12
เปรมพลอยซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ในห้องทำงานหมุนปากกาเล่นมาพักใหญ่ หลังจากที่พยายามโทร. หาขุนพลเพื่อคอนเฟิร์มนัดดินเนอร์ตอนเย็นแต่เขาไม่รับสาย ทั้งที่รับปากแล้วว่าจะไปฉลองวันเกิดกับเธอตามลำพัง
หญิงสาวคิดจนหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วจู่ๆ ก็สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของขุนพลกับเลขาฯ สาวที่ใครๆ ต่างพูดกันว่า ทั้งคู่ตัวติดกันราวกับเงา
ลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวดิเรกขุ่นเคืองใจไม่น้อยเมื่อหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ขุนพลอยู่ในห้องทำงานตามลำพังกับนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่แสดงท่าทีเจ้าชู้ออกมาให้เห็น แต่หลังจากที่ยอมออกมากินข้าวกับเธอเพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็อ้างธุระแล้วปลีกตัวออกไป
เปรมพลอยอุตส่าห์อดทน ตั้งใจว่าวันนี้เธอจะพูดกับเขาให้เด็ดขาด เพราะเธอได้ยินมากับหูว่าขุนพลโทร. หาผู้หญิงที่ชื่อนีน่า นั่นทำให้ใจเธอเริ่มแกว่ง คิดว่าขุนพลไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมอยู่ในอุ้งมือเธอ เหมือนที่ไตรจักรยอมให้วรรณวิภาและเจ้าสัวดิเรก เพราะอำนาจบารมีของวิทย์เทวินท์
ริมฝีปากบางสวยที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสดเม้มแล้วคลายอย่างใช้ความคิด เวลานี้เธอถลำใจไปกับเขามากมายแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เธอเดินเคียงข้างแล้วรู้สึกถึงความมั่นคงทุกย่างก้าวได้เท่าเขา การได้อยู่ใกล้ๆ แสดงตนว่าเป็นผู้หญิงคนพิเศษของขุนพลทำให้เธอมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
หญิงสาวเคาะปากกาในมือเป็นจังหวะอย่างคนที่กำลังปล่อยให้ความคิดตกผลึก ความร้อนรุ่มในใจกำลังทวีขึ้นทุกขณะ ขุนพลจะมีใครบ้างก็ได้ เธอเข้าใจสัญชาตญาณของบุรุษเพศดี แต่ต้องไม่มีใครสำคัญมากไปกว่าเธอ โดยเฉพาะในเวลาที่เปรมพลอยรู้สึกอิ่มตัวกับชีวิตโสด และรอคอยการได้สวมชุดเจ้าสาวเดินเฉิดฉายสง่างามในงานวิวาห์แสนหวานอย่างใจจดใจจ่อ
คิดแล้วเปรมพลอยก็กดโทรศัพท์หาเขาอีกจนได้ เมื่อชายหนุ่มยังคงไม่รับสาย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันพิมพ์พราว ผู้ช่วยเลขาฯ ของคุณขุนพลค่ะ”
“ช่วยโอนสายให้คุณอิฐหน่อยจ้ะ บอกว่าคุณพลอยโทร. มา มีเรื่องด่วนต้องการปรึกษา” เปรมพลอยวางน้ำเสียงให้ดูไว้ตัว แต่ปลายสายตอบกลับมาเสียงเจื้อยแจ้ว
“คุณขุนพลไม่เข้าบริษัทวันนี้นะคะ ต้องรบกวนฝากเรื่องไว้ก่อน หรือโทร. มาใหม่ค่ะ”
เปรมพลอยนิ่วหน้า สังหรณ์ใจบางอย่าง “งั้นฉันขอคุยกับคุณไหม เลขาฯ คุณขุนพลหน่อย”
“ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ คุณไหมลางานค่ะ”
เปรมพลอยกระแทกโทรศัพท์ลงแป้นทันที ไม่สนว่าฝ่ายนั้นจะพูดจบหรือยัง ไม่ต้องเดาคนหน้าโง่ที่ไหนก็รู้ว่าขุนพลกับอัยย์ศยาไปด้วยกันแน่นอน ขณะที่เธอกำลังหงุดหงิดงุ่นง่านหาทางกำจัดอัยย์ศยาจนไฟแทบไหม้ทรวง แพรนันท์ก็โทร. เข้ามาหา บอกว่ามีเรื่องอยากจะปรึกษาและขอความช่วยเหลือ
ชั่วโมงต่อมาเปรมพลอยจึงไปพบว่าที่หลานสะใภ้ ซึ่งจริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไรนัก หญิงสาวแอบเบ้ปากเมื่อเห็นรอยจ้ำจางๆ บนต้นคอของแพรนันท์ คงจะเอาตัวเข้าแลก ผู้ชายอ่อนหัดอย่างหลานชายเธอถึงได้สลัดไม่หลุด
