4

บทที่ 4


อาศัยคีย์การ์ดแม่บ้าน ดนีย์นาถลัดเลาะมาเปิดเข้าบังกะโลเอสามได้ทางประตูหลัง 

ระหว่างที่ไขเข้าไป หลังม่านตายังปรากฏภาพร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงไม้ชายหาด คามินทร์คงลงว่ายน้ำทะเลด้วย ผิวตึงเรียบเกรียมแดดของเขาเป็นเงาชื้น บางช่วงเปื้อนเม็ดทรายสีขาว แผ่นหลังกว้างใหญ่มีกล้ามเนื้อดูแข็งแรง ช่วงอกกว้าง ทว่าเอวคอด เขาดูเหมือนนายแบบจริงๆ นั่นละ เธอหวังว่าเขาจะออกแรงจนเหนื่อยและหลับไปอีกนาน พอให้ภารกิจของเธอผ่านพ้นราบรื่น

ตรงข้ามกับคุณเงินยวง คามินทร์ไม่มีคำขอใดๆ เป็นพิเศษ ห้องของเขายังจัดตามมาตรฐานของรีสอร์ต เจ้าตัวดูจะเป็นคนไม่เรียบร้อยนัก กระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มากถูกยกวางบนตั่งไม้ข้างตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าส่วนใหญ่คงถูกหยิบขึ้นแขวนในตู้แล้ว บัดนี้ในกระเป๋าที่เปิดอ้าไว้จึงเหลือแต่พวกชุดนอนและชุดชั้นในที่ไม่ต้องห่วงยับ ปรายตาไปยังห้องน้ำ บานประตูไม้เปิดค้างอยู่ มองเข้าไปเห็นครีมล้างหน้า อุปกรณ์โกนหนวด และพวกลูกกลิ้งดับกลิ่นวางอยู่เขละๆ ถ้าเป็นศรีตรังก็คงประเมินว่า คนหล่อแต่กำเนิดน่าจะไม่ต้องพิถีพิถันกับการดูแลตัวเองเท่าไหร่ แต่ดนีย์นาถค่อนข้างมีอคติอยู่ในใจ สิ่งที่คิดจึงคือ มักง่ายอย่างนี้ แทนที่จะเรียกบัตเลอร์ทำให้!

โชคดีที่คนมักง่ายเปิดม่านไว้ไม่มาก ดนีย์นาถจึงยังพอมีกำบังจากผนังห้องอันเป็นกระจกใสไปกว่าครึ่ง หญิงสาวเร่งกวาดสายตาหาสิ่งที่ต้องการ มันน่าจะอยู่ในกระเป๋าเอกสาร… แต่ไม่มีกระเป๋าวางอยู่สักมุม แม้แต่คอมพิวเตอร์แลปทอปสักเครื่องก็ยังไม่มี!

หรือหมอนี่เอาออกไปใช้งานด้วย 

ตอนที่เธอพบเขาครู่ก่อน คามินทร์น่าจะไปเดินเล่นแล้วกลับมาทำธุระบางอย่างที่ห้อง บางทีเขาอาจจะกลับมาเอาคอมพิวเตอร์ไปทำงานก็ได้ เมื่อกี้เราน่าจะฉุกใจถามแม่บ้านพวกนั้น!

อันที่จริง ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ มันก็ยากอยู่ดีที่จะเข้าถึงข้อมูล แต่สิ่งที่เขาจะมาทำที่นี่ ยังไงก็ต้องมีกระดาษไม่ใช่เหรอ คงไม่รอพรินต์ที่นี่หรอก เรื่องนั้นไม่น่าเสี่ยงให้คนนอกเห็นได้

ด้วยเหตุนี้ ดนีย์นาถจึงวางชุดแม่บ้านสำหรับคุณเงินยวงหลบไว้ข้างกระเป๋าเดินทางเขา จากนั้นก้าวพล่านไปทั่วห้อง ตั้งแต่โต๊ะเขียนหนังสือ ทุกลิ้นชัก ตู้ทุกหลัง ครั้นยังไม่พบก็ล่วงไปอีกขั้น ถึงกับแอบเปิดช่องซิปต่างๆ ในกระเป๋าเดินทาง 

แน่นอน ตลอดเวลานั้น หญิงสาวไม่ลืมสวมถุงมือผ้าที่เตรียมมาเอง 

ใช่ ถุงมือผ้า ไม่ใช่ถุงมือยางอย่างที่คนอื่นใช้กัน เพราะทางที่ดีที่สุดในการจะกำจัดขยะ ก็คือไม่สร้างขยะขึ้นใหม่ และเพียรใช้สิ่งที่ใช้ซ้ำอีกได้ แทนสิ่งที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง!

แต่ไม่มี ไม่มีเอกสารใดๆ เลย! 

ตอนที่นึกจะเปิดดูใต้ผ้าห่มเผื่อเขาซ่อนไว้ เงาหนึ่งก็ทอดมาทางกระจกใสช่วงที่เปิดม่านอยู่ ดนีย์นาถแทบสะดุ้ง ถ้าเป็นผีที่ไม่มีเงาซะอีกเธอยังจะไม่สะดุ้ง

แม่บ้านทำงานเสร็จไปตั้งแต่เช้า คงไม่มีใครแวะเข้ามาอีก คนเดียวที่จะเข้ามาตอนนี้ก็คือ...

