16

บทที่ 16



 

16

 

ปลายนิ้วเย็นแตะลากตั้งแต่เอวขึ้นมาจนถึงกลางหลัง แล้วกดเน้นริมฝีปากไปตามทางที่ปลายนิ้วไล้สัมผัส ก่อกวนคนนอนเงียบเพราะสิ้นแรง แต่จะโทษเขาคงไม่ได้ เมื่อนาถลัดดาดื้อด้านเกินกว่าจะเจรจาก็ต้องกำราบด้วยวิธีนี้ วิธีที่สร้างความสุขให้เขา และทำเอาเจ้าหล่อนนอนสิ้นแรง หมดสภาพ

รอยยิ้มมีความสุขแต่งแต้มเต็มหน้าคมเข้ม ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงครางอย่างรำคาญ พอเห็นคนง่วงพลิกหนี เขาก็ยิ่งแกล้ง จากแผ่นหลังก็เริ่มแตะก่อกวนไปใกล้ราวนม เต้าอวบอิ่มที่เห็นตรงหน้าช่างล่อตาล่อใจ ริมฝีปากหนาแตะผิวเนื้อนุ่มแต่อวบอิ่ม แล้วไล้เรื่อยไปครอบครองเม็ดสีชมพูเข้ม รัวลิ้นเร็วจนคนง่วงสะดุ้ง

                เผียะ!

แม้แทบไม่มีแรง แต่ฝ่ามือที่ฟาดเข้าเต็มหน้าเขาก็หนักจนคนถูกตบแสบไปทั้งซีกหน้า

                “มีแรงแล้วนี่” เขาคำรามลั่น มองคนใต้ร่างตาวาว เปลวสวาทที่จุดติดกำลังลุกโชนผ่านดวงตาคมเข้ม

                “ปล่อยฉันนะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” เธอตวาดกลับเสียงแหบแห้ง พยายามเค้นให้ดังสุดเสียง แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้คล้ายกระซิบ

                “ตอนที่นอนสลบไม่มีเรี่ยวมีแรงก็คิดจะปล่อย แต่เมื่อกี้แรงตบเล่นเอาผมร้อนวูบวาบ...คงปล่อยให้นอนนานไป ถึงได้มีแรงลุกมาตบหน้ากันได้”

                “ฉันไม่มีแรง คุณมันบ้ากาม” เสียงประท้วงฟังดูเหนื่อยล้าสิ้นเรี่ยวแรง

                “บ้ากามตรงไหน ก็แค่ปลุกคนนอนตื่นสาย” คนบ้ากามไม่ยอมรับ และเวลานี้ปลายนิ้วเขาก็ไม่อยู่นิ่ง เคล้นคลึงอกอวบที่ตัวเองอยากสัมผัส พอถูกตวัดสายตาใส่กลับทำหน้าเหลอหลา ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้

                “เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง บ้ากาม สักวันคงตายคาอกผู้หญิง”

เธอไม่รู้ว่าเขาปล่อยให้นอนพักตอนไหน จำได้แค่ว่าเธอสลบหลังจากเขาพาขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้ารอบที่สี่ ไม่รู้คีริลล์เป็นพวกเซ็กซ์จัดหรือไร ถึงได้กินไม่อิ่ม ตักตวงหลายครั้งตลอดคืน

                “ผมอยากตายแบบนั้นอยู่แล้ว มันสุขก่อนตาย ดีกว่าเจ็บตัวก่อนตายว่าไหม แต่เอ...ยอดอกใครนะกำลังเกร็งรับมือผมอยู่ หึๆ...คุณก็สุขล้นปรี่ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน หรือจะเถียง”

                เธอยอมรับว่ามีความสุขสมทุกครั้งที่ได้สัมผัสความวาบหวามซึ่งมีครูดีอย่างคีริลล์คอยสอนและพาไปท่องดินแดนที่ไม่เคยสัมผัส ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี เธอกำลังสูญเสียทุกอย่างให้ผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่พูดชัดเจนว่าเขาไม่ได้รัก ต้องการเพียงร่างกาย ที่วันหนึ่งจะเป็นเพียงของเก่า หมดความสดใหม่ ไม่น่าลิ้มลอง

