4

บทที่ 4


 

5

 

                เวโรนิก้ายิ้มกว้าง ยอมปล่อยมือและถอยห่างมาหนึ่งก้าว ยอมให้คีริลล์เดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่อย่าคิดว่าเขาจะเดินหนีออกจากชีวิตเธอได้

                “คีริลล์ว่าไงบ้าง” คริสเตียน่าเดินตรงมาหาลูกสาว เอ่ยถามเสียงกระซิบกระซาบ

                “ก็ปฏิเสธชัดเจน แต่หนูไม่ยอมหรอกค่ะ พี่คีริลล์ต้องเป็นของหนู ยิ่งยากหนูยิ่งอยากได้”

                “แม่สนับสนุนเต็มที่ คีริลล์เก่งมาก เขาเหมาะที่จะเป็นสามีของลูกที่สุด”

                เวโรนิก้าไม่ตอบ ยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด ก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเพลย์บอยตัวพ่ออย่างคีริลล์ เมื่อเจอเพลย์เกิร์ลตัวแม่อย่างเธอ ใครจะชนะ

 

                อิวานอฟไม่เข้าใจสายตาที่คีริลล์มองเขา ชายหนุ่มไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับอีกฝ่าย แต่ทำไมถึงถูกมองเหมือนท้าชก ชายหนุ่มเอียงหน้ามองรอบตัว ทั้งด้านข้าง ด้านหลัง ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ แสดงว่าคีริลล์กำลังส่งสารท้ามาหาเขา

                “คุณมีอะไรกับผมหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามตรงๆ ไม่ชอบให้ความสงสัยติดค้าง และเห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปาก ซึ่งมันน่าฝากหมัดทักทายเหลือเกิน

                “ผมคิดว่าไม่เคยเหยียบเท้าคุณแน่ๆ” อิวานอฟเอ่ยอีกครั้ง เมื่อคนมองเอาแต่จ้องหน้า

                “ได้ข่าวว่าคุณไปเมืองไทยพร้อมกับนางแบบแองเจิ้ล”

                หัวคิ้วของคนฟังย่นเข้าหากัน ไม่เข้าใจว่านักธุรกิจใหญ่อย่างคีริลล์มาสนใจว่าเขาจะควงสาวไปเที่ยวไหนทำไม

                “ใช่ครับ” อิวานอฟตอบและรอสังเกตสีหน้าฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเห็นริมฝีปากหนาเม้มแน่นเป็นเส้นตรง นี่มันเรื่องอะไร แค่เขาไปประเทศไทยกับน้องสาว ชายคนนี้ต้องมายืนจ้องหน้าเลยรึ

                “คบกันอยู่หรือครับ”

                “ใช่ครับ”

                คนถามยืนกำหมัดแน่น นายนี่ไม่รู้บ้างหรือไงว่ากำลังจะถูกเขาฟาดปากเพราะตอบตรงเกินไป ควงเมียเขาไปเที่ยว แล้วยังตอบอย่างเต็มภาคภูมิ กล้าเกินไปแล้ว...อิวานอฟ

                ฝ่ายอิวานอฟยิ่งงงนัก เขาคบกับนาถลัดดามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย วิ่งเล่นราวพี่น้องท้องเดียวกัน เพราะคริสเตียน่ารังเกียจลูกติดของสามี อาละวาดใส่เด็กน้อย จนแม่ของเขาต้องรับนาถลัดดามาดูแล ก่อนที่อีกฝ่ายจะโกรธบิดาจนไม่อาจอยู่บ้านเดียวกันได้ หนีไปใช้ชีวิตตามลำพังที่ลอนดอน ก่อนจะโตขึ้นในสายอาชีพนางแบบ ก่อนแม่ของเขาจะเสียชีวิตก็ได้สั่งกำชับให้ดูแลนาถลัดดาอย่างดี รักให้เหมือนน้องสาวแท้ๆ และเขาก็ทำอย่างนั้นมาตลอด

