9
ข้อเสนอ
รถยนต์สัญชาติยุโรปเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่พักของเชอร์ลีน
ท่านประธานแห่ง Seeric Cosmetics ทำหน้าที่พลขับ ข้างๆ เขาคือคู่ควงที่ออกงานด้วยกันวันนี้ ส่วนด้านหลังเป็นคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะบอส” เชอร์ลีนไหว้ภคิณแล้วลงจากรถ ไม่ลืมลานีรชาที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง
คล้อยหลังนางงามรุ่นพี่ นีรชาลังเลใจอยู่นาน จึงถามเจ้าของรถ “ให้ฉันไปนั่งด้านหน้าหรือนั่งที่เดิมคะ”
ภคิณถอนหายใจจนนีรชาหน้ามุ่ย “ขึ้นมานั่งด้านหน้า ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณนะนีน่า”
เขาเรียกเธอว่านีน่างั้นเหรอ... นานแล้วที่ริมฝีปากคู่นั้นไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกมา ก่อนหน้านี้เขาเรียกแทนด้วยคำว่า เธอ คุณ หรือชื่อจริงเท่านั้น
หรือบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้ เขาก็เรียกชื่อเล่นเกือบทุกคน
อย่าคิดไปไกลเลยนีรชา
หญิงสาวลงจากรถ เปลี่ยนมานั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับ ภคิณเห็นนีรชารัดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงออกรถ มุ่งหน้าสู่คอนโดของเขาและเธอ
“เวลาที่คุณออกมาทำงานแบบนี้ น้องชายคุณอยู่กับใคร” ภคิณเบนสายตาจากท้องถนนในเวลาห้าทุ่ม มองคนข้างกายแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองถนนเช่นเดิม
“ทีน่าอยู่กับป้าเกสรค่ะ พี่เลี้ยงที่ฉันจ้างประจำ” ตอบเพียงแค่นั้นนีรชาก็เงียบลง อยากให้ถึงคอนโดไวๆ
“บอกน้องคุณเรียกผมใหม่ด้วยนะ”
อยู่ๆ นีรชาก็ยิ้ม เมื่อนึกถึงสรรพนามที่นทีเรียกภคิณวันนั้น ‘คุณลุง’ มันก็น่าอยู่หรอก วันนั้นเขาทำนิ่งขนาดนั้น
“ถ้าได้เจอกันอีก ฉันจะบอกให้ค่ะ” แต่คงยาก เขาคงไม่บังเอิญเจอกับนทีบ่อยๆ หรอก
บรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ เป็นครั้งที่สองตั้งแต่เลิกกันที่ภคิณและนีรชาได้อยู่กันสองต่อสองในเวลากลางคืน
“คุณสบายดีมั้ย” อยู่ๆ ภคิณก็ถามขึ้นมาขจัดความเงียบ
นีรชามองเสี้ยวหน้าเขาแล้วตอบสั้นๆ “ตอนนี้สบายดีค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ล่ะ” เขาหมายถึงหลังจากที่เลิกกันไป
นีรชาตัดขาดการติดต่อทุกช่องทาง แถมยังดรอปเรียนไปเลย หอพักที่หญิงสาวเคยอยู่ ภคิณไปแอบเฝ้าดูก็ไม่เห็น ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหนมา
“ก็ดี” ดีที่ผ่านมันมาได้...