                ในวันนี้เธอเสียร่างกาย แต่ถ้าไม่ระงับจิตใจและหยุดเรื่องราวที่ไม่สมควรเกิดขึ้น หัวใจที่ด้านชาจะต้องถลำลึกจนยากถอนตัว เพราะใบหน้าของชายคนนี้ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาและซุกซ่อนอยู่ในหัวใจที่ปิดตาย

เขาเปิดประตูแห่งจิตวิญญาณ ค่อยๆ ทลายความมั่นคงของจิตใจ ทำให้เธอมึนงง และบุกเข้าโจมตีจนหัวใจที่เคยยึดมั่นถูกชักนำให้เดินตามทางที่เขาล่อลวง หากไม่หยุดทุกอย่าง อนาคตเธอคงไม่ต่างจากมารดา ต้องเสียใจเพราะรักผู้ชายที่ไม่เคยรักจริง

                แววตานิ่งสงบของนาถลัดดาดูลึกลับคล้ายน้ำทะเลยามค่ำ คนที่มัวเมาในแรงปรารถนาหยุดมือที่คลึงกระตุ้นอารมณ์หญิงสาว มองจ้องดวงตากลมโตนิ่ง สองหนุ่มสาวมองสบตาราวจะค้นหาความคิดของกันและกัน

                “ฉันจะต้องทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไปเสียที ความท้าทายที่เคยมีมันน่าจะหมดสิ้นไปตั้งแต่วันที่คุณได้ทุกอย่างไปจากฉัน”

                คำถามนี้มันยากจะหาคำตอบ เพราะคีริลล์ถามตัวเองทุกครั้งเมื่อคิดถึงใบหน้าสวยหวานของนาถลัดดา เขาไม่เข้าใจ ทำไมถึงอยากอยู่ใกล้ ทำไมถึงอยากเป็นเจ้าของผู้หญิงคนนี้ ทั้งที่เธอพยายามต่อต้านเขาทุกทาง ทำไมเขาไม่อยากได้เวโรนิก้า ทำไมไม่อยากอยู่ใกล้เอเดียน่า และทำไมถึงเลิกสานสัมพันธ์กับสาวๆ ที่หาได้ง่าย เพียงแค่นั่งดื่มในผับหรือแหล่งท่องราตรียามค่ำ ทำไมเขาต้องคิดถึงแค่นาถลัดดา

                “ก็ผมต้องทำตามที่พ่อสั่ง” เขาตอบเสียงแข็งแล้วหลบซ่อนแววตาสับสนด้วยการซุกริมฝีปากลงบนซอกคอขาวเนียน กดเน้นจนเกิดรอยปื้นแดง

                “แค่นี้ใช่ไหม” เธอถามย้ำแล้วใช้มือปาดหยดน้ำทิ้งอย่างว่องไว

                เมื่อคีริลล์เงยหน้าสบตาจึงเห็นเพียงแววตาแข็งกร้าว

                “ใช่ ลุกเถอะ ผมมีประชุมเช้านี้” เขาไม่ได้มีตารางงานในเช้านี้ แต่คนไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ตัวเองอย่างไรก็ยกเรื่องงานขึ้นมาโกหก

                “ให้คนของคุณไปส่งฉันที่บริษัทด้วย” นาถลัดดาฝืนลุกขึ้น ร่างกายเธอเหนื่อยล้าและเจ็บร้าวในจุดประสาน ยิ่งคิดน้ำตายิ่งพานจะไหล ทำไมถึงได้หดหู่และรันทดแบบนี้ เธอไม่อยากเป็นเหมือนแม่ เธอไม่อยากเจ็บแบบที่แม่เจ็บ

                “ไม่ คุณต้องอยู่ที่นี่ ผมจะกลับมาตอนเที่ยง” เขาขอแยกไปตั้งสติไม่กี่ชั่วโมง แล้วจะกลับมาเจรจากับคนดื้ออีกครั้ง

                “ไม่ค่ะ ฉันมีงานมีภาระต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ กรุณาพาฉันกลับ” เสียงแข็งนั่นยังไม่ดูน่ากลัวเท่าแววตายามที่นาถลัดดาหันมองคีริลล์