                “หึ! ระวังนะครับ ถามดูให้ดีก่อนว่าผู้หญิงที่คุณควงตอนนี้มีเจ้าของหรือเปล่า”

คนยังไม่เต็มอิ่มในเรือนร่างบริสุทธิ์ออกอาการหวงก้าง พูดเหมือนสอน แต่จริงๆ แล้วอยากจะตั๊นหน้าคนตรงหน้าที่ยิ้มร่าหลังได้ยินเขาพูด

                “อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ นาถลัดดา...เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น” อิวานอฟไม่ทันจะอธิบายเรื่องราวของนาถลัดดาให้คีริลล์ฟัง ก็เห็นภาพความชุลมุนวุ่นวายตรงข้างเวที เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปแก้สถานการณ์

                ชายหนุ่มตื่นตระหนก ตกใจมากเมื่อวิ่งไปเห็นลุงนอนหายใจหอบ ยกมือกุมอกซ้าย สีหน้าเจ็บปวดเหมือนมีใครบีบหัวใจ

                “เกิดอะไรขึ้น” เขาตะโกนลั่น ก่อนการ์ดที่จ้างมาดูแลความสงบภายในงานจะอุ้มร่างหนาอวบของโบริสไปที่ห้องพยาบาลของโรงแรม

และหลังจากนั้นไม่นาน งานเลี้ยงที่ขาดเจ้าภาพก็เลิกรา ทุกคนในตระกูลซาโกเยฟและยูราซอคมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล

                แอมมาเรียกับแอนตันบีบมือกันแน่นตลอดทาง เพราะพวกเขารู้ดีว่าเพื่อนรักป่วยเป็นโรคอะไร

                ฝ่ายคริสเตียน่าเอาแต่ร้องไห้อย่างตื่นตกใจ ส่วนลูกสาวที่นั่งข้างนั้น ไม่สนใจจะกอดปลอบมารดา กดโทรศัพท์เล่นอย่างเพลิดเพลิน มาหยุดเล่นตอนที่เห็นคีริลล์เดินมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน

                “คุณพ่อไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ โรนี่เห็นท่านมีอาการแบบนี้บ่อยๆ” หญิงสาวเอ่ยกับชายหนุ่ม เมื่อเดินมาหย่อนก้นนั่งข้างๆ เขา

                คีริลล์ส่ายหน้าอย่างระอา นี่หรือคือคนที่บิดามารดาอยากจะให้แต่งงานด้วย ไม่มีทาง ขนาดบิดาตัวเองป่วยยังหน้าระรื่น ไม่ทุกข์ร้อน

                “หนูโรนี่ไม่ต้องกังวลนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจะดูแลหนูกับแม่เอง”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเวโรนิก้าโผเข้ามาหมายจะสวมกอด เธอจึงได้กอดกับมารดาซึ่งโอบปลอบราวเวโรนิก้าเป็นเด็กน้อยน่าสงสาร ที่กำลังขวัญเสีย

                “มันเกิดอะไรขึ้น โบริสไม่เคยมีอาการป่วยหนักแบบนี้ เขาแค่บ่นเจ็บหน้าอกบ้าง ไม่เคยหมดสติเช่นนี้” คริสเตียน่าเอ่ยเสียงตื่นตกใจ

                “ไม่ต้องห่วงคริสตี้ โบริสไม่เป็นอะไรหรอก เธอใจเย็นๆ ก่อนนะ” แอมมาเรียเอ่ยปลอบภรรยาคนป่วย

                “ฉันคงต้องกังวลแล้วละแอมมาเรีย ลูกสาวไม่มีใครดูแล บริษัทก็ใหญ่โตจนฉันไม่สามารถจะบริหารได้ ถ้าโบริสเป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง ฉันไม่มีใครให้พึ่งเลยนะ เธอต้องช่วยดูแลพวกเรานะ อย่าลืมสัญญา”