“อืม”
“แล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวถามเขากลับบ้าง
“ตั้งแต่เลิกกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” มันคิดถึงคุณ เขาไม่ได้พูดออกไป “แต่ตอนนี้ดีแล้ว”
ก็ดีที่เขามูฟออน มีหลายอย่างที่หญิงสาวอยากถามเขา ทั้งเรื่องที่เขาออกงานกับเชอร์ลีน เรื่องของเกษรา เรื่องที่คีรีบอก แต่ด้วยสถานะตอนนี้เธอจึงไม่กล้า
แม้ว่าจะโกรธเรื่องที่เขาทำกับเธอเมื่อครั้งอดีต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ แล้วเธอหวังดีกับเขา
แต่คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้
ภคิณจอดรถที่ร้านสะดวกซื้อก่อนถึงคอนโด เขาลงไปไม่นานแล้วกลับขึ้นมาพร้อมถุงสองใบใหญ่ ใบหนึ่งเขายืดตัวเอาไปวางไว้ที่เบาะหลัง ส่วนอีกใบส่งให้นีรชา
“อะไรคะ” คล้ายมีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้าหญิงสาว
“ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ” ว่าแล้วก็ออกรถ ไม่หันมามองคนข้างๆ
“มันดึกแล้วค่ะ ฉันไม่กินมื้อดึก” ตั้งแต่สมัครประกวดนางงาม ธัญญ่าก็ห้ามเธอกินอะไรหลังจากหกโมงเย็น แม้ว่าจบการประกวดแล้ว หญิงสาวก็ยังติดนิสัยนี้อยู่
“กินซะ ถือว่าเป็นคำสั่งจากผม” ภคิณเลือกใช้เผด็จการเสียเลย “ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอก ทางกองเขามีแพลนที่จะเทรนคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะพุงปลิ้นตอนไปเวใหญ่”
ถึงกับใช้คำว่า ‘พุงปลิ้น’ เลยหรือ
แรงมาก...
“คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะนีน่า ในเมื่อคุณเลือกเดินเข้ามาในเส้นทางนี้แล้ว สุขภาพสำคัญมาก ผมไม่อยากเปลี่ยนตัวนางงามกะทันหัน”
“ค่ะ” หากเธอไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รองอันดับที่หนึ่งก็ต้องมาทำหน้าที่แทน
เขาไม่อยากยุ่งยากนี่เอง
ธัญญ่านัดนีรชามากินข้าวที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
เธอบอกกับนีรชาว่า มีผู้ใหญ่จะแนะนำให้รู้จัก ซึ่งนีรชาก็ไม่ได้คิดมาก ไปก็ไป เธอไว้ใจธัญญ่าอยู่แล้ว เลยไม่ได้เอะใจว่าการมารับประทานอาหารเย็นครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไร
พอกลับมาถึงคอนโดของนีรชา ธัญญ่าก็ปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา
“ไฮโซธัชเขาสนใจนีน่านะ” วางกระเป๋าราคาหกหลักบนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ในขณะที่นีรชาเดินเข้าไปในครัว ถือขวดน้ำออกมาให้ตัวเองและธัญญ่าคนละขวด
“นีน่าว่าเขาดูแพรวพราวค่ะ คงเจ้าชู้ใช่เล่นเลย”
“แต่ที่กินข้าวกัน นีน่าคุยกับเขาดูสนุกเชียว”
“นีน่าทำตามมารยาทค่ะ” อีกอย่างหนึ่ง นีรชาเข้าใจว่าธัชธรเป็นแขกของธัญญ่า เลยไม่ได้แสดงออกไปว่าไม่ชอบตรงๆ แต่หญิงสาวระวังตัวเสมอ
“พี่เข้าเรื่องเลยนะนีน่า” ธัญญ่าจ้องเด็กปั้นของตนเอง “คำว่าสนใจของพี่หมายถึง ไฮโซธัชเขาอยากเลี้ยงดูเรา”
แค็กๆๆ นีรชาถึงกับสำลักน้ำที่เพิ่งกลืน
ธัชธรสนใจนีรชาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันในงานฉลองครบรอบสิบปีนิตยสารของคุณพัชรา พอรู้ว่าใครคือผู้จัดการของนีรชา เขาก็เรียกเธอไปคุยข้อเสนอทันที
“พอครบปี ก็ต้องมีรุ่นน้องขึ้นมาแทน ไม่ใช่ว่าเส้นทางนี้มันจะจีรัง หากแต่ว่าเรามีคนหนุนหลัง” ธัญญ่าพยายามพูดโน้มน้าวใจ “เป็นเด็กของคุณธัชสบายจะตาย ไม่ให้ใครรู้ พอหมดสัญญากับกอง นีน่าจะได้มีที่พึ่ง”
นีรชามองพี่เลี้ยงตนด้วยสายตาแห่งความผิดหวัง คนที่เธอคิดว่าหวังดีมาตลอด แล้วทำไมถึงยื่นข้อเสนอนี้มาให้
“นีน่าไม่ทำค่ะ” นีรชาตัดสินใจเด็ดขาด
เธอไม่ได้รักชอบพอกัน เรื่องเงินตอนนี้เธอก็ไม่ได้ถึงกับขัดสน อีกอย่างยังมีสัญญาของกองประกวดที่ติดอยู่ ถึงแม้จะไม่มี นีรชาก็ไม่คิดจะทำ ไม่มีวันทำ!
