ชายสูงวัยวางโทรศัพท์ลงบนแป้นซึ่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องหนังสือ เมื่อโทร.หาลูกชายคนโตแต่ไม่มีการตอบรับ เขามองนาฬิกาบนผนังห้องซึ่งเป็นเวลาแปดโมงเช้า เวลาที่อเมริกาน่าจะยังไม่ดึกนักเมื่อมันช้ากว่าไทยประมาณ 11-12 ชั่วโมง ปรเมศวร์คงกำลังยุ่งจึงไม่ได้รับโทรศัพท์ เดี๋ยวสักครู่คงโทร.กลับมา
ปัญญารู้สึกผิดค่อนข้างมากที่มอบภาระทุกอย่างให้ลูกชายคนโต ผู้ไม่ได้เป็นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แต่เป็นหลานทางฝั่งภรรยาที่พ่อแม่แยกทางกัน ต่างฝ่ายต่างมีคนใหม่ และมีลูกใหม่ เมื่อมีสิ่งใหม่ สิ่งเก่าๆอย่างเด็กชายวัยสามขวบจึงถูกเมินเฉย เพราะคนของพ่อและคนของแม่ไม่ต้องการเขาอีก
ไปอยู่กับพ่อได้แค่ปีแรกก็ถูกแม่เลี้ยงรังเกียจตบตีกลั่นแกล้งสารพัด ด้วยไม่อยากได้ส่วนเกินที่มาเป็นภาระ โดยพ่อแท้ๆไม่เคยปกป้อง เพราะทั้งรักทั้งหลงเมียใหม่และลูกใหม่ เมื่อเมียไม่ต้องการ เขาจึงพาลูกไปทิ้งให้อดีตภรรยา
เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เด็กน้อยยิ่งเจอสิ่งเลวร้ายเลวทรามหนักกว่า จนเขาและภรรยาไม่อาจทนเฉยอยู่ได้ทั้งที่มีลูกชายอยู่แล้วหนึ่งคน เมื่อกมลาผู้เป็นยายเด็กน้อยร่ำไห้โทร.หาลูกสาวคนโตเพื่อขอความช่วยเหลือ เด็กชายตัวน้อยถูกพ่อเลี้ยงที่อายุน้อยกว่าแม่ทุบตีจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยแม่แท้ๆรู้เห็นเป็นใจ พยายามบอกว่าลูกชายตกบันได แต่เด็กไม่เคยโกหก
พอไปถึงโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งในย่านชุมชนแถวชานเมือง ปรางทิพย์และแม่ยายของเขาก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นสภาพหลานตัวน้อยในห้องฉุกเฉินเด็กชายตัวเล็กผอมบางสวมเสื้อผ้าเก่าเก็บราวกับกองผ้าขี้ริ้ว ข้อแขนข้อขาเล็กจ้อยราวกับจะหักลงคามือเมื่อเอื้อมมือไปจับต้อง แผลเล็กแผลน้อยทั้งเก่าและใหม่ที่เห็น ทำให้สองแม่ลูกสะอื้นในอก
ตอนนี้เด็กน้อยปลอดภัยแล้ว แต่เพราะฤทธิ์ยาและอาการบาดเจ็บ บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ เขาจึงหลับลึกยังไม่ตื่นขึ้นมา ระหว่างนี้ทางโรงพยาบาลกำลังรอการตัดสินใจของผู้ปกครองเด็กว่าจะเอาอย่างไรต่อ เพราะทางแพทย์ต้องการให้เด็กอยู่โรงพยาบาลสักสองคืนเพื่อดูอาการและรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น
ทว่าสองผัวเมียกลัวว่าจะเป็นพิรุธให้หมอแจ้งตำรวจได้ รวมถึงต้องใช้เงินในการดูแลรักษาที่ตนเองไม่มีจ่าย ปรารถนาคิดอะไรไม่ออกจึงโทร.หามารดาที่เปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ อยู่แถวฝั่งธนบุรี คนเป็นแม่รีบปิดร้านเพื่อจะออกมาหาหลานทันที พร้อมกับโทร.หาลูกสาวคนโตที่เป็นคนมีน้ำใจ และสามีก็พอมีฐานะจากการแบ่งมรดก ทั้งเงินทองและรับช่วงต่อกิจการโรงแรมขนาดกลางย่านใจกลางเมืองจากครอบครัว
เมื่อบิดาของสามีเสียชีวิตด้วยโรคชรา นายปัญญาจึงดูแลมารดาด้วยความรักและกตัญญู ส่วนปรางทิพย์ ลูกสาวที่น่ารักของเธอก็ดูแลแม่ผัวอย่างดี จนอีกฝ่ายรักเมตตา ยกเครื่องเพชรเครื่องทองเก่าแก่ให้สะใภ้เกือบทั้งหมด โดยส่วนหนึ่งได้ยกให้ปานใจลูกสาวคนเล็กไปแล้วตอนแต่งงานกับนายชัยยันต์
แล้วก็เป็นไปตามที่กมลาคิด ลูกสาวคนโตเป็นคนดีมีน้ำใจ เมื่อเธอโทร.หาอีกฝ่ายก็ร้อนรน สอบถามด้วยความห่วงใยหลาน บอกเพียงว่าให้แม่รอที่บ้าน ตัวเองจะมารับแล้วเดินทางไปพร้อมกัน
การที่ต่างคนต่างแต่งงานแยกย้ายไปทำมาหากิน พี่น้องจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก ปรางทิพย์ไม่คิดเลยว่าหลังจากเลิกร้างกับสามีคนแรก น้องสาวจะปล่อยชีวิตให้ตกต่ำขนาดนี้
ที่เป็นเช่นนี้ล้วนแต่เป็นน้องสาวที่ทำตัวเอง แต่งงานแล้วยังติดเพื่อน พากันไปเที่ยวจนติดผู้ชายที่อายุน้อยกว่าในผับ เอาเงินเดือนที่ผัวให้ไปปรนเปรอชู้รัก ผัวจับได้ก็ต้องเลิกร้างกัน แถมไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ชายทำงานดีในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็หาเมียใหม่มีลูกใหม่สร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่ทั้งสาวกว่าและรวยกว่า เรื่องอะไรเขาจะมาทนใช้ชีวิตกับผู้หญิงหยำฉาไม่รักดีแบบปรารถนา
‘นา แกนี่มันเลวจริงๆ แกเห็นผัวดีกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเองได้ยังไง แถมปล่อยให้ผัวทำร้ายลูกจนเจ็บปางตายแบบนี้’ปรางทิพย์เปิดฉากด่าน้องสาวทันทีทั้งที่น้ำตายังคลอด้วยความสงสารหลานชาย หลังจากได้คุยกับหมอแล้วจึงเดินออกมาเคลียร์กับน้องสาวผู้ไม่เอาไหน
‘พี่ปราง ก็บอกแล้วไงว่าไอ้ปลามันตกบันได ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้น’ คนน้องยังปากแข็งทั้งที่หลักฐานเห็นอยู่ทนโท่
‘ใช่ เด็กมันซน ไปเล่นโน่นนี่ก็หกล้มบ้างอะไรบ้าง คราวนี้ก็ดื้อด้านจนตกบันได’วีระ ผัวใหม่ของปรารถนารีบสนับสนุนคำพูดเมียทันที สายตาล่อกแล่กอย่างพวกวัวสันหลังหวะ
‘สารเลวทั้งผัวทั้งเมีย ฉันจะแจ้งความเอาเรื่องพวกแก ดูซิว่าตำรวจจะเชื่อพวกแกไหม’ปรางทิพย์เลือดขึ้นหน้า โมโหจนมือไม้สั่น ด่าทอทั้งน้องสาวทั้งผัวใหม่ของน้องอย่างสาดเสียเทเสีย
‘ไอ้ปลามันลูกฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้’ ปรารถนายังไม่สำนึก แถมยังปากดีเถียงพี่สาวฉอดๆ ไม่เกรงใคร ทั้งที่มีกมลายืนหัวโด่อยู่ทั้งคน
คนเป็นแม่จึงได้แต่เสียใจและโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีพอ เพราะตามใจกันมาตั้งแต่เด็กด้วยเห็นว่าขาดพ่อ สามีเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลังจากเธอคลอดลูกคนที่สองได้ไม่นาน ทั้งแม่และพี่สาวที่อายุห่างกันห้าปีจึงทั้งรักและเอาใจ แทนที่จะตอบแทนความรักของพี่สาวและแม่ อีกฝ่ายกลับเอาเปรียบพี่สาวต่างๆ นานา เอาแต่ใจตัวเองและคบเพื่อนไม่ดี เรียนก็ไม่จบเพราะหนักไปทางเที่ยวเตร่ หนีเรียนจนถูกไล่ออก
ปรารถนาอยู่บ้านช่วยแม่เสิร์ฟอาหารไปวันๆ ขโมยเงินแม่ไปเที่ยวบ้าง กมลาก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ กลัวลูกจะเตลิดหนีออกจากบ้าน แต่ก็ยังเกิดเรื่องเพราะเจ้าหล่อนท้องกับธนา ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าหลายปี จากการไปเที่ยวและเจอกันไม่กี่ครั้ง ฝ่ายนั้นจึงรับผิดชอบด้วยการแต่งงานอยู่กินกัน
‘นังชั่ว หลงผัวจนไม่ลืมหูลืมตา ทำไมไม่รู้จักรักลูกตัวเอง’ปรางทิพย์ชี้หน้าน้องสาวมือสั่นระริก เสียงที่เปล่งออกไปแม้ไม่ดังนัก แต่เต็มไปด้วยความเสียใจผิดหวังในตัวน้องสาวมากมาย
‘ใช่ชี้ พี่มันคนดี เรียนก็เก่ง ได้ผัวก็ทั้งหล่อทั้งรวย แต่ไม่เคยเอามาจุนเจือแม่กับน้อง’ ปรารถนายังคงลามปาม ต่อว่าพี่สาวด้วยความอิจฉาริษยา
เพราะปัญญาที่ทั้งหล่อทั้งรวย บังเอิญผ่านมากินอาหารตามสั่งที่ร้านของกมลา ทั้งที่ปรารถนาเจอเขาก่อนและได้พูดคุยกันบ้างเมื่อเขาสอบถามข้อมูลที่ดินสวยๆ แถวฝั่งธนบุรี กระทั่งวันหนึ่งเขาได้เจอกับปรางทิพย์ ปัญญาก็ไม่สนใจเธออีกเลย เขาเทียวมาเทียวไปตามจีบจนกระทั่งพี่สาวเธอยอมรับรัก และขอปรางทิพย์แต่งงานออกเรือนไปอยู่กินอย่างมีความสุข
ทั้งที่เธอสาวกว่า สวยกว่า ทำไมปัญญาจึงเลือกปรางทิพย์...
‘ไม่นะลูก แม่ปรางส่งเงินมาให้เราทุกเดือนตั้งแต่แต่งงานออกเรือนไป เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นของแม่ปรางด้วยส่วนหนึ่ง’ กมลาต้องเอ่ยแทรกด้วยรู้สึกละอายใจต่อลูกเขยที่แสนดี ผู้ไม่เคยทอดทิ้งแม่ยายให้ลำบาก
‘ไม่ต้องมาพูดเรื่องอื่น ตอนนี้แกจะเอายังไงกับเจ้าปลา’
‘ก็ต้องเอามันกลับบ้าน พี่สงสารมันนักก็จ่ายเงินค่ารักษาให้หลานสิ’พอพูดถึงเรื่องเงินทอง ปรารถนาก็เสียงอ่อนลง
‘ฉันจ่ายให้อยู่แล้วละ แต่ฉันจะเอาปลาไปอยู่ด้วย’ ปรางทิพย์ตัดสินใจแล้วเอ่ยออกมาโดยพลัน พร้อมกับหันไปมองหน้าสามีราวจะขอความเห็นและกำลังใจ
หากปล่อยหลานตัวน้อยกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่สารเลวแบบนี้ เจ้าปลาคงไม่พ้นเป็นที่รองมือรองเท้าของพวกจิตใจต่ำทราม และคงไม่มีโอกาสรอดเหมือนคราวนี้
อย่างไรเธอก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หลานมาอยู่กับตนเอง...