แม้จะห่วงอาการสามี แต่มันน้อยกว่าห่วงลูกสาว เมื่อได้โอกาสทวงสัญญาที่เป็นประโยชน์ต่อเวโรนิก้า แม้จะอยู่ในภาวะตึงเครียด แต่คริสเตียน่าก็สามารถพูดออกมาได้

                คีริลล์ได้ยินแล้วเม้มปาก นิสัยไม่ต่างกันทั้งแม่ทั้งลูก ไม่รู้พ่อแม่เขาไปคบหาจนสนิทสนมได้อย่างไร

                “พวกเราไม่เคยลืมหรอกคริสเตียน่า ลูกสาวของโบริสต้องได้แต่งงานกับลูกชายของพวกเรา”

                “พ่อ!” ลูกชายเอ่ยขึ้นเสียงแข็งแล้วเดินไปนั่งอีกฝั่ง ซึ่งอิวานอฟมองเขาอย่างเห็นใจ

                “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เงียบไปเลย” แอนตันว่าลูกชาย

                คีริลล์ไม่ยอมให้บิดามารดาหรือใครจับพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาแน่ ไม่มีทาง

                อิวานอฟซึ่งนั่งฟังมานานถอนใจยาว นี่หรือคือภรรยาที่ลุงของเขารักนักรักหนา ในยามที่ท่านป่วย แทนที่จะกังวลเรื่องอาการสามี กลับหวาดระแวงว่าจะจับสามีให้ลูกสาวไม่ได้ ดีแล้วที่นาถลัดดาหนีออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ถ้าอยู่บ้านเดียวกัน คงถูกป้าสะใภ้เขาทำร้ายจนเสียจริตไปมากกว่าที่เป็นอยู่

                หลังจากเฝ้ารอมาร่วมชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินจึงเปิดออก แพทย์ผู้รักษาอาการคนไข้เดินออกมา สีหน้าดูกังวลจนทุกคนร้อนใจ

                “สามีฉันเป็นยังไงบ้างคะ” คริสเตียน่าเอ่ยถาม

                “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ผมอยากให้ญาติๆ ช่วยกันพูดกับคนไข้ เนื้อร้ายลุกลามมากขึ้นทุกวัน ถ้าคนไข้ไม่ยอมผ่าตัดแบบนี้...ต่อไปโอกาสที่จะหายขาดคงเหลือน้อย”

                “อะไรนะคะ เนื้อร้าย หมายความว่ายังไง สามีฉันป่วยเป็นอะไรกันแน่” คนเป็นภรรยาร้องด้วยความตกใจ โบริสไม่เคยพูดหรือเล่าให้ฟังว่าเขาป่วย

                “มะเร็งปอดครับ”

                สองขาของคริสเตียน่าหมดเรี่ยวแรงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แพทย์ที่ดูแลอาการของโบริสมาร่วมสองปีรู้ว่าญาติทำใจยาก แต่คนไข้ไม่ยอมรักษาแบบนี้คงต้องอธิบายให้ทุกคนฟัง จะได้ช่วยกล่อมคนไข้ให้รักษาตัวสักที

                แอมมาเรียกับแอนตันไม่ตกใจ เพราะรู้อาการป่วยของเพื่อนรักอยู่แล้ว แต่หันมองลูกชายคนโตอย่างกดดัน ซึ่งยืนทำหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

                “อะไรนะคะ คุณพ่อเป็นมะเร็ง แล้วแบบนี้...ใครจะดูแลพวกเราล่ะคะคุณแม่”

เวโรนิก้าร้องลั่น ตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ เธอไม่เคยทำงาน ไม่เคยต้องรับผิดชอบสักอย่างในชีวิต มีบิดาคอยบันดาลให้ทุกอย่าง ถ้าท่านป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ แล้วใครเล่าจะบริหารบริษัท ใครเล่าจะรับผิดชอบชีวิตเธอและแม่

                “ใจเย็นๆ ก่อนคริสตี้ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องอื่น เธอเข้าไปพูดกับโบริสให้เขายอมรักษาตัวดีกว่านะ”