ถึงจะคิดไม่ดีกับแพรนันท์ แต่พอสบตากัน เปรมพลอยก็สวมบทบาทคุณน้าที่แสนใจดี “น้องนีนมีอะไรจะปรึกษาน้าเหรอจ๊ะ อย่าบอกนะว่า” เปรมพลอยทำหน้าตื่นแล้วเว้นช่องให้แพรนันท์หงุดหงิดด้วยการสั่งอาหารและเครื่องดื่มสองสามอย่างกับพนักงาน ก่อนจะหันกลับมายิ้มแล้วพูดต่อ “หรือว่าน้องนีนท้องกับตาซัน”
“ไม่ใช่หรอกค่ะน้าพลอย นีนมีเรื่องที่เกี่ยวกับน้าพลอยโดยตรงเลยละค่ะ” แพรนันท์เองก็หมั่นไส้ท่าทางน้าสาวของคนรักเช่นกัน แต่นาทีนี้เปรมพลอยเป็นคนเดียวที่จะทำให้อัยย์ศยาไม่มีที่ยืน
“เกี่ยวกับน้าหรือจ๊ะ” เปรมพลอยทำท่าประหลาดใจ
“น้าพลอยกับคุณอิฐกำลังคบกันไม่ใช่เหรอคะ” แพรนันท์หมั่นไส้เปรมพลอยจึงอดเหน็บแนมไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่ นีนจะได้ไม่ต้องพูดให้น้าพลอยรำคาญใจ”
“พูดมาเถอะ เรื่องของคุณอิฐก็เท่ากับเป็นเรื่องของน้า” เปรมพลอยอยากจะตบปากแพรนันท์ให้หน้าหงาย แต่เก็บกิริยาและกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“นีนกำลังสงสัยว่าคุณอิฐกับนังไหม เลขาฯ ของเขามีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้องค่ะ” พอเห็นเปรมพลอยเบิกตาเล็กน้อย แพรนันท์ก็มั่นใจว่าชีวิตอัยย์ศยาจะย่อยยับ ไม่เหลือชิ้นดีสมกับที่กล้ามาต่อกรกับเธอและแม่
“นังไหมมันร้ายกาจมากนะคะน้าพลอย ต่อหน้าผู้ชายมันจะทำเป็นเชิดหน้า ถือหยิ่ง แต่ลับหลังก็ร้ายกาจ มันเคยเป็นผู้หญิงไซด์ไลน์มาก่อนค่ะน้าพลอย เคยเป็นเมียน้อยของพ่อนีนมาด้วย ตอนแรกคุณอิฐก็ดูจะไม่สนใจมันนะคะ แต่คืนนั้น นังไหมไปกินข้าวกับเสี่ยที่ไหนไม่รู้ คุณอิฐก็ตามไปหึงหวงแล้วลากแม่นั่นออกไปจากร้าน นีนไปเจอพอดีค่ะ เลยไม่สบายใจ อยากให้น้าพลอยระวังนังนี่ให้ดี” แพรนันท์ตีไข่ใส่สีอย่างไม่คิดละอายปาก ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หวังยืมมือเปรมพลอยช่วยทำลายอัยย์ศยาอีกทาง
เปรมพลอยรอจนพนักงานเสิร์ฟอาหารเดินห่างไปเธอจึงพูดกับแพรนันท์เสียงเบา “เคยขายตัวมาด้วยงั้นเหรอ”
“ตอนนี้มันคงจะจับคุณอิฐให้อยู่หมัด ถึงได้หันไปรับงานเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคุณอิฐ” แพรนันท์ปั้นน้ำไปเรื่อย ใส่ไฟอัยย์ศยาให้มากที่สุดเท่าที่สมองของเธอจะคิดออก “มันยังเคยด่านีนลับหลังด้วยนะคะ มันบอกนีนว่ามันไม่สนว่าคุณอิฐกับมันจะต่างกันแค่ไหน มันจะทำให้คุณอิฐแต่งงานกับมันเร็วๆ นี้ค่ะ”
“มันกล้าพูดขนาดนั้นเลยเหรอ” แม้จะไม่เชื่อแพรนันท์ทั้งหมด แต่เปรมพลอยก็คิดว่าเรื่องที่ได้ฟังมีประโยชน์ต่อตัวเอง จึงคิดตามแล้วเชื่อว่าอัยย์ศยาอาจจะเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกขั้นเทพ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเธอต้องการแต่งงานกับขุนพล
“มันกล้ายิ่งกว่านี้อีกค่ะ มันส่งจดหมายไปด่าคุณแม่นีนด้วยถ้อยคำอย่างคนชั้นต่ำ ลงถ้ามันทำให้คุณอิฐติดใจ ขึ้นเตียงกับมันได้ คุณอิฐก็คงจะลุ่มหลงจนยอมตามใจมันได้ไม่ยาก ขนาดคุณพ่อของนีนยังเกือบจะเลิกกับคุณแม่ไปอยู่กับมัน” แพรนันท์พูดอย่างคับแค้นใจ
“น้าคงต้องคุยกับคุณอิฐเรื่องเลขาฯ ของเขาอีกทีแล้วละ” เปรมพลอยใจลุกเป็นไฟ แต่ทำเป็นนิ่งสงบ เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นเด็กน้อยทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างแพรนันท์
