สอดประสานปลายนิ้วเรียวเข้าด้วยกัน ขณะที่ปากยังคงสาละวนจูบหล่อนอย่างละเลียด จนเมื่อหนำใจจึงเคลื่อนลงมาขบครูดตามลำคอระหง พลางสูดดมกลิ่นกายสาวที่แสนเย้ายวน ก่อนจะฝังรอยจูบหนักๆ ลงตรงชีพจรที่เต้นแรง

สองมือเชี่ยวชาญเลื่อนลงมาสวมกอดกระชับร่างบาง ค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลังอย่างอ้อยอิ่ง ไต่ลงมาตามสะโพก กอบกุมบั้นท้ายงามงอน ฟอนเฟ้นมันอย่างสนุกมือ ส่วนมืออีกข้างลูบไล้ขึ้นมายังฐานทรวงอก บีบเคล้าคลึงเคล้นอย่างชำนิชำนาญ ทำงานสอดคล้องต้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม ปลุกเร้ากายสาวทั่วทุกจุดที่ไวต่อสัมผัส หญิงสาวใต้ร่างเขาบิดตัวด้วยความเสียวซ่านทันควัน เหมือนมือเขาเป็นของร้อนที่นาบลงไปตรงไหน ผิวเนื้อตรงนั้นของหล่อนก็แทบไหม้เป็นจุล หล่อหลอมความรู้สึกให้ละลายจนเกือบจะไม่เหลือทิฐิใดๆ

อารมณ์พิศวาสที่ปะทุจวนเตลิดเกินจะกู่เต็มทีพลันสะดุด เมื่อสลักจันทร์สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกประหลาด ยามเมื่อเขากดสะโพกเธอให้แนบชิดติดตัวเขา หญิงสาวพลันตื่นตระหนก เบิกตาโพลง สติกลับคืนมาแทบจะทันที พึงระลึกได้ว่าเธอเกือบจะพลาดท่าเสียทีคนร้อยเล่ห์เข้าให้เสียแล้ว

ธรรศเป็นนักรักที่เก่งกาจและแสนเอาแต่ใจนัก เขาจงใจหลอกล่อ ชักจูงหรือแม้แต่ใช้กำลังบีบบังคับให้เธอหลงมัวเมาไปในเพลิงราคะที่เขาเป็นผู้จุดขึ้น ทว่าสลักจันทร์ไม่ประสงค์จะให้เขาก้าวล่วงเข้ามาหยั่งรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในจิตใจของเธอ และยิ่งไม่ต้องการสูญเสียสิ่งสำคัญที่เธอพยายามปกป้องมาตลอดชีวิตไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบด้วย

“ปล่อยฉัน...คุณธรรศ!”

สลักจันทร์ตะโกนใส่หน้าเขา พลางกำหมัดแน่น เตรียมพร้อมที่จะทำการบางอย่าง ขืนเธออยู่นิ่งแล้วปล่อยให้เขาดูถูกศักดิ์ศรีกันต่อไปแบบนี้ สู้กลั้นหายใจ ‘ตาย’ เสียเลยยังจะดีกว่า! เธอไม่อาจทนอับอายกับสภาพตัวเองมากไปกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก เท่าที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาสัมผัสล่วงเกินกันอย่างสนิทชิดเชื้อจนถึงขนาดนี้ เธอก็อดสูจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเต็มทนแล้ว

“แน่ใจเหรอว่าอยากให้ผมหยุดตอนนี้” เขาถามกลับ รอยยิ้มและดวงตาแพรวพราวราวเยาะอยู่ในที

“ถ้าคุณไม่รีบเอามือออกจากตัวฉันละก็ คุณจะต้องเสียใจ!”