แอนตันไม่เคยเห็นด้วยที่เพื่อนรักปกปิดอาการป่วย แต่เพิ่งเข้าใจวันนี้ คริสเตียน่ากับเวโรนิก้าตื่นตระหนกมากเพียงแค่รู้อาการป่วย

                “อีกสักครู่พยาบาลจะย้ายคนไข้ไปห้องพัก หมอขอตัวก่อน”

                หลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็มานั่งรวมตัวในห้องพักคนไข้ ซึ่งเพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติ ใบหน้าของโบริสซีดเซียว แววตาดูเหนื่อยล้าน่าสงสาร เขาสบตาเพื่อนรักซึ่งพยักหน้าให้เมื่อเห็นแววตาขอร้อง

                “ทำไมคุณไม่บอกพวกฉัน” คริสเตียน่าปาดน้ำตาทิ้งแล้วเอ่ยถามเสียงเศร้า

เธอหวาดกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลเป็นที่สุด ตั้งแต่แต่งงานเป็นภรรยาครองคู่เคียงข้างโบริส เธอไม่เคยรับผิดชอบใดๆ สามีทำให้ทุกอย่าง แม้เขาจะเคยผิดสัญญาออกนอกลู่นอกทาง ทว่าหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะสามีและพ่อไม่เคยบกพร่อง

                “ไม่อยากให้กังวล ไม่ต้องห่วงหรอก” คนป่วยบอกเสียงเนือย ขยับปากพูดทีก็หอบโยนดูน่าสงสาร แต่ภรรยาตื่นตระหนกเกินกว่าจะมองเห็นอาการนั้น

                “ไม่ต้องห่วง คุณพูดแบบนี้ได้ไง คุณรู้มั้ย ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลบริษัท โธ่...แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดี...”

คริสเตียน่ากำลังสติแตก เสียงฟูมฟายเริ่มดังถี่จนแอนตันต้องเข้ามาช่วยพูด

“ใจเย็นๆ คริสตี้ ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานโบริสก็หาย เขาจะได้รับการรักษาอย่างดี ใช่ไหม นายจะยอมรักษาแล้วใช่ไหม” แอนตันเอ่ยถาม

เขาเคยบอกให้โบริสรักษาตัวตั้งแต่ตรวจพบเนื้อร้าย แต่อีกฝ่ายให้เหตุผลว่า หากทุกคนรู้ว่าเขาป่วย โกลพรอมกรุ๊ปจะระส่ำระสาย การรักษาตัวต้องใช้เวลานาน แล้วงานมากมายที่บริษัทใครจะดูแล อิวานอฟคนเดียวไม่ไหวแน่ แค่นี้หลานชายก็เสียสละเพื่อทุกคนในครอบครัวเขามากมาย ชายหนุ่มยอมละทิ้งความฝันที่จะเป็นจิตรกรมาเป็นนักบริหารดูแลบริษัทซึ่งไม่ใช่ของตัวเอง แถมภรรยาเขายังพูดจาเหน็บแหนมหลานชายบ่อยๆ

“คุณลุงเข้ารับการรักษาเถอะครับ ไม่ต้องห่วงบริษัท ผมจะดูแลให้เอง” อิวานอฟตกใจไม่แพ้คนอื่น เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ลุงป่วยหนักขนาดนี้

“คิดจะฮุบของโรนี่หรือไง” เวโรนิก้าที่นั่งฟังมานานเอ่ยแทรกเมื่อได้ยิน

“โรนี่!” คนป่วยขึ้นเสียงเอ็ดลูกสาว

“ก็จริงนี่คะ อาสาขันแข็งตอนคุณพ่อป่วย พี่เอียนไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกไม่นานพี่คีริลล์จะต้องแต่งงานกับโรนี่ และเข้ามาดูแลบริษัทพ่อตาตัวเองอยู่แล้ว”