ปัญญาเอื้อมมือไปจับกระชับมือเรียวของภรรยาพลางพยักหน้าว่าเขาสนับสนุนเธอ แค่มองตาก็รู้แล้วว่า เขาและเธอใจตรงกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
ท่าทีเช่นนี้ยิ่งก่อเกิดความริษยาขึ้นในใจคนแบบปรารถนาจนต้องร้องเฮอะออกมาด้วยสีหน้าเหยียดหยัน เหยียดทั้งสองคนที่รักกันเหลือเกิน และเหยียดตัวเองที่ไม่เคยได้รับสิ่งดีๆ เหมือนพี่สาว เธอไม่เคยชนะพี่สาวได้เลยสักครั้ง...
‘ฮึ คิดว่าอยากจะเอาไป ก็เอาไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ’ปรารถนาที่หรี่ตาคิดคำนวณดูแล้ว งานนี้ไอ้ปลาจะกลายเป็นตัวเงินตัวทองให้เธอได้อย่างดี เพราะรู้ดีว่าพี่สาวเป็นคนใจอ่อนและรักเด็ก
‘นังชั่ว นี่แกยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง แกยังเป็นคนอยู่มั้ย’ ปรางทิพย์ปรี่เข้าไปจะตบน้องสาวอย่างเหลืออดนอกจากไม่มีจิตสำนึกของความเป็นแม่คนแล้ว มันยังกล้าเอาลูกมาต่อรองกับเธอ
‘ผัวพี่รวยนักไม่ใช่เหรอ อยากได้มันไปเลี้ยงก็จ่ายมาสิ’
‘เลว!’พูดได้แค่คำเดียวสำหรับน้องสาวที่เธอรัก น้องน้อยที่เฝ้าฟูมฟักเอาใจ ช่วยแม่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูกันมาราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่ดูรางวัลสำหรับความรักนี้สิ
กมลาถึงกับพูดอะไรไม่ออก ต้องนั่งลงบนโต๊ะอย่างหมดแรงกับคำพูดไม่รู้ผิดชอบชั่วดีของลูกสาวคนเล็ก ลูกท้องเดียวกัน เลี้ยงดูมาคล้ายกัน แต่ทำไมคนสองคนถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวคิดแล้วก็น้ำตาไหลออกมาอย่างหดหู่
‘ได้ ผมจะจ่ายให้เอง แต่มีข้อแม้ว่าคุณห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปลาอีก’ เป็นปัญญาที่เอ่ยออกมาส่งผลให้ภรรยาหันไปมองอย่างซาบซึ้ง ในขณะที่สองผัวเมียจิตใจหยาบช้าแววตาลุกวาบด้วยความโลภ
‘ฉันต้องการห้าแสนแลกกับไอ้ปลา แล้วก็ห้ามแจ้งความ...’
ปรางทิพย์กำลังจะเอ่ยด่าน้องสาว แต่ปัญญารั้งเอาไว้ เขารู้ดีว่าภรรยาอยากจะแจ้งความเอาเรื่องผัวเด็กของน้องสาวให้ได้ แต่คนเป็นน้องสาวก็ช่างกระไร รักผัวจนไม่ลืมหูลืมตา ยึดติดกับตัณหาราคะจนไม่สนใจไยดีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เด็กตัวเล็กขนาดนี้มันยังทำร้ายทุบตีได้ลงคอ จิตใจมันทำด้วยอะไร ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่แค่เมาเหล้า แต่คงเป็นยาบ้าที่พากันเสพทั้งผัวทั้งเมีย
นี่มันนรกชัดๆ หากปล่อยให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมและคนแบบนี้ ต่อให้รอดชีวิตเจริญเติบโตขึ้นมาหลานชายก็คงจะกลายเป็นเด็กติดยาและไม่มีอนาคต
ปัญญามองสภาพแก้มตอบ แก้วตาไม่สุกใส ริมฝีปากแห้งคล้ำ ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งตามวัย เขาก็เบ้ปากอย่างระอาปนสมเพชสำหรับคนแบบนี้ เงินเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้
‘ตกลง ผมจะจ่ายให้ตามที่คุณต้องการ แล้วทนายของผมจะเป็นคนไปจัดการเรื่องทั้งหมด ส่วนตอนนี้ผมกับปรางจะรับตัวปลากลับไปด้วยเลย...หวังว่าต่อไป เราคงไม่ต้องเจอะเจอกันอีก’ ปัญญาเอ่ยออกมาเสียงเย็นชา สายตาคมกริบกราดมองผัวเมียด้วยแววรังเกียจชัดเจน
วีระที่มีท่าทีกร่างๆ ในคราแรกรีบหลบไปอยู่ด้านหลังเมีย ด้วยเกรงสายตาที่เต็มไปด้วยความทรงอำนาจและเอาจริง แถมร่างกายสูงใหญ่แม้จะมีความสำอางจากผิวกายและการแต่งตัว แต่ก็น่ากลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่หนุ่มเจ้าสำอาง หากเกิดต่อยตีกันขึ้นมา เขาคงสู้มันไม่ได้
พอปัญญายื่นคำขาดให้ปรารถนาเลิกมาข้องเกี่ยวกับเด็กน้อยอีก สองผัวเมียก็รีบพากันออกจากโรงพยาบาลไป โดยก่อนไปยังไม่วายหน้าด้านขอเงินล่วงหน้าติดกระเป๋าไปด้วย เขาก็ยอมจ่ายให้ไปแต่โดยดี เพื่อที่สองผัวเมียจะได้ออกไปจากชีวิตเด็กและภรรยาของตน เขารักปรางทิพย์มาก และไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมาทำให้ชีวิตของเธอมัวหมอง
ปรางทิพย์เข้าไปคุยกับหมออีกครั้งเพื่อจะย้ายหลานตัวน้อยไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกแห่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ครอบครัวของปัญญาทุกคนเข้ารักษาเป็นประจำ
การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วเมื่อเงินถึง
เด็กชายปลาได้เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลอีกแห่ง โดยมีปรางทิพย์ดูแลสลับกับกมลาในตอนกลางวัน และจ้างพยาบาลพิเศษอยู่เฝ้าในตอนกลางคืน ส่วนลูกชายแท้ๆ อายุสองขวบมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ที่บ้านและคนเป็นแม่กลับไปอยู่ด้วยทุกคืนกมลาปิดร้านอาหารตามสั่งไปช่วยดูหลานชายด้วยความสงสาร เด็กชายปลาอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์ อาการก็ดีขึ้นและกลับบ้านได้
เด็กน้อยรู้สึกเหมือนว่าตนเองฝันไป เมื่อจู่ๆ ก็มีทั้งพ่อและแม่ที่ดีต่อเขา บ้านใหญ่โตสุขสบาย มีคนรับใช้และพี่เลี้ยง ที่สำคัญยังมีน้องชายน่ารักแก้มยุ้ย ผิวขาวละเอียดราวกับตุ๊กตาให้เขารักและหวงแหน
จริงๆ แล้วโลกนี้ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิด ตอนนี้เขาเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง...
ระหว่างนั้นปัญญาก็เป็นคนจัดการทุกอย่าง เขาส่งทนายความไปดูแลเรื่องทั้งหมดกับสองผัวเมียไร้จิตสำนึก เพื่อรับเลี้ยงเด็กชายมาเป็นลูกบุญธรรม ใช้นามสกุลของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เขาและภรรยาต่างก็ให้ความรักความเมตตาราวกับลูกแท้ๆอีกคน
ฝ่ายปรางทิพย์นั้นไม่มีข้อกังขาใดๆ
ทว่ากับตัวเขาเองแม้จะให้ความรักความสงสารก็จริง แต่ก็รักได้ไม่เท่าลูกชายแท้ๆอย่างปรมัตถ์
ทุกสิ่งที่สร้างมาก็เพื่อปรมัตถ์...ไม่ใช่ปรเมศวร์
เด็กชายที่เขาเปลี่ยนชื่อให้คล้องจองกับลูกชายแท้ๆและใช้นามสกุลของเขา
ปรเมศวร์ ฉัตรแก้ว
เขาเคร่งครัดและสั่งสอนให้ปรเมศวร์แข็งแกร่ง แต่กลับไม่ได้มอบความรักความอบอุ่นในแบบพ่อลูก จึงทำให้ลูกชายคนโตเย็นชาไร้หัวใจ
เด็กคือผ้าขาว เขาน่าจะทำให้ดีกว่านี้กับเด็กที่ขาดความรักและถูกรังเกียจจากพ่อแม่แท้ๆ
ปัญญาหยิบภาพถ่ายของปรเมศวร์และข้อมูลจากคนของเขาที่แทรกตัวอยู่ในโรงแรมเครือนิวยอร์กขึ้นมาดู เจ้าเด็กคนนั้นทำงานดีไม่มีที่ติ แถมทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ แต่ในเรื่องส่วนตัว มันยังคงเที่ยวเตร่ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงเช่นเดิม โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่เปลี่ยนหน้าไม่ซ้ำ
ชายสูงวัยถอนหายใจ เขาไม่อยากเคร่งครัดอะไรกับเจ้าลูกชายคนนี้อีกแล้ว หากไม่ได้ทำให้งานเสียหรือทำให้ใครเดือดร้อน เขาก็จะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไร คอยมองอยู่ห่างๆ เพราะต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว
คิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกรอกเสียงลงไป
“ว่าไง เจ้าลูกชาย ทำไมไม่รับสายพ่อ”
“ก็ผมยุ่งอยู่นี่ครับ”
“งานหรือผู้หญิงล่ะ”
“โอ้โฮ คุณพ่อมีตาที่สามหรือเปล่าครับเนี่ย ฮ่าๆ” เสียงปรเมศวร์สดใสมาตามสายทันทีที่ถูกดักทางได้เหมือนตาเห็นของผู้เป็นพ่อ
“กลับบ้านเราได้แล้วนะ” แต่คนเป็นพ่อไม่ได้หัวเราะตาม เขาทำเสียงจริงจังในสิ่งที่ต้องการจะคุยตั้งแต่แรกที่โทร.หาลูกชายคนโต
“คุณพ่อ...” คนปลายสายส่งเสียงเบาหวิวเรียกออกมาอย่างลืมตัว “อ่า...แล้วทางนี้เล่าครับ”
“พ่อจะส่งคนไปดูแลแทน ส่วนทางนี้...กลับมาคุยกัน”
“ครับ แล้วจะให้ผมกลับเมื่อไหร่ ผมจะได้เคลียร์ทุกอย่าง” ทั้งเรื่องงานและผู้หญิงปรเมศวร์คิดในใจ ไม่อาจเอ่ยออกไปได้ เพราะบิดาเป็นคนรักเดียวใจเดียว แม้จะมีหญิงสาวสวยมาเสนอตัวก็ไม่เคยว่อกแว่ก กระทั่งเด็กสาวคราวลูกที่เสี่ยมีเงินทั้งหลายแอบกินกันลับๆ คนเป็นพ่อก็ไม่เคยข้องเกี่ยว การพูดคุยกับผู้คนเหล่านั้นก็เพียงแค่ทางธุรกิจ แล้วรีบกลับไปหาภรรยาคนเดียวของท่าน
“เดือนหน้าไหวมั้ย สำหรับการเคลียร์ทุกอย่าง”เสียงบิดาหนักแน่นจนเขาแปลกใจ แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของพ่อเท่านั้น
“ครับ” เขารับคำเสียงหนัก ใจอยากถามถึงน้องชาย แต่ก็เกรงจะทำให้บิดาเสียใจ
“แค่นี้ละ” ปัญญาจบบทสนทนาเรียบง่ายเช่นทุกครั้ง ก่อนจะวางสาย แต่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยออกไป “พ่อรักแกนะป้อ”
คลิก...เสียงวางสายจากคนทางโน้นที่อยู่ไกลอีกทวีปดังมาเข้าหู เรียกสติคนที่ยังแนบหูไว้กับโทรศัพท์ค้างอยู่
“พ่อ...” ปรเมศวร์เรียกอีกฝ่ายเสียงเบาหวิว หัวใจพองโตขึ้นมา
เขาไม่เคยได้ยินคำ‘รัก’นี้จากคนเป็นพ่อเลยสักครั้ง พ่อที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ก็ให้ความเมตตาและให้ชีวิตใหม่แก่เขา พ่อที่มีบุญคุณท่วมหัวจนเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านพอใจ
และรักเขาให้ได้สักนิดเหมือนที่น้องชายได้รับ...
คนทางเมืองไทยวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น และอยากพูดคำนี้กับคนเป็นพ่อบุญธรรมสักครั้งในชีวิต
“ผมก็รักพ่อครับ”
หญิงสาวยืนน้ำตาคลออยู่หน้าโรงแรมของชายหนุ่ม เธอเพิ่งถูกอีกฝ่ายบอกว่าจะต้องกลับเมืองไทยในเดือนหน้า และไปอยู่ถาวร ภัคจิรารู้ดีว่าการบอกเล่าแบบนี้หมายถึงการบอกเลิกนั่นเอง เขาช่างเย็นชาและไร้เยื่อใยมากกว่าที่เธอคาดคิด ทั้งที่เพิ่งจะมีสัมพันธ์อย่างถึงพริกถึงขิงไปเมื่อครู่
คนแบบปรเมศวร์ที่ใครๆ ร่ำลือว่าเลือดเย็น แต่เธอกลับไม่เคยเชื่อ และมั่นใจในตัวเองว่าจะเอาเขาอยู่ และมันช่างท้าทายเหลือเกิน
ทว่าวันนี้ เธอได้รู้ซึ้งแล้วว่า เขาเลือดเย็นจับใจ สีหน้าท่าทางที่แสดงออกก็แสนจะราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงความเสียใจหรือเสียดายความสัมพันธ์แม้เพียงนิด เป็นเธอเสียอีกที่แทบจะหวีดร้องออกมา แต่ต้องระงับจิตใจและพยายามรักษากิริยาเอาไว้ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสัมพันธ์ภายใต้การไม่ผูกมัดที่เคยตกลงกันไว้
แต่กระนั้นภัคจิราก็ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกไม่อยากสูญเสียเขาไป และคาดหวังว่าเขาจะปลอบโยนหรือใจอ่อนลงบ้าง
ปรเมศวร์ทำแค่เพียงยิ้มปลอบไม่เอ่ยคำใด เป็นเธอที่โผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมถอยออกมาเมื่อเขายังคงเฉยเมย
‘ภัคไม่เห็นว่าการที่คุณจะกลับไทย ทำไมต้องไม่ให้ภัคมาหาคุณด้วย ภัครักคุณนะคะเมศวร์’ เธอเช็ดน้ำตาออกเมื่อรับรู้ว่าน้ำตาไม่อาจเรียกความสงสารจากคนตรงหน้าได้
‘ภัค...’ ชายหนุ่มเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนใจนิดๆ คิ้วเริ่มขมวดเมื่ออีกฝ่ายเซ้าซี้ ‘ผมต้องเตรียมตัวและเคลียร์งานที่นี่ให้หมดก่อนบินกลับไทยนะครับ เพราะคนที่เขามาบริหารดูแลต่อจะได้ไม่ผิดพลาด คุณก็น่าจะรู้’
‘ภัคเข้าใจค่ะ แต่ภัคอยากมาหาคุณ มันปุบปับเกินไปนี่คะ นะคะ ให้ภัคมาหาคุณบ้าง’ เธอยังคงออดอ้อนเขา แต่กลับยิ่งทำให้ปรเมศวร์หงุดหงิด
‘เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ เอาเป็นว่าถ้าผมเคลียร์งานเสร็จ เราค่อยเจอกัน แต่ไม่ใช่ที่นี่’ เขาต้องการเคลียร์ทั้งงานและคน แต่ก็ไม่อยากตัดรอนกันมากเกินไปนัก
‘ได้สิคะ งั้นภัคกลับก่อนก็ได้’ เห็นเขาอ่อนให้แล้ว เธอก็ยอมถอยไปตั้งหลัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่การตัดสัมพันธ์แบบเด็ดขาด เธอมั่นใจว่าสันดานผู้ชายหากต้องการขึ้นมาก็ต้องคว้าเอาไว้ และเมื่อวันนั้นมาถึง เธอจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
‘ครับ...’ เขายิ้มให้เธอเล็กน้อยแบบขรึมๆ
‘ขอบคุณนะคะ’ เธอเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บแก้มเขาด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตายังคลอ ‘ห้ามผิดสัญญานะ ภัคจะรอค่ะ’
ภัคจิราผละออกไปหยิบกระเป๋าจากโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา แล้วหันมาโบกมือบ๊ายบายให้เขา ด้วยรู้ดีว่าปรเมศวร์ไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้มากนัก เมื่อกี้เขาก็เริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว
เธอไม่ยอมแพ้หรอก...ในเมื่อเขาเคยชอบเธอจนถึงกับมีอะไรกันอย่างลึกซึ้ง ผู้ชายแบบปรเมศวร์อาจมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้ซ่อนอยู่ในใจ ปมที่เขาหาทางแก้ไม่ออก และเธอจะเป็นคนแก้มันเอง แค่หาให้เจอเท่านั้น...
ภัคจิรายกมือปาดเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มปลอบใจตัวเอง พลางเดินสะบัดหน้าไปทางลานจอดรถของโรงแรมที่ปรเมศวร์เป็นเจ้าของ
ใครจะยอมปล่อยมือจากชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวยมหาศาลขนาดนี้ แถมยังลีลารักอันร้อนแรงที่เธอได้ลองมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และเธอยอมรับว่าติดใจในรสรักของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...
ปรเมศวร์ไม่ได้ผิดคำสัญญา เธอคาดไว้ไม่ผิดจริงๆ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้ง แม้จะมีความเลือดเย็นในความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่นั่นก็เพราะข้อตกลงที่เธอเต็มใจในทีแรก ด้วยคิดว่าก็แฟร์ดี เพราะเธอเองก็ไม่คิดจะจริงจังกับเขานานนัก ก็แค่ลองคบดูอย่างที่ผ่านๆมากับคนอื่น เพราะเธอเองก็เป็นคนขี้เบื่อ การมีข้อตกลงแบบไม่ผูกมัดเป็นเรื่องดีในการแยกย้ายเมื่อรู้สึกไม่โอเคที่จะคบต่อ และยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
ทว่า...ผู้ชายอย่างปรเมศวร์ช่างน่าค้นหา เมื่อได้ใกล้ชิดและ...ได้ลิ้มลอง เธอกลับติดใจและเริ่มมีใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ตัวเองก็ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น
ภัคจิราส่งยิ้มให้เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งเดินแบบในช่วงบ่าย พอตกค่ำเธอก็ได้รับข่าวดีเมื่อปรเมศวร์โทร.มาบอกว่าให้ไปเจอกันที่ผับแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองนิวยอร์ก บรรยากาศค่อนข้างดีด้วยการตกแต่งอันเรียบหรู ที่หนุ่มสาวมีระดับมานั่งดื่มกินกันอย่างผ่อนคลายด้วยเพลงเบาๆฟังสบายๆ
“ภัคดีใจจังเลยค่ะที่คุณเมศวร์โทร.หา ภัคคิดถึงคุณ อยากไปหา แต่ก็กลัวคุณจะรำคาญ” เธอยิ้มยั่วเย้าพร้อมทำเสียงกระเง้ากระงอด เพียงแค่สองสัปดาห์ที่เธอห่างจากเขาก็โหยหาแทบเจียนบ้า แต่ทำได้เพียงโทร.หาหรือส่งข้อความ เขารับและคุยบ้าง แต่ก็ไม่มากมายนัก ยิ่งข้อความที่ส่งไปทางไลน์เขาอ่านแต่ไม่เคยตอบเลย ความน้อยใจนั้นมีมาก แต่ก็ต้องทำใจเย็นกับเขา
“ครับ ผมมีอะไรจะมาบอกคุณน่ะ แล้วก็นี่ครับ” เขาส่งกระดาษใบหนึ่งให้เธอยิ้มๆ เมื่อเธอรับไปมอง เขาก็บอกกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “อย่าคิดมากนะครับ ผมไม่ได้ดูถูกหรือว่าอะไร แต่ผมอยากให้และคิดว่าคุณสมควรได้รับ ถือว่าเป็นของขวัญจากผมก็แล้วกัน”
เช็คเงินสดจำนวนหนึ่งแสนดอลลาร์ทำให้เธอเลิกคิ้วสูง รีบเงยหน้ามองเขา...