“ผมควรต้องกลัวไหม”

สลักจันทร์นับหนึ่งถึงสามแล้วยกเข่าขึ้นหมายจะกระแทกจุดยุทธศาสตร์ของเขาให้เต็มแรง แต่ธรรศไม่พลาดท่าเสียรู้เป็นครั้งที่สอง เขาเลยยกขาป้องกัน ทำให้หน้าแข้งของเธอกระทบกับหน้าแข้งของเขาอย่างจัง แน่นอนว่าคนที่ร่างกายบอบบางกว่าเกินครึ่งอย่างเธอย่อมต้องเจ็บปวดมากกว่าเขาหลายเท่าตัวเป็นธรรมดา

“อูย...” หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาซึม แต่คนทำหาได้นึกสงสารไม่

ธรรศหัวเราะพลางมองเธอด้วยแววตาสมเพช

“นี่น่ะเหรอ วิธีที่คุณสรรหามาสั่งสอนผม...สลักจันทร์”

ไม่เพียงเย้ยหยันกันเท่านั้น เขายังเอาคืนหล่อนด้วยการเลื่อนฝ่ามือกดกระชับร่างบางให้แนบสนิทติดกายเขามากยิ่งขึ้นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เจตนาให้หล่อนรับรู้และสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของสิ่งที่หล่อนหวาดกลัว ซ้ำยังถือโอกาสนี้ใช้ร่างกายหนาใหญ่สัมผัสความเนียนนุ่มจากกายสาวในอ้อมกอดให้สมใจ โดยไม่ทันสังเกตแววตาแข็งกร้าวที่มองเขาอย่างมุ่งหมายอะไรบางอย่างเลยสักนิด

เพียงเสี้ยววินาที...

หญิงสาวที่ดูเหมือนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กระทั่งต้องยอมจำนนก็กลับแหงนศรีษะไปข้างหลัง แล้วใช้ส่วนที่แข็งที่สุดบนหัวหล่อนโขกหน้าผากเขาจนสุดแรงเกิด ราวกับจะเอาให้หายแค้น!

“โอ๊ย!” ธรรศร้องลั่น

เจ้าหล่อนแสบนักนะ!

แม้ไม่อยากจะปล่อยมือออกจากเอวบาง แต่ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตามขมับทำให้ธรรศทนไม่ไหว จำต้องปล่อยมือจากหล่อนมากดกุมหน้าผากเอาไว้ เพราะรู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมาตรงส่วนที่โดนโขกเหลือใจ คนทำเลยได้จังหวะยกสองมือผลักเขาล้มลงบนพื้น พร้อมกับประกาศกร้าว

“คนโรคจิต! ฉันจะไม่ทำงานให้คุณอีกแล้ว เชิญคุณไปหาสถาปนิกคนใหม่เถอะ”

สลักจันทร์ไม่รอให้เขาลุกขึ้นมาตอบโต้ก็วิ่งพรวดพราดจากไปทันที ไม่ขอทนคนที่ชอบดูถูกเพศเดียวกันกับเธออีกแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เจ็บที่กายยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ แค้นใจจนน้ำตาไหล

แต่จะโทษใครได้...

คงต้องโทษตัวเองนี่แหละที่ดวงซวยมาเจอะเจอผู้ชาย ‘เส็งเคร็ง’ แบบเขาได้ เธอไม่สนแม้ว่าเขาจะคิดค่าปรับเธอสักร้อยล้านพันล้าน ขอแค่ให้เธอไม่ต้องพบต้องเจอผู้ชายที่ชื่อ ธรรศ ธุวานนท์ อีกเลยต่อจากนี้...ยิ่งคลาดกันทั้งชาตินี้ชาติหน้าได้ยิ่งดี!

หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาที่ร่วงหล่น พลางก้มหน้าก้มตาวิ่งผ่านสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่ที่เดินสวนมาอย่างไม่ใส่ใจ คิดเพียงอย่างเดียวคือต้องรีบออกไปจากคอนโดแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ทำให้นึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนเองให้นานไปกว่านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

แค่นี้เธอก็ขยะแขยงตัวเองจะแย่อยู่แล้ว ทั้งที่เฝ้าถนอมสู้อุตส่าห์เก็บรักษาความบริสุทธิ์มานานทั้งชีวิต ไม่ยอมให้ใครแตะต้องง่ายๆ ไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจให้ใครเชยชม ไม่เคยทำเรื่องผิดศีลธรรมข้อไหน โดยเฉพาะข้อกามา แต่ ธรรศ ธุวานนท์ กลับมาฉกชิงมันไป ทำให้เรือนร่างของเธอเกิดเป็นตราบาป มีรอยตำหนิที่ยากจะลบเลือน

เธอเกลียดเขา!

สาบานเลยว่าเธอชิงชังผู้ชายร้ายกาจ เห็นแก่ตัว และเลือดเย็นคนนั้นหมดหัวใจ...

ผู้ชายที่ชื่อ ธรรศ ธุวานนท์!

 

คล้อยหลังสถาปนิกสาวที่วิ่งเตลิดออกไป คนที่เป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวยังคงนั่งนิ่งจับเจ่าอยู่ที่เดิม เขาชันเข่าข้างหนึ่ง ก้มหน้า กุมขมับ ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดทางกายเหมือนเก่า ทางใจต่างหากที่เขาต้องการซ่อนมันไว้!

นี่เขาทำถูกหรือไม่...

ธรรศอดถามตัวเองไม่ได้ หัวใจเขาวูบไหว หลังได้เห็นน้ำตาที่ร่วงเผาะจากดวงตาคมสวย แม้เจ้าของจะพยายามทำตัวเข้มแข็งด้วยการซุกซ่อนมัน แล้ววิ่งหนีเขาไปด้วยความรวดเร็วก็ตามที แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติกับสลักจันทร์เมื่อครู่ เป็นสิ่งที่สุภาพบุรุษสมควรจะกระทำต่อสุภาพสตรีจริงหรือ...

ถึงเขาจะเกลียดผู้หญิงทั้งโลก และเฝ้าสาปส่งพวกหล่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ถ้าให้พูดกันตามจริง สถาปนิกสาวไม่เคยยั่วยวนหรือทอดสะพานให้เขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หญิงสาวดูไร้เดียงสา ตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเสียด้วยซ้ำ ผิดกับสถาปนิกสาวอีกคนที่เขาเคยคบและรู้จัก รายนั้นเปี่ยมไปด้วยจริตจะกร้าน จอมมารยาสาไถยไม่มีใครเกิน โกหกก็เป็นที่หนึ่ง มีคำพูดลวงโลกเป็นล้านๆ คำหลอกต้มเขาเสียจนเปื่อย

หล่อนร้ายยิ่งกว่านางวันทองสองใจ!

เขารึหลงพร่ำเพ้อวาดฝันจะสร้างครอบครัว หวังจะใช้ชีวิตเคียงคู่กับหล่อนอย่างสงบสุขตราบจนบั้นปลาย แต่คนรักของเขากลับยอมพลีกายให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาเชยชมอย่างง่ายดาย

หล่อนปิดหูปิดตา จูงจมูกเขาไปตามที่หล่อนต้องการ จนเขากลายเป็นคนโง่งมในสายตาของใครๆ ยังไม่พอ หล่อนยังทรยศหักหลังคนรักของตัวเองอย่างเลือดเย็น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหล่อนนี่ละที่เป็นคนยื่นดาบให้คนเหล่านั้นย้อนกลับมาทิ่มแทงเขา เสียบลงไป แล้วกระชากออก ก่อนจะแทงซ้ำลงไปอีกครั้งจนมิดด้าม!

เขาต้องวนเวียนอยู่ความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องอยู่กับฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนกันไม่เลิก…

นี่แหละ...ตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่เป็นรักแรก  รักแท้ และรักเดียวของเขา

นิศานาถสร้างความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตเขา ทำให้เขาอดสูจนแทบสู้หน้าใครไม่ได้ ในหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ เจ็บจนด้านชาไม่สามารถรักใครได้ และไม่อาจวางใจผู้หญิงคนไหนได้อีก...

