1

กุลสตรีดีแตก


 

ตลอดเวลายี่สิบสามปี คุณหนูน้ำหวาน เครือผู้ดี ลูกสาวคุณหญิงลำหยวก เป็นกุลสตรีตัวอย่าง ทำตามคำสั่งสอนของมารดา ไม่เคยมีข้อแม้สักกะนิด

แม่สะกิดให้หันซ้าย เธอก็หันไปทางซ้าย แม่บอกให้ขวา เธอก็หันไปทางขวา

ทว่าวันนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอกำลังจะทำเรื่องขัดใจคุณแม่...อย่างเป็นทางการ ในอกในใจมันอึกทึกด้วยความตื่นเต้น จนไม่เป็นอันกินอันนอน

ร่างอรชรอ้อนแอ้นยืนอยู่หน้าธรณีประตู แหงนมองป้ายหน้าร้านกาแฟโกเหลียง เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมลงมาที่ร่องอกและแผ่นหลัง ทั้งที่อากาศร้อนตับแตก แวดล้อมด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยของในตลาด

ทว่าเธอกลับรู้สึกอ้างว้าง เหมือนยืนอยู่กลางทุ่งนาหน้าแล้ง ลำคอและริมฝีปากแห้งผาก

‘มันจะดีหรือ หันหลังกลับก็ยังไม่สายนะ’

เสียงมนุษย์โลเลในหัวดังขึ้น

‘น้ำหวาน ถ้าแกไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง ชีวิตแกจะต้องจมปลักอยู่กับคำว่าเสียใจ ฉันบอกไว้เลย’ เสียงของเพื่อนสาวรุ่นพี่แทรกเข้ามาในหัว

ไม่ ไม่ ไม่

นั่งคิด นอนคิดมาจากบ้านแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องลงมือ ไม่ใช่เวลาลังเล ลูกสาวคุณหญิงลำหยวกเชิดหน้าขึ้น ก้าวเท้าผ่านประตูบานเฟี้ยมเข้าไป

สองตามองหา ‘เป้าหมาย’

‘คิดแล้วฉันน่ะโมโห คนอะไรหยาบกระด้าง เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ไร้สัมมาคารวะสิ้นดี คำพูดคำจากระโชกโฮกฮากหยาบคายป่าเถื่อนที่สุด ใครได้เป็นลูกเป็นผัว คงซวยซ้ำซากไปทั้งชาติ’ เสียงก่นด่าของคนเป็นแม่ ตามมาด้วยเสียงสมทบของคุณแม่บ้าน

‘ใช่ค่ะ’ คุณสายรับลูกต่อ ‘แถมยังรูปชั่วตัวดำ ตัวใหญ่เทอะทะยังกับยักษ์ปักหลั่น หือ...ลูกตาวับๆ น่ากลัวยิ่งกว่าโจรห้าร้อยอีกค่ะคุณน้ำหวาน ป้านี่อกสั่นขวัญหายตอนที่ผู้ชายคนนั้นตวัดตามองมา นึกว่าเขาจะลุกขึ้นมาหักคอเสียแล้ว’

พลันสายตาก็สะดุดกับร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ที่นั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะกลมด้านใน

นี่คือเขาใช่ไหม

หลังไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตสีขาว ลำคอที่โผล่ขอบคอเสื้อ มองเห็นผิวคล้ามแดด กล้ามเนื้อเส้นสายในร่างกายของผู้ชายคนนั้น ดูถึก บึกบึนเหมือนกระทิงเปลี่ยว

ในหมู่มวลมนุษย์เพศผู้ที่สิงสถิตอยู่ในร้านกาแฟโกเหลียง เห็นจะมีเขานั่นละที่เข้าเค้าที่สุด

ชัช...สั้นๆ ง่ายๆ คือ ชื่อของเขา

‘มะรืนนี้ แม่สายอาบน้ำแต่งตัวขัดศรีฉวีวรรณให้น้ำหวานดีๆ ท่านนายพลกับลูกชายจากเชียงใหม่เขากำลังจะลงมาเยี่ยม’

‘คุณหญิงหมายถึงนายพลที่ปล่อยเงินกู้ให้คุณหญิงเหรอคะ’

‘ชู่ อย่าเอ็ดไปสิ เดี๋ยวใครก็มาได้ยิน’ คนที่แอบฟังอยู่ในตอนนั้นอยากจะกลอกตามอง ใครๆ ที่ว่าก็คงจะมีแต่จิ้งจกตุ๊กแก กับเธอเท่านั้นที่ได้ยิน

‘ใกล้กำหนดจ่ายหนี้แล้วฉันยังไม่มีเงินจะให้’ คุณหญิงลำหยวกรำพันกับคนรับใช้คนสนิท

‘อย่าบอกนะว่าคุณหญิงจะให้คุณน้ำหวานไปขัดดอก’

