“เด็กคนนี้เป็นใคร”
นายแพทย์ปราณกันต์ ชติโชติอนันต์ กุมารแพทย์ด้านระบบการหายใจถามผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งเป็นอดีตภรรยาที่เคยรักกันปานจะกลืนกิน
หนึ่งปีหลังจากหย่ากัน เขาไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ทำอะไร แต่เด็กน้อยตรงหน้าคนนี้หน้าตาเหมือนเขา เลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา แถมเกิดหลังวันหย่าเจ็ดเดือน ถ้าแก้วกินรีไม่คบชู้ เด็กคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของเขาอย่างแน่นอนที่สุด
“ผมถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร”
แก้วกินรีมองแพทย์ผู้ตรวจของลูกสาวนิ่งๆ เธอรู้อยู่ว่าถ้ามาโรงพยาบาลนี้ก็อาจจะเจอเขา แต่เธอก็มาเพราะผู้ชายคนนี้ไม่มีความสำคัญอะไรกับเธอเลย ลูกสาวต่างหากที่เธอจะไม่รอช้าสักวินาทีให้ต้องเสี่ยงอันตราย
“ลูกของฉัน”
“ท้องตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นี่ไม่ใช่คำถามของหมอเด็กมั้งคะ รบกวนคุณหมอช่วยตรวจอาการลูกสาวฉันหน่อยค่ะ ฉันพาลูกมาหาหมอ ไม่ได้มาหาหมอเอง”
แม้รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องตกใจที่จู่ๆ ก็เจออดีตภรรยาและยังมีลูกแล้วเสียด้วย แต่ขอโทษ นาทีนี้นายคือหมอไม่ใช่สามีเก่าช่วยทำตามหน้าที่ก่อนแล้วค่อยมาถาม
“ใครเป็นพ่อเด็ก” ปราณกันต์ลุกขึ้นจากเก้าอี้มาตรวจแม่หนูน้อยที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้และในดวงตาปรากฏหยาดน้ำจางๆ เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้งอแงมา แต่ยังไม่วายถามต่อ...
แก้วกินรีถอนหายใจพรืด...นี่ก็ไม่ใช่คำถามของหมอเด็ก
“นี่คือคำถามของหมอเด็ก”
นายแพทย์หนุ่มเห็นสีหน้าอดีตภรรยาก็รู้แล้วว่าภายในใจนั้นคิดสิ่งใดอยู่
โดนตอกมาแบบกระชั้นชิดกลางแสกหน้าแบบนั้นแก้วกินรีจึงขึงตาดุใส่ ใช้หน้าที่ในทางมิชอบชัดๆ
“ไม่มีค่ะ”
“ทำไมไม่มี”
ปราณกันต์ยังถามต่อขณะทำการตรวจ แสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าญาติคนไ เขาเงี่ยหูฟังเสียงปอดของเด็กน้อยและเสียงตอบของอดีตภรรยา
“ผู้ชายไม่เอาค่ะ ชัดเจนพอไหมคะ”
“ได้บอกเขาไหมว่าท้อง”
เมื่อเขาตรวจด้านหน้าเสร็จก็เปลี่ยนไปตรวจด้านหลังซึ่งเธอก็อำนวยความสะดวกให้อย่างรู้หน้าที่ ทั้งหน้าที่มารดาและหน้าที่อดีตพยาบาลผู้ช่วยนายแพทย์ปราณกันต์
“คำถามนี้ไม่ใช่คำถามของหมอเด็ก ฉันขอไม่ตอบค่ะ”
“แสดงว่าไม่ได้บอก คิดจะฮุบเด็กไว้คนเดียวละสิ”
“ลูกไม่ใช่สิ่งของ เขาเป็นเลือดเนื้อของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะครอบครองเขาอย่างชอบธรรมและไม่เกี่ยวอะไรกับหมออย่างคุณ รบกวนช่วยตั้งใจตรวจหน่อย ลูกสาวฉันไม่สบายมาก”
แก้วกินรียอมพาลูกมารักษาที่นี่ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีเขาอยู่ก็เพราะว่าโรงพยาบาลนี้อยู่ใกล้ที่สุด เธออยากให้ลูกได้รับการรักษาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นเธอไม่มีทางมาเหยียบที่ที่มีรอยเท้าของผู้ชายอย่างปราณกันต์เหยียบย่างฝากรอยไว้ทุกที่เช่นนี้แน่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัดสินใจผิดพลาดที่สุดเสียแล้ว
“เสียงปอดปกติ ทั้งหน้าและหลังไม่มีอะไรมีปัญหา ไหนลองจับลูกอ้าปากสิ”
ปราณกันต์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยิ่งรู้สึกคลุมเครือต่อเด็กน้อยตรงหน้าเขาก็ยิ่งร้อนใจกับอาการป่วย ถึงจะถามนอกเรื่องแต่เขาก็ตั้งใจทำหน้าที่เช่นกัน
“คนไข้ค่ะ”