คนถูกอ้างถึงเกือบจะตวาดลั่น แต่สายตาของบิดากำราบไว้ทัน และเขาเองก็สงสารคนป่วย เลยยืนเม้มปากฟังหญิงสาวสมอ้างเสียงขึงขัง

“ว่าไงคะ แอนตัน คุณสัญญาไว้แล้วว่าจะรักษาคำพูด” คริสเตียน่าหันไปทวงคำมั่นสัญญา หวั่นกลัวว่าลูกสาวจะพลาดหวัง

“อย่าไปกดดันแอนตันแบบนั้น” คนป่วยเอ็ดเสียงแหบ เหนื่อยเหลือเกินที่จะห้ามปรามภรรยาและลูกสาว นี่อาจเป็นผลกรรมที่เขาต้องรับ หลังจากทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแสนสาหัส

คริสเตียน่ากับลูกสาวกระฟัดกระเฟียดเมื่อสามีไม่ใช้โอกาสนี้ทวงสัญญา ทั้งคู่คิดว่าโบริสไม่น่าจะรอดพ้นวิกฤติชีวิตครั้งนี้ วาดหวังจะหาประโยชน์ใส่ตัวเอง ด้วยการบีบบังคับให้แอนตันสั่งลูกชายที่ยืนหน้านิ่งในห้องนี้ ให้ยอมรับสิ่งที่ผู้ใหญ่สัญญากันไว้

“อย่าคิดมากโบริส” แอนตันหันไปพูดกับคนป่วย พร้อมแตะแขนอย่างเข้าใจ “ผมจะให้คีริลล์แต่งงานกับลูกสาวของโบริสแน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอกคริสตี้ นายควรพักผ่อนและลองคิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง อยากให้ลูกๆ ได้แต่งงานกัน ก็ต้องอยู่จนได้เห็นหลานๆ ของเราสองคน รักษาตัวซะโบริส ฉันขอร้อง เรากลับกันเถอะ”

แอนตันสงสารเพื่อน ไม่คิดเลยว่าคริสเตียน่า ผู้หญิงที่น่ารักน่าทะนุถนอม พอสูงวัยแล้วจะมีนิสัยเห็นแก่ตัวเช่นนี้

“แกก็กลับไปด้วย สามีฉัน ฉันดูแลเองได้” คริสเตียน่าพยักหน้ากับแอนตัน แล้วหันไปเล่นงานหลานชายสามีที่เปรียบเหมือนกาฝากของบ้าน

“เดี๋ยวก่อนเอียน ลุงฝากบอกนาตาชาด้วย บอกเขาว่าลุงป่วย และอยากพบเขาก่อนตาย...สักครั้ง” โบริสเอ่ยเสียงเศร้า เขาขอร้องหลานชายทั้งน้ำเสียงและแววตา

ทุกคนในห้องเห็นภาพแววตาเว้าวอนดูน่าสงสารของโบริส แอนตันกับภรรยาน้ำตาซึม แต่คริสเตียน่ากับเวโรนิก้าแทบอยากจะกรีดร้อง เมื่อชื่อที่เลือนหายไปจากครอบครัวร่วมสิบปีดังออกจากปากโบริสอีกครั้ง ทั้งที่เขาเคยประกาศกร้าว สั่งห้ามทุกคนเอ่ยถึงชื่อลูกสาวคนโตอีก

 

“นาตาชาคือใครหรือครับ” คีริลล์เอ่ยถามบิดาเมื่อรถเคลื่อนออกจากหน้าโรงพยาบาล

“ลูกสาวคนโตของโบริส” แอนตันตอบเสียงเบา รู้สึกสงสารเพื่อนรัก อยากให้คนป่วยสบายใจที่สุดในช่วงนี้ แต่ดูแล้วภรรยากับลูกสาวจะหาแต่เรื่องปวดหัวให้ สีหน้าของคริสเตียน่าตอนได้ยินชื่อ ‘นาตาชา’ นั้นดูน่ากลัว แรงริษยาฉายแสงทางแววตา