“คุณเมศวร์ โอ๊ย ใครจะคิดแบบนั้นกันคะ ขอบคุณที่คุณเมศวร์ใจดีกับภัคขนาดนี้” ใครคิดว่าการให้เช็คเงินสดเป็นล้านคือการดูถูกกันก็บ้าแล้ว
ปรเมศวร์ใจกว้างกับเธอเสมอ ตั้งแต่เริ่มคบกัน เขาก็เสนอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้อย่างสุภาพบุรุษ สายเปย์ขนาดนี้ เธอจะไม่หลงได้ยังไง เวลาพาไปชอปปิงก็ไม่เคยอั้น เธอสามารถจับจ่ายซื้อหาในสิ่งที่อยากได้โดยที่เขาไม่เคยปริปากเลยสักครั้ง
แต่นั่นก็หมายความว่าเธอรู้จักพอ และรู้ว่าควรซื้ออะไรที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แม้เขาจะเป็นสายเปย์ แต่เธอรู้ นั่นคือวิธีการลองใจผู้หญิง เขาไม่พูด แต่หากไม่พอใจก็เลิกราได้ราวกับพลิกฝ่ามือ เธอชอบเขาและสนุกกับการมีเขาอยู่ข้างกาย เพื่อนนางแบบหรือเพื่อนนักศึกษาด้วยกันต่างมองเธอด้วยสายตาอิจฉาทั้งนั้น
และวันนี้ที่เขาเดินเข้ามา ด้วยความสูงแบบฝรั่งแต่กลับมีผิวและเส้นผมแบบชาวเอเชีย ยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่นจนสาวๆฝรั่งเหลียวมอง อีกทั้งการแต่งกายที่เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้ายิ่งทำให้เขาดูหล่อจับใจ
“ดีครับ คุณเข้าใจผมเสมอ เงินที่ผมให้ไปน่าจะเพียงพอกับการใช้จ่ายของคุณ” ปรเมศวร์ยิ้มให้เธอเล็กน้อย ดวงตาฉายแววลึกล้ำยากจะหยั่งถึง
“ค่ะ เงินจำนวนนี้ภัคแทบไม่ต้องรับงานเดินแบบเลยด้วยซ้ำ” เธอบอกเขาด้วยแววตาพริบพราว เขาและเธอนั่งอยู่บนโซฟายาวตัวเดียวกัน ส่วนเครื่องดื่มเธอสั่งไว้รอเขาอยู่แล้ว ชายหนุ่มยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มเพียงนิดแล้ววางลง
“อื้ม...หากผมกลับไทยแล้ว คุณคงอยู่ที่นี่อย่างไม่ลำบากนัก” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง รู้ดีว่าเงินที่ตัวเองให้หญิงสาวนั้นค่อนข้างมาก ปกติเขาก็ให้เธอทุกสัปดาห์อยู่แล้ว แต่หญิงสาวค่อนข้างใช้เงินมือเติบและคบเพื่อนมีระดับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
“คุณเมศวร์เป็นห่วงภัคเหรอคะ” เธอคล้องแขนเขาพลางเงยหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ บดเบียดหน้าอกอวบอิ่มในชุดเสื้อเกาะอกกับแขนของเขา เมื่อเห็นเขายังคงนิ่งเฉย เธอจึงเอ่ยเสียงยั่วยวน “วันนี้เราไปต่อกันที่โรงแรมของคุณนะคะ”
“อืม...” ชายหนุ่มก้มมองความยั่วยวนตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยรับคำอีกฝ่ายง่ายๆ เขาเคร่งเครียดอยู่กับงานมาเกือบครึ่งเดือน ทั้งเคลียร์งานและเริ่มทยอยโอนงานให้แก่ผู้บริหารงานคนใหม่ ยังมีที่คั่งค้างอีกเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำอย่างรอบคอบ เขาไม่อยากได้ยินคำตำหนิจากผู้เป็นบิดาแม้เพียงครึ่งคำ นั่นหมายถึงว่าเขาทำงานได้ไม่ดีพอต่อความไว้วางใจที่บิดามอบให้
“ดีใจจัง คุณเมศวร์น่ารักที่สุด รู้มั้ยคะว่าภัคคิดถึงคุณมากแค่ไหน งั้นเรานั่งเล่นฟังเพลงสักพักแล้วค่อยออกไปนะคะ” เธอว่าเสียงออดอ้อนพร้อมกับรินบรั่นดีจากขวดเติมลงในแก้วให้เขา แววตายั่วยวนเปิดเปลือยความต้องการให้เขารับรู้อย่างหมดเปลือก
“ครับ” เขารับคำสั้นๆ พลางยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ในขณะที่เธอเอื้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดื่มบ้าง รวดเดียวหมดแก้วเช่นกัน พลางก็บดเบียดร่างกายเข้าหาเขาจนแทบจะขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งเลยทีเดียว
“ภัคเปลี่ยนใจแล้วค่ะ เราออกไปกันเลยดีกว่านะคะ ภัคหิว...คุณจะแย่แล้ว” เธอกระซิบบอกเขาเสียงหวาน
ชายหนุ่มเพียงหัวเราะในลำคอกับท่าทีของภัคจิรา นางแบบสาวหุ่นดีที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่ใช่เพราะความลำบาก แต่เป็นเพราะเธอต้องการมีชื่อเสียงและมีสังคมที่หรูหรา จนกระทั่งได้มาเจอเขาในงานปาร์ตี้ที่ผู้จัดงานเดินแฟชั่นโชว์มาจัดในโรงแรมของเขา มีทั้งเซเลบคนดัง นางแบบและดารามาร่วมงานคับคั่ง
ภัคจิราเข้ามาในขณะที่เขาเพิ่งเลิกกับสาวสวยชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนางแบบเช่นเดียวกัน ความหึงหวงและเอาแต่ใจของเธอทำให้เขาเบื่อหน่ายและไม่อยากคบหาอีกต่อไป เขาจึงเริ่มห่างจากเธอ และเป็นที่เข้าใจตรงกันว่านั่นคือการเลิกรา
ปรเมศวร์ได้รู้จักและเริ่มคบหากับภัคจิราเพราะเจ้าของเอเจนซี่แนะนำ เธอเป็นนางแบบสาวไทยหุ่นดีและสวยคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง ผมดำ ตาโต ทำให้เธอค่อนข้างโดดเด่น หญิงสาวค่อนข้างฉลาดในการเข้าหาเขา ไม่เรียกร้องเรื่องมาก แต่ก็เร่าร้อนและเอาใจเขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาจึงคบกับเธอค่อนข้างนานกว่าใคร
ทว่าช่วงหลังมานี้เธอกลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ทั้งเรียกร้องและเริ่มหึงหวงหญิงสาวทุกคนที่เข้าใกล้เขาอย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งก็แสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาต่อหน้าคนอื่นอย่างน่ารำคาญ เมื่อเอ่ยตำหนิก็ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายว่าทำไปเพราะรักเขา...
เธออาจลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ได้มีจุดหมายที่ยั่งยืนขนาดนั้น เขาไม่ได้รักเธอ และเธอคงไม่ได้รักเขาอย่างที่เอ่ยออกมา เพราะบางครั้งนางแบบสาวก็ไปเที่ยวกับหนุ่มนายแบบที่ถูกใจในเวลาที่บอกว่าไปทำงานหรือไปเรียน เขาไม่ใช่คนโง่ แค่ให้คนสนิทตามห่างๆไม่กี่วันก็รู้แล้วว่าเธอทำอะไรที่ไหน เธอก็คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศกับหนุ่มต่างชาติดูบ้าง
ภัคจิราก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป ความรักน่ะเหรอ มันก็แค่ข้ออ้างในการทำให้ใครอีกคนทำตามความต้องการของตัวเอง และเงิน...คือคำตอบของทุกสิ่ง
ชายหนุ่มจ่ายเงินแล้วพาเธอออกจากผับ จุดหมายคือห้องพักหรูในโรงแรมที่เขาเป็นผู้บริหาร
คืนนี้ภัคจิราเร่าร้อนเป็นพิเศษ เพราะเธอต้องการกอบโกยความสุขจากเขาให้มากที่สุด เธอตั้งใจจะปรนเปรอให้เขาอย่างเต็มที่ ราวกับจะให้เปลี่ยนใจไม่ไปจากเธอ แม้จะเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตาม
แค่เพียงประตูห้องพักหรูของเขาปิดลง ภัคจิราก็เข้ามาคลอเคลียนัวเนียเขาอย่างโหยหา และคนตัวสูงใหญ่อย่างปรเมศวร์ก็ปล่อยให้เธอได้ทำตามใจปรารถนา ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวต้องการเขามากแค่ไหน
เมื่อเขาจูบตอบเธอขณะที่พากันเดินมาถึงโซฟา ภัคจิราก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากเรือนกายของเขาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผลักแผงอกกว้างเปล่าเปลือยที่มีมัดกล้ามสวยงามเบาๆ ให้เขานั่งลงแล้วเธอก็ตามไปประกบจูบปากแดงสวยของเขาอย่างหลงใหล่ ใช่ เธอลุ่มหลงเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หญิงสาวผละริมฝีปากอิ่มออกมา แล้วจูบไปตามเรือนกายของเขา ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าท้องที่มีขนอ่อนบางๆ ภัคจิราลงไปนั่งคุกเข่า เงยหน้ามองคนที่อยู่เหนือเธอด้วยดวงตาหวานเยิ้ม ขณะปรเมศวร์เพียงยิ้มมุมปากแทบจะเหมือนไม่ได้ยิ้ม ดวงตาของเขาโชนแสงล้ำลึกชวนเสน่หาจนหญิงสาวใจสะท้านหากจะต้องจากลา
เธอก้มลงจูบความเป็นตัวตนของเขาอย่างหลงใหญ่ ประคองมันเอาไว้ด้วยมือเรียว แล้วเริ่มครอบครองเขาด้วยริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงสด ดูดกลืนความแข็งแกร่งเต็มปากเต็มคำด้วยความหลงใหลโหยหิว คนมีนั่งเอนตัวบนเบาะนุ่มได้แต่เอนตัวกำซาบความพลุ่งพล่านที่ก่อตัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณของร่างกาย ปล่อยให้เธอหยอกเย้าตัวตนของเขาตามปรารถนา กระทั่งเธอถอนริมฝีปากออกมาและปล่อยความแข็งกร้าวเป็นอิสระดีดพุ่งสู่สายของเธอ
ภัคจิรายิ้มยั่วพร้อมกับหยิบสิ่งป้องกันใส่ให้เขา แล้วขึ้นมานั่งคร่อมบนตักแกร่งพร้อมกับครอบครองความแข็งกร้าวที่ท้าทายให้เริงรัก กระโปรงสั้นรั้งขึ้นไปจนสะโพกกลมความครัดเคร่งผงาดในความอ่อนนุ่มของตัวเธอ ขณะมือใหญ่ประคองสะโพกเธอเอาไว้ สร้างความสยิวซ่านในช่องท้องจนตัวเธอเกร็ง เธอกอดคอเขาเอาไว้เพียงครู่ จากนั้นจึงขยับเรือนร่างเพรียวสวยอย่างนางแบบเข้าหาเขาช้าๆ ยิ่งเห็นเขารื่นรมย์เธอก็ยิ่งปรนเปรอเขา ทั้งกระแทกกระทั้นถาโถมเข้าใส่ให้เขาถึงใจ เธอต้องการให้เขาจดจำบทรักนี้จนไม่มีวันลืม
ตัวเธอเองก็เริงร่าโลดแล่นไปกับความสุขล้ำจากเรือนร่างแข็งแกร่งตรงหน้า แม้จะปรนเปรอเขา แต่เธอก็ได้รับความสุขไม่น้อยไปกว่ากัน และเมื่อเขาถึงปลายทาง เธอก็ยังไม่หยุดปรนเปรอ จนเขาครางกระหึ่มในลำคอให้เธอสุขล้นซบหน้ากอดเขาเอาไว้ เธอจูบแก้มเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“ภัสมีความสุขเหลือเกินค่ะคุณเมศวร์”
“อืม” เขาเพียงตอยรับอย่างเย็นชา และประคองร่างเธอเอาไว้บนตักแกร่ง ไม่มีความรักจากเขา มีเพียงความสุภาพและความสุขจากเซ็กซ์ที่เขาต้องการจากเธอ และเธอเองต้องการจากเขา
ภัคจิรายิ้มหยันตัวเองด้วยหัวใจที่ทุกข์ระทม...