เธอกำลังโกรธ และอีกไม่นานคงจะเกลียดผู้ชายคนนี้ คนที่ทำลายทุกอย่าง

                “ถ้าพูดไม่ฟัง คุณจะโดนแบบเมื่อคืน” เขาทรุดตัวนั่งบนเตียงแล้วจับปลายคางเรียวเพื่อจ้องกำราบ แต่คนน้อยใจไม่คิดจะฟัง และเธอกำลังพาล

                “เอาสิ อยากทำอะไรก็เชิญเลย คุณมันเก่งกับคนที่ด้อยกว่าอยู่แล้วนี่ ฉันพ่ายแพ้แค่ทางกาย แต่อย่าคิดว่าใจฉันจะแพ้ให้คุณ ถ้าอยากเอาเปรียบเพียงเพื่อความสะใจก็เชิญตามสบาย ตักตวงทุกอย่าง แสดงความเหนือกว่าแบบที่ผู้ชายเลวๆ ชอบทำกับฉันเลย จะได้รู้ไปว่าลูกชายคุณลุงแอนตันเลวแค่ไหน อยากใช้กำลังทำร้ายฉันก็ได้นะ จะได้เลวครบสูตร”

                “นาตาชา!”

                “ทำไมคะ ฉันพูดความจริงตรงไปใช่ไหม ไม่ต้องมองฉันอย่างนี้หรอกค่ะ เพราะฉันเจ็บเกินกว่าจะกลัวเสียแล้ว”

                คำพูดของนาถลัดดาทำให้คีริลล์เจ็บปวด เขาถูกมองเป็นคนเลว ใช้กำลังที่มีเหนือกว่าทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาไม่อยากให้เธอคิดแบบนี้กับเขา หัวใจหนุ่มกำลังร้อนรน แต่ไม่รู้จะพูดปรับแก้ความคิดของเธออย่างไร

สุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้เพียงแตะสัมผัสริมฝีปากช่างพูดนั่นให้หยุดกล่าวหาและทำร้ายจิตใจที่กำลังอ่อนยวบเพราะแววตาต่อว่าของนาถลัดดา ชายหนุ่มหยุดมองจ้อง แสร้งหลบตาด้วยการแตะสัมผัส ซุกซบตรงเนินอกอวบอิ่ม แก้ไขความเข้าใจของเธอด้วยการสัมผัสอันละมุนนุ่ม อยากให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ใจเหี้ยมเช่นที่เธอกำลังคิด อยากให้เธอรับรู้และเข้าใจผ่านการสัมผัสอันอ่อนโยนที่เขาบรรจงสร้าง

               

                โบริสยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามาในห้องพัก แววตาของคนเป็นพ่อเต็มเปี่ยมความสุข จนคนที่เห็นแววตาคนป่วยยิ้มตาม แอนตันขยับเพิ่มพื้นที่บนโซฟาให้นาถลัดดาได้นั่งข้างๆ

                “ทำไมหน้าซีดจังเลยแนนนี่” แอมมาเรียจับใบหน้าขาวซีดหันไปมา มองด้วยความกังวล กลัวหญิงสาวจะป่วย

                คีริลล์เปิดประตูเข้ามาในจังหวะที่มารดาเอ่ยถามนาถลัดดา และแกล้งคนงอนด้วยการนั่งเบียด หวังให้ปากที่ปิดสนิทตั้งแต่ออกจากบ้านเอ่ยพูดเสียบ้าง แต่ดูท่าจะไม่ได้ผล เธอไม่ตอบสนอง นั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์

                ผู้ใหญ่ทั้งสามมองภาพนั้นแล้วสบตากันเหมือนหารือ แต่โบริสรู้จักนิสัยลูกสาวดี หากไม่คิดจะพูด ใครก็อย่าได้หวังง้างปากเธอ

                “เห็นเอียนบอกว่าแกรแฮมเจอลูกแล้ว” โบริสทนความเงียบอึมครึมไม่ไหวจึงเปิดเรื่องชวนคุย และเหมือนหุ่นยนต์จะเริ่มเคลื่อนไหว

                “ค่ะ เขาเข้ามาทักทาย แต่ไม่มีอะไร คุณพ่อไม่ต้องห่วงค่ะ”