เสี้ยววินาทีเดียวกับที่เสียงตัวล็อกประตูดังขึ้น ดนีย์นาถก็รูดซิปกระเป๋าปิด แล้วจังหวะที่บานประตูถูกผลักเปิด เธอก็คว้าคันจับประตูที่ใกล้ที่สุดรีบผลุบหลบ

ห้องน้ำภายในบังกะโลสวีตมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่งด้วยกระเบื้องและหินธรรมชาติสีดำสลับน้ำตาลอ่อน เฟิร์นกระถาง และเครื่องไม้ต่างๆ ทั้งรูปสลัก กรอบกระจก รวมถึงบันไดพาดสำหรับแขวนผ้า เพดานก็ใช้ลำไม้ปิดพอห่างๆ กัน ให้แดดลอดเข้ามาก่อรูปเงาบนอ่างอาบน้ำที่ตั้งเข้ามุมไว้ ตลอดจนพื้นช่วงที่โรยกรวดสีนวลกระจ่าง

ดนีย์นาถแง้มประตูให้เหลือช่องพอจะมองออกไป 

เป็นเช่นคาด ผู้เข้ามาใหม่คือเจ้าของร่างใหญ่ในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียว แต่ไม่มีคอมพิวเตอร์ ในมือหนาที่ตอนนี้กลายเป็นสีคล้ำเกรียมมีแค่ผ้าขนหนูขาวกับโทรศัพท์มือถือ มันถูกโยนทิ้งบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนตัวคนโยนก็เดินไปยังผนังกระจก กระชากม่านเปิดให้ห้องสว่างขึ้น 

หัวใจตีอกจนได้ยินเสียงดังผึงๆ ท่าทางแขกจะไม่ได้ลืมอะไร แต่ตั้งใจเข้ามาพักในห้อง 

แย่จริง แล้วเราจะออกไปได้ยังไง นี่ก็แวบจากคุณเงินยวงมานานแล้วด้วย! 

คนในความคิดยังไม่สำเหนียกว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้อง อาจเพราะมัวเพลินกับเสียงเพลงจากหูฟังไร้สายจนถึงกับผิวปากออกมา 

และแล้ว ทั้งที่ม่านยังเปิดโล่ง คามินทร์สอดนิ้วมือลงตรงขอบเอวกางเกง ดึงมันพรวดเดียวออกไปพร้อมๆ กับกางเกงในจนไม่เหลืออะไรติดตัว!

ถ้าตอนแรกเสียงหัวใจดังผึงๆ ตอนนี้มันก็ดังพั่บๆ!

คนแอบมองลอบกลืนน้ำลายเอื๊อก จากมุมนี้ยังมองไม่เห็นอะไร...หมายถึง เห็นแต่บั้นท้ายค่อนข้างงอน มันเป็นสีขาวตัดกับผิวช่วงที่ตากแดดมาสดๆ ร้อนๆ 

โดยไม่ได้หันมาสนใจ คนตากแดดโยนผ้าในมือมาทางตั่งที่อยู่ติดกับประตูตู้เสื้อผ้าฝั่งเดียวกับห้องน้ำ แต่การกะระยะพลาดไป ผ้าลอยไม่ถึงตั่ง ตกแค่พื้นระหว่างทาง เจ้าตัวจึงหมุนกลับมาทั้งตัว

พระเจ้า!

ดนีย์นาถถึงกับอ้าปากค้างระหว่างที่ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวโตงเตงใกล้เข้ามา

เธอนึกว่าตัวเองตาฝาด แต่ไม่ใช่ นี่มันช่าง…น่าอัศจรรย์ โอ้ว!

จริงๆ นั่นละ กางเกงในที่เจ้าตัวก้าวมาหยิบขึ้นจากพื้น คือกางเกงในของ Organic Basics แบรนด์เดนมาร์กที่ตั้งใจทำให้แฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมรักษ์โลก ตอนที่ดนีย์นาถได้ข่าวนี้เป็นครั้งแรก เธออดชื่นชมไม่ได้ กางเกงในรุ่นนี้ถูกออกแบบให้ใส่ได้นานเป็นสัปดาห์โดยไม่ต้องซัก เพราะไร้กลิ่นและแบคทีเรียหมักหมม ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างหมอนี่จะเลือกใช้ของพรรค์นี้! 

หรือแค่บังเอิญ ถ้าคิดได้ ทำไมทีเรื่องนั้นถึงไม่...

ความคิดดังกล่าวดับไป ต้องยอมรับ ภาพตรงหน้าทำให้อดไม่ได้ที่จะดึงใครอีกคนขึ้นมาเทียบ

แฟนหนุ่มที่คบหามานานและเพิ่งเลิกร้างก็มีหุ่นดีไม่แพ้กัน แต่รายนั้นลีนกว่า มีโครงร่างผอม และช่วงขายาว อันทำให้ดูคล้ายชะลูดกว่า ทั้งที่จริงน่าจะเตี้ยกว่าหลายเซนติเมตร 

โดมีผิวนวลกระจ่างที่เธออิจฉา แทบจะไม่มีสิวฝ้าราคีใดๆ เลย เจ้าตัวเคร่งครัดการรักษาน้ำหนักจนผอม กึ่งกลางหน้าอกเห็นเป็นรอยกระดูก เช่นเดียวกับบริเวณซี่โครง ดีแต่ว่ายังมีกล้ามเนื้อจากการหมั่นออกกำลัง ทำให้ดูไม่ก๋องแก๋ง และกลายเป็นที่น่าปรารถนาของสาวๆ ทั้งแท้และเทียม

โดเกิดมาเพื่อจะเป็นดาวฤกษ์อย่างแท้จริง เขาโดดเด่นเสมอไม่ว่าอยู่กับใคร อยู่ที่ไหน เป็นคนที่ทุกการขยับเคลื่อนไหวล้วนน่ามองไปหมด เสียงทุ้มไพเราะ เครื่องหน้าเหมาะเจาะ บางคนบอกว่าเขาสวยยันลูกกระเดือก! เป็นคนที่นั่งเหม่อก็ดูดี จดจ้องก็ดูดี เผยยิ้มยิ่งดูดี มีบุคลิกหลากล้านแบบในตัวคนคนเดียว แต่ดูดีไปทุกๆ แบบ

ด้วยลักษณะของเขา แล้วยิ่งด้วยงานที่เขาทำ ไม่แปลกที่มีผู้หญิงเข้ามาห้อมล้อมมากมายหมายจะติดพันเสมอ ดนีย์นาถรู้ ไม่มีทางซะหรอกที่โดจะไม่แวะเล็มดอกไม้ข้างทางบ้าง และรู้เช่นกันว่าไม่มีทางที่เขาจะยกผู้หญิงพวกนั้นขึ้นมาเทียมเธอ แต่ก็นั่นละ กลายเป็นเธอแค่คนเดียวที่ยังไม่เคยได้แอ้มเขาเลยตั้งแต่วันแรกจนวันอันเป็นจุดจบ!