คงไม่รู้ละสิว่าค่ำคืนที่แพรนันท์ไปตบตีอัยย์ศยา คนในบ้านวิทย์เทวินท์พากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าแพรนันท์ทำตัวน่าเกลียด สรรทิษถูกเจ้าสัวและไตรจักรเรียกไปตักเตือนยกใหญ่ และเธอยังแอบได้ยินด้วยว่า สรรทิษพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำว่าเขาอยากจะเลิกกับแพรนันท์เช่นกัน แค่คิดเปรมพลอยก็ต้องหักห้ามตัวเองไม่ให้เหยียดปากใส่คนตรงหน้าแทบแย่
“น้าพลอยจะช้าไม่ได้นะคะ นีนหวังดีถึงรีบมาเตือนน้าพลอย คนอย่างนังไหม ถ้าตีแค่หลังหักมันจะเลื้อยกลับมาแว้งกัดเราอีกค่ะ อย่าให้เหมือนคุณแม่ของนีนนะคะที่หลงไว้ใจนังงูพิษนั่น” แพรนันท์ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เธอมั่นใจว่าคนอย่างเปรมพลอยไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล
“จ้ะ”
เปรมพลอยแกล้งทำเป็นสนใจเรื่องที่แพรนันท์เล่าอีกพักใหญ่ และเริ่มวางแผนว่าจะทำอย่างไรกับขุนพล เธอเสียเขาไปไม่ได้ วรรณวิภาป่วยกระเสาะกระแสะ แต่โชคดีที่มีไตรจักรอยู่ในดีอาร์กรุ๊ปและกำลังจะมีสรรทิษอีกคน แต่เธอ อายุสามสิบสามแล้วยังตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเสียนานจนแทบจะกลายเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในธุรกิจมูลค่ามหาศาลแถมหลานเหลนยังทำท่าจะโตทัน มีความสามารถจนเธอกลายเป็นคนนอกสายตาเข้าไปทุกวัน แต่ถ้าเธอแต่งงานกับขุนพล นอกจากเขาจะดูดีตั้งแต่หัวจดเท้าแล้ว เขายังฉลาด เอาตัวรอดท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งหลาย เป็นคนโปรดของบิดา ในนาทีนี้เธอต้องคว้าขุนพลไว้ให้ได้
เมื่อแยกจากแพรนันท์ เปรมพลอยก็เข้ามานั่งกดโทรศัพท์อยู่ในรถคันหรูของเธอ แอร์เย็นฉ่ำแต่จิตใจช่างร้อนรุ่มยิ่งนักเมื่อเขาไม่รับสาย ทางเดียวที่เธอคิดออกก็คือตามไปทวงสัญญากับเขาเสียเลย หญิงสาวใช้เวลาในการถามที่อยู่ของขุนพลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ เมื่อคอนโดระดับไฮเอนด์กลางกรุงนั่นมีเพื่อนของเธอเป็นเจ้าของอยู่หลายยูนิต เธอจะไปเซอร์ไพรส์ ฉลองวันเกิดกับเขาถึงห้องนอน อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษขนาดไหนถ้าผู้หญิงไปอ่อยถึงห้อง .
ชายร่างสูงในชุดเสื้อยืดพอดีตัว กางเกงห้าส่วนแบบผู้ชายลุกขึ้นบิดกายไล่ความเมื่อย หลังจากนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานภายในคอนโดมิเนียมหรูมาครึ่งวันแล้ว ขุนพลละสายตาจากงานหันมามองอัยย์ศยาที่ยิ้มอ่อนให้ขณะยกจานใส่ผลไม้ที่มีทั้งชมพู่สีแดง ฝรั่งเนื้อฟู แอปเปิล และแก้วมังกรหั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางบนโต๊ะกลางหน้าโซฟา พร้อมด้วยเหยือกน้ำหวานสีสวยที่มีไอน้ำเกาะพราวอยู่ข้างเหยือก
ชายหนุ่มลุกเดินมานั่งบนโซฟา เหลือบตามองใบหน้าสวยที่ยังมีร่องรอยแดงช้ำให้เห็นอยู่ อัยย์ศยาพอรู้ตัวว่าถูกจดจ้องก็ขัดเขินทำท่าจะผละห่างออกไป แต่ชายหนุ่มกลับรั้งข้อมือเธอ ออกแรงดึงให้นั่งลงใกล้ๆ กัน เขาอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพังจนไม่ยอมเข้าบริษัท
“เป็นไงบ้าง”
“พรุ่งนี้ก็ไปทำงานได้แล้วค่ะ” อัยย์ศยายิ้มให้เขา เธออยากขอกลับบ้านเสียตอนนี้เลย เพราะกลัวใจตัวเองที่ต้องอยู่ตามลำพังกับขุนพล “คุณอิฐทานผลไม้กับน้ำหวานสิคะ”
“ครับ” เขายิ้ม มองตามมือเรียวที่กำลังรินน้ำหวานสีแดงจากเหยือกใส่แก้วใสแล้วส่งมาให้เขา หัวใจของชายหนุ่มเต้นตุบๆ ก่อนจะยิ้มพรายใส่เจ้าของใบหน้าสวยที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขายื่นมือไปรับแก้วแล้วเกาะกุมมือนุ่ม ดวงตาจับที่ใบหน้าหญิงสาว “ไม่ค่อยหวานเลย” เขายังไม่ยอมคลายมือที่ทาบทับมือเรียวเอาไว้ ยิ่งเห็นอัยย์ศยาขัดเขินจนวางหน้าไม่ถูก เขาก็ยิ่งหัวใจพองโต