คนที่พ่อต้องระวังไม่ใช่แกรแฮม ผู้ชายที่นั่งเบียดอยู่นี่ต่างหาก วายร้ายตัวจริง

                “ระวังตัวไว้บ้างนะลูก ไปไหนมาไหนก็ไปกับพี่เขา อย่าไปคนเดียว พ่อเป็นห่วง”

โบริสบอกเสียงเบา และหวังว่านาถลัดดาจะลดทิฐิแล้วฟังคำเตือนของเขาบ้าง

                หญิงสาวลุกยืน และทุกคนก็เห็นภาพที่คีริลล์ยื่นมือไปหมายจะคว้าเอวบาง แต่พอหันมาเห็นสายตารู้ทันของแอนตัน ชายหนุ่มก็รีบลดมือลงแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมากดคุยไลน์กับลูกน้อง ภาพที่ชัดเจนนั่นทำให้ผู้ใหญ่มองออกว่าตอนนี้ใครกันที่ตกเป็นรอง

                “คุณพ่ออาการเป็นยังไงบ้างคะ หนูอยากให้คุณพ่อหายเร็วๆ หนูอยากกลับเมืองไทย”

                “อะไรนะ!” นั่นไม่ใช่เสียงของผู้ใหญ่ แต่คือคีริลล์ที่ร้องเสียงหลง

เขาตกใจเมื่อรู้ว่าหญิงสาวจะไปยังประเทศที่อยู่ห่างไกล สรุปแล้วท่าทางเงียบสยบนี่คือนิ่งเพื่อวางแผนหนีใช่ไหม คิดแล้วอยากให้ตัวเองมีมนตร์วิเศษ เสกเด็กเข้าท้องนาถลัดดา เธอจะได้เลิกหนีสักที

                พอคิดมาถึงตรงนี้หัวใจหนุ่มก็เต้นแรง เขาไม่อยากให้เธอหนีเพราะอะไร และถ้าเธอตั้งท้อง ทุกอย่างมันจะไม่จบแค่แต่งแล้วหย่าภายในสองปี

                “เป็นอะไรคีริลล์ เสียมารยาทรู้ไหม โวยวายออกมาทำไม” แอมมาเรียแกล้งว่าลูกชาย กลั้นยิ้มสุดฤทธิ์เมื่อเห็นท่าทางเมื่อครู่

                “เปล่านี่ครับ”

                “แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรือไง จะถามตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่ามากับน้องได้ยังไง” แอมมาเรียถามทั้งที่รู้เรื่องราวดี

เมื่อคืนลูกชายตัวดีบุกไปแย่งตัวหญิงสาวระหว่างกินข้าวอยู่กับอิวานอฟ ซึ่งฝ่ายหลังรีบกลับมารายงานลุงตั้งแต่หัวค่ำ ในฐานะพ่อแม่ของฝ่ายชายจึงรีบบอกว่าพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างตามที่ฝ่ายหญิงเรียกร้อง แต่โบริสไม่กล้าบังคับบุตรสาว ได้แต่รอให้เธอตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรต่อ

                “คนกำลังจะแต่งงานกันก็ต้องมาด้วยกันสิครับ” คีริลล์แถเข้าข้างตัวเอง แล้วหันมองรอว่านาถลัดดาจะหันมาทำตาเขียวหรือไม่ แต่ดูท่ามนุษย์หุ่นยนต์จะโกรธจริง ไม่หือไม่อือ นั่งมองสำรวจร่างกายผู้เป็นพ่อเงียบๆ

                โบริสได้ยินคำพูดนั้น แต่ไม่สนใจ หันไปถามลูกสาวที่นั่งก้มหน้าเงียบ

                “ทำไมถึงอยากไปเมืองไทย เราไม่มีญาติอยู่ที่นั่นเลยนะ อยู่ที่นี่เถอะแนนนี่ พ่อจะไม่ให้คริสตี้กับโรนี่มายุ่งกับลูก ถ้าลูกไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับสองคนนั้น พ่อจะซื้อบ้านอีกหลังให้เราอยู่กับเอียน พ่อไม่อยากให้ลูกอยู่คนเดียว”