ความคิดฟุ้งซ่านถูกกระชากคืน จู่ๆ คนเปลือยก็ก้าวไปคว้าผ้าขนหนูมาพันกาย หยุดยืนหน้าตั่งด้วยท่าทางแปลกๆ

ทันทีที่นึกออก ดนีย์นาถก็แทบจะปิดตาร้องไห้

เธอลืมชุดแม่บ้านสำหรับคุณเงินยวงไว้ตรงนั้น!

หญิงสาวกำลังจะตัดสินใจเปิดประตูก้าวออกไปสารภาพ ถ้าไม่เพราะจู่ๆ คามินทร์กลับทำท่าแปลกกว่าเก่า 

เขายกศอกทั้งสองข้างบิดขึ้นมาข้างหน้า ตัวห่อลงนิดหนึ่งเพื่อให้แนวกล้ามงามชัดขึ้น ครั้นเห็นว่าเงาในกระจกได้ดังใจ ชายหนุ่มก็ยิ้มเผล่

จะบ้าตาย! 

ในระหว่างที่ดนีย์นาถอยากจะตบหน้าผากตัวเอง เสียงผิวปากก็เปลี่ยนเป็นคนร้องแทน 

คลื่นลมทะเลเห่ระโหย กล่อมขวัญอันร้างโรย อ่อนโอย โอยอาลัย เฮเห่เฮ เฮ้เหเฮเห่...”

เอาเข้าปะ

คำบ่นหยุดกึกในใจ เพราะเพลงนั้นมีทำนองคุ้นๆ แล้วไปๆ มาๆ เธอก็สำเหนียกว่ามันคือ เพลงไทยสมัยสุนทราภรณ์!

ทำไม คามินทร์ วอล์คเกอร์ ถึงเลือกร้องเพลงอย่างนี้นะ 

ดนีย์นาถเคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่คนร้องร้องเพี้ยนจนแทบเหมือนคนละเพลงไปไกล เทียบไม่ได้สักกระผีกกับแฟนเก่าเธอ 


ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่าการคิดถึงเวลาเก่าก่อน 

ทุกครั้งที่คุณตามาเยี่ยมคามินทร์กับพ่อแม่เขาที่ฟลอริดา เพลงแปลกๆ พวกนี้จะดังขึ้นผ่านเสียงแหบๆ ของท่าน

น้อยคนนักจะรู้ หรือนึกว่าเขาคือคนไทยแท้ ด้วยลักษณะท่าทาง รูปร่าง หน้าตา โดยเฉพาะภาษาไทยแปร่งปร่า แถมในประวัติยังลงว่าบิดาคือชายอเมริกัน 

แท้จริงคามินทร์เป็นลูกติดของแม่ แม่เคยทำงานในบริษัทส่งออกข้าวและมันสำปะหลังซึ่งขณะนั้นกำลังเติบใหญ่ ภายใต้การนำของนายเผ่าเทพ อายุรัตน์ ผู้หล่อเหลา เปี่ยมเสน่ห์ 

แม่หลงรักผู้ชายคนนั้น ยอมทอดตัวติดพันเพราะรักบังตา กระทั่งถูกบ้านใหญ่จับได้ แม่ก็ถูกไล่ล่าถึงกับต้องหนีไปอยู่ที่อีกซีกโลก ความเป็นอยู่ของแม่ยากลำบากเพราะกำลังตั้งท้องอ่อนๆ โชคดีเพื่อนบ้านหนุ่มเห็นใจและให้ความช่วยเหลือ และแล้วมิสเตอร์วอล์คเกอร์ก็กลายเป็นก้าวใหม่ของแม่ ก้าวอันมั่นคง ทั้งยังเป็นมือที่ประคับประคองเขาจนเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง 

คามินทร์เรียนจบที่นั่น ไม่เคยคิดฝันจะกลับมาที่นี่ แต่เพราะคุณตาอายุมากขึ้นทุกที ญาติสนิทมิตรสหายก็เริ่มร้างรา แม่เองก็สุขภาพไม่ดีนัก ชายหนุ่มจึงเป็นตัวแทนกลับมาดูแลคุณตาที่มาตุภูมิ กลับมาทั้งที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยนัก พูดก็ฟังชวนสับสน แต่เขาคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล แล้วความรู้กับประสบการณ์การทำงานที่มีก็น่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีพอ

เฟม เมทัล เวิร์ก เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง ๕-๖ ปีที่ผ่านมา นอกจากผลกำไร ยังได้รางวัลด้านซีเอสอาร์ คือมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แทบจะปีเว้นปี คามินทร์ได้เป็นหนึ่งในทีมตรวจสอบภายในที่นี่ เป็นเลือดใหม่ที่ได้รับความคาดหวังว่าจะช่วยให้เฟมผุดผ่อง

น่าตลกดี คนอื่นมักจะคิดว่าเราเก่ง ไม่มากกว่าก็น้อยกว่าที่เราเป็นเสมอ สำหรับเขา คามินทร์ไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นขนาดนั้น สิ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี แต่ไม่เห็นมีใครชื่นชมเสียทีก็คือการร้องเพลงนี่ละ ไปๆ มาๆ เรื่องที่เขามั่นใจ ก็เลยกลายเป็นไม่มั่นใจไปเสียอย่างนั้น 

หนนี้ ความเชื่อมั่นยิ่งดิ่งวูบ เพราะตอนที่เขาร้องถึงท่อนที่ว่า ‘นอนเสียดวงใจ เพลินเอ๋ยเพลินไปในฝัน...’ จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดผลัวะ แถมคนที่เปิดออกมาก็อยู่ในสภาพผมดำยาวปรกหน้าราวกับผีญี่ปุ่น หรือผีมันหนวกหูจนลุกขึ้นมาบอกให้เขาเบาๆ เสียงหน่อย!