“คิดให้ดีก่อนปฏิเสธพี่นีน่า”
“นีน่าคิดดีแล้วค่ะพี่ญ่า”
“แล้วถ้าพี่บอกว่านีน่าปฏิเสธไม่ได้ล่ะ” ธัญญ่าใช้ไม้แข็งบ้าง ที่นีรชามีวันนี้ได้เป็นเพราะเธอ เด็กคนนี้ควรสำนึกในบุญคุณ ไม่ใช่พอได้ดีแล้วปีกกล้าขาแข็ง “อย่าลืมว่าที่มีวันนี้ได้เพราะใคร”
เป็นครั้งแรกที่ธัญญ่าพูดขึ้นเสียงกับนีรชา
“นีน่าไม่เคยลืมค่ะว่าพี่ญ่ามีบุญคุณ แต่เรื่องนี้นีน่าทำไม่ได้จริงๆ” หญิงสาวยังยืนกรานทำให้ธัญญ่าโกรธ “พี่ญ่ายกเลิกความคิดนี้นะคะ นีน่าจะคิดเสียว่าพี่ไม่เคยพูดมัน”
ไม่คิดว่าเด็กที่หัวอ่อนจะแข็งข้อขึ้นมาดื้อๆ
แค่ธัญญ่ายังไม่ได้รู้จักนีรชาจริงๆ
“พี่รับเงินเขามาแล้วนีน่า” ในที่สุดธัญญ่าก็เฉลยความจริงออกมา
ความรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง...
นีรชาน้ำตาไหล เคยเห็นแต่ในข่าวที่ผู้จัดการดาราขายดาราให้เสี่ย วันนี้ต้องมาเจอกับตัวเอง
พี่เลี้ยงนางงามขายเด็กตัวเองให้แก่ไฮโซ
“พี่ญ่ารับเงินเขามาเท่าไหร่คะ” ถ้าไม่มากเธอจะคืนให้
“หนึ่งล้าน มันก็คุ้มค่ากับที่ฉันลงทุนไปกับเธอนะนีน่า”
หนึ่งล้านบาท จำนวนเงินเท่ากับรางวัลที่เธอได้รับจากกองประกวด แต่ต้องแบ่งธัญญ่าครึ่งหนึ่ง เธอไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น หากนำสินทรัพย์ทุกอย่างมารวมกันอาจจะพอมีถึง แต่มันก็มากไปที่จะให้นำไปคืน
“พี่ญ่าเอาเงินไปคืนเขาเถอะค่ะ นีน่าไม่ทำเด็ดขาด”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธนะนีน่า” ธัญญ่าตวาด เธอแสดงตัวตนที่นีรชาไม่เคยเห็น “ถ้าเธอไม่ทำ เราตัดขาดกันไปเลย และรับรองว่าชีวิตหลังจากนี้ของเธอจะไม่สงบสุข”
นี่สินะที่เขาเรียกว่าคบกันที่ผลประโยชน์
“นีน่ายืนยันคำเดิม พี่ญ่ากลับไปเถอะค่ะ ยังไงนีน่าก็ไม่เปลี่ยนใจ และถ้าพี่ญ่ายังไม่หยุด นีน่าจะบอกกองประกวดค่ะ” ดูแล้วธัญญ่าคงไม่หยุดง่ายๆ เพราะเธอเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง
“ถ้าคิดว่ากองจะปกป้องเธอตลอดก็ลองดูแล้วกัน” ธัญญ่ายื่นไม้เด็ด “จะเป็นยังไงน้า ถ้ากองรู้ว่านางงามปีนี้มีลูกแล้ว”
นีรชาหน้าซีดเผือด ตกใจที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาจี้ใจ
ธัญญ่าส่งยิ้มหวานอันเสแสร้งส่งให้เด็กปั้นของตนเอง ท่าทางของนีรชามันยืนยันแล้วว่าสิ่งที่เธอเห็นและหลักฐานที่มีมันเป็นความจริง
นีรชามีลูกแล้ว!
