บทนำ
เด็กหญิงตัวเล็กอายุไม่เกินสี่ขวบถักผมเปียสองข้าง มีโบสีชมพูเล็กๆ ติดอยู่ที่ผม ในมืออุ้มตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล สวมชุดสีชมพูเข้ากันกับโบ กำลังสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศภายในไร่ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แม่หนูตัวน้อยได้แต่เบิกตากว้าง ริมฝีปากสีแดงเล็กน่ารักที่กำลังอ้าน้อยๆ รับกับจมูกรั้น ดวงตาทอประกายน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตาเด็กผู้หญิงก็ไม่ปาน
สรัชยืนมองเด็กคนนั้นตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในคลองสายตาของเขา นานหลายนาทีทีเดียว จนกระทั่งบัดนี้เขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กไม่วางตา อยากรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร แล้วมาเดินอยู่ในไร่ของเขาได้อย่างไร ถ้ารู้จักพ่อแม่เด็กละก็จะต่อว่าให้เข็ด มีอย่างที่ไหนปล่อยให้ลูกมาเดินตามลำพังอย่างนี้
ใช้ไม่ได้!
ถ้าเกิดไร่ของเขามีรีสอร์ตเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ และบริเวณนี้เป็นเขตบ้านของเขาอีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนหรือญาติสนิทก็ไม่มีใครเคยได้รับสิทธิ์ให้ย่างกรายเข้ามาภายในนี้ แต่เด็กคนนี้สามารถเดินเข้ามาเที่ยวได้อย่างสบายใจ ราวกับว่าแถวนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างนั้น
พ่อเลี้ยงหนุ่มวัยสามสิบห้ายกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ทอดสายตามองเด็กคนนั้นต่อไป ปล่อยให้อารมณ์มันเป็นไปตามความรู้สึก อากาศตอนเช้าเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งมองท้องฟ้า สายหมอก สายลม ชมดอกไม้อย่างนี้แหละ
เด็กคนนั้นคงไม่ทันสังเกตเห็นเขากระมัง เธอยังเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเนินหญ้าสูงกว่าถนนเล็กน้อย ริมฝีปากเล็กๆ พึมพำราวกับกำลังพูดอะไรสักอย่างกับตัวเอง สักครู่ก็หันกลับไปมองเหมือนกับว่าจะมีคนตามมา ร่างเล็กๆ ยังลังเลหันซ้ายแลขวาอยู่ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงนั้น กอดตุ๊กตาแนบอกเอาไว้แน่น
สรัชยังนั่งเงียบ เขาอยากรู้ว่าเด็กคนนี้มาทำอะไร ชายหนุ่มพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะไขว่ห้างแล้วกอดอกมองราวกับกำลังชมการแสดงอะไรสักอย่าง
ดวงหน้าเล็กใส พวงแก้มเนียนละเอียดทำให้เขานึกถึงซาลาเปา...มีจุดแดงๆ ที่ข้างแก้มยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ คนที่นั่งพิจารณาอยู่อมยิ้มโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว มองไปมองมาก็เพลินดีเหมือนกัน บ้านเขายังไม่มีใครแต่งงานสักคน จึงไม่มีเด็กเล็กๆ อย่างนี้ เวลามองแล้วชื่นใจและมีความสุขอย่างนี้ไงเล่า พ่อกับแม่เขาถึงอยากให้เขาแต่งงานเร็วๆ
ชายหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปบริเวณระเบียงเพื่อมองหาพ่อแม่ของเด็กคนนี้ที่อาจจะกำลังตามมา แต่มองไปจนสุดทางที่เด็กคนนี้เดินมาก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครตามมาสักคน
สรัชเดินออกมาจากบ้าน ตรงไปยังเด็กหญิงที่กำลังยืนอยู่แล้วทรุดตัวนั่งลง จ้องมองดวงตาใสแจ๋วตรงหน้าแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต
“หนูชื่ออะไร มาหาใครคะ”
คนพูดรู้สึกแปลกๆ เพราะแม้จะพยายามปั้นเสียงให้นุ่ม ฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรแล้วก็ยังรู้สึกว่าตัวเองดุอยู่ดี แต่แม่หนูตรงหน้ากลับไม่มีท่าทางหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“หนูชื่อวินดี้ มาหาพ่อค่ะ” ปวันวาตตอบฉะฉาน
คนฟังระบายยิ้มน้อยๆ แล้วถามต่อ “พ่อหนูเป็นใคร”
เด็กหญิงขยับตัวก่อนจะเม้มปากเหมือนกำลังครุ่นคิดคำตอบ เรียวคิ้วบางๆ ขมวดน้อยๆ อย่างใช้ความคิด ครู่หนึ่งเธอจึงพูดชื่อผู้ชายคนนั้นออกมา
“พ่อหนูชื่อสรัชคะ”
สรัชถึงกับตัวแข็ง เขาอยากจะตะโกนออกไปเดี๋ยวนั้นว่าไม่จริง แต่ไม่อาจทำได้ แม้แต่เสียงของเขาก็เหมือนจะหายไปจากลำคอด้วย ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาฟังไม่ผิด...แต่อาจจะฟังผิดก็ได้ ยังไม่ทันที่เขาจะถามต่อเพื่อความมั่นใจ แม่หนูน้อยก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“พ่อชื่อ สรัช เผ่าพันธุ์พยัคฆ์ เป็นเจ้าของไร่ที่นี่ค่ะ คุณลุงรู้จักพ่อหนูหรือเปล่าคะ หนูมาตามหาพ่อ”
สรัชส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่จริง! เขามั่นใจว่าไม่เคยไปทำใครที่ไหนท้อง ต้องมีใครเล่นตลกกับเขาแน่ๆ จึงถามย้ำอีกครั้ง
“พ่อหนูชื่ออะไรนะคะ...บอกลุงใหม่สิคะ ขอช้าๆ ชัดๆ”
“พ่อชื่อลม ชื่อจริง สรัช เผ่าพันธุ์พยัคฆ์ ค่า”
แม่หนูตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาสรัชแทบลมจับ ชายหนุ่มถึงกับหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน อยู่ดีๆ เขาก็มีลูกโตขนาดนี้ ว่าแต่...
“แม่ของหนูเป็นใคร...แม่หนูอยู่ไหน ลุงอยากเจอเดี๋ยวนี้!”
ความคิดเห็น |
---|