แต่นี่มันเมืองไทย แถมผีที่เขาเคยเห็นก็ปีนออกมาจากบ่อน้ำ ไม่ใช่คอห่าน คิดได้อย่างนั้นสติของคามินทร์จึงบินกลับมา

“ขอโทษค่ะ” เธอว่า

“โอ แมบ้าน!” เขายกมือลูบอกล่ำของตัวเองป้อยๆ หลังจากพินิจชุดที่อีกฝ่ายสวมอยู่ 

“ค่ะ” อีกฝ่ายตอบพลางก้าวออกมาพ้นประตูแค่ก้าวเดียว 

แม้ผมปรกหน้า ทว่าเขาพอจำได้ จำได้จากแก้มอ้วนๆ ที่ผมปิดไม่มิดนั่นละ “คุณที…เดินตามเกสต์ เอวัน มะบ่าย?”

เจ้าหล่อนกลืนน้ำลายก่อนตอบ “ค่ะ ดิฉันเป็นแม่บ้านโซนบังกะโลสวีต พอดีเมื่อเช้ามีคราบในห้องน้ำที่ยังคลีนไม่ออก ดิฉันเพิ่งไปได้สูตรกำจัดมาใหม่ เลยรีบเข้ามาแก้ไขให้ค่ะ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว” 

คนตอบรวบรัดแทบลืมหายใจ จนดูคล้ายกับพิรุธ 

เขาหรี่ตา “ไม่ใช่วาเกสต์ฮองนั่น...” พยักหน้าเป็นความหมายว่าห้องพักเอหนึ่ง “ใฮคุณเข้ามาทำอะรายในฮองโพม?” 

“ไม่ใช่นะคะ!” เธอเบิกตาตกใจ

พอเธอตกใจ ที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ก็เลยเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา

ใช่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่เดินผ่านบังกะโลหลังนั้นเมื่อบ่าย ตอนที่แขกสาวบึกบึนผู้ถอดแว่นดำออกไปเดินกลับขึ้นห้องพร้อมด้วยพนักงานอีกสอง รวมถึงเธอคนตรงหน้านี้ คามินทร์รู้สึกถึงความคุ้นตาอย่างประหลาด นั่นทำให้เขาถึงกับหันขวับไปดูด้วยความติดใจ ถึงกระนั้นก็ยังคิดไม่ออกอยู่นั่นเองว่าเธอเป็นใคร กระทั่งเดี๋ยวนี้…

อยู่ดีๆ ความรู้สึกคุ้นตากลับวิบวับขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมันก็เหมือน…บางอย่างที่ติดอยู่แค่ริมฝีปาก…

คนในชุดแม่บ้านไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไร เจ้าหล่อนก้มหน้าลนลาน “ดิฉันขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่าคุณคามินทร์จะกลับเข้ามาไวเลยไม่ได้แขวนป้ายไว้หน้าห้องค่ะ”

“It’s okay.” เขาพยักหน้าอย่างไม่ถือสา ถอนตัวมาจากครุ่นคำนึง แล้วจึงเพิ่งจดใจสภาพคนตรงหน้า “ทาทางจะขัดเหนื่อยนะครับ ฮัวยุ่งเลย”

แม้ระยะหลังภาษาไทยของเขาจะดีขึ้นมาก แต่ก็ยังฟังยากอยู่ดี อีกฝ่ายจึงดูงงๆ

“ฮัวคุณ” เขาใช้นิ้วชี้วนรอบใบหน้าตัวเอง “head

“อ๋อ หัว”

“ฮู…อ๋า”

เธอไม่ได้ยิ้มขำ มองเขาว่าเป็นฝรั่งน่ารักอย่างที่คนไทยมักจะทำ แค่ก้มหน้ารับน้อยๆ แล้วบอก “ขออนุญาตนะคะ” พร้อมก้าวไปหยิบผ้าชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนตั่ง

“ชุดแม่บ้านน่ะค่ะ” พูดพลางกางแสดงให้เห็นว่าไม่ได้หยิบติดอะไรของเขาไป

เขาเอียงหน้า “ตัวหญ่าย?”

ใหญ่กว่าที่จะเป็นเธอ?

คราวนี้เธอคงเข้าใจ จึงทำหน้าอักอ่วนบอก “ไม่ใช่ของดิฉันค่ะ เอามาให้เพื่อนร่วมงาน คุณคามินทร์มีอะไรให้รับใช้อีกมั้ยคะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า มองเธอก้มหน้า ก้าวเร็วๆ ตรงไปยังประตู แต่แล้วเขาก็ร้อง “อ้อ!”

ปฏิกิริยาตอบรับคำ ‘อ้อ!’ ของอีกฝ่ายยังดูตกใจเกินไปมาก

ด้วยผมที่ปรกหน้า เขามองไม่เห็นชัดว่าอีกฝ่ายทำสีหน้ายังไงเมื่อหันมาจ้องเขา แต่คามินทร์ยิ้มขำ “เซียงร้องโพมไมทำให้คุณตกใจ ใช่มั้ยครับ”


แม้จะพ้นมาแล้ว ดนีย์นาถก็ตระหนักว่าคนในบังกะโลเอสามยังคงจับตาผ่านมาทางผนังกระจกใส เธอต้องบังคับตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติที่สุด กระทั่งปิดประตูสำหรับพนักงานด้านหลังสระว่ายน้ำแล้วนั่นละ จึงจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ 

กลายเป็นโชคดีไปที่ได้เดินสวนกันก่อน ถ้าไม่เคยเห็นหน้า คามินทร์อาจสงสัยก็ได้ว่าเธอเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเข้าไปทำอะไรในห้องเขา 

แน่ละ พวกที่กำลังจะก่อเรื่องร้ายก็ต้องระแวงไปทุกอย่าง! นี่ขนาดรู้แน่ว่าเธอเป็นแม่บ้าน รายนั้นยังอุตส่าห์คิดได้ว่าคุณเงินยวงส่งเธอเข้าไป ทำไมแขกที่ไม่รู้จักกันจะต้องส่งแม่บ้านเข้าไปในห้องแขกอีกคนด้วยล่ะ คิดอะไรพิลึก!