แน่ละ...คริสเตียน่าต้องโกรธเมื่อได้ยินชื่อนี้ เพราะมันทำให้เธอเจ็บปวด นาตาชาเหมือนเป็นรอยแผลที่ย้ำว่า ครั้งหนึ่งโบริสเคยทรยศต่อความรักของภรรยา แอบมีรักสองกับสาวอื่น

“ผมงง คุณลุงโบริสมีลูกสาวอีกคนได้ยังไง ตลอดเวลาผมคิดว่ามีแค่เวโรนิก้า” คีริลล์เอ่ยถามอย่างสงสัย

“เรื่องมันยาว และไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แกเตรียมตัวไว้ อีกไม่นานฉันจะจับแกแต่งานกับโรนี่” แอนตันย้ำเรื่องที่สองครอบครัวต้องเป็นดอง

คีริลล์ได้ยินแล้วร้อนรุ่มไปทั้งกาย เขาต้องหาทางปฏิเสธ ไม่มีทางยอมมอบชีวิตที่เหลือไว้ในอุ้งมือเวโรนิก้าแน่นอน แต่หากพูดไปตอนนี้บิดาคงไม่ฟัง เพราะดูแล้วท่านสงสารเพื่อนรักมาก

“ที่เงียบนี่หมายความว่าไง ยอมรับหรือกำลังวางแผนหนี”

คนเป็นลูกถอนใจยาว ไม่ว่าเมื่อไรบิดาก็รู้ทันความคิดเขาไปเสียหมด

“ขอดูหน้าลูกสาวคนโตของลุงโบริสก่อน พ่อสัญญาแค่จะให้แต่งกับลูกสาวเขา ไม่ได้ระบุชัดว่าต้องเป็นโรนี่”

“แกไม่ต้องคิดเลย นาตาชาคงไม่กลับมาดูใจพ่อตัวเอง หรือถ้านาตาชากลับมาจริง คริสเตียน่ากับโรนี่ไม่มีทางให้แกได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นเหมือนหนามยอกอกแน่”

ใครจะยอมหรือไม่ยอม เขาไม่สน คนอย่างคีริลล์ไม่เคยเดินตามเกมใครอยู่แล้ว และเวโรนิก้าไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะเอามาเป็นแม่ของลูก รอดูหน้า ‘นาตาชา’ ถ้าสวยพอรับได้ ประวัติไม่เน่าเฟะ เขาจะสมยอมเดินตามเกมผู้ใหญ่สักปี อาการคนป่วยดีขึ้นเมื่อไรค่อยขอหย่า เขาภาวนาให้ผู้หญิงคนนั้นหัวอ่อน ยอมเดินตามแผนของเขา พูดง่ายๆ และไม่หวังจับเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น

ชายหนุ่มพยายามหาทางออกให้ตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าบางทีเรื่องทั้งหมดนี้สวรรค์กำหนดมาแล้ว

 

มือที่จับโทรศัพท์สั่นจนต้องรีบวาง เพราะกลัวมันจะหลุดมือเสียหาย น้ำเสียงเศร้ากังวลของอิวานอฟฟังดูแล้วเหมือนญาติผู้พี่กำลังร้องไห้ คงไม่แปลกหากอาการป่วยของโบริสจะมีผลต่ออิวานอฟ เพราะชายหนุ่มถูกเลี้ยงดูมาโดยลุงที่เฝ้าหวังจะให้เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการ เนื่องจากเป็นผู้ชายคนเดียวในตระกูล แต่ทุกอย่างที่โบริสคิด คริสเตียน่าไม่เห็นด้วย และพยายามจะเขี่ยอิวานอฟให้พ้นวงศ์ตระกูลมาตลอด แต่ชายหนุ่มรักและห่วงลุงมาก คอยรับผิดชอบงานที่ลูกกับภรรยาของโบริสไม่สามารถจะช่วยผ่อนแรงได้