หล่อนทำให้เขาเข็ดขยาดกับ ‘รัก’ ที่มีแต่ความปลิ้นปล้อนลวงหลอก!

ปากหล่อนก็บอกว่ารักเขา มีแต่เขา อยู่ไม่ได้ถ้าขาดเขา แต่คนที่พร่ำพลอดบอกรักเขาเกือบทุกค่ำคืน กลับนอนกับใครต่อใครได้อีกหน้าตาเฉย ไม่เคยรู้สึกผิดต่อเขาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังสวมหน้ากากของแฟนสาวที่แสนดีใสซื่อหลอกลวงเขาต่อไป...

หล่อนทำได้อย่างไร?

ธรรศอยากจะควักหัวใจของคนโลเลออกมาดูให้เห็นกับตานักว่าเป็นสีดำอย่างที่เขาคิดใช่หรือไม่ หล่อนถึงได้ทำร้ายคนที่หล่อนบอกว่ารักอย่างโหดเหี้ยม หรือเป็นเพราะว่าเขารักหล่อนไม่มากพอ ปรนเปรอหล่อนไม่ถึงอกถึงใจ ตอบสนองความร่านร้อนของหล่อนได้ไม่เต็มอิ่มใช่ไหม หล่อนถึงเที่ยวไปหาชายอื่นมาแก้ขัด

แล้วไอ้ ‘ความหมาย’ ของคำที่หล่อนบอกว่า ‘รัก’ ล่ะ มันคืออะไร

เขาไม่เข้าใจ...

จนกระทั่งบัดนี้ธรรศก็ยังไม่อาจล่วงรู้ความคิดของอดีตคนรักได้ ไม่รู้ถึงเหตุผลกลใดที่ทำให้หล่อนทำอย่างนั้น ทำไมหล่อนถึงใจร้ายทำลายความรักอันบริสุทธิ์ที่เขาตั้งใจมอบให้ได้ลงคอ

อดีตอันแสนหวานระหว่างพวกเขา...ที่จริงมันไม่เคยมีความหมายเลยใช่ไหม

เขาเป็นได้แค่ ‘ของเล่น’ ชั่วครั้งชั่วคราวที่หล่อนนึกสนุกด้วยเท่านั้นเอง...

ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสและความทรงจำในครั้งนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งยวดสำหรับเขา มันทำให้เขาหายโง่ ไม่ใช่คนหูหนวกตาบอดเพราะความรักบดบังอีกต่อไป ชายหนุ่มเก็บมันไว้เป็นเครื่องคอยย้ำเตือนใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่า เขาจะไม่มีวันหลงผิดคิดรักผู้หญิงคนไหนมากไปกว่าตัวเองอีก

ธรรศพลันสลัดความรู้สึกลังเลเมื่อครู่ทิ้งไป แววตาเด็ดเดี่ยว เขาไม่ผิด ที่เขาทำนั้นถูกแล้ว ผู้หญิงอย่างพวกหล่อนต่างหากที่มากรักหลายใจ!

ดวงตาคมยิ่งกร้าวขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อใบหน้าของสลักจันทร์ซ้อนทับอดีตแฟนสาว...

ฮึ! เธอเองก็คงเหมือนกัน เป็นผู้หญิงใจง่าย เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนก็รักคนนั้น ชอบสับเปลี่ยนคู่ขาไปเรื่อยๆ ไม่ยอมผูกมัดหรือรักใครจริง ไม่อย่างนั้นแฟนเธอจะระแวงปวีร์หรือผู้ชายคนนู้นที คนนี้ที จนถึงขั้นเลิกรากันได้อย่างไร ถ้าพฤติกรรมของเธอไม่ส่อเค้าให้คิดไปในทางนั้น

แล้วไอ้ท่าทางไร้เดียงสาที่เขาเห็นนั่นอีก... ธรรศไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นธรรมชาติของหล่อน แต่น่าจะถูกปรุงแต่งเสแสร้งแกล้งทำได้อย่างแนบเนียนแล้วต่างหาก

ธรรศมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิด สลักจันทร์เป็นผู้หญิงประเภทเดียวกับนิศานาถ พวกเธอเรียนสถาปนิกเหมือนกัน ต้องคลุกคลีตีโมงกับพวกผู้ชายแทบทุกวัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าหล่อนจะไม่หวั่นไหว ในเมื่อเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติและความต้องการทางกายที่ต้องได้รับการตอบสนอง เขาไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนปฏิเสธกิเลสและตัณหาราคะของตัวเองได้สักที คงจะมีแต่ ‘คนบ้า!’ เท่านั้นละที่ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองได้

แต่หล่อนไม่ใช่!

ภายใต้ท่าทีหยิ่งทระนง หวงเนื้อหวงตัวเสียเหลือเกิน ที่แท้ข้างในก็ร้อนดั่งไฟ ไม่ต่างจากนิศานาถ...แฟนสาวของเขา

อีกไม่นานหรอก...เขาจะกระชากหน้ากากหล่อนออกมา

แล้วใครต่อใครก็จะได้เห็นว่า...ผู้หญิงแสนดีที่เปรียบเหมือน ‘นางฟ้า’ แท้จริงมันไม่มีอยู่ในโลกใบนี้!

 

สลักจันทร์ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่กลับไปทำงานให้ผู้ชายคนนั้นอีก...

เจ้านายโรคจิต!

ต่อให้ต้องโดนค่าปรับมหาโหดจนหนี้ล้นพ้นตัวเพราะผิดสัญญา สลักจันทร์ก็ยินดีชดใช้คืนให้เขาครบทุกบาททุกสตางค์ ขอแค่อย่างเดียว...ขอให้เธอไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนกักขฬะพรรค์นั้นอีกต่อไป

ยิ่งคิด ใบหน้าก็ยิ่งแดงซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวจนขนลุกซู่ เมื่อยังคงรู้สึกได้ถึงทุกๆ สัมผัสที่หลงเหลืออยู่บนร่างกาย ร่องรอยที่เขาได้ฝากเอาไว้ แม้จะอาบน้ำถูตัวแรงๆ อยู่หลายครั้ง แต่สัมผัสของเขาก็ยังไม่จางหายไปจากกายเสียที เธอยังจดจำทุกจุดที่ถูกเขาแตะต้องได้แม่นยำ

เขาทำให้เธอหวั่นไหว!

ใช่...เธอยอมรับ

แต่หญิงสาวเชื่อว่ามันเป็นแค่ธรรมชาติทางกาย เป็นกลไกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ หัวใจเธอไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายร้ายกาจคนนั้นด้วยแน่ เธอไม่มีทางนึกพิศวาสคนบ้าอำนาจ ปากร้าย ไร้มารยาท ชอบดูถูกผู้หญิงเป็นนิจศีล แถมยังเอาแต่ใจ ใช้กำลังข่มเหงรังแกกันครั้งแล้วครั้งเล่าแน่นอน

“คนเลว!” สลักจันทร์สบถเสียงเขียว ยังเจ็บใจไม่หาย

“ฮะ!” คนที่เดินผ่านมาพอดีทำหน้าเหลอหลา ร้องถาม “จันทร์ด่าพี่ทำไม”

“คะ?” สลักจันทร์แทบสะดุ้ง รีบเงยหน้ามองคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานอย่างตกใจ พร้อมกับแก้ตัวพัลวัน  “ปละ...เปล่าค่ะ จันทร์ไม่ได้ว่าพี่วีร์”

“งั้นว่าใครล่ะ”

“เอ่อ...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง จะบอกได้ยังไงล่ะว่าคนที่ถูกบริภาษอยู่เมื่อครู่ก็คือเพื่อนสนิทของปวีร์เองนั่นละ “ก็พวกคนนิสัยไม่ดีน่ะค่ะ”