แต่ช่างเถอะ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นเยี่ยม คามินทร์มาที่นี่ไม่ใช่เพื่อพักผ่อนจริงๆ ดังที่บอกทุกคนในรีสอร์ต เขาระวังตัวขนาดนี้ เพราะมีเป้าหมายบางอย่างที่คงไม่อยากให้ใครรู้!

ไม่ว่าของที่เธอหาจะถูกซ่อนไว้ไหน ข่าวที่เธอได้มาก็เป็นเรื่องจริงชัวร์ๆ 

อย่างน้อยก็มีอะไรคืบหน้าบ้างแล้วละ!

นอกจากนั้น ดนีย์นาถบอกตัวเองว่าจะผลีผลามแบบนี้ไม่ได้อีก ต่อไปคามินทร์อาจเริ่มจับตาเธอ เธอจะต้องพยายามอยู่ให้ห่างเขาที่สุด เปิดโอกาสให้เขาเห็นเธอน้อยที่สุด ไม่งั้นเขาอาจจำเราได้…  

แค่ราวๆ สองเดือนก่อน เธอกับพิมล์ไพลินมีโอกาสเข้าไปที่เฟม เมทัล เวิร์ก เพื่อสัมภาษณ์ผู้บริหารเกี่ยวกับโครงการซีเอสอาร์ตัวใหม่ การพบปะคนโตคนใหญ่เป็นงานที่เธอไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจชิ่ง เพราะที่สามารถติดต่อได้ถึงตัวก็ด้วย ‘เส้น’ จากอาภพของเธอทั้งนั้น 

ตอนนั้น เข้าไปนั่งในห้องรับรองแขก จู่ๆ พิมล์ไพลินก็สะดุ้งขึ้น ทำเอาดนีย์นาถสะดุ้งตาม 

เพื่อนสนิทผู้เป็นทั้งหุ้นส่วนของเธอมักมีอาการประสาทเวลาต้องพบปะคนสำคัญ ทั้งๆ ที่ทั้งชีวิต เจ้าหล่อนก็ต้องไปออกงานและเจอคนสำคัญพร้อมกับป๊า ม้าไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

‘ตายแล้ว!’ 

‘อะไรวะ’

ไม่ตอบเธอทันที คนเป็นเพื่อนละสายตาจากเงาของตัวเองบนกระจกโต๊ะรับแขก ล้วงตลับแป้งจากกระเป๋าถือขึ้นมาเปิดส่องกระจก ‘ทำไมแกไม่ทักว่าวันนี้ฉันเขียนคิ้วมาไม่เท่ากัน! ฮือ!’

พิมล์ไพลินเป็นสาวหมวยจัด หน้าขาวๆ จืดเหมือนกระดาษเอสี่ นอกจากต้นทุนแค่ผิวดี ส่วนอื่นต้องพึ่งการป้ายสี ลงเส้นเพิ่ม นี่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นคนแต่งหน้าเก่งกาจ ถึงกระนั้นก็ต้องรบรากับคิ้วตัวเองเสมอ พิมล์ไพลินรู้สึกว่าเขียนยังไงมันก็ไม่เข้ารูป ไม่บางไปก็เข้มไป ไม่เรียบไปก็โค้งหรือโก่งเป็นคันธนู 

‘แกดูดีที่สุดแล้ว!’

ทั้งที่ได้รับคำประโลม เจ้าตัวก็ยังกะบึงกะบอนไม่อยากเชื่อ เมื่อหวนกลับไปคิดถึง ดนีย์นาถจึงสำเหนียกว่าทั้งหมดนั่นอาจแสดงถึงลางร้าย

ผู้นัดหมายปรากฏตัวในไม่ช้า ภายใต้หัวข้อสัมภาษณ์อันเสมือนข่าวประชาสัมพันธ์ของเฟม ดนีย์นาถพยายามคุ้ยลึกถึงเค้าลางข้างใต้ ปกติ CSR หรือ Corporate Social Responsibility คือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนเสีย ส่วนได้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หลายครั้งผู้ประกอบการหัวใสก็ใช้มันเป็นแค่เครื่องมือประชาสัมพันธ์ดับกลิ่นเรื่องคาวๆ ที่สร้างไว้ แถมกอบโกยผลประโยชน์ทางด้านภาษี ท่ามกลางตรารางวัลต่างๆ ที่เฟมได้รับ คนในวงการ ‘กรีน’ ต่างลือกันให้แซ่ดว่ามีกลิ่นเหม็นโฉ่โชยมาเป็นระยะ แม้เปลี่ยนทีมผู้บริหารแล้ว ดนีย์นาถกับคนในวงสนทนาจึงยังเฝ้าจับตาเสมอ

ปรากฏว่าผู้ให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้นตอบคำถามตามแบบแผนพีอาร์จนน่าละเหี่ย เธอกับพิมล์ไพลินเจาะข้อมูลลึกกว่านั้นไม่ได้แม้แต่สะเก็ด ยังไม่ทันสัมภาษณ์เสร็จ ประตูห้องรับแขกชั้นผู้บริหารก็ถูกเคาะเปิด เลขานุการิณีของรายนั้นเยี่ยมหน้าเข้ามาพร้อมชายหนุ่มหน้าตาดี และมีบุคลิกไม่เหมือนผู้ชายไทย รายแรกบอกขอโทษเธอทั้งสอง แล้วอีกรายก็ใช้ภาษาอังกฤษแคล่วคล่องบอกเป็นทำนองว่า การประชุมกับซัพพลายเออร์รายสำคัญต้องการตัวท่านผู้บริหารเป็นการด่วน