                นาถลัดดากลืนน้ำลายเมื่อถูกถาม เธอเองก็ยังสับสนว่าทำไมถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อหนี เพื่อบอกผู้ชายคนนั้นอ้อมๆ ว่าเธอจะหนีหรือ

                “คงไม่ต้องรบกวนคุณลุงขนาดนั้นหรอกครับ ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ้านเพิ่ม เพราะนาตาชามีบ้านอยู่แล้ว” คีริลล์เอ่ยทันที

                “ถ้าจะบอกว่าบ้านของคุณ หยุดพูดไปเลย ฉันไม่มีวันไปอยู่บ้านเดียวกับคุณ” หุ่นยนต์เริ่มมีปากมีเสียงแล้ว

                คีริลล์ไม่โกรธเมื่อถูกปฏิเสธ ยักไหล่แล้วเดินไปยืนข้างเตียงพ่อตา และยิ้มหวานราวประจบ

                “เรื่องนี้ให้ผมกับนาตาชาเคลียร์กันสองคนดีกว่านะครับ” เขาจ้องหน้าราวจะบอกให้เธอหยุดพูด

“ไม่มีการเคลียร์อะไรทั้งนั้นค่ะ แนนนี่ไม่อยากถูกใครกล่าวหาว่าแย่งคนรัก ได้ข่าวว่าเอเดียน่าพักอยู่กับคุณลุงคุณป้า”

แอมมาเรียกับแอนตันทำหน้าไม่ถูกทีเดียวเมื่อหญิงสาวถามเรื่องนี้

“เรื่องนี้เอเดียน่าไม่เกี่ยว ที่ผมต้องพานาตาชาไปอยู่ด้วยเพราะไม่อยากให้ห่างตัว กลัวจะทำเรื่องบ้าๆ เกิดแกรแฮมมันรู้ว่านาตาชาคือจุดอ่อนของพวกเรา แล้วจับตัวไป มีแต่เสียกับเสียนะครับ คุณลุงครับ ผมว่า...ให้นาตาชาอยู่กับผมจะดีที่สุด”

แอนตันเกือบจะขำเมื่อลูกชายหาทางรอดแบบนี้

“แกรแฮมไม่มีวันรู้ตัวหรอกค่ะ เพราะแนนนี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น พี่เอียนก็ตามประกบตลอด”

“พี่ชายคุณมันไม่ได้ว่างมาตามดูแลคุณตลอดนะ”

“คีริลล์” แอนตันกระแอมแล้วเรียกชื่อลูกชาย อยากเตือนสติให้รู้ว่าเขากำลังอาละวาดต่อหน้าผู้ใหญ่

“ผมพูดเรื่องจริงนี่ครับพ่อ ก็เห็นกันอยู่ว่านาตาชาดื้อแค่ไหน เรื่องแต่งงานก็ปฏิเสธทั้งที่...”

พอจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็เหมือนมีหินมาถ่วงปากจนไม่กล้าเล่า และเวลานี้โบริสก็จ้องเขาตาวาว

“ไม่ต้องห่วงคีริลล์ ลูกสาวลุง ลุงดูแลได้”

ราวมีศิลามาปิดทางออก คนที่คิดว่าเหนือกว่ายืนเงียบ ปิดปากฉับ โบริสพูดออกมาแบบนี้ เขาจะทำอย่างไรต่อ

                “คุณพ่อ” ไม่เคยมีครั้งไหนที่นาถลัดดาเรียกบิดาด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มได้มากเท่านี้

                “ขอบใจคีริลล์มากที่อยากดูแลนาตาชา แต่ลูกสาวลุงคนนี้เขาหัวแข็งมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยฟังใครหรอก เพราะเขามีความคิดของตัวเองสูงมาก ขนาดลุงที่รักเขาราวแก้วตาดวงใจยังไม่ค่อยลงรอยกันเลย แล้วคีริลล์ล่ะ คิดกับนาตาชาแค่น้องเท่านั้นรึ ถ้ามาห่วงใยกันในฐานะพี่น้องก็คงไม่ต้องดูแลขนาดตัวติดกัน”

                พ่อฝ่ายหญิงพูดมาขนาดนี้ ถ้าคีริลล์ยังปากแข็ง แอนตันกับแอมมาเรียคงต้องเสริมโปรตีนในอาหารเช้าให้ลูกชาย

                “เอ่อ...”