“แค่นี้พอแล้วค่ะ ถ้าหวานมากเกินมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ” อัยย์ศยาพยายามจะพูดเพื่อกลบเกลื่อนอาการร้อนวูบวาบ แววตาวิบวาวของขุนพลทำให้เธอเริ่มจะทานทนไม่ไหวจนต้องเบือนหน้าหลบ เมื่อเขาไม่มีทีท่าจะปล่อยมือเธอ แต่หญิงสาวพบว่าเธอพลาดถนัด
ขุนพลมองพวงแก้มที่แดงเป็นลูกตำลึง แล้วอาศัยจังหวะที่หญิงสาวเบือนหน้าหลบดึงแก้วน้ำออกจากมือ แล้วกอบกุมมือนุ่มขึ้นมาจูบเบาๆ บนหลังมือ หัวใจและความคิดของเขากำลังดำดิ่งสู่ห้วงเสน่หา กายแกร่งขยับเข้าหาร่างบอบบางทีละน้อย หัวใจของขุนพลเต้นระรัว เขาอยากแนบชิดเธอให้มากกว่านี้ ชายหนุ่มเชยปลายคางมนแล้วยิ้มใส่ดวงตาของเธออย่างล้อเลียน
“มือของไหมยังหวานกว่าซะอีก” เขาพูดเสียงพร่าต่ำด้วยความปรารถนาที่ตื่นเร่าไปทั่วอณูกาย เรือนกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่นด้วยเนื้อสาวยิ่งทำให้เขาทุรนทุรายจนเผลอไล้ปลายนิ้วกับพวงแก้มแดงซ่านที่ทั้งนุ่มทั้งเนียนจนอยากหอมให้ชื่นใจ ยิ่งอัยย์ศยาไม่ได้ขัดขืนก็ยิ่งทำให้ขุนพลมั่นใจว่า หากเขาจะชักชวนเธอไปไกลกว่านี้ หญิงสาวก็คงจะไม่ต่อต้าน ทว่าจู่ๆ เธอก็คว้ามือเขาไว้
“คุณอิฐ”
“ครับ” เขารับคำเสียงนุ่ม รู้ว่าอัยย์ศยาสังเกตเห็นหลังมือที่บวมช้ำของเขา ชายหนุ่มไม่ได้ห้ามที่เธอพยายามจะบรรเทารอยบวมช้ำบนมือแกร่งด้วยปลายนิ้วของเธอ แต่จู่ๆ อัยย์ศยาก็ลุกพรวดออกไปทำให้เขาทั้งโล่งใจและเสียดายในคราเดียวกัน กลิ่นเนื้อหอม ฝ่ามือนุ่มเนียนที่เขาเพิ่งได้จูบอย่างดูดดื่มนั้นมีอานุภาพทำให้ขุนพลอยากเดินไปเปิดเบียร์เย็นๆ มาดื่มเพื่อดับร้อนในทรวง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร หญิงสาวก็กลับมาพร้อมผ้าผืนเล็ก
อัยย์ศยาไม่พูดอะไรอีก เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาหลังจากเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาวาบหวามนั่น หญิงสาวประคบมือใหญ่ด้วยผ้าอุ่นจัด ก่อนหันไปหยิบยาที่เขาซื้อมาให้เธอทาลงบนหลังมือนั้นอย่างเบามือ
“คุณอิฐทำไมปล่อยให้มันบวมแบบนี้ล่ะคะ”
“คุณต้องทายาให้ผมจนกว่ามือผมจะหายนะครับ” เขาอ้อนเสียงแผ่วเบา
ทว่าอัยย์ศยาไม่ได้เงยหน้ามาสบตาเขา เธอยังนวดฝ่ามือใหญ่ด้วยปลายนิ้วที่แสนนุ่ม
“แล้วทำไมคุณอิฐไม่ทาตั้งแต่วันก่อนล่ะคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมตัดสั้น เสริมบุคลิกของเขาให้ดูสะอาดสะอ้านชวนมองยิ่งขึ้น “คุณอิฐ”
“รองเท้ายี่ห้ออะไรนะคุณ คุณอย่าซื้อมาใส่เชียวนะ ส้นแหลมเป็นบ้า ดีเท่าไรที่มือผมไม่ถูกเหยียบทะลุ”
“คุณอิฐยังจะตลกอีกเหรอคะ” อัยย์ศยาทำเสียงเข้ม กลบอาการใจคอหวั่นไหว เขาเป็นคนแบบนี้สินะเธอถึงยิ่งรักเขามากขึ้นทุกเวลา เมื่อสบตาวิบวาวของชายหนุ่มเธอก็หลุบตาลงแล้วนวดคลึงตรงตำแหน่งที่บวมช้ำนั่นอีกสักพัก ก่อนจะพ่ายแพ้ให้คลื่นความหวั่นไหว หญิงสาวปล่อยมือใหญ่ออก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าถูกเขาจ้องมอง หันไปวุ่นวายกับการปิดฝาหลอดยาทั้งที่มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก
เธอพยายามควบคุมจังหวะหัวใจให้เต้นเป็นปกติ แต่แล้วใจก็หล่นวูบ ขนอ่อนทั้งร่างลุกเกรียวพร้อมสัมผัสที่ทำให้ตัวแข็งทื่อ ตอนที่ชายหนุ่มยื่นหน้ามาหอมแก้มนวลของเธอฟอดใหญ่แล้วผละออก อัยย์ศยาเผลอหันไปมองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
ขุนพลยิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วข้างหนึ่งให้เธอแล้วหันไปหยิบชมพู่สีสดขึ้นมากัดอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้อัยย์ศยาเขินจนหน้าแดง เดินกุมใบหน้าออกไปพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ตลอดทั้งวันนั้นจนกระทั่งเย็นย่ำหญิงสาวก็ยังรู้สึกเหมือนใบหน้าหล่อเหลา ปลายจมูกโด่งรั้น และลมหายใจร้อนๆ ยังติดตรึงอยู่กับผิวแก้มร้อนผ่าวของเธอไม่จางหายเสียที
ขุนพลชำเลืองโทรศัพท์มือถือที่เขาปิดเสียงไว้ตั้งแต่เช้าแล้วเห็นมิสคอลจากเปรมพลอยกว่าสิบครั้ง เขาลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมาดื่มแก้กระหาย เหลือบมองเวลาเห็นว่าทุ่มกว่าแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปหยุดอยู่หน้าห้องอัยย์ศยา ชั่งใจอยู่หลายครั้งว่าจะเรียกเธอดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ถอนใจระบายความตื่นเต้น
นี่เขาคิดอะไรอยู่ แววตาของอัยย์ศยาที่มองไปยังปรนัยชัดเจนว่าพวกเขาไม่เคยรู้จัก แล้วชายหนุ่มก็เกิดความมั่นใจบางอย่าง หัวใจของขุนพลเต้นกระหน่ำ
อัยย์ศยาไม่เคยรู้จักปรนัย ตอนที่ถูกเขาแนบชิดเธอยังสะเทิ้นเขินอายถึงเพียงนั้น สามปีที่ผ่านมามันเพียงพอหรือยังถ้าเขาจะเชื่อมั่นในตัวหญิงสาว เชื่อมั่นจากความดีของเธอที่เขาสัมผัสได้ตลอดมา
มือที่กำลังจะเคาะประตูห้องหญิงสาวค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เพราะเสียงกริ่งที่ดังขึ้นสองครั้ง เขาขมวดคิ้ว ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเขาที่คอนโดส่วนตัว แม้นรีสุดากับปาลินจะเคยมาที่นี่ แต่ก่อนที่พวกเธอจะขึ้นมาได้ต้องมีเจ้าหน้าที่โทร. มาสอบถามเขาเสียก่อน
ขุนพลมองประตูห้องที่ปิดเงียบแล้วตัดสินใจเดินจากไปอย่างเสียดาย เขาไม่กล้าพอจะล่วงเกินอัยย์ศยาหรอก เขายอมรับว่ายังไม่พร้อมที่จะเสียเธอไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังได้เห็นเธอ ได้อยู่ใกล้ๆ ดูแลช่วยเหลือเธอเท่าที่เขาทำได้ แม้กลิ่นกรุ่นจากผิวเนื้อที่หอมละมุนจะทำให้เขาร้อนรุ่มกายเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ยับยั้งตัวตนของเขาไว้
ขณะที่เดินไปเปิดประตูให้แขกที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ชั่วขณะนั้นขุนพลคิดถึงกันย์ณิตา เธอบอกว่ามีความลับบางอย่างจะมาแลกกับเขา ความลับของกันย์ณิตาคืออะไร เวลานี้ขุนพลนึกเสียดายที่มัวแต่เล่นเกมเอาเถิดเจ้าล่อกับน้องสาวของอัยย์ศยา เด็กคนนั้นแค่ต้องการความจริงจากเขามาแลกความจริงจากเธอ
ความคิดของเขาหยุดลงเท่านี้เมื่อรู้ว่าคนที่มากดกริ่งคือเปรมพลอย
“คุณลืมนัดดินเนอร์ในวันเกิดพลอย น่าตีไหมล่ะคะคุณอิฐ” หญิงสาวถือข้าวของเดินเข้าไปในบ้านของเขาโดยไม่รอให้เจ้าของเชื้อเชิญ ร่างสูงมองตามเจ้าของเรือนร่างสูงเพรียวในชุดเดรสรัดรูปที่ด้านหลังมีเพียงผ้าชิ้นเล็กๆ ผูกโบ เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนทอดตัวหายไปตามขอบกระโปรงสีมัสตาร์ดที่ปิดบังสะโพกผายกลมกลึงเอาไว้
ขุนพลลืมนัดดินเนอร์วันเกิดเปรมพลอยไปสนิท “ถ้างั้น คุณพลอยนั่งรอผมสักครู่นะครับ ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เปรมพลอยไม่รอให้ขุนพลพูดจบ เธอหันกลับมายิ้มกว้างให้เขาแล้วเดินไปสำรวจรอบๆ ก่อนจะวางขวดไวน์และอาหารลงบนโต๊ะรับประทานอาหารขนาดสี่ที่นั่ง “ดินเนอร์ที่นี่ก็ได้ค่ะ ไหนๆ พลอยก็มาแล้ว เรามาฉลองวันเกิดของพลอยที่คอนโดนี่ละคะ จะได้ไม่ต้องรำคาญเสียงคนอื่น”