ทุกอย่างจบลงแค่นั้น ผู้ให้สัมภาษณ์ต้องขอตัวออกไป ชายท่าทางฝรั่งแค่ผงกศีรษะให้พวกเธอเป็นทำนองขออภัย แต่ก็ช่างหมางเมินและดูจองหอง พิมล์ไพลินคิดว่าเขาคงตัดสินว่าพวกเธอเป็นแค่สื่อกระจอกจากคิ้วของตัวเอง แต่ดนีย์นาถเชื่อว่ามีนัยลึกกว่า 

‘บางทีนายคามินทร์อะไรนั่นอาจกลัวผู้บริหารหลุดปูดอะไรเน่าๆ ออกมารึเปล่า’ 

นั่นทำให้เธอสนใจสืบต่อและจดจำเขาแม่น คามินทร์ วอล์คเกอร์ ตำแหน่ง assistant co-partner audit manager จบด้าน supply chain และมีประสบการณ์จากอเมริกา เพิ่งเข้ามาทำงานที่เฟมได้ราวๆ ปีกว่า แต่มีผลงานดีจนเป็นที่ลือเลื่อง

ตอนที่รู้ ‘ข่าว’ และสืบพบว่าเขานี่เองที่จะมาเวียงอวัศย์เกาะช้าง ดนีย์นาถกับพิมล์ไพลินจึงรู้สึกเสมือนมันจะเป็นการแก้แค้น ขณะเดียวกันก็น่าหวาดระแวง 

‘ฉันไปทำเรื่องนี้ไม่ได้แน่ คิ้วฉันมันเตะตาเขาจะทำให้เขาจำได้ แกต้องไปเองแล้วแหละ นีน่า’

ดนีย์นาถจึงต้องรับงานมา พยายามคิดว่า แค่แวบเดียวที่เห็นกันครั้งก่อน เขาอาจจำเธอไม่ได้ 

ภาพเกี่ยวกับคามินทร์ที่เธอคิดไว้คือผู้ชายปราดเปรียว ฉลาดร้าย และเต็มไปด้วยเล่ห์เหมือนสายลับในหนังจารชน ใครจะคิดว่าผลกลับกลายเป็นหนุ่มลูกครึ่งแก้ผ้า ร้องเพลงเพี้ยน!

คนที่เริ่มจะทำอะไรเพี้ยนๆ ไม่ด้อยไปกว่ากันรออยู่ในบังกะโลเอหนึ่ง 

ทันทีที่เห็นชุดแม่บ้านในมือเธอ คุณเงินยวงก็กุมมือทั้งสองไว้ข้างคาง ยิ้มเฉิดฉายและกระโดดขึ้นครั้งหนึ่งเหมือนสาวน้อยดีใจ 

“วิเศษ!” พูดเท่านั้นแล้วร่างบึกบึนก็ปรี่เข้ามาแย่งชุดจากมือเธอ สายตาไม่ได้มองเธอเลยขณะพูดต่อ “ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องทำได้ นี่ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าเธอจะใช้เวลาจัดการนานไปสักเล็กน้อย” 

ดนีย์นาถคอย่น ขณะเดียวกันก็ถอนสายตาจากชุด เพราะสัมผัสได้ถึงอีกสายตาที่จับจ้องตัวเองอยู่

คุณปภังกรนั่นเอง คุณบัตเลอร์ร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่ข้างเจ้าสุนัขขนเหี้ยน ขณะนี้คุณชาโตบริยองด์นอนหงายท้องอยู่บนพื้น พยายามเขี่ยเท้ามาแตะขาคนข้างๆ ส่งสัญญาณให้เล่นด้วย แต่คุณบัตเลอร์ไม่สนใจ เพราะมัวจดสายตามาที่เธอ ดนีย์นาถไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ที่แน่ๆ มันชวนให้รู้สึกเย็นยะเยือกยิ่งกว่าพื้นกระเบื้องในห้องน้ำรีสอร์ต

คงเห็นว่าเธอสบสายตากับคุณบัตเลอร์อยู่ แขกวีวีไอพีจึงนึกได้ “อ้อ สรุปว่าคุณพังก็พร้อมใจจะช่วยเราแล้วเหมือนกัน!”

คนพูดหันไปทางรายนั้น สีหน้าคุณบัตเลอร์ดูอบอุ่น นอบน้อมขึ้นทันที 

“คุณพังจะช่วยรายงานกับทางรีสอร์ตว่าช่วงนี้เธอมาทำงานเป็นผู้ช่วยบัตเลอร์ฉันอีกคน ฉะนั้นพรุ่งนี้เธอจะมาทำงานที่นี่ เวลาเก้าโมง แทนที่จะต้องไปขัดๆ ถูๆ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ส่วนแรงงานที่ขาดหายไป รีสอร์ตจะหามาเติมช่วยเพื่อนเธอจนได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” 

“ขะ…ขอบคุณค่ะ” เธอส่งสายตาไปที่คุณพัง

รายนั้นวางท่าขึ้นนิดหน่อยเมื่อพูดต่อจากแขก “เนื่องจากคุณเงินยวงไม่ควรออกไปแสดงตัวให้คนข้างนอกเห็น ฉันจะสั่งอาหารและให้เธอไปรับจากครัวมาที่นี่ อ้อ และจะบอกทุกคนด้วยว่าถ้าเจอคุณเงินยวงก็ห้ามทัก การทักแขกสำคัญเป็นกฎของรีสอร์ตเราน่ะครับ” 

ไม่ถึงกับคนละเสียง แต่พอเสสายตาไปพูดกับแขก คุณบัตเลอร์ก็แทบจะเหมือนใช้คนละเสียง  

“ยอดเยี่ยมจ้ะที่รัก” คุณเงินยวงกะพริบตา ยกกำปั้นขึ้นมาแตะอกร่าเริง 

อาจเพราะดนีย์นาถยังเงียบ คุณบัตเลอร์จึงย้ำกับเธอ ด้วยน้ำเสียงและสายตาเหมือนกับว่าเธอฟังภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง “เธอเข้าใจตามนี้นะเพลงทราย?” 