“แสดงว่าหมอนั่นต้องแย่มากและซวยมากๆ ที่โดนคนอย่างจันทร์ด่า”

“จันทร์เอ่อ...พี่วีร์อย่าไปสนใจเลยค่ะ จันทร์ก็แค่บ่นไปเรื่อยเปื่อย”

“เหรอ...พี่คิดว่าเราด่าไอ้ธรรศเสียอีก”

สลักจันทร์รีบหลุบตา ไม่กล้ามองหน้าเขา ด้วยอีกฝ่ายกล่าวราวกับเข้ามานั่งอยู่ในใจเธอ เอ่ยเสียงแผ่ว

“เปล่า...ไม่ใช่เลยค่ะ”

คนฟังยิ้มกว้าง “งั้นก็ดีแล้ว เพื่อนพี่รอจันทร์อยู่ข้างล่างแน่ะ”

“คะ?” หญิงสาวร้องเสียงหลง ละล่ำละลักถาม “พี่วีร์พูดว่าอะไรนะคะ คุณธรรศอยู่ที่ไหน”

“ข้างล่างตึกนี่แหละ”

ปวีร์ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นท่าทีตื่นตกใจของลูกน้องสาว เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าจะต้องมีเหตุอันใดเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่แน่ เพราะคำพูดที่เพื่อนหนุ่มฝากมาบอกพอจะทำให้เขาประมวลผลได้รางๆ แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีว่าอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร สลักจันทร์น่าจะเอาตัวรอดได้ หญิงสาวไม่ใช่คนโง่

ถึงอย่างนั้นคนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนก็ยังไม่วายเอ่ยถามด้วยความห่วงใยตามประสา

“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าจันทร์ เห็นไอ้ธรรศฝากพี่มาบอกจันทร์ว่าให้ลงไปหามันภายในสิบนาทีนี้ ไม่อย่างนั้นมันจะขึ้นมาตามเอง”

“เขาพูดขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่วีร์” คนฟังยิ่งมีสีหน้าตระหนก คิดไม่ตก ใจไม่อยากลงไปเผชิญหน้ากับนายจ้างหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว เธอยังไม่พร้อมจะฟาดฟันกับเขาตอนนี้ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงกับพวกที่มีลูกบ้าดีเดือดอย่างเขาเสียด้วยสิ

เธอจะทำอย่างไรดี...

สลักจันทร์ละล้าละลัง ไม่รู้ว่าควรจะเลือกทางไหน เพราะดูอย่างไรก็มีแต่ ‘แย่’ กับ ‘พัง’ จะเอ่ยปากปรึกษาปวีร์ก็ไม่ได้ กลัวจะยิ่งทำให้เขาลำบากใจในฐานะที่เป็นคนกลาง ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวจะล่วงรู้ความคิดเธอ เขาจึงเอ่ยแนะนำว่า

“ถ้าเป็นพี่...จะรีบลงไปเคลียร์ซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ดีกว่าปล่อยให้ไอ้หมาบ้าอย่างมันขึ้นมา เดี๋ยวจะพาวุ่นวายกันไปหมด”

“แต่จันทร์...” หญิงสาวหน้าเจื่อน ไม่กล้าบอกว่าเธอจะขอยกเลิกสัญญากับเพื่อนของเขา เพราะเคยรับปากปวีร์ไว้ว่าจะไม่ทิ้งงานไปกลางคัน

“มีอะไรอึดอัดใจ ไหนเล่าให้พี่ฟังสิ”

“จันทร์ไม่รู้จะเริ่มยังไง...”

“ไหวไหม” ปวีร์ลูบหลังลูกน้องสาวเป็นเชิงปลอบขวัญและให้กำลังใจ

“ต้องไหว!”

ทั้งคนถามและคนตอบหันไปทางต้นเสียงห้าวกระโชกพร้อมกัน ดวงตาเบิกกว้าง

“คุณธรรศ!”

“ไอ้ธรรศ!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น