และเด็กคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนที เด็กที่หญิงสาวบอกว่าเป็นน้อง
ธัญญ่านัดนีรชามาเจอที่โรงแรมแห่งหนึ่งเวลาหนึ่งทุ่มตรง
โดยขู่ว่าถ้าหากไม่มาตามนัดจะปล่อยข่าวเรื่องที่หญิงสาวเป็นแม่ของนที นีรชาว้าวุ่นใจตั้งแต่กลางวัน เธอทำงานโดยไม่มีสมาธิจนปลิตาต้องขอเวลานอกให้เธอได้พัก
ธัญญ่าคิดว่าเป็นความโชคดีของตนเองที่ได้เห็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นเครื่องยืนยันว่านทีเป็นลูกของนีรชา เธอจะได้นำไปต่อรองหากอีกฝ่ายแข็งข้อ ซึ่งก็เห็นแล้วว่าได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้จริงๆ
ธัญญ่าเห็นสำเนาทะเบียนบ้านของนีรชาในวันที่ขอเอกสารของหญิงสาวเพื่อนำมาสมัครการประกวดนางงาม ซึ่งบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านฉบับนั้นมีเพียงสองคน คือนีรชาและนที เธอเปิดดูไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลา ระหว่างรอนีรชาไปเอาหลักฐานการเรียนจบ ทว่าตาดีไปเห็นชื่อมารดาในแผ่นทะเบียนบ้านของนที เป็นชื่อของเด็กปั้นของตนเอง ส่วนบิดานั้นไม่ปรากฏชื่อ
เธอตกใจกับสิ่งที่ได้ทราบ แต่ก็เก็บเป็นความลับ เพราะนีรชามีสิทธิ์ได้ตำแหน่งสูงมาก จะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลที่ทำให้หยุดประกวด
นีรชากลับมาที่คอนโดก่อนจะออกไปรับนทีที่ร้าน เธอคิดหนัก ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็จะเกิดความเสียหาย
หากเลือกรับข้อเสนอของธัญญ่า แน่นอนว่าหญิงสาวจะต้องทำผิดต่อกองประกวด แต่ถ้าปฏิเสธข้อเสนอของธัญญ่า รับรองว่าเธอต้องเป็นข่าวดังในไม่กี่ชั่วโมง แถมยังกระทบถึงกองประกวดเต็มๆ
พอลิฟต์เปิดออก นีรชาก็เข้าไปอยู่ด้านใน แต่ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทก็มีฝ่ามือยื่นเข้ามาคั่น ทำให้ประตูอ้าออกอีกครั้ง ตามมาด้วยภคิณที่ก้าวเข้ามา
“สวัสดีค่ะ” เธอไหว้เขา ทำตามที่ชายหนุ่มเคยเตือน น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก
“จะไปไหน” ภคิณเอามือล้วงกระเป๋า มองคนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงยีนขาม้า สวมรองเท้าแตะ เปลี่ยนลุคจากนางงามมาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
“ไปรับทีน่าที่ร้านค่ะ”
ลิฟต์เคลื่อนตัวมาหยุดที่ชั้นหนึ่งพร้อมกับเสียงเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องออกไปแล้ว นีรชาตัดสินใจคว้ามือชายหนุ่มไว้ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป
“คุณภคิณคะ”
ภคิณหยุดเดิน เลื่อนสายตามามองมือบอบบางที่รั้งเขาไว้ “ว่าไง”
“คุณพอมีเวลาสักนิดไหมคะ ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา”
แค่เปิดประตูร้านเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้สดนานาชนิด
นีรชาเข้ามาในอาณาจักรของตนเอง ที่นี่ยังเป็นความภูมิใจของเธอเสมอ หญิงสาวมองเห็นลูกค้านั่งอยู่บนโซฟารับแขก คงมาซื้อดอกไม้ จึงเดินเข้าไปทัก
“เมษา...”