แก้วกินรีแก้ไขให้ทันที ใครจะมาเรียกลูกสาวของเธอว่าลูกเพราะความเอ็นดูก็ได้ทั้งนั้นยกเว้นผู้ชายตรงหน้าคนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด
ปราณกันต์ชะงักมือที่เลื่อนไปหยิบไม้กดลิ้นเพื่อตรวจลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดกว่าปกติเพราะอดีตภรรยาหันกลับมาประสานสายตากับเขา ญาติผู้ป่วยได้ยินอะไรผิดหูนิดหน่อยไม่ได้เลย
“เวลาอยู่กับแม่เด็กผมก็เรียกว่าลูกทุกคน”
“หมอควรเปลี่ยนแปลงตนเองได้แล้วค่ะ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะพอใจหรือเห็นเป็นเรื่องปกติที่หมอทำแบบนั้น”
“นี่คุณไม่พอใจที่ผมเรียกคนป่วยว่าลูก หรือไม่พอใจที่ผมรู้ว่าคุณมีลูกกันแน่”
“ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไม่พอใจนี่คะ หมอไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน ฉันจะมีลูกหรือไม่มีหมอก็ไม่เกี่ยว มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไม่พอใจ ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้ว่าเรียกด้วยความสนิทสนมแบบนั้นก็เท่านั้น และหมอเชื่อเถอะค่ะว่าพ่อแม่สมัยนี้ก็ไม่ได้ชอบนักหรอก ที่ลูกของเขาถูกใครก็ไม่รู้มาเรียกลูกอย่างนั้นลูกอย่างนี้”
“ไว้ให้มีข้อร้องเรียนแล้วผมจะเปลี่ยนให้แล้วกัน ประคองลูกอ้าปากซิ”
“เขียนได้ที่ไหนคะข้อร้องเรียน”
“ลงไปชั้นหนึ่ง เคาน์เตอร์ถัดจากหน้าโถง หรือจะเข้าไปเขียนในเว็บก็ได้ เอาไอดีไลน์มาสิ เดี๋ยวผมจะส่งลิงก์ให้”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันหาเองได้”
“ก็แล้วแต่” ปราณกันต์ไหวไหล่น้อยๆ ขยับเข้าใกล้สองแม่ลูกมากขึ้น “ไหนลูก ขอหมอดูคอหน่อยนะคะคนเก่ง” ไม่อยากให้เรียกก็จะยิ่งเรียกถี่ๆ
แก้วกินรีอยากแย่งไม้กดลิ้นมาทิ่มให้ทะลุคอหอยคนพูด แต่จำต้องก้มหน้ามองลูกในอ้อมแขนและประคองร่างเล็กให้อยู่นิ่ง
“คอแดง ต่อมทอนซิลบวมเล็กน้อยแต่ยังไม่เป็นหนอง ต้องให้ยาฆ่าเชื้อและนอนให้น้ำเกลือดูอาการสักสองสามวัน ลูกกินนมอะไรอยู่ตอนนี้”
“คนไข้กินนมแม่ค่ะ”
แก้วกินรีให้ลูกกินนมแม่มาตั้งแต่เกิดและตั้งใจว่าจะให้กินจนครบสองขวบ ตอนนี้เพิ่งเข้าเดือนที่ห้าได้สองวัน แก้วกัลยาจึงกินได้แต่นมแม่อย่างเดียว
“หึ...” แปลกหูดีเหมือนกัน แพทย์เรียกลูก ญาติเรียกคนไข้ ปราณกันต์อยากเขกหน้าผากอดีตภรรยาสักที ไม่รู้จะจริงจังอะไรนักหนา “งั้นก็ดี เดี๋ยวผมจะสั่งยาและแอดมิตให้ตอนนี้เลย แต่ทันทีที่ถึงวอร์ดรีบให้ลูกกินยาฆ่าเชื้อทันทีเลยนะ”
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก หมอสั่งแต่ยาก็พอค่ะ เราไม่พร้อมแอดมิต”
“ทำไม กลัวผมจะบุกไปหารึไง” ปราณกันต์ดักอย่างรู้ทัน
แก้วกินรีก็ตั้งหนักไว้อย่างมั่นคงตอบกลับทันควัน
“หมอที่ดีไม่ทำการเยี่ยงโจร คุณหมอก็ดูไม่น่าเลว ดิฉันไม่ได้กลัวค่ะ แค่ไม่สะดวก”
ไม่น่าเลว...จากแววตาเธอกำลังตะโกนด่าว่า ‘เลวโคตรๆ’ ออกมาต่างหาก ปราณกันต์เหยียบที่เปิดฝาถังขยะติดเชื้อออกแล้วหย่อนไม้กดลิ้นในมือทิ้งไป
“ทำไมถึงไม่สะดวก ถึงลูกจะยังไม่เป็นอะไรหนักแต่อาการก็ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าคุณเองก็ร้อนใจ ไม่เช่นนั้นไม่ยอมมาที่นี่หรอกจริงไหม แล้วจะกระเตงลูกกลับไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่กลัว”
สีหน้าแก้วกินรีไม่มีความตกใจใดๆ ตอนเจอกันสักนิด นั่นหมายความว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าอาจจะเจอเขาที่นี่
“ถ้าตรวจเสร็จแล้ว งั้นฉันออกไปได้แล้วใช่ไหมคะ” อยากสั่งอะไรก็สั่งเถอะ เธอเบื่อจะตีฝีปากกับเขาแล้ว
“ขึ้นไปนอนบนเตียง”
“อะไรนะ!”