                “คุณพ่อคะ พี่คีริลล์! มาอยู่ที่นี่เองหรือคะ” เวโรนิก้าเข้ามาในห้องพักของบิดาพร้อมคริสเตียน่าที่มองลูกเลี้ยงตาขวาง สายตาเหี้ยมจับจ้องแผ่นหลังอย่างอาฆาต

                เวโรนิก้าไม่สนใจความอึดอัดของคีริลล์ กอดรัดเขาแน่นพร้อมซบใบหน้าตรงอกแกร่ง ช้อนตามองอย่างออดอ้อน ไม่เคยเอาคำพูดของชายหนุ่มมานึกทบทวน เพราะคนอย่างเธอเมื่ออยากได้ต้องได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม

                “แนนนี่ขอกลับก่อนนะคะ” เธอบอกบิดาที่พยักหน้าเข้าใจ

                โบริสรู้ว่าลูกสาวคนโตกำลังหนักใจหลายเรื่อง ทั้งงานบริษัท ความสัมพันธ์กับน้องและแม่เลี้ยง แล้วยังเรื่องคีริลล์ที่ตามติดไม่ยอมปล่อย ไม่เข้าใจความคิดลูกชายแอนตันเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

                “รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องไล่” คริสเตียน่าพูดเน้นหนักแต่เสียงเบา หวังให้นาถลัดดาได้ยินคนเดียว

                หญิงสาวหันมองหน้าแม่เลี้ยง แสยะยิ้ม และเลิกคิ้วเมื่อถูกมองจ้อง เธอไม่จำเป็นต้องหลบหรือกลัวผู้หญิงคนนี้ คนที่ทำลายทุกอย่างในชีวิตเธอ และหล่อนกำลังทำลายชีวิตตัวเอง

                “ไม่ต้องไล่ค่ะ เพราะจะรีบไปจับโจร” เมื่อคริสเตียน่าร้ายมา นาถลัดดาก็สวนคืน ก้มกระซิบเสียงกร้าวพร้อมคว้าข้อมือคนจับขอบเตียงแล้วบีบอย่างแรง ก่อนจะปล่อยและเดินยิ้มสวยออกไป

                ไม่มีใครเห็นภาพที่นาถลัดดาทำเพราะเร็วมาก แม้แต่คริสเตียน่ายังไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนกัดฟันกรอด มองแผ่นหลังลูกเลี้ยงที่เดินห่างไปเรื่อยๆ พอกันที เมื่อร้ายกลับแบบนี้ คงถึงเวลาที่ต้องจัดการมารตัวสำคัญแล้ว

                “พี่คีริลล์จะมาที่นี่ก็น่าจะชวนกันบ้างนะคะ บอกจะดูแลโรนี่ แต่ไม่ยอมพาไปไหนด้วยเลย รู้ไหมคะว่าโรนี่น้อยใจ” หญิงสาวพร่ำไปเรื่อย ไม่สนใจสีหน้าของคีริลล์

                “ตัวไม่ได้ติดกัน” ชายหนุ่มเอ่ยลอยๆ แต่ดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน

                แอนตันกับแอมมาเรียรีบลุกมายืนข้างลูกชายแล้วเอ่ยขอตัวกลับ เพราะกลัวคีริลล์จะอาละวาดจนมองหน้ากันไม่ติด

                “รังเกียจลูกสาวดิฉันขนาดอยู่ใกล้ไม่ได้เลยหรือคะ” คนเป็นแม่ตีหน้าโศกเศร้า มองสองคนนั้นด้วยแววตาตัดพ้อ และเดือดดาลเมื่อสามีเอาแต่นอนเงียบ ไม่ต่อว่าเพื่อนสนิทสักนิด

                “ไม่ใช่หรอกคริสตี้ พวกเรามาตั้งแต่เช้าแล้ว รบกวนคนป่วยมานาน ต้องกลับแล้วละ เธอแม่ลูกจะได้คุยกับโบริสด้วย ขอตัวก่อนนะ”