‘ต๊าย...พูดจาน่าเกลียด’ แม่เธอตีเผียะ ‘ฉันก็คิดเผื่อๆ ไปว่าลูกชายนายพล เขาก็คงเล็งเห็นความเป็นกุลสตรีของน้ำหวาน บางทีเราสองครอบครัวอาจจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน เมื่อถึงตอนนั้นเรื่องหนี้เรื่องสินก็คงจะคุยกันได้’

ประโยคของคนเป็นแม่ที่ได้ฟังทำเอาตัวเธอขนลุก เธอถึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง

น้ำหวานโพล่งออกไปด้วยความตื่นเต้น “พ่อเลี้ยงชัชคะ!”

เสียงที่ตั้งใจจะเรียกเขาเบาๆ กลายเป็นป่าวประกาศให้คนทั้งร้านได้ยิน ทุกสายตาหันขวับมามอง ร่างแบบบางรีบหันหน้าเข้าหาเสา กลัวคนแถวนี้หันมองมาแล้วบังเอิญจำหน้าเธอได้

“เธอเรียกฉันเหรอ” เสียงห้าวลึกในลำคอดังขึ้นจากข้างหลัง

คนที่หันหน้าเข้าเสาค่อยๆ เหลียวมองกลับไป…

ดวงตาคมปลาบจ้องมองมาที่เธอ คิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาคู่นั้นย่นเข้าหากันเล็กน้อย ผิวคล้ามเข้มเหมือนคนกรำงานกลางแจ้งมาตลอดชีวิต เหลี่ยมมุมบนใบหน้าดูกระด้างดุดัน

ถึงอย่างนั้น...ใบหน้าคล้ามคมที่เธอเห็นก็ห่างไกลจากคำว่า ‘รูปชั่ว’ ที่คุณแม่บ้านโฆษณาเอาไว้หลายขุม น้ำหวานมองหน้าเขาตาปริบๆ หลายวินาที กว่าสติสตังจะกลับคืนมา

“ฉันคือคนที่โทร. นัดคุณออกมา”

“อ้อ” เขาพยักพเยิดไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “นั่งสิ” ร่างแบบบางค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่ง วางกระเป๋าถือสีชมพูลงบนตัก

ดวงตาสีสนิมจ้องมองมาที่เธอ น้ำหวานรู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง...ใบหน้าไม่ยิ้มไม่บึ้งของเขา ทำให้บอกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน

“เป็นนายหน้าค้าที่?” ดวงตาสีสนิมหรี่มองมา สายตาที่ทอดมองมาทอประกายลุ่มลึก ทำให้เธอเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง มือที่กุมอยู่บนตักเปียกชื้น ด้วยความ...ตื่นเต้น หัวใจของเธอเต้นตึกตัก

น้ำหวานสั่นหน้า...

“ฉันเป็นลูกสาวของคุณหญิงลำหยวกต่างหากล่ะคะ”

คิ้วเข้มหนาเหมือนดาบที่พาดเหนือดวงตาจริงจังของเขาย่นเข้าหากัน บอกเลยไม่สบอารมณ์

“มิน่าล่ะ” มุมปากของเขาบิดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เธอตีความหมายไม่ถูก

ฮื้อ...มิน่าอะไร แต่รู้สึกไม่ค่อยจะชอบใจ

“หน้าตาคุ้นๆ”

เอาตรงๆ นะ นอกจากความขาวที่ได้มาจากแม่ หน้าตาของเธอแทบจะรับเอาดีเอ็นเอทางฝั่งพ่อมาหมด แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องไปชี้แจงให้เขารู้

แม่เธอกับเขาไม่ถูกกัน ความไม่ชอบหน้าอาจจะลุกลามมาที่เธอด้วยก็ได้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ไม่ลองก็ไม่รู้สิ น้ำหวานรีบเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม เพราะกลัวว่าความกล้าหาญที่มีจะหมดไปเสียก่อน

มั่นใจเข้าไว้ ยิ่งเผยจุดอ่อนเท่าไร เขาก็ยิ่งข่มขวัญเธอ

“ฉันรู้ว่าคุณกำลังติดต่อขอซื้อที่ดินจากแม่ฉัน”

“แต่คุณหญิงแม่ของคุณหนูยังไม่ยอมขายให้” เขายักไหล่แล้วบอกง่ายๆ ทว่าท่าทีเรื่อยเฉื่อยของเขาบอกความหยิ่งยโสไม่น้อย โดยเฉพาะคำว่า ‘ยัง’ ในประโยคนั้น

“แม้ว่าฉันจะให้ราคาดีที่สุดในบรรดาคนซื้อทั้งหมดก็ตาม” นั่นคือความจริง ทว่า...