ที่แท้ก็เป็นน้องรักของเธอที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่จบการประกวด แต่ทั้งคู่ยังติดต่อกันเสมอ พอเมษาเห็นว่าเป็นเจ้าของร้านคนสวย จึงรีบลุกมากอดนีรชาแน่น
“นึกว่าจะไม่เจอพี่นีน่าแล้ว พนักงานบอกว่าวันนี้พี่อาจจะเข้าร้านดึกๆ”
“ว่าแต่เมมาได้ไง ไม่บอกพี่ก่อน พี่จะได้มารอ” ทั้งคู่กลับมานั่งลง เมษายังกอดนีรชาไม่ห่าง
“เมมาซื้อดอกไม้ค่ะ พอดีพี่ชายเรียนจบแล้วกลับมาทำงานที่ไทย คุณแม่เลยให้มาซื้อดอกไม้ไปแสดงความยินดี และต้อนรับการกลับมา”
“สั่งไปหรือยัง” หมายถึงสั่งแบบที่ต้องการ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ลดให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องตั้งใจมาอุดหนุนพี่นีน่า ห้ามลดนะคะ” คนที่อายุน้อยกว่ารีบยกมือห้าม
นทีวิ่งเข้ามาหานีรชา เด็กชายเลิกเรียนแล้ว ป้าเกสรไปรับมาที่ร้าน เพิ่งกินอาหารว่างเสร็จได้ยินเสียงพี่สาวเลยลงจากชั้นบนมาหา
“น้องชายที่พี่นีน่าเล่าให้ฟังใช่ไหมคะเนี่ย”
“ใช่จ้ะ” นีรชากอดน้องชาย ดึงมานั่งตัก “ทีน่าสวัสดีพี่เมหน่อยครับ”
“สวัสดีค้าบ” นทีโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม แถมยังยิ้มหวานให้เมษาอีก เห็นแบบนี้คนที่ชอบเด็กอยู่แล้วจึงอยากฟัดให้หนำใจ
“สวัสดีครับทีน่า พี่ชื่อเมนะครับ ขอพี่เมกอดได้ไหม”
นทีลังเลใจ มองพี่สาวสลับกับพี่คนสวย เมื่อนีรชาพยักหน้าอนุญาต เด็กชายจึงเดินไปหาเมษา เมษาอ้าแขนรับ แล้วกอดแน่นๆ หอมแก้มซ้ายขวาให้หนำใจ
“อยู่ปอไหนแล้วครับสุดหล่อ”
“ทีน่าอยู่ปอหนึ่งครับ”
“พี่นีน่าว่างไหมคะ เมอยากชวนไปกินข้าว” ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้ว เมษาจึงอยากชวนพี่สาวไปต่อ
“หลังจากนี้ว่างจ้ะ แต่เมไม่เอาดอกไม้ไปให้พี่ชายก่อนเหรอ”
“เดี๋ยวแวะมาเอาขากลับก็ได้ค่ะ” ดอกไม้ที่หญิงสาวสั่งเป็นแจกันดอกไม้ปลอม เลยไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหี่ยว และที่สำคัญ คือใช้พรุ่งนี้
“งั้นโอเคเลย พี่ขอเอาทีน่าและป้าเกสรไปด้วยนะ ไม่ได้ออกไปกินข้าวข้างนอกนานแล้ว”
“ได้ค่ะพี่นีน่า วันหลังเดี๋ยวพาไปกินข้าวกับคุณแม่เมด้วย ท่านอยากเจอพี่นีน่า เหมือนที่เมเคยบอกว่าแม่เมชอบนางงามมาก ตอนนี้ก็เป็นเอฟซีพี่นีน่าไปแล้ว”
“ได้เลย พี่ก็อยากเจอคุณแม่เมเหมือนกัน”
ภคิณวางมือจากไอแพดขณะกำลังไล่อ่านสัญญาจากต่างประเทศ เมื่อโทรศัพท์ของเขาสั่น