แอมมาเรียใช้ไม้อ่อน ยิ้มแห้งพร้อมพูดจาอ่อนหวาน ทั้งที่อยากจะบอกว่าต้องรีบกลับ เพราะกลัวลูกชายจะอาละวาดใส่เวโรนิก้าจนผู้ใหญ่มองหน้ากันไม่ติด

                “ลูกสาวคุณหว่านเสน่ห์ใส่คนบ้านนั้นจนหลงกันทั้งบ้าน นี่คงเป็นแผนคุณแต่แรกสินะ”

                คนป่วยเบนสายตามองหน้าคู่ชีวิต “ไม่มีแผนการอะไรทั้งนั้นละคริสตี้ เรื่องของคีริลล์กับแนนนี่เกิดขึ้นที่อเมริกา ทั้งผมและแอนตันไม่รู้เรื่องของเขาสองคนมาก่อน”

                “ไม่รู้มาก่อน แต่คุณก็ห้ามนังลูกสาวคุณได้นี่คะ คุณก็รู้ว่าโรนี่ต้องการแต่งงานกับคีริลล์” คริสเตียน่าพูดเรื่องเดิม

                “คุณยังไม่หมดหวังอีกเหรอ คีริลล์แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ คุณมองไม่ออกรึ แล้วลูกล่ะโรนี่ ไม่รู้หรือว่าพี่เขาคิดกับเราแค่น้องสาว”

                “ก็เพราะนังแนนนี่มาขวางน่ะสิคะ ถึงได้เป็นแบบนี้ ตอนนี้นังนั่นเข้าไปทำงานแทนคุณพ่อ ออดอ้อนเรียกร้องความสนใจจากทุกคน พยายามทำตัวขยัน กลบรัศมีโรนี่ สร้างภาพให้ทุกคนเห็นว่าเก่ง มีค่าพอจะเป็นสะใภ้ของซาโกเยฟ หลอกล่อให้พี่คีริลล์ไปหาที่โกลพรอมแทบทุกวัน มันกำลังฉีกหน้าโรนี่ คุณพ่อไม่เห็นข่าวหรือไง นักข่าวเขาเขียนว่าโรนี่กำลังจะแต่งงานกับพี่คีริลล์ แต่พอนังแนนนี่เข้ามา ทุกอย่างก็พังหมด โรนี่ต้องทนอายเพราะมัน”

                โบริสส่ายหน้า ก็ใครเล่าเป็นคนเอาเรื่องแต่งงานระหว่างสองครอบครัวไปบอกนักข่าว ถ้าไม่ใช่เวโรนิก้า พอทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่พูดกลับมาโวยวายใส่เขาที่ไม่รู้เรื่องด้วย

                “ไม่รู้ละ วันนี้โรนี่จะมาพูดกับคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณพ่อไม่ห้ามนังแนนนี่ โรนี่จะใช้วิธีสุดท้าย”

                คนเป็นพ่อฟังแล้วส่ายหน้า หลับตาลงอย่างอ่อนล้า เรื่องนี้พูดกันไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องห้ามนาถลัดดา เพราะลูกสาวเขาพยายามหนีคีริลล์ แต่คนที่ไม่ยอมหยุดคือลูกชายแอนตัน ซึ่งประกาศชัดว่าอยากแต่งงานกับเธอ ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า ถึงได้เห็นแววตาอาทรและห่วงใยของคีริลล์ยามจับจ้องหญิงสาว

                “พ่อบอกไปแล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคีริลล์คนเดียว”

                “คุณพ่อ” เวโรนิก้ากรีดร้อง จ้องใบหน้าด้านข้างของท่านอย่างโมโห บิดาเบือนหน้าหนีแบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ช่วยเธอแน่นอน

“ค่ะ” เวโรนิก้ากระแทกเสียงใส่บิดา เมื่อท่านไม่ช่วย เธอก็จะจัดการคีริลล์ขั้นเด็ดขาด

                ฝ่ายคริสเตียน่านั่งฟังด้วยความรู้สึกร้อนในอก เคียดแค้นสามียิ่งนัก และเธอจะทำให้โบริสเสียใจอย่างสุดซึ้งเช่นที่เธอรู้สึกอยู่ในตอนนี้


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น