“บางอย่างมันซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกนะคุณพ่อเลี้ยง”

แม่ของเธอเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ถึงคราวจำเป็นต้องเอาของเก่ามาขาย ยังไม่วายเลือกคนซื้อ ถ้าสายเลือดที่สืบทอดมาไม่โอเค ถึงจะเพย์ขนาดไหน คุณหญิงลำหยวกก็ไม่แคร์

“ถ้าฉันต้องเปลี่ยนแปลงเชื้อสายบรรพบุรุษตัวเองใหม่ ก็คงไม่ได้เหมือนกัน เฮ้อ...ไอ้ฉันมันเป็นคนสามัญชน ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์กับใครเขา”

   เขาแดกดันเธอรู้ ดูตานั่นสิ ทอประกายวิบวับด้วยความขบขัน

“แล้ววันนี้คุณหนูนัดฉันออกมาทำไม หรือว่าคุณหญิงลำหยวกเปลี่ยนใจ ยกที่ดินให้ฉันฟรี”

คนฟังเกือบจะกลอกตามองบน แต่ยังคงต้องรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีเอาไว้

“ถึงคุณหญิงแม่ของน้ำหวานจะใจบุญสุนทาน” จนถึงกับกู้หนี้ยืมสินเอาเงินไปทำทาน จนหน้าใหญ่บานเท่ากระด้ง แถมยังจมไม่ลงอีกต่างหาก “แต่น้ำหวานเกรงว่างานนี้ คุณหญิงแม่คงไม่ได้มีจิตกุศลขนาดนั้น”

“งั้นเราคงไม่มีอะไรที่จะพูดกัน”

พ่อเลี้ยงหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นยืน คนตัวเล็กกว่ารีบยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาไว้

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณพ่อเลี้ยง”

เขาปรายตามองมือเธอที่ยึดแขนเขาไว้แน่น น้ำหวานชักมือกลับ

‘สำหรับปัญหาของน้องน้ำหวาน พี่ก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไง เอายังงี้แล้วกัน เอาเบอร์โทร. นี่ไป บางทีน้ำหวานอาจจะได้รับความร่วมมือจากพ่อเลี้ยงชัชก็ได้’ อลิณ...ชายหนุ่มรูปหล่อคนนั้นยัดกระดาษใส่มือของเธอ ‘คำแนะนำ’ ของเขายังก้องอยู่ในหัว

“ฉันมีข้อเสนอให้คุณ คุณจะได้ที่ดินผืนนั้นแน่ๆ แต่มันไม่ใช่ของฟรี”

คิ้วเข้มของคนฟังเลิกขึ้นอย่างสนอกสนใจ “ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่” ชัชค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม นัยน์ตาคมกริบจับนิ่งอยู่ที่เธอ

“ห้าสิบล้าน และคุณต้องให้ความร่วมมืออย่างที่ฉันบอก”

                “ฉันต้องทำยังไง”

                เป็นไงก็เป็นกัน ไม่ลองก็ไม่รู้ น้ำหวานสูดหายใจลึกเข้า พูดมันออกไปเลย จะมัวพิรี้พิไรอยู่ไย “แต่งงานกับฉัน”

คนฟังชะงัก ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา

ฮึ่ม...นี่เธอจริงจัง

“ขอโทษทีนะคุณหนู แต่ฉันต้องบอกตามตรง เธอไม่มีคุณสมบัติของเมียที่ฉันกำลังมองหา เธอเด็กเกินไป และฉันชอบผู้หญิงมีเนื้อมีหนัง ไม่ใช่เอวบางร่างน้อย อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนใจดีโลกสวย รักเด็ก นึกอยากจะรับเลี้ยงลูกหลานเพิ่มอีกคน”

คนฟังนิ่วหน้า ชักโมโหโทโสขึ้นมา...

“ฉันไม่ใช่คนโลกสวยเหมือนกัน”

วันนี้เธอไม่ได้มาเล่นๆ

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูโลกไม่สวย ช่วยบอกทีสิว่าทำไมฉันต้องแต่งงานกับเธอ ถ้าฉันอยากจะได้ที่ดินแปลงนั้น” นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองมา เขาค้ำคางมองมา

น้ำหวานชั่งใจ เธอควรจะหงายไพ่ในมือที่มีมากแค่ไหน บางทีมันก็ต้องแลกกันดูสักตั้ง...