คืนนี้ก็เป็นเช่นทุกครั้ง จบที่เรื่องใคร่และต่างแยกย้าย ไม่มีอะไรผูกมัดหรือผูกพัน...ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือหัวใจของเขา
พลอยลีลา สาวสวยลูกผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เนื่องจากทั้งสายตระกูลบิดาและมารดาต่างได้ชื่อว่ามาจากสกุลเก่าแก่แม้จะเพียงปลายแถว แต่นามสกุลก็เก่าและเป็นที่รู้จัก เธอมาเรียนต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย และนานๆ จะกลับบ้านที่เมืองไทยสักที เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าชาวอเมริกันผู้เป็นเจ้าของห้างดัง ทั้งที่เธอคาดหวังถึงการแต่งงานที่หรูหราและมีชีวิตราวกับเจ้าหญิง
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวผู้ดีนามสกุลเก่า แต่พลอยลีลารู้ดีแก่ใจว่า ตอนนี้ทางบ้านของเธอไม่ได้ร่ำรวยมีเงินอย่างตระกูลอื่น แถมยังเปิดร้านอาหารข้างบ้านพักเพื่อเลี้ยงชีพ เธอไม่อยากกลับไปให้เพื่อนๆดูถูก สังคมใหม่ที่นี่ทำให้เธอมีความสุขกว่า และอาชีพเสริมของเธอก็คือนางแบบ ส่วนเงินที่พ่อแม่ส่งเรียนพร้อมค่ากินอยู่ให้นั้น แม้จะพอใช้แต่ก็ไม่ได้มากพอจนเธอสามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้
โชคดีที่เธอหัวดีมาอยู่ไม่นานก็พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ด้วยการใช้แท็กติกการไม่พูดภาษาไทยและคบเพื่อนคนไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่พลอยลีลามีกลุ่มเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะหนุ่มสาวชาวอเมริกัน
หลังจากนั้นด้วยความสวยหุ่นดี และมีผิวคล้ำแบบสาวไทยแท้ เพื่อนในกลุ่มที่เป็นนางแบบเลยพาไปแนะนำให้รู้จักกับโมเดลลิ่งที่สังกัดอยู่ และก็ถูกตาต้องใจเจ้าของโมเดลลิ่งนั้นทันที แม้เธอจะขอไม่เซ็นสัญญาเป็นนางแบบประจำเพราะยังเรียนอยู่และไม่ต้องการผูกมัด แต่ก็ได้รับงานเดินแบบเป็นจ๊อบๆ ไม่ขาด
พลอยลีลาจึงมีรายได้จากตรงนี้ค่อนข้างมากและสามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างสบาย ทำให้เธอติดชีวิตหรูหราเพราะอยู่ในสังคมกลุ่มเพื่อนไฮโซเซเลบ เดินไปไหนก็มีแต่คนมอง แถมเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยจนกระทั่งช่วงต่อโทปีแรก เธอก็ได้รู้จักกับเจ้าของห้างดังชาวอเมริกัน ที่สำคัญเขาเป็นสายเปย์ตัวพ่อ เธอจึงมีเงินใช้จ่ายแทบเรียกได้ว่าไม่ได้แตะเงินค่าเดินแบบหรือเงินที่พ่อแม่ส่งมาให้เลยด้วยซ้ำ
ทว่าช่วงที่ใกล้จะจบปริญญาโท เธอกลับถูกเพื่อนนางแบบด้วยกันหักหลังฉกแฟนหนุ่มไปกินหน้าตาเฉย ยายนั่นอายุน้อยกว่าเธอและเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น หน้าตามีเอกลักษณ์แบบชาวเอเชีย ที่สำคัญผิวหล่อนขาวราวกับหิมะ เอริกแฟนหนุ่มของเธอคงอยากเล่นตุ๊กตาญี่ปุ่นแบ๊วๆขึ้นมา เพราะเขารีบเขี่ยเธอทิ้งอย่างไม่ไยดีด้วยการเสนอเงินและเฉดหัวเธอออกมาจากคฤหาสน์ของเขาเป็นมูลค่าค่อนข้างสูงทีเดียว
คนอย่างเธอแม้จะเสียใจและเสียหน้า แต่ก็มีความเป็นตัวเองและมีความมั่นใจสูง เมื่อเอริกไม่ต้องการเธอแล้ว เธอจะหน้าด้านไปตบตีกับยายเรโกะให้เสียเวลาทำไม เงินก็มีเพื่อนก็มาก โอกาสหลายๆอย่างก็มีเข้ามาไม่ขาด เอริกก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รวยมาก
แม้จะเสียดาย แต่คนอย่างเธอหาใหม่ได้อยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอคนใหม่ที่อาจดีกว่าและรวยกว่า อยู่สวยๆและหาความสุขใส่ตัวดีกว่ามานั่งร้องไห้ฟูมฟายให้เสียสุขภาพจิต อย่างเพื่อนนางแบบที่เป็นคนไทยด้วยกัน ยายนั่นเพิ่งมาเล่าว่าโดนเจ้าของโรงแรมชาวไทยเท แล้วมานั่งร้องไห้กระซิกๆว่ารักเขาอย่างโน้นอย่างนี้ เฮ้อ!
ค่ำวันนี้มีงานปาร์ตี้วันเกิดของเซเลบคนดังท่านหนึ่งที่จัดขึ้นในโรงแรมใหญ่กลางกรุงนิวยอร์ก พลอยลีลาซึ่งเป็นนางแบบจึงได้รับการเชื้อเชิญเพื่อมาสร้างสีสันภายในงานด้วย เธอรู้มานานแล้วว่าเจ้าของโรงแรมนี้เป็นชาวไทย ตัวเธอเองก็เคยมาเดินแบบที่นี่บ้าง และเพิ่งรับรู้มาจากยายภัคจิราว่าเขาจะกลับไทย เลยตัดความสัมพันธ์กับยายนั่น
แม้จะเคยเห็นนายปรเมศวร์ซึ่งควงอยู่กับภัคจิราในงานปาร์ตี้บ้าง แต่ด้วยความที่ตัวเองมีเอริกอยู่จึงไม่ใคร่ได้สนใจนัก ทว่า...
คนที่นั่งคุยและแสดงความยินดีกับเจ้าของวันเกิดนั่น ช่างหล่อเหลาและเร้าใจเหลือเกิน พลอยลีลานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนนางแบบซึ่งไม่ไกลจากโซฟาที่ชาร์ลส์ เจ้าของแบรนด์ดังผู้เป็นเจ้าของวันเกิดนั่งอยู่ จึงสังเกตเห็นตั้งแต่ปรเมศวร์เดินเข้ามาทีเดียว
ฉะนั้นพลอยลีลาจึงไม่รั้งรอโอกาสเมื่อเห็นท่าทีการบอกลาของชายหนุ่มทั้งสอง เธอขอตัวจากเพื่อนไปห้องน้ำ แต่ที่จริงก็แค่ทำทีเป็นเดินไปทางปรเมศวร์และรอจังหวะงามๆ
“อุ๊ย!” หญิงสาวร้องอุทานเมื่อถูกชน แม้ไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้แก้วไวน์ในมือเรียวแทบหล่น ไวน์สีแดงเข้มกระฉอกออกมาจนเลอะชุดของคนถือจนเป็นด่างดวง
“ขอโทษครับ” ปรเมศวร์ที่คว้าตัวอีกฝ่ายไว้ได้และร่างเพรียวบางตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งรีบเอ่ยออกมา
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวประคองตัวเองได้แล้ว เขาจึงปล่อยตัวเธอ และถอยออกมาเล็กน้อยด้วยความสุภาพ พลางสำรวจดูเสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวหุ่นดีหน้าตาสะสวยผิวสีน้ำผึ้งคนนี้ เขาค่อนข้างคุ้นหน้า แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันผิดเองที่เดินไม่ดูทางเพราะจะรีบไปรับโทรศัพท์ข้างนอกห้องน่ะค่ะ” เธอพูดภาษาอังกฤษ เงยหน้าบอกเขาด้วยสีหน้าเหยเก กัดปากล่างนิดๆด้วยความขัดเขินกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง ในขณะมือข้างที่ว่างจับเสื้อสีขาวซึ่งมีรอยเปรอะดวงใหญ่
“ผมเองก็ผิดเหมือนกัน เอางี้ครับ เดี๋ยวผมพาคุณไปทำความสะอาดที่ห้องผม...เอ่อ” เขาหยุดพูดเพื่อแนะนำตัว “ผมปรเมศวร์ ผู้บริหารของโรงแรมแห่งนี้ครับ แล้วก็...อ่า ผมมีห้องอยู่ชั้นบน หากคุณไม่รังเกียจ และไว้ใจผม”
“ตกลงค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันพลอยลีลา” เธอบอกเขาด้วยภาษาไทย พลางยิ้มกว้างให้เขาด้วยดวงตาสุกใส “จริงๆฉันรู้จักคุณจากเพื่อนแล้วค่ะ แต่ยังไม่เคยได้พูดคุยกันสักที เอาเป็นว่าฉันไว้ใจคุณค่ะ”
“ครับ งั้นเดินตามผมมาเลย” เขาว่ายิ้มๆ พลางหยิบแก้วไวน์ออกจากมือเธอไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินนำเธอออกจากห้องจัดงาน โดยมีหญิงสาวร่างเพรียวบางเดินตามไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก เมื่อทุกอย่างดำเนินไปตามที่เธอต้องการ แถมยังเกินกว่าที่คาดไว้เสียอีก
พลอยลีลารู้มาจากเพื่อนนางแบบอย่างภัคจิรา เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของเจ้าหล่อนกับปรเมศวร์ เจ้าของโรงแรมหรูแล้ว แบบละเอียดยิบทีเดียว เพราะยายนั่นมีเธอเป็นเพื่อนคนไทยซึ่งเป็นนางแบบด้วยกัน เลยหาที่ระบาย และมันก็เป็นข้อมูลอย่างดีให้แก่เธอ
การกลับประเทศไทยของปรเมศวร์อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับภัคจิรา แต่มันกลับเป็นโอกาสดีสำหรับเธอ ในเมื่อเธอเองก็กำลังจะเรียนจบ ตอนแรกยังลังเลใจและคิดว่าจะอยู่ที่นี่ต่อดีไหม เพราะอาชีพนางแบบก็ไปได้สวย แล้ว...ถ้าหากว่าเธอทอดสะพานให้ชายหนุ่มสำเร็จ นั่นก็หมายความว่าเธอจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เมื่อมีเขาเป็นจุดหมาย
จะว่าไปแล้ว วงการดารานางแบบในไทยก็น่าจะไปได้ดี เพราะโมเดลลิ่งที่เธอทำงานอยู่มีสาขาอยู่ที่เมืองไทยด้วย มันจะเป็นเรื่องง่ายทีเดียวที่จะเดินหน้าต่อทั้งงานนางแบบและสานต่อความสัมพันธ์กับนักธุรกิจผู้ร่ำรวยมหาศาลอย่างปรเมศวร์ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับภัคจิราก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ ในเมื่อเธอกับเจ้าหล่อนไม่ต้องทนมองหน้ากัน เพราะเธอจะกลับไทยแล้ว คิดไปก็ยิ้มมุมปากอย่างมาดหมาย
“ถึงแล้วครับ นี่เป็นห้องผมเอง” เดินตามเขาและขึ้นลิฟต์มาชั้นบนสุด เขาก็หันมาบอกเธอทำให้พลอยลีลาหลุดออกจากภวังค์ความคิดในการวาดฝันต่างๆ
“เอ่อ ถ้างั้นพลอยขอรบกวนคุณปรเมศวร์สักครู่นะคะ” เธอยิ้มหวานให้เขา พลางเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม ไม่รุกเขาจนเกินไป แต่ก็ไม่สั่นกลัวสายตาที่เขามองมา เธอมองตาเขากลับแล้วหลุบตาด้วยท่าทีสะเทิ้นอาย นี่ไม่ใช่การแสดง แต่เธอเขินเขาจริงๆ เป็นใครก็ต้องหวั่นไหว ก็สายตาของผู้ชายตรงหน้าช่างเกรี้ยวกราดและชวนเสน่หาอย่างร้ายกาจ