“เข้าใจค่...”

ไม่ทันจบคำ แขกก็สวนขึ้นว่า “ฉันเข้าใจว่าตอนนี้เธอออกกะแล้ว” พูดพลางขยับข้อมือ ปรายตาสำรวจเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ นอติลุส ตัวเรือนโรสโกลด์แค่เร็วๆ จนแทบเหมือนเรียกความสนใจคนอื่นๆ ไปที่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นเสียมากกว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถบอกได้ว่า “ส่วนคุณพังเขาอีกราวๆ สองชั่วโมงถึงจะออก”

“เจอกันพรุ่งนี้” คุณปภังกรสรุปให้ อย่างไรก็ตาม ด้วยสายตาของเจ้าตัว หญิงสาวอ่านออกว่า เธอจะต้องเจอเขาก่อนหน้านั้นแน่นอน 

นึกๆ แล้วก็อยากรู้เหมือนกัน คุณเงินยวงจะปล่อยคุณบัตเลอร์กี่โมง!

“พรุ่งนี้ เก้าโมง...” คำแขกเรียกความสนใจคืนมา “ฉันหมายถึงเก้าโมง ‘ตรง’ ” คนพูดย้ำอีกด้วยการเลิกคิ้วให้ “เราจะเจอกันที่นี่ เธอจะมาอธิบายงานแม่บ้านที่เหลือให้ฉันฟัง และนำเสนอวิธีที่จะทำให้แม่บ้านมีโอกาสเข้าใกล้โด” 

ชื่อนั้นทำเอาดนีย์นาถกระตุกคิ้วย่น 

คิ้วคุณเงินยวงเลิกขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มเสแสร้งเหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนไม่รู้จักชื่อนั้น “โด ดนตรี ศิลปินอันดับต้นๆ ของไทย อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้จัก!”

มีเสียงขำ “หึ” ดังมาจากคุณบัตเลอร์ เจ้าชาโตบริยองด์นึกว่าเขาจะเล่นกับมันแล้ว จึงพลิกตัวขึ้นมางับมือ คนโดนงับถึงกับร้อง “โอ๊ย!”

“คะ…ค่ะ”

ดนีย์นาถตอบได้เท่านั้น แต่เสียงที่ดังขึ้นกลางใจนั้นคล้ายอสนีบาต!


‘ว่าไงนะ!’ 

ตัวอักษรจากปลายทางเด้งขึ้นมาในหน้าจอแอปพลิเคชันแชต หญิงสาวจินตนาการเห็นภาพเพื่อนสนิทเบิกตาจนเจ็บเปลือกตา เพราะว่าสติกเกอร์ตาสองชั้นค้ำผิวหนัง 

‘แกก็อ่านข้อความข้างบนสิ’ เธอพรมนิ้วตอบกลับไป

หน้าจอปรากฏสติกเกอร์ตัวการ์ตูนยกมือปิดตาเซ็ง ‘ฉันรู้ มันเป็นคำอุทาน!’

ให้ร้อนใจอย่างไร เมื่อนึกถึงท่าหงุดหงิดใจของเพื่อน ดนีย์นาถก็หลุดยิ้มขันออกมาได้ 

หญิงสาวก้มหน้าพลางสาวเท้ายาวๆ ออกจากรีสอร์ตทางประตูสำหรับพนักงาน ขณะนี้ผ่านเวลาออกเวรของแม่บ้านกะเช้าไปพอสมควรแล้ว ทางเดินเล็กๆ สายนี้จึงไม่มีคนมากนัก ดนีย์นาถเองก็ผลัดชุดแม่บ้านส่งห้องผ้าสำหรับทำความสะอาดแล้ว 

พิมล์ไพลินส่งข้อความต่อมาว่า ‘แล้วนี่จะทำไง ถ้าแกเจอโด ทั้งสองเรื่องแม่งพังคู่นะ’

นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดนีย์นาถไม่รู้

‘กำลังพยายามโทร. หาอาภพอยู่’

‘ดี’ 

พร้อมๆ กับที่ข้อความนี้ลอยเข้ามาทางอากาศ สมาร์ตโฟนในมือก็สั่นระรัวเพราะสายเข้า หน้าจอแสดงภาพอาภพ

ดนีย์นาถรีบตะปบโอกาสเหมือนจิ้งจอกหิวเห็นเหยื่อ

อาภพน้ำเสียงตื่นเต้น “นีน่า เป็นไงบ้างลูก”

ดนีย์นาถรู้ว่าเวลานี้อาน่าจะกำลังหัวปั่นอยู่กับงาน แต่นั่นก็หมายถึงความจดใจที่มีให้เธอเสมอมา

ตั้งแต่เสียบิดา มารดาไปเมื่ออายุห้าขวบ อาภพก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้เธอ เสียงของเขาเจือความสงสารเสมอจนเธอเพลียจิต อาภพพยายามจะดันให้เธอออกสื่อในฐานะทายาทคนเดียวของผู้ก่อตั้งเอนเตอร์ไทม์ แต่เธอกลับซุกตัวอยู่ข้างหลัง และไม่เคยสนใจจะไปจับงานใดๆ ในบริษัทเลยสักอย่าง เอนเตอร์ไทม์จึงกลายเป็นลูกชายที่พ่อ แม่เธอทิ้งไว้ให้อาอีกคน แล้วภายใต้การบริหารของอาภพ มันก็กลายเป็นบริษัทบันเทิงที่เฟื่องฟูและอยู่มาทุกยุค