“ที่ดินผืนนั้นเป็นที่มรดก คุณพ่อของฉันไม่ได้ต้องการขายขาดให้ใคร ยังไงก็ต้องเป็นสมบัติของคนในครอบครัว แต่ตอนนี้การเงินของครอบครัวฉันมีปัญหา ถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้ บ้านจะถูกยึด ถ้าหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ แม่ฉันแก่แล้วฉันไม่อยากให้แม่ต้องระเห็จออกไปจากบ้านที่ตัวเองอยู่” เธอบอกเขาไปตามตรง หงายไพ่ใบแรกออกมา

ในเมื่อคนเป็นแม่ยังคงจมไม่ลง ทางเดียวที่จะรักษาบ้านและชีวิตอู้ฟู่อย่างที่คุณหญิงลำหยวกพิสมัย เธอจึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง จะรอเวลาหว่านล้อมเกลี้ยกล่อมให้คนอีโก้แรงอย่างคุณหญิงลำหยวกฟัง คงไม่ทันกินหรอก

“อย่างที่คุณก็รู้ เรื่องชาติตระกูลเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแม่ฉัน ถ้าคุณไม่แต่งงานกับฉัน รับรองว่าแม่ฉันไม่มีทางยอมขายที่ให้คุณแน่ เราก็แค่จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฉันไม่ใช่ภรรยาในฝันของคุณก็ไม่เป็นไร หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่”

ทว่าคนฟังนั่งเอนหลังพิงพนัก นัยน์ตาสีเข้มที่มองมาเหมือนนัยน์ตาของเสือที่กำลังรอให้เหยื่อของมันเดินลงมาตกในหลุมพราง เขากับเธอนั่งจ้องหน้านิ่ง ถ้าเธอเป็นปลาทอง เธอก็คงท้องโย้ไปแล้ว

“เหตุผลของเธอมีเท่านี้?” ในที่สุดพ่อเลี้ยงก็เปิดปาก

น้ำหวานหลุบตาลง

ไม่...

ขืนปล่อยเอาไว้นานเข้า ตัวเธอนั่นละที่จะถูกจับใส่พานถวายว่าที่ลูกเขยในฝันของคุณหญิงลำหยวก ซึ่งนั่นไม่ได้อยู่ในเป้าหมายชีวิตของเธอสักกะนิด อีกอย่างเธอยังต้องคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้าของตัวเอง

Freedom!

คำนี้มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน มันคือสิ่งที่เธอต้องการ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เขาที่ต้องรู้หรอกนะ

“ใช่”

“แม่ของเธอไม่รู้เรื่องนี้?”

“มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องตกลงกันเงียบๆ”

เขายังคงจ้องมองมา สีหน้าและแววตาอ่านไม่ออก บอกไม่ได้ว่าเขาสนใจหรือไม่

น้ำหวานคิดคำนวณในหัว ลอบมองเขาผ่านม่านขนตา ประเมินท่าที ‘งานเล่นตัว’ ก็ต้องมา

“ฉันมาเสนอคุณก่อน เพราะอย่างที่เรารู้กัน คุณเป็นคนที่ให้ราคาที่ดินสูงที่สุด แต่ถ้าคุณไม่สนใจ” เธอยักไหล่เลียนแบบท่าทางของเขา ลุกขึ้นยืน ลูบกระโปรงให้เรียบทั้งที่มันไม่ได้ยับ

“ก็ยังมีอีกหลายรายที่ให้ราคาที่ดินสมน้ำสมเนื้อ พอที่ฉันจะรับได้”

น้ำหวานกำลังจะก้าวออกไป แต่มือใหญ่หยาบกร้านคว้าหมับเข้าที่แขน เกือบสะดุ้งเมื่อรู้สึกร้อนวาบตรงส่วนที่มือของเขาสัมผัสกับเนื้อของเธอ

“ใจเย็นสิคุณหนู ใครบอกว่าฉันไม่สนใจ”

ตอนนั่งเธอก็ว่าเขาตัวใหญ่แล้ว แต่พอยืนขึ้นเต็มความสูง เธอถึงกับต้องแหงนคอเกือบตั้งบ่า

“ข้อเสนอของเธอก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว”

“แม้ว่าฉันจะไม่ตรงสเปกภรรยาในฝันของคุณงั้นเหรอ” น้ำหวานเชิดหน้ามอง อดแซะไม่ได้

รอยยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปากทำให้ใบหน้ากระด้างดูละมุนเล็กน้อย เขาอายุเท่าไหร่แล้วนะ สามสิบปลาย แต่ยังไม่น่าจะถึงสี่สิบหรอกมั้ง...

“อย่างน้อยฉันก็จะได้สิ่งที่ต้องการ” สิ่งที่เขาต้องการคือที่ดินผืนนั้นสินะ

รอยยิ้มของเขาพริบพราวในดวงตา รอยยิ้มนั้นเลือนหายไปเมื่อน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“ฉันจะเอาสินสอดห้าสิบล้านไปขอเธอกับคุณหญิงลำหยวก”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น