“เรียกผมว่าเมศวร์เฉยๆก็ได้ครับ นานๆจะได้คุยภาษาไทย ผมรู้สึกดีมากๆเลย เชิญครับ เดี๋ยวผมพาเข้าไป” เขาบอกเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มและสุภาพเธอจึงตามเขาเข้าไป
พลอยลีลากวาดตามองภายในห้องอันกว้างขวางตกแต่งแบบเรียบง่ายโทนสีขรึมๆ สไตล์โมเดิร์นขาว เทา ดำ ต่างจากภายนอกที่เน้นการตกแต่งโรงแรมแบบสวยหรูสไตล์วิกตอเรีย นี่ก็คงเป็นรสนิยมของเขาที่เธอเพิ่งได้รู้ เรียบง่ายไม่เรื่องมาก
“ห้องน้ำอยู่ทางนี้ครับ เดี๋ยวผมโทร.ให้แม่บ้านมาเอาเสื้อของคุณไปซักแห้ง ไม่น่าจะนานเท่าไหร่ แล้ว...เอ่อ คุณใส่เสื้อเชิ้ตของผมไปก่อน” ในน้ำเสียงของปรเมศวร์มีรอยเขินนิดๆ เพราะพลอยลีลานั้นเรียกได้ว่าเป็นคนสวยจัดและมีความเซ็กซ์แอพพรีลสูงทีเดียว การพาหญิงสาวแปลกหน้าเข้าห้องแล้วให้เธอใส่เสื้อของเขา มันก็ออกจะขัดเขินนิดๆอยู่บ้าง
“อ้อค่ะ ขอบคุณคุณเมศวร์มากๆเลยนะคะ พลอยต้องขอรบกวนคุณแล้วละ เอ่อ ถ้าคุณเมศวร์อยากกลับไปร่วมงานปาร์ตี้ จะปล่อยพลอยไว้ที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ พลอยแค่ขอนั่งเล่นดูทีวีในห้องนั้นสักพักเท่านั้นก็โอเคแล้ว” เธอบอกเขาอย่างเกรงใจพลางชี้ไปยังห้องนั่งเล่นกึ่งรับแขกของเขา
“ไม่รบกวนเลยครับ ผมขอไปทำธุระสักครู่แล้วจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะครับ” ชายหนุ่มบอกพลางยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น จากนั้นจึงเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาให้ เมื่อได้เสื้อของเธอแล้วเขาก็ขอตัวไปจัดการโทร.เรียกแม่บ้านมารับเสื้อของเธอ แล้วออกจากห้องไปทำธุระอย่างที่บอกไว้
ก่อนไปเขายังบอกให้เธอทำตัวตามสบาย ด้วยการให้เธอใช้ห้องครัวและตู้เย็นของเขาได้ตามสะดวก ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเอาใจใส่เธอค่อนข้างมากทีเดียว
แบบนี้ก็ดูจะค่อยมีหวัง ดูจากสายตาเขา ก็พอจะเดาได้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจเธอ
ปรเมศวร์เดินออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มมุมปาก ทำไมชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าเธออ่อยเขา เพราะเห็นเธอแอบมองมาตั้งแต่ในงานปาร์ตี้แล้ว และเมื่อเขาเดินผละออกมาจากชาร์ลส์ หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเขาทันที แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะลงทุนยอมให้เสื้อเปรอะแบบนี้เพื่อจะได้รู้จักกับเขา
ในเมื่อเธออยากเล่น เขาก็จะเล่นด้วย พลอยลีลาเองก็จัดว่าตรงสเปกและน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ปรเมศวร์คิดพลางเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกลับเข้าไปในงานปาร์ตี้ เซอร์วิสลูกค้าวีไอพีอย่างชาร์ลส์แล้วค่อยกลับมาหาเธอ
เขาก็แค่เปิดโอกาสให้เธอและตัวเอง ผู้หญิงเป็นสิ่งสวยงามบนโลกใบนี้ และความสวยงามของพลอยลีลาก็น่าเชยชมไม่น้อยเลย...
ชายหนุ่มกลับมาที่ห้องพร้อมกับไวน์ชั้นดีหนึ่งขวด และเขาสั่งอาหารขึ้นมารับประทานด้วยกัน ในขณะที่เธอได้เสื้อมาใส่แล้วเรียบร้อย
บรรยากาศบนโต๊ะรับประทานอาหารในห้องสวีตกว้างขวางของเขาช่างรื่นรมย์และทำให้พลอยลีลามีความสุขอย่างมาก เมื่อเทียบระหว่างเอริกกับปรเมศวร์แล้ว ผู้ชายตรงหน้าช่างมีเสน่ห์และเร้าใจกว่าเป็นไหนๆ ที่สำคัญเขายังเข้าใจคนไทยด้วยกันเป็นอย่างมาก คิดไปแล้ว การที่เธอห่างหายจากเมืองไทยเป็นแรมปี อาจทำให้เธอโหยหาความเป็นไทยโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้มาเจอหนุ่มไทยแบบปรเมศวร์และได้พูดคุยกันถูกคอ จึงทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก
“คุณพลอยเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ” เขาถามขึ้นหลังจากเธอเล่าเรื่องราวที่มาอยู่ต่างประเทศให้เขาฟัง
“ไม่หรอกค่ะ พลอยสนุกกับมันมากๆเลยค่ะ แถมยังได้ค่าขนมแทบไม่ต้องรบกวนพ่อแม่เลย” หญิงสาวบอกเขาแบบนั้น ทั้งที่ก็ไม่เคยบอกพ่อแม่ว่าเธอรับจ๊อบเดินแบบ เพราะกลัวทางบ้านไม่ส่งเงินมาให้ ก็มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อยู่แล้ว เงินที่พวกเขาส่งมาเธอจะเอาเก็บไว้หรือนำไปใช้อะไรก็เรื่องของเธอ
“ดีจังเลยนะครับ พ่อแม่ของคุณคงจะภูมิใจมากที่มีลูกสาวเก่งแบบนี้ แล้วคุณเรียนใกล้จบโทรึยังครับ เมื่อกี้คุณบอกว่าเรียนต่อโทอยู่”เขาถามหลังจากดื่มไวน์แดงแล้ววางแก้วลง ตอนนี้เขารับประทานอาหารเสร็จแล้ว จึงชวนเธอคุยในขณะที่เธอยังกินไม่เสร็จ
“พลอยกำลังทำเรื่องจบอยู่ค่ะ น่าจะประมาณเดือนหน้า ไม่รู้ว่าโรงแรมคุณมีตำแหน่งอะไรว่างรึเปล่าคะ พลอยจะได้มาสมัคร” เธอพูดทีเล่นทีจริง ทั้งที่รู้ดีว่าเขาจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้
“หากคุณพลอยสนใจก็มาสมัครได้นะครับ แต่ผมคงไม่ได้อยู่เทคแคร์คุณ เพราะต้องกลับไทยสิ้นเดือนนี้แล้ว” เขาว่ายิ้มๆ
“อุ๊ย จริงเหรอคะ อืม งั้นพลอยจบเดือนหน้า แล้วไปสมัครงานที่โรงแรมของคุณเมศวร์ที่โน่นเลยได้ไหมคะ” เธอทำเสียงตื่นเต้นแล้วหยั่งเชิงเขาออกไป “พ่อแม่พลอยก็โทร.ถามเหมือนกันว่าจบแล้วจะกลับไทยเลยมั้ย คุณเมศวร์คิดว่าไงคะ”
“ครับ ถ้าคุณพลอยสนใจการโรงแรม ก็ไปสมัครได้ครับ ผมจะถือเป็นเกียรติอย่างมาก” เขาตอบกลางๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก ไม่ได้ออกความเห็น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“คุณเมศวร์ห้ามลืมพลอยนะคะ พลอยจะไปสมัครแน่นอนค่ะ”เธอบอกเขาแล้วยกแก้วยื่นมาข้างหน้า ยิ้มให้เขาหวานหยด นัยน์ตาสื่อความหมาย
“ครับ” เขายกแก้วขึ้นไปชนแก้วเธอเสียงดังกริ๊ก แล้วต่างดื่มไวน์ของตัวเอง ราวกับเป็นการสัญญากลายๆ
“วันนี้พลอยมีความสุขมากเลยค่ะ ไม่นึกว่าความโชคร้ายเดินชนคุณจนเสื้อเลอะจะมีความโชคดี ได้พบคนที่คุยด้วยแล้วทำให้พลอยแฮปปี้ขนาดนี้ ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่าง หวังว่าพลอยจะมีโอกาสได้ตอบแทนคุณเมศวร์บ้างนะคะ”
“ไม่หรอกครับ ถือเป็นความโชคดีของผมมากกว่าที่ได้รู้จักสาวสวยอย่างคุณพลอย พรุ่งนี้คุณว่างไหมครับ ผมจะได้พาไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่แทนชุดนี้ที่ผมทำความเสียหายให้คุณ” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยชวนอย่างรู้ใจหญิงสาว หากเธอจะเป็นฝ่ายชวนเขาก็ดูจะรุกไปสักหน่อย
พลอยลีลามองเสื้อที่ยังมีรอยอยู่จางๆแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำ แล้วเอ่ยตอบรับไป ในหัวใจเต้นระรัวด้วยความปลื้มปีติ ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขาฉลาดและรู้จักให้เกียรติผู้หญิง หญิงสาวชม้ายชายตาให้เขาพร้อมรอยยิ้มหวานขอบคุณ
“หากคุณมีน้ำใจกับพลอย พลอยก็ไม่ปฏิเสธค่ะ ช่วงนี้พลอยเคลียร์งานเพื่อจะจบโทไว้ เลยค่อนข้างว่างอยู่พอดี นี่นามบัตรพลอยค่ะ” หญิงสาวหยิบนามบัตรในกระเป๋าถือเล็กๆให้เขา ชายหนุ่มรับไปถือไว้พลางยิ้มให้เธอ “แล้วพลอยจะรอโทรศัพท์จากคุณเมศวร์นะคะ”
“ครับ ขอบคุณที่วันนี้อยู่ทานอาหารเป็นเพื่อนผมนะครับ” เขาบอกเธอ “แล้ววันนี้คุณพลอยขับรถมาเองรึเปล่า ผมจะได้ไปส่ง”
“พลอยมาแท็กซี่ค่ะ แต่ถ้าคุณเมศวร์มีธุระไม่ต้องก็ได้นะคะ พลอยกลับแท็กซี่ได้” เธอบอกอย่างเกรงใจเขา จริงๆแล้วเธอขับรถมา แต่เรื่องอะไรจะทิ้งโอกาสงามๆ แบบนี้ รถจอดเอาไว้ที่นี่ ค่อยมาเอาวันหลังก็ได้
“งั้นให้ผมไปส่งนะครับ” เขาบอกด้วยเสียงเรียบนิ่ง สายตาที่จ้องมองมามีรอยจริงจัง ชวนให้ปั่นป่วนหัวใจและวาบหวิวอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ชายอะไร บทจะสุภาพก็อบอุ่น บทจะจริงจังก็เกรี้ยวกราด แข็งกร้าวจนเธอใจสั่น
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณเมศวร์ใจดีจังเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างประหม่า ทั้งที่เธอก็ไม่ใช่สาวน้อยริมีรัก แต่เจอชายหนุ่มแบบปรเมศวร์เข้าไป ก็ทำให้เธอไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็เข้าทางเธออย่างเหมาะเจาะ ลงตัวจนเธอหัวใจพองคับอก
“เราไปกันเลยไหมครับ” เขาลุกขึ้นชวนเธอ
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วจะลุกขึ้นบ้าง ในขณะที่เขาก้าวมาหาเธอพลางยื่นมือให้จับ พลอยลีลายิ้มกว้างให้เขาพร้อมวางมือลงอย่างไม่รีรอ
ปรเมศวร์ยิ้มใส่นัยน์ตาเธออย่างมีความหมายเมื่อเธอลุกขึ้นมายืนเคียงข้าง
“ว้าย!” เป็นพลอยลีลาที่ถลาเข้ามาประชิดร่างสูงใหญ่เพราะทรงตัวไม่ดีบนรองเท้าสนสูงปรี๊ด และชายหนุ่มผู้เจนจัดกับจริตจะก้านของหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่เข้าหาเขาหลากรูปแบบก็รับเธอเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