“เอ่อ...” ขุนพลปฏิเสธไม่ออก ไม่รู้ทำไมเขาต้องลำบากใจขนาดนี้ เขากลัวว่าคนที่อยู่ในห้องชั้นบนจะลงมาเห็นเขาอยู่กับเปรมพลอย แต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปหยิบแก้วไวน์มานั่งลงตรงข้ามผู้มาเยือน
ขุนพลคิดว่าถ้าไวน์หมดขวดเปรมพลอยก็คงจะกลับ ตลอดเวลาเขาคอยชำเลืองไปทางบันไดอย่างไม่สบายใจ จนแล้วจนรอดไวน์สองขวดที่เปรมพลอยนำมาก็ไม่หมดเสียที หนำซ้ำอากาศเย็นยามค่ำคืนกับเสียงฝนที่พร่างพรมอยู่ด้านนอกเมื่อมองผ่านกระจกใสจากชั้นสูงตรงนี้ ยังทำให้ขุนพลเลือดลมปั่นป่วน แต่ไม่มีอะไรจะทำให้เขาแทบลืมหายใจเท่ากับตอนที่เปรมพลอยลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอพร้อมแก้วไวน์ในมือเดินยิ้มเข้ามาหอมแก้มเขา
“คุณพลอย” ขุนพลวางแก้วในมือลง วูบหนึ่งนั้นเขานึกถึงตอนที่เขาฉกปลายจมูกหอมแก้มอัยย์ศยาตอนที่เธอไม่ทันตั้งตัว เธอจะรู้สึกเหมือนเขาตอนนี้หรือเปล่า
“ทำไมคะ” เปรมพลอยหัวเราะ เมื่อเห็นขุนพลทำท่าตกใจที่ถูกหอมแก้ม
“ผมจะไปส่งคุณที่ลานจอดรถนะครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขาจะทำลืมมันไปเสีย เพราะเปรมพลอยเป็นฝ่ายหญิงไม่ควรทำตัวเช่นนี้
แต่หญิงสาวกลับแค่นยิ้มเหมือนชายหนุ่มเป็นเด็กน้อยที่ไม่ประสากับเรื่องอย่างว่า เธอโผเข้าโอบต้นคอเขาแล้วแนบริมฝีปากที่เคลือบด้วยรสชาติของไวน์ชั้นเลิศโดยไม่รอให้เขาได้ตั้งตัว
ขุนพลใจเต้นโครมคราม สัญชาตญาณของผู้ชายอย่างเขามีความสัมพันธ์เพื่อปลดปล่อยพลังทางเพศกับใครก็ได้ ขอแค่ต่างฝ่ายต่างพึงใจกันเท่านั้น และตอนนี้ต้นขาเรียวขาวข้างหนึ่งก็กำลังกดแนบลงบนต้นขาแกร่งของเขาจนเกิดการเสียดสีที่ชวนอึดอัด
‘ผมยังไม่มีเมีย ผมจะนอนกับใครก็ได้’
เป็นเขาเองที่เคยตะโกนใส่หน้าอัยย์ศยา แต่เวลานี้คนที่กำลังบดจูบทิ้งรอยวาบหวามชวนให้ทุกส่วนในกายแกร่งกลับทำให้เขาต้องใช้พลังในการจะผลักไสเธอออก
ทว่าเปรมพลอยหัวเราะและครางเสียงเหมือนลูกแมวถูกขัดใจตอนที่เธอลากริมฝีปากไปทั่วสันกรามบึกบึน ปลายนิ้วนุ่มเหมือนกำมะหยี่ของเธอไล้ลงมาตามซอกคอแล้วมาหยุดทิ้งสัมผัสหนักหน่วงอยู่บนแผงอกกำยำ เปรมพลอยกระตุกยิ้มเย้ายวนให้ดวงตาตะลึงพรึงเพริดของเขาแล้วกระซิบเสียงเบาหวิวอยู่ข้างหู
“เรากำลังเรียนรู้กันและกัน ไม่อยากลองเหรอคะว่าพลอยจะทำหน้าที่ภรรยาให้คุณดีแค่ไหน” เธอโถมกายบอบบาง แต่เต็มตึงไปทั้งเนื้อทั้งตัวใส่เขา ออกแรงผลักชายหนุ่มให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมข้างโต๊ะกินข้าว แล้วหย่อนสะโพกอวบอัดลงบนตักกว้าง แนบริมฝีปากบดจูบเขาอีกครั้ง
ขุนพลกำลังลืมตัวกับสิ่งที่เปรมพลอยทำ เผลอจูบตอบเธออย่างเหนือชั้น เรียกเสียงครางในลำคอระหง ก่อนที่สติชายหนุ่มจะกลับคืนเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะตามมาหากเขาปล่อยให้ความใคร่ที่ถูกจุดขึ้นนำทางไปถึงที่หมาย เขาดันใบหน้างดงามที่มีร่องรอยงุนงงออก แต่ไม่อาจปิดบังอาการเหนื่อยหอบที่เกิดขึ้นได้
เปรมพลอยเอียงคอมองเขาแล้วยิ้มยั่ว “ไม่กล้าเหรอคะ”
“ผมจะไม่เอาเปรียบคุณ สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณพลอย ทีหลังอย่ามาหาผมที่นี่อีก”
“พลอยคิดว่าคุณอิฐไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนนะคะ พลอยรู้สึกว่าแบบนั้น” เธอจงใจพูดเสียงพร่าแล้วยิ้มอย่างรู้ความหมายใส่ตาคมที่เต็มไปรอยวาบหวาม มือเล็กเรียวเลื่อนไปเลิกชายเสื้อยืดพอดีตัวที่เขาสวมอยู่ สอดมือเข้าไปลูบไล้แผ่นท้องแกร่งที่หดเกร็งรับสัมผัสของเธอ “ไม่กล้าเหรอคะ” เปรมพลอยยิ้มอย่างย่ามใจ