“แม่คะ หนูควรทำยังไงดี” หญิงสาวหยิบรูปในกระเป๋าเงินออกมาดู ใบหน้าแจ่มใสกับรอยยิ้มหวานของมารดาคงไม่หลงเหลือแค่ในภาพถ่าย หากว่าผู้เป็นบิดาไม่ทำร้ายจิตใจท่านอย่างรุนแรง

น้ำตาเริ่มไหลอาบสองแก้ม สงสารและกังวล ต่อให้พูดว่าเกลียดชังบิดาเพียงไร แต่ลึกๆ แล้วนาถลัดดาต้องการอ้อมกอดของคนเป็นพ่อมาตลอด

 

คริสเตียน่าเดินทำหน้ามุ่ยออกจากห้องคนไข้ หลังจากทุกคนกลับไป เธอพูดกดดันสามีหลายคำ หวังให้เขารีบใช้โอกาสนี้บีบบังคับคีริลล์ให้แต่งงานกับลูกสาว ชายหนุ่มมีท่าทีปฏิเสธชัดเจน แต่ใครจะสน เธอต้องทำตามความต้องการของเวโรนิก้าเท่านั้น แค่ให้ลูกสมหวัง ใครจะเจ็บปวดเธอไม่สนใจ

“คุณพ่อป่วยหนักแบบนี้ แต่ไม่ใช้โอกาสที่มีบีบบังคับพี่คีริลล์” เวโรนิก้าบ่นอย่างหงุดหงิด

“ใช่ ป่วยหนักแบบนี้ ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า”

“ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป ไอ้เอียนมันต้องฮุบสมบัติของโรนี่แน่ แม่ต้องส่งคนคอยดูมันไว้นะคะ”

แม่เป็นเช่นไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น คริสเตียน่ามักจะสั่งสอนลูกสาวให้เห็นแก่ตัว ตั้งแต่จับได้ว่าสามีแอบมีเมียน้อย ก็พูดกรอกหูเวโรนิก้าตั้งแต่เด็ก ว่านาตาชาจะมาแย่งทุกอย่างไป จนเธอบ่มเพาะความเห็นแก่ตัว โตเป็นหญิงสาวที่คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว

“กำจัดนังแม่ลูกคู่นั้นไปได้ ฉันต้องมากังวลกับมันอีกหรือนี่ รู้อย่างนี้วางแผนเขี่ยให้กระเด็นไปตั้งแต่แรกก็ดี” คริสเตียน่าพึมพำ

“ลูกไม่ต้องห่วงโรนี่ แม่ไม่มีทางให้ของของลูกหลุดไปถึงมือคนอื่น พ่อของลูกแม่ยังทำให้เขาคิดถึงแค่ลูกได้ นับประสาอะไรกับสมบัติที่เป็นสิทธิ์ของลูกเต็มตัว”

“ค่ะ โรนี่เชื่อมือคุณแม่ แล้วเราจะเฝ้าคุณพ่อที่นี่หรือยังไงคะ” หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือดูหลายครั้ง

“กลับบ้านไปนอนพัก พรุ่งนี้ค่อยมาไหม อยู่เฝ้าก็ไม่ช่วยให้หายป่วย ที่นี่เขามีพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว ไปกันเถอะลูก เรามีอะไรต้องคิดอีกหลายอย่าง แม่ต้องเร่งทางแอนตัน และเข้าไปดูเรื่องบัญชีบริษัท”

สองแม่ลูกพยักหน้าให้กันแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลใจกลางมอสโก กลับสู่คฤหาสน์ยูราซอค คนใช้เก่าแก่ที่รู้เรื่องเจ้านายป่วยรีบลุกหลังนั่งรอฟังข่าวมานาน แต่พอถามกลับถูกคริสเตียน่าตวาดลั่น จนไม่มีใครกล้าถามอีก คงเหลือทางเดียวที่จะรู้อาการนายคือ...ถามอิวานอฟ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น