หญิงสาวเกาะกอดเขาเอาไว้พร้อมกับเงยหน้าไปสบมองตาเขาด้วยประกายตาแตกตื่นที่แสดงได้สมจริงจนคนตัวโตยิ้มมุมปาก อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบประคองเอวบางเอาไว้แนบแน่น ปรเมศวร์ดึงรั้งร่างเรียวระหงมาแนบชิดความแข็งแกร่ง จงใจเสียดสีตัวตนแข็งกร้าวเข้าหาจนแทบไม่มีช่องว่าง หน้าอกอวบในชุดแซกสายเดี่ยวเบียดชิดอยู่กับแผงอกแข็งแกร่งจนล้นทะลัก และเธอรู้ว่าเขาจงใจ
“ขอบคุณ...” เสียงเธอพร่าสั่นแหบหวิว ตาหวานมองสบตาเขาฉ่ำเยิ้มอย่างยั่วเย้า“คุณเมศวร์แข็งแรงดีจัง ไม่งั้นพลอยคงล้ม”
“แล้วคุณชอบรึเปล่า” เขาพูดใส่ตาเธออย่างมีความนัย
“ชอบ...มาก” เธอมองริมฝีปากแดงของเขาอย่างเปิดเปลือยความรู้สึก เขาเองก็จ้องมองริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีพีชหวาน และค่อยก้มลงมาใกล้
“ปากคุณสวยจัง” เสียงทุ้มพลิ้วหวานมีเสน่ห์ให้ใจคนฟังสั่นสะท้าน
“สวยอย่างเดียวเหรอคะ” เธอจ้องตาไม่หลบเสียงหวานยั่วยวน
“น่า...” เขาพูดเพียงเท่านั้นเมื่อเธอยื่นหน้าปรือตาพร้อมกับเผยอปากเข้าหา ชายหนุ่มจึงทาบทับริมฝีปากลงไปกับความท้าทายที่เธอส่งมา
เขาจูบเธออย่างละมุนละไมในทีแรก ต่างแลกจูบกันด้วยความเสน่หา หญิงสาวถึงกับครางในลำคอเมื่อเขาเริ่มบกเบียดรุงแรงและรัวลิ้นร้อนแรงจูบเธออย่างเรียกร้องต้องการ พร้อมกับรั้งสะโพกกลมกลึงเข้าหาตัวตนอันแข็งกร้าวที่ขึงขังขึ้นมาด้วยแรงอารมณ์ของหนุ่มนักรักผู้ช่ำชองในการแสวงหาความสุขในกามารมณ์
มือใหญ่บีบคลึงสะโพกสวยเต็มมือเต็มไม้ เขาถอนริมฝีปากออกมาเพื่อก้มลงซุกไซ้เนินอกอวบอิ่มยั่วยวนตา พลอยลีลาหลับตาพริ้มอย่างเสียวซ่านพร้อมกับแอ่นอกเข้าหา
จู่ๆ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นและสั่นอยู่ในกางเกงของปรเมศวร์ ดึงสติให้เขาหยุดกิจกรรมรักใคร่เมื่อมันไม่ยอมหยุด จนเขาต้องตัดใจยอมปล่อยพลอยลีลาเป็นอิสระ ทั้งที่ยังประคองเอวเธออยู่ สีหน้าเขายุ่งเพราะถูกขัดจังหวะ แต่เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ก็ต้องรีบกดรับสาย
“คุณแม่”
“นึกว่าจะไม่รับสายแม่แล้ว”
“ครับคุณแม่ พอดีผมยุ่งอยู่”
“แล้วคุยได้ไหมยะ”เสียงคนปลายค่อนข้างจะหมั่นไส้
เขาหันมามองตาพลอยลีลาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ
“ครับ ธุระเสร็จแล้ว”
“ดี แม่จะโทร.มาบอกว่าซื้อเครื่องเพชรที่นั่นมาให้แม่ชุดนึง เอาแบบเก๋ๆ นะ จะเอาให้หนูเก้หน่อย”คนปลายสายเสียงอ่อนลงเมื่อเอ่ยถึงหนูเก้ของท่าน
“ครับ” เขาเองก็ไม่ได้ซักถามหรืออะไร ทำเพียงรับเขาเท่านั้น
“อ้อ ใกล้จะกลับมาหาแม่แล้ว ก็เลิกเจ้าชู้ด้วย แม่จะหาเมียดีๆ เอาไว้ให้”
“แม่คร้าบ” เขาทำเสียงออดมารดา นี่ขนาดยังไม่ทันกลับ ท่านก็เตรียมตัวหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้เขาเสียแล้ว
“น่า แม่บอกให้เลิกก็ต้องเลิก แม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นตัวเป็นตนแล้วเจ้าป้อ”
“ครับ”
“ดี แม่รักป้อนะลูก”
“ผมก็รักแม่ครับ”
ชายหนุ่มวางสายจากมารดาเมื่อทางโน้นวางสายแล้ว เขาถอนหายใจ หันมาทางหญิงสาวที่จัดเสื้อผ้าและผมให้เรียบร้อยเข้าที่แล้ว ก็ยิ้มให้เธอเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นมา
“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ แล้วค่อยคุยกัน”
“ค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขาเมื่อได้ยินประโยคสานสัมพันธ์ต่อเพราะรู้มาจากภัคจิราว่าปรเมศวร์เป็นคนไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้ และเธอรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เขาถูกใจ
จากนั้นชายหนุ่มจึงโอบเอวเธออย่างสุภาพ แล้วพาเธอเดินออกจากห้องไปด้วยกัน
ไม่นึกไม่ฝันว่า ภัคจิราที่ตามมางานปาร์ตี้ทีหลัง ก็รับรู้ว่าพลอยลีลาไม่ได้อยู่ในงาน แถมปรเมศวร์ที่มักจะอยู่ในงานกับลูกค้าวีไอพีที่ส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี ก็หายตัวไปด้วย เพื่อนนางแบบชาวอเมริกันบอกว่าเห็นพลอยลีลาคุยอะไรกับปรเมศวร์แล้วเดินออกไปจากงานด้วยกัน จากนั้นก็ไม่เห็นพลอยลีลาอีกเลย
ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเธอว่าเพื่อนตัวแสบที่เพิ่งเลิกรากับแฟนเศรษฐีห้างดังกำลังแทงเธอข้างหลัง ทำให้เธอมือไม้สั่น แต่ยังทำใจเย็นรอดูท่าทีอยู่ตรงที่นั่งพักบริเวณทางออกไปยังลานจอดรถวีไอพี ซึ่งเป็นที่จอดประจำของปรเมศวร์
และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เมื่อเห็นพลอยลีลาเดินควงแขนมากับปรเมศวร์ด้วยสีหน้าระริกระรี้ เบิกบานใจ อีเพื่อนทรยศ ไม่คิดเลยว่าพลอยลีลาจะทำแบบนี้
“คุณเมศวร์...” ภัคจิราพยายามระงับอารมณ์โกรธกริ้ว ร้องเรียกชายหนุ่มออกไปด้วยเสียงสั่นทีเดียว แม้จะเพียรระงับแล้วก็ตาม มือกำแน่นอย่างโมโห ทั้งหึงทั้งหวงเมื่อเห็นพลอยลีลายิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ภัค...” ปรเมศวร์หยุดชะงักพร้อมกับมองเธอด้วยความแปลกใจ ในเมื่อเขาไม่ได้นัดกับเธอ “คุณมาทำอะไรที่นี่ หรือว่ามางานปาร์ตี้ของชาร์ลส์ ตอนเริ่มงานผมไม่เห็นคุณนึกว่าไม่มาเสียอีก”
“เอ่อ ภัคเพิ่งมาน่ะค่ะ กะว่าจะมาเจอคุณเมศวร์ในงานด้วย แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหนคะ” สถานะของเธอไม่มีสิทธิ์จะหึงหวงเขา แถมชายหนุ่มยังพูดคุยได้อย่างปกติ โดยมีหญิงสาวซึ่งเขาอาจจะรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพื่อนเธอ ยังยืนเกาะแขนเขาอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ผมกำลังจะไปส่งคุณพลอยน่ะครับ อ้อ คุณสองคนคงจะรู้จักกันแล้ว เพราะเห็นคุณพลอยบอกว่าเป็นนางแบบ แล้วก็เป็นคนไทยเหมือนกัน”
“ภัค หวัดดีจ้ะ พอดีว่าพลอยมีแอ็กซิเดนต์นิดหน่อย แต่ได้คุณเมศวร์ช่วยไว้ แถมยังใจดีพาพลอยไปพักที่ห้องแล้วก็ทานข้าวด้วยกัน โรแมนติกมากเลยละ นี่ก็กำลังจะกลับแล้ว คุณเมศวร์เลยอาสาไปส่งน่ะ เธอไปปาร์ตี้ต่อให้สนุกเถอะ ไปก่อนนะ”
เพื่อนที่เธอคิดว่าสนิทพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ทำให้ภัคจิรากัดฟันกรอด แค้นใจจนแทบกระอัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคนกลางอย่างปรเมศวร์เพียงแค่ยิ้มให้เธอเล็กน้อย แล้วเอ่ยลาราวกับเธอเป็นแค่คนรู้จัก ไม่ใช่คนรักที่แนบสนิทชิดใกล้
“งั้นผมไปก่อนนะครับภัค กว่าจะกลับก็คงดึก ปาร์ตี้ให้สนุกนะครับ” ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป พร้อมกับพลอยลีลาที่หันมายิ้มให้อย่างหน้าด้านๆ ไม่รู้สึกรู้สากับรอยน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอขึ้นมา มือที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่ก็ยังไม่เจ็บเท่าหัวใจที่ร้าวรานจนเจียนจะขาด เมื่อเธอไม่อาจเป็นเจ้าของคนที่รัก
ใช่ เธอไม่เคยรักใครเท่าปรเมศวร์ และยิ่งตอกย้ำกับความเจ็บช้ำในหัวใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นผู้ชายที่เคยมีสัมพันธ์ทางกายอย่างเขาอยู่เคียงข้างผู้หญิงคนอื่น
เธอรักเขาหมดหัวใจ และอยากได้เขาคืน...ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ภัคจิราคิดพร้อมกับน้ำตาไหลรินออกมา ด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปน
“นังพลอย!” ภัคจิราแทบจะถลาเข้าไปตบพลอยลีลา ขณะที่เจอกันในห้องแต่งตัวงานเดินแบบแห่งหนึ่ง เพื่อนนางแบบด้วยกันที่ได้รับรู้เรื่องราวจากหญิงสาว รีบช่วยกันดึงไว้ เพราะกลัวว่าถ้ามีเรื่องกัน ทางโมเดลลิ่งอาจไล่ทั้งคู่ออกจากสังกัด ด้วยเป็นข้อตกลงที่ทุกคนทราบดี ว่าห้ามมีเรื่องกันในระหว่างงาน หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
“อะไรกันภัค ฉันไปทำอะไรให้เธอ ถึงต้องมาขึ้นเสียงใส่แบบนี้” พลอยลีลาถามด้วยเสียงที่ใครก็รู้ว่าแสร้งตกใจ ยิ่งทำให้คนร้อนรุ่มในอกโมโหมากขึ้น
“หล่อนรู้ดีแก่ใจ สองสามวันมานี้ฉันรู้นะว่าหล่อนไปไหนมาไหนกับคุณเมศวร์ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร นังงูพิษ” ภัคจิราชี้หน้าด่าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น ในขณะที่เพื่อนๆยังช่วยกันกอดทั้งเอวทั้งแขนเพื่อรั้งตัวเอาไว้
“อุ๊ย ก็เธอบอกฉันเองนี่นาว่าคุณเมศวร์ตัดความสัมพันธ์กับเธอแล้ว แล้วฉันก็โสดพอดี การที่ฉันคบกับคุณเมศวร์ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหน” พลอยลีลายังกอดอกลอยหน้าลอยตาเจรจาด้วยสีหน้ายิ้มยั่ว หาได้มีความรู้สึกอันใดต่อหัวใจของเพื่อน
“มันจะมากไปแล้วนะพลอย คุณเมศวร์ไม่ได้ตัดสัมพันธ์กับฉัน เขาแค่จะกลับเมืองไทย แล้วเขาก็แฟร์กับความสัมพันธ์ที่ไม่ปิดกั้นหากฉันจะมีใครอื่น แต่ไม่ได้เลิกกัน อีบ้า!”