“อย่าดูถูกผม”
“คุณกลัวพลอยจะรู้ความลับที่ไม่น่าอวดของคุณหรือไง” หญิงสาวกระซิบชิดใบหูแดงก่ำ เธอได้ยินเสียงกัดฟันของขุนพลแล้วนึกเอ็นดูที่เขาพยายามอดทนต่อความปรารถนาที่ลุกโชน จนแม้แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ตื่นขึ้นใต้สะโพกของเธอ
“คุณพลอย ลุกออกไปจากตัวผม” เขาขู่เสียงสั่น
แต่แทนที่หญิงสาวจะยอมถอยเพราะถูกเขาปฏิเสธ เปรมพลอยกลับยิ้มยั่วเหมือนเธอจะเอาชนะเขาให้ได้ มือซุกซนของเธอช่ำชองไม่แพ้นรีสุดากับปาลินเลยสักนิด ทำเอาขุนพลต้องหลับตาลงเพื่อเรียกพลังกลับคืน หมายจะหยุดยั้งมือบอบบางนั้นไม่ให้เคลื่อนที่ไปมากกว่านี้ แต่เปรมพลอยเหนือชั้นกว่าที่เขาคิด เธอถือโอกาสนั้นถลกเสื้อยืดตัวหลวมของเขาขึ้นสูงแล้วลูบไล้จุดอ่อนไหวบนแผงอกกว้าง ริมฝีปากที่ฉ่ำด้วยกลิ่นไวน์เฉียดผ่านปลายจมูกของเขาไปหยุดที่ข้างแก้มสาก ลากไล้ไปขบเม้มใบหูที่ร้อนฉ่าของเขาแล้วกระซิบราวกับปีศาจยั่วสวาท ขณะที่ปลายนิ้วของเธอยังทำหน้าที่อย่างรู้ว่าเขาจะแพ้ในอีกไม่ช้า เพราะบางสิ่งที่ขยับขยายอยู่ใต้ร่างของเธอ
“คุณอายที่จะเปิดเผยตัวตนของคุณต่อพลอยเหรอคะ”
ขุนพลสิ้นสุดความอดกลั้นทั้งมวล สติของเขาแตกซ่านกระเจิดกระเจิงลืมเลือนไปชั่วขณะว่ายังมีใครอีกคนอยู่ที่คอนโดนี้ เขารัดร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบชิดอย่างไม่ถนอม ลมหายใจหอบกระชั้น ได้ยินเสียงเปรมพลอยหัวเราะอย่างยั่วเย้า เสื้อยืดที่ถูกหญิงสาวดึงขึ้นมาอยู่เหนืออกถูกเขาถอดเหวี่ยงไปบนพื้นอย่างไม่แยแส
เปรมพลอยไม่รอให้ขุนพลเปลี่ยนใจ ใจเต้นโครมครามเมื่อท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาช่างสมบูรณ์แบบน่าหลงใหล ริมฝีปากบางขบเม้มส่วนอ่อนไหวของเขาไปทั่ว มือไม้ควานไปปลดตะขอกางเกงของเขาอย่างไม่ถนัดนัก ต้นขาเรียวถูกมือใหญ่ลูบไล้ฟอนเฟ้น ลมหายใจของชายหนุ่มรุนแรงจนเธอรับรู้ว่าพายุอารมณ์ของเขาที่เธอเป็นคนจุดขึ้นมานั้นร้อนแรงได้ถึงใจเพียงนี้
มือใหญ่เลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นอย่างลนลาน ก่อนสอดลึกไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวจนหญิงสาวผวาเฮือก นานเท่าไรแล้วที่เปรมพลอยไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิต เธอตื่นเต้นและหลงใหลชายหนุ่มที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยปลายนิ้วแกร่งของเขา
“คุณอิฐ” เธอเรียกเขาเหมือนคนสำลักอากาศ แล้วขยับตัวขึ้นเพื่อแลกจูบกับเขาอย่างมัวเมาลืมตัวตนไปสิ้น
ขุนพลไม่มีเวลาฟังเสียงครางผะแผ่วของเปรมพลอย เมื่อเขาลากฝ่ามือห่างจากกลางร่างงาม ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ที่พวยพุ่งอยากจะหาทางระบายให้จบสิ้น มัวเมากับไวน์ชั้นเลิศที่อวลอยู่รอบตัว และทรวงเต้าเต่งตึงที่โผล่พ้นชุดสวยออกมา ขุนพลไม่อาจทนรอปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกให้พ้น เขากอบกุมทรวงเต้าอวบล้นมือไว้ทั้งสองข้างออกแรงบีบเคล้นอย่างไม่คิดถนอมเลยสักนิด
เปรมพลอยบิดกายเร่าร้อนแอ่นเผยอทรวงอกเข้าหาเขาเหมือนจะเร่งเร้าให้ชายหนุ่มรีบปรนเปรอเธอให้มากกว่านี้ ขุนพลหน้ามืดตามัว เขาดึงแขนเสื้อของเปรมพลอยจนหลุดลุ่ย รูดรั้งแรงๆ จนอกอวบเต่งตึงทั้งสองข้างเปิดเปลือยท้าสายตา ชายหนุ่มไม่เสียเวลาเชยชม เขาลูบไล้มันหนักหน่วงจนเจ้าของครวญครางและแอ่นเผยอกายเข้าหาจนเขาแทบคลั่ง ริมฝีปากร้อนดูดเม้มปลายยอดสีสวยที่ท้าทายสายตาอย่างเร่าร้อน
เปรมพลอยครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์ หรือเพราะเขากำลังหูอื้อไปหมด ความปวดหน่วงที่กลางร่างกายทำให้เขารีบเร่งดูดกลืนทรวงเต้าอิ่มทั้งสองข้างเพื่อปรนเปรอให้หญิงสาวพรั่งพร้อมสำหรับเขา ชายหนุ่มผละออกจากเต้าเต่งตึงแสนสวยคู่นั้นด้วยอารมณ์ที่พวยพุ่งรุนแรงรอการปลดปล่อย เสียงครางแผ่วของเปรมพลอยขาดหายเหมือนเสียดายสัมผัสจากเขา แต่ขุนพลไม่อยากรอเวลาที่จะฝากฝังกายในร่างงดงามที่เขาพิสูจน์แล้วว่าเธอพร้อม สติที่พอจะหลงเหลืออยู่ในสมองอันขาวโพลนร้องสั่งให้เขาพาเปรมพลอยไปยังห้องนอนส่วนตัว
ชายหนุ่มดันร่างงามออกห่าง แต่ยังไม่ทันได้ลุกเปลี่ยนที่ เปรมพลอยกลับทรุดลงนั่งแล้วเอื้อมมือไปปลดตะขอกางเกงที่เธอพยายามทำตั้งแต่เริ่มทว่าไม่สำเร็จ ชายหนุ่มใจเต้นกระเด็นกระดอน มองร่างกึ่งเปลือยที่เหลือบตาเย้ายวนขึ้นมองเขาราวกับบอกว่าเธอจะทำให้เขาได้รับการปลดปล่อยที่สุดพิเศษ
ขุนพลหลับตา แหงนเงยใบหน้าเหยเก หน้าท้องหดเกร็งอย่างทรมานเพียงแค่ปลายนิ้วช่ำชองสัมผัสตัวตนของเขา แต่วินาทีต่อมาที่เขาลืมตาขึ้นหมายจะหยุดยั้งเปรมพลอยด้วยสติอันริบหรี่ ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนถูกถีบตกจากหน้าผาสูงชันลงมากระแทกโขดหินเบื้องล่าง เมื่อสบสายตากับดวงตาอีกคู่ที่มองมาเหมือนเจ้าของดวงตาได้ถูกสาปให้กลายเป็นหินไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มเผลอผลักร่างกึ่งเปลือยที่หมายจะปรนเปรอตัวตนของเขาออกห่างจนเปรมพลอยหวีดร้อง ร่างสูงลุกพรวดพราดออกจากเก้าอี้ ขณะที่เปรมพลอยหันมาเห็นอัยย์ศยาก็ตกใจในแวบแรก แต่ไม่นานเธอกลับรู้สึกสาแก่ใจ
อัยย์ศยายกมือทาบอกด้านซ้ายที่เสียดลึกเหมือนถูกบางอย่างทิ่มแทง เมื่อเห็นขุนพลในสภาพเปลือยกายท่อนบนเดินเข้ามาหาอย่างตกใจ หญิงสาวถอยเท้าหนี หัวใจเต้นระรัว ใบหน้าร้อนสลับเย็นจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง
“ไหม”
เสียงทุ้มที่ยังสั่นพร่าเจืออาการหอบของเขาทำเอาอัยย์ศยาน้ำตาร่วง ก่อนจะเรียกสติกลับมาแล้วเตือนตัวเองว่าเขาแค่ให้เธอมาหลบพัก เธอไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมีอะไรกับว่าที่เจ้าสาวของเขา แต่ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล หญิงสาวรู้สึกว่าพื้นเริ่มโคลงเคลง ภาพสุดท้ายเห็นขุนพลพยายามจะเข้ามาโอบกอดเธอ แต่อัยย์ศยาต้องการเวลาทำใจให้มากกว่านี้ ร่างบอบบางถอยเท้าหนี คว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนชั้นโชว์ใกล้กับโต๊ะกินข้าวแล้ววิ่งออกไปจากคอนโดอย่างรวดเร็ว
“ไหม! ไหมครับ ไหมฟังผมก่อน”
หูแว่วได้ยินเสียงเขาไล่ตามหลัง ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมากลืนกินประสาทรับรู้ส่วนอื่นให้มืดมน อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรทำแบบนี้เมื่อมีเธออยู่ที่นั่นด้วย
หญิงสาวเรียกแท็กซี่ สมองอันขาวโพลนมีแต่ภาพใบหน้าเหยเกที่แหงนเงยด้วยความทรมาน โดยมีเปรมพลอยนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า อัยย์ศยาสะอื้นฮักจนตัวโยน เธอรู้มาตลอดว่าขุนพลมีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้มาเห็นเต็มสองตาเธอจะปวดร้าวจนอกชาหนึบเช่นนี้ หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกในตอนนี้ เธอต้องการแค่เพื่อนสักคน และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากระรินดา
ความคิดเห็น |
---|