อาภพสนใจงานของเธออยู่บ้างเหมือนกัน สนใจแบบเดียวกับที่ผู้ใหญ่มองดูว่าเด็กกำลังจินตนาการอะไรเวลาเล่นขายของ! ลับหลังเธอ อาคะยั้นคะยอพิมล์ไพลินให้ช่วยจูงเธอกลับมาที่เอนเตอร์ไทม์ แลกกับอะไรก็ได้ หรือตำแหน่งใดๆ ในบริษัทก็ด้วย แต่พิมล์ไพลินเป็นเพื่อนที่ดี จะว่าไปเจ้าหล่อนก็เป็นเด็กชั้นกระฎุมพีที่ถูกทางบ้านตามใจจนเกินกู่เหมือนเธอนั่นละ 

ถึงกระนั้น เช่นเดียวกับกรณีเฟม เมทัล เวิร์ก อาภพจะให้ผู้ช่วยของเขาคอยสนับสนุนความต้องการของดนีย์นาถเสมอ นั่นทำให้งาน ‘ขายของ’ ของเธอลุล่วงไปด้วยดี แต่ก็ยังไม่เคยดีพอในสายตาผู้เป็นอา เพราะมันยังแทบไม่ทำเงินเลย

ตอนที่รู้ว่าดนีย์นาถวางแผนจะทำอะไรที่นี่ อาดี๊ด๊าเพราะเข้าใจว่าเธอสนใจงานบันเทิงแนวการแสดงขึ้นมาบ้างแล้ว เขาเสนอให้เธอคุมตำแหน่งผู้จัดแล้วรับบทเล็กๆ รับเชิญอะไรก็พอ ต่อเมื่อเธอให้ความกระจ่างว่านี่ไม่ได้เกี่ยวกับซีรีส์ ละคร หรือภาพยนตร์ใดๆ อาก็ทำหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็ยังสนับสนุนเธอเหมือนทุกครั้ง ด้วยการขอให้อาหนาวเข้ามาช่วย แม้เมื่อวันเดินทางมา อาก็ยังมองด้วยสายตาสงสารเหมือนกับว่าเธอมีอาการประสาทอยู่ ปากบอก ‘อาขอให้หนูทำได้สำเร็จนะลูก’ เพียงแต่เธอรู้ คำ ‘สำเร็จ’ ของอานั้นไม่เกี่ยวกับงานที่บริษัทของเธอแต่อย่างใด

ดนีย์นาถคอยรายงานอาภพในช่วงดึกสองวันครั้ง แกฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง บางทีก็กรนใส่ แต่วันนี้อาเสียงใสเป็นพิเศษ คงเพราะเธอโทร. มาผิดเวลา ซึ่งหมายความว่าน่าจะมีเรื่องพิเศษเช่นกัน 

เธอกรอกเสียงตอบคำถามอา “หนูวุ่นๆ นิดหน่อยค่ะ” แล้วรีบรวบรัดเข้าเรื่อง “แขกวีวีไอพีของอามาที่นี่”

“ใครหว่า”

ดนีย์นาถสอดสายตาไปรอบตัว ไม่มีใครยืนใกล้ๆ ทว่าเธอก็ยังใช้เสียงเบา “คุณเงินยวงไงคะ คุณเงินยวง สิริลาภวงศ์สกุล”

“ครอก…”

“อาภพ!”

“ฮะฮ่า อาล้อเล่น แหมตอนบ่ายๆ ใครมันจะไปหลับได้”

“เรื่องแขกว่าไงคะ”

“ครอก…”

ดนีย์นาถสูดลมหายใจแรงๆ 

อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจใหญ่ “อาล้อเล่นอีกแล้ว”

“อาภพ หนูซีเรียสอยู่นะคะ!” 

“โอเคๆ” เห็นภาพเลยว่าผู้ชายตัวใหญ่เหมือนหมีกำลังพยักพเยิดอย่างเอาอกเอาใจหลานตัวน้อย “ก็ตามนั้นแหละ แขกคนนี้แกขอมา แต่อย่าถามนะ อาก็ไม่ได้รู้จักอะไรเขาเป็นพิเศษ รู้จักกันทางไหนยังจำไม่ได้เลย”

“อ้าว” 

“ปกติเรื่องพวกนี้คุณเลขาฯ เป็นคนจัดการให้หมดน่ะลูก” 

ดนีย์นาถนึกขึ้นได้ เวลาไปออกงานด้วยกัน คุณสวย เลขานุการิณีของอาจะคอยกระซิบข้างๆ ว่าแขกแต่ละคนชื่ออะไร ทำงานอะไร ในตำแหน่งไหน หรือเป็นลูกเต้าเหล่าใคร มีความสำคัญอย่างไร อาภพมีทักษะสูงส่งในการเออออ ทำท่าเหมือนรู้จักและจำทุกคนได้ ทั้งที่จริงในหัวล้วนขาวปลอด แขกสำคัญบางคนคงอาศัยเส้นสายของอาขอให้ได้สิทธิพิเศษอย่างนั้น อย่างนี้บ้างเหมือนกัน ตั๋วคอนเสิร์ต งานเปิดตัวภาพยนตร์ หรือแม้แต่เป็นแขกรับเชิญในทีวีซีรีส์บทเล็กๆ พวกนี้แทบจะไม่เคยผ่านหูผ่านตาอาภพด้วยซ้ำ คุณสวยทำงานได้เสร็จสรรพเหมือนที่คุณปภังกรทำให้แขกที่รีสอร์ตนี้

“ทำไมจะต้องมาตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้” กับอาที่มองเธอเป็นเด็กอยู่ร่ำไป แม้ดนีย์นาถจะพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในสายตาอาอย่างไร สุดท้ายก็มักหลุดกระเง้ากระงอด 

“มีอะไรรึ”

คุณเงินยวงเยอะ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับ...“เขามาตามหาโดที่นี่น่ะซีคะ!”

“โดแฟนหนูเนี่ยนะ!”

“ไม่ใช่ค่ะ”

“อ้าว แล้วจะตกใจทำไม”

“หนูล้อเล่น โดแฟนเก่าหนู ศิลปินอาเนี่ยแหละ!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น