“อ้าวเหรอ แต่ในความเข้าใจของฉันมันก็คือเลิกกันนี่นา ไม่รู้สิ แล้วการที่เขาไปไหนมาไหนกับฉัน มันเป็นความพอใจของเรา คนอื่นไม่เกี่ยว หึๆ เธอก็รู้แก่ใจดีว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง” พลอยลีลายังยั่วอารมณ์อีกฝ่ายอย่างไม่ได้หวาดเกรงความเป็นนางแบบรุ่นพี่และเป็นเพื่อนคนไทยด้วยกันเลยสักนิด
“เดี๋ยวเขากลับเมืองไทย หล่อนก็ถูกเขี่ยเหมือนกันนั่นละ อีโง่” ภัคจิราเริ่มกลับมาตั้งสติ หันไปส่งสายตาให้เพื่อนๆ และบอกว่าเธอจะไม่ทำอะไรที่รุนแรง “โอเค ฉันขอพูดกับพลอยอีกหน่อย รับรองว่าไม่ทำให้งานเสียแน่ๆ”
“อ้าว ยอมรับแล้วเหรอว่าถูกเขี่ยทิ้ง โอ๊ย ใครกันแน่ที่โง่ จะบอกให้เอาบุญนะภัค เดือนหน้าฉันก็จะกลับเมืองไทยเหมือนกัน แล้วเรายังมีสัญญาใจกันเอาไว้ เมื่อฉันกลับไปอยู่ที่นั่น”
“อะไรนะ!” ภัคจิราไม่คาดคิดว่าพลอยลีลาจะถึงกับย้ายกลับไทยเพื่อสานต่อความสัมพันธ์กับปรเมศวร์ ในใจเต้นรัวความแค้นแล่นขึ้นมาในอกจนแทบกระอักเนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธและอิจฉา
“แล้วอีกอย่าง งานนางแบบฉันก็ยังทำต่อ เพราะแคเทอลีนยังใจดีรับปากว่าจะส่งเรื่องไปที่สาขาในเมืองไทย ให้ฉันไปเข้าสังกัดที่นั่น แถมยังมีงานพรีเซ็นเตอร์ที่รอให้ฉันกลับไปถ่ายทำอีกด้วยนะ ซึ่งฉันก็เซ็นสัญญาไปแล้วด้วยค่าตอบแทนที่สูงเอาการ ทำไมฉันถึงโชคดีขนาดนี้นะ ทั้งเรื่องงานแล้วก็...ความรัก หึๆ” พลอยลีลาบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เหนือกว่า
“กรี๊ดดดดด อีบ้า ฉันจะตบแก” ไม่ทันที่ภัคจิราจะได้ทำอย่างใจ เพื่อนๆก็เข้ามาขวาง ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย งานจะเสีย เพราะใกล้จะต้องออกไปเดินแบบแล้ว
“โน ไม่ได้นะภัค เธอจะใช้อารมณ์จนทำให้งานพังไม่ได้เป็นอันขาด หากไม่อยากโดนปรับค่าเสียหายหมดตัวละก็” คำพูดของเพื่อนหยุดทั้งสองสาวไทยที่ทุ่มเถียงกันได้ชะงัดนัก ด้วยมูลค่าความเสียหายจากการที่อาจทำให้งานล้ม มันสูงจนเธอสองคนอาจหมดตัวเพราะที่อเมริกาเวลาฟ้องร้องกันนั้นมักมีมูลค่าสูงจนคนถูกฟ้องหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว
“โอเคๆ ฉันเข้าใจละ” ว่าพลางภัคจิราก็ผละออกมากับเพื่อนนางแบบคนอื่น แต่ไม่วายหันมาสบถว่าอีกฝ่าย “คนอย่างเธอหักหลังเพื่อนได้ สักวันเวรกรรมจะตามสนอง แล้วรู้เอาไว้ด้วยว่า คุณเมศวร์ไม่มีวันรักผู้หญิงแบบเธอ”
“อ้อเหรอ ไม่มีใครรู้ใจใครหรอกนะ นอกจากตัวเขา แต่ขอโทษด้วย ที่ตอนนี้เขาเลือกฉัน” ว่าแล้วพลอยลีลาก็เดินแยกไปอีกมุมหนึ่งของห้อง รอเวลาที่จะออกไปเดินแบบ ในขณะที่แคเทอลีนเจ้าของบริษัทโมเดลลิ่งเข้ามาพร้อมกับเจ้าของแบรนด์หรูอย่างชาร์ลส์ เพื่อเช็กชุดฟินาเล่ที่จะเดินเป็นคนสุดท้าย โดยงานนี้ได้นางแบบสาวเรโกะที่กำลังฮอตอยู่ในเวลานี้
พลอยลีลาแม้จะรู้สึกแค้นใจที่ถูกฉกคนรัก แต่วันนี้กลับแอบขอบคุณที่เป็นโอกาสดีให้เธอได้มาเจอปรเมศวร์ที่น่าลุ่มหลงกว่าเอริกเป็นไหนๆ เพราะเขาทั้งหนุ่มแน่นและหล่อเหลาชวนให้ใจเต้นได้ตลอด คิดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจในความสวยของตัวเอง ที่อีกฝ่ายโทร.หาเธอชวนไปชอปปิงและรับประทานอาหารแทบทุกวัน ที่สำคัญ ปรเมศวร์เป็นสายเปย์แบบที่เธอชอบเสียด้วย
วันนี้ก็คงจะยิ่งทำให้ยายภัคจิรากระอักจนแทบเป็นบ้า เมื่อเห็นว่าในบรรดาผู้เข้าชมการเดินแบบในครั้งมีปรเมศวร์อยู่ด้วย แถมยังเป็นแขกวีไอพีที่นั่งอยู่ข้างหน้าอีกต่างหาก
เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องมีดอกไม้ช่อโตมาให้เธอแน่นอน ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ไม่คว้าเอาไว้ก็โง่แล้ว
แล้วก็เป็นดังคาด เมื่อการเดินบนแคทวอล์กในคราวนี้เป็นทางเดินยาวโดยมีผู้เข้าชมสองฝั่ง แถวล่างของวีไอพีจะอยู่ระนาบเดียวกับแคทวอล์ก และแถวถัดไปเป็นอัฒจันทร์ยกสูงลดหลั่นขึ้นไปเรื่อยๆอีกห้าแถว ซึ่งมีทั้งเซเลบ ดารา คนดัง มหาเศรษฐีมากหน้าหลายตาเข้ามาชมแฟชั่นในครั้งนี้
เมื่อเดินออกไป จะเห็นปรเมศวร์นั่งอยู่ด้านหน้าสุดทางซ้ายมือ และอยู่กลางๆแคทวอล์ก เธอแอบส่งสายตาให้เขาพร้อมกับเห็นช่อดอกไม้ในมือ เขายิ้มอ่อนให้เธอพร้อมกับตบมือเบาๆให้ แม้จะคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหัวใจเต้นแรง เพียรระงับไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้าเนื่องจากกำลังเดินอยู่บนแคทวอล์ก จนกระทั่งเดินเข้าไปด้านหลังเวที เธอก็แทบจะกรี๊ดออกมาทีเดียว จนเพื่อนนางแบบและสไตลิสต์ รวมทั้งทีมงานที่คอยช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ต้องเอ่ยถามออกมาเพราะเห็นเธอยิ้มกว้างจนออกนอกหน้า
พอเธอตอบออกไป คนฟังทั้งหลายก็ร้องกรีดกราดกันเป็นแถว ในขณะอีกมุมหนึ่งที่ภัคจิราเพิ่งเดินกลับมาจากข้างนอกหน้าหงิกงอด้วยอาการไม่สบอารมณ์ เปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วยความรู้สึกที่แทบไม่อยากจะเดินออกไปเจอหน้าชายหนุ่มอดีตคู่ควง แถมยังรู้สึกหน้าชาเพราะความเสียหน้า ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าเธอควงอยู่กับปรเมศวร์ แต่เธอไม่เคยบอกใครเรื่องความสัมพันธ์ที่จบลงระหว่างเขากับเธอ นอกจากยายเพื่อนทรยศ แต่อย่างไรก็ต้องทำใจ
ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ คุณเมศวร์ก็ใจดีกับสาวสวยทุกคนนั่นละ รอจังหวะอีกนิด เธอจะกลับไปหาเขาได้อย่างแน่นอน ภัคจิรายิ้มมุมปากอย่างมีความหวัง และเริ่มคิดวางแผนอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้าง
นาทีนี้ก็คงต้องปล่อยไปก่อน น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง คนอย่างปรเมศวร์ไม่ควงใครนานนักหรอก ยิ่งผู้หญิงขี้หึงอย่างพลอยลีลา อีกหน่อยเขาก็เบื่อ หึๆ
ตอนสุดท้ายเมื่อเรโกะเดินชุดฟินาเร่จบลง และชาร์ลส์ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับได้รับช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ เรโกะเองก็มีเอริกมอบช่อดอกไม้ให้อย่างลุ่มหลง ในขณะที่พลอยลีลาแม้ไม่ได้เดินในชุดฟินาเล่ แต่ปรเมศวร์ก็ลุกขึ้นมามอบช่อดอกไม้ให้ด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหล ทำให้หญิงสาวเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของคนในงาน ขณะที่ปรเมศวร์เดินไปมอบช่อดอกไม้ให้ชาร์ลส์และกอดเขาอย่างสนิทสนม
งานจบลงอย่างอลังการและเพอร์เฟกต์ เมื่อชุดที่ชาร์ลส์ออกแบบเป็นที่ฮือฮาอย่างมากทั้งจากคนที่มาชมในงานและสื่อต่างๆ เผยแพร่ข่าวงานเดินแฟชั่นที่สวยงามและแปลกใหม่ไปทั่วโลก เรียกได้ว่าชาร์ลส์เป็นผู้นำแฟชั่นอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น |
---|