“ผมหมายถึงลูก พาขึ้นไปนอนบนเตียง”
“คุณจะทำอะไร”
“เปิดเส้นให้น้ำเกลือ”
“หน้าที่พยาบาลนี่ ทำไมต้องทำเอง”
“ถ้าอยากให้ลูกเจ็บก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมตามพยาบาลให้”
เรื่องมือเบาและแม่นยำราวจับวางอดีตภรรยารู้ดีกว่าใครว่าเขาเป็นที่หนึ่ง เมื่อถูกกระตุ้นให้ทบทวนดีๆ รับรองว่าไม่เปลี่ยนใจแน่ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด แก้วกินรียอมพาลูกน้อยไปวางบนเตียงตามคำสั่งแพทย์
ปราณกันต์คลี่ยิ้มกว้างก่อนโทร. ออกไปขออุปกรณ์และเปลี่ยนถุงมือก่อนตามมาที่เตียง
“ขึ้นไปนอนให้นมลูกสิ หาอะไรเบี่ยงเบนความสนใจแก จะได้ไม่ร้องไห้ตอนเปิดเส้น”
“จะบ้ารึไง ฉันไม่เปิดเสื้อให้นมตรงนี้หรอก” ให้ตายก็ไม่ทำ แก้วกินรีค้านหัวชนฝา
“ฮ่าๆๆ” ปราณกันต์ถึงกับหัวเราะ “จะอายทำไม มดลูกคุณผมก็เห็นมาแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสักนิด”
“นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ฉันไม่ให้นมที่นี่”
“ก็แล้วแต่ ผมแค่แนะวิธีที่ดีที่สุดให้ ไม่ทำก็ตามใจ”
ปราณกันต์เคยเล่นพิเรนทร์กับแก้วกินรีสมัยแต่งงานกันใหม่ๆ ด้วยการเอาคีมปากเป็ดมาตรวจภายในให้อดีตภรรยา นึกไปแล้วก็ยังขำ ช่างมีความทรงจำร่วมกันเยอะเหลือเกิน
“งั้นก็หันไปสิ จะยืนดูฉันให้นมหรือไง”
แก้วกินรีเผลอตวาดแหว ปากบอกว่าไม่ตื่นเต้นแต่ยืนจ้องตาไม่กะพริบ เชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว
ปราณกันต์หันหลังไปทันที ไม่ใช่เพราะเสียงตวาด แต่เป็นการกลบเกลื่อนอาการร้อนลวกที่ลามไปทั่วใบหน้า ปากบอกไม่ตื่นเต้น แต่ใจเขา...ให้ตาย เต้นแรงชะมัด
“อุปกรณ์มาแล้วค่ะคุณหมอ จะให้อยู่ช่วยไหมคะ”
“ออกไปเถอะ ผมทำกับแม่ลูกได้”
“ฮื้อ...ค่ะ” แม้จะสะดุดหูกับคำว่า ‘แม่ลูก’ ของแพทย์หนุ่ม แต่เมื่ออีกฝ่ายโบกมือให้ออกไปพยาบาลสาวก็ไม่กล้าถามมากความ
ปราณกันต์เดินไปเข็นรถอุปกรณ์เข้ามาถึงเตียง ผ้าห่มผู้ป่วยที่แต่เดิมพับไว้ตรงปลายเตียงตอนนี้ห่มคลุมอยู่บนตัวสองคนแม่ลูกที่หน้าหากัน ได้ยินเสียงจ๊วบๆ จู๊บๆ ก็พอรู้ว่าบัดนี้สาวน้อยแก้วกัลยาคงกำลังหม่ำนมมารดาอย่างเอร็ดอร่อย แต่ทำไมเขารู้สึกหิว...
บ้าใหญ่แล้วไอ้กัน!
“จะยืนมองอีกนานไหมคะคุณหมอ”
“ขอโทษที ผมแค่รู้สึกว่าตอนนี้คุณสวยจัง”
ในอดีตเขากับแก้วกินรีเคยรอช่วงเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาจินตนาการภาพครอบครัวที่จะมีเจ้าตัวเล็กมาเติมเต็มเช่นนี้จนเป็นรูปเป็นร่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่รอแล้วรอเล่ารอจนทุกอย่างพังทลายภาพนั้นก็ไม่เป็นจริง ไม่น่าเชื่อว่าจากกันไปหนึ่งปีพวกเขาจะมีภาพเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ในขณะที่ทุกอย่างพังทลายไปหมดแล้ว
ความคิดเห็น |
---|