“ภคิณ! ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ มันจริงหรือเปล่า ทำไมในข่าวบอกว่านีน่ามีลูกแล้ว ทำไมลูกไม่เช็กประวัติให้ดี ตอนนี้ข่าวว่อนไปทั่วแล้ว” มุกดาโทร. สายตรงมาหาลูกชายที่ยังไม่เห็นข่าว
“ใจเย็นๆ นะครับแม่ ผมทราบอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ คุณแม่ไม่ต้องตกใจ”
เมื่อได้ยินแบบนี้มุกดาค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่เพียงนิดเดียวเท่านั้น “แล้วที่นีน่ามีลูกนั่นจริงไหม คนที่ออกมาแฉเขามีหลักฐานนะ มันจะไม่ใช่เรื่องจริงแน่เหรอ”
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่ มีสายเข้า”
ภคิณวางสายจากมารดาแล้วกดรับสายที่โทร. ซ้อนเข้ามา วันนี้ทั้งวันโทรศัพท์ของเขาน่าจะสายไหม้
“ไอ้คิณ ลูกมึงใช่ไหม นีน่าท้องกับมึง กูนับเวลาดูแล้ว อายุเด็กคนนั้นเท่าๆ กับเวลาที่มึงและนีน่าเลิกกันเลย มึงยอมรับมาเลยนะว่าน้องของนีน่าคือลูกชายมึง”
“นี่มึงจะโทร. มาถาม หรือโทร. มาด่า” ถ้านทีเป็นลูกชายของเขาจริง ภคิณเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะรู้สึกอย่างไรมากกว่ากัน
ระหว่างดีใจที่มีลูกกับผู้หญิงที่รัก กับเสียใจที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อตลอดหกปีที่ผ่านมา ต้องให้นีรชาผ่านมันมาคนเดียว
“ทีน่าไม่ใช่ลูกกู” ภคิณบอกความจริงในที่สุด คีรีจะได้ไม่ต้องคิดไปไกลเกินนี้
ตอนแรกเขาก็แอบคิด แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากนีรชา ภคิณจึงรู้ว่าตัวว่าไม่ใช่คนที่ทำให้เด็กชายนทีเกิดมา
“แล้วนีน่าท้องกับใคร แล้วทำไมถึงมาประกวด นีน่าไม่รู้เหรอว่าเป็นข้อห้าม”
“มะรืนนี้กูจะจัดแถลงข่าว ถ้ามึงอยากรู้ก็มาฟังรอบเดียว กูขี้เกียจเล่า เรื่องมันยาว”
“แล้วทำไมมึงไม่แถลงพรุ่งนี้เลยวะ มึงเห็นหรือยังว่ามีคนด่านีน่าเต็มเลย ทำไมไม่รีบจัดการ” เป็นธรรมดาที่จะมีการวิจารณ์เกิดขึ้น และส่วนใหญ่จะมีแต่ความคิดลบๆ กับข่าวที่เพิ่งออกไป
“ที่จริงกูอยากแถลงวันนี้ แต่มันต้องรออะไรบางอย่างจะได้จบรอบเดียว”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทำอะไรเลย เพียงแต่ภคิณเตรียมพร้อมรับกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันก่อน ตอนนี้แค่รอเวลาเท่านั้น
ธัญญ่านั่งอ่านข่าวในเฟซบุ๊กที่กระหน่ำรุมด่านีรชา
ใครใช้ให้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กองประกวดฟัง คนที่มาตามนัดที่โรงแรมวันนั้นไม่ใช่นีรชา แต่เป็นภคิณและปลิตา
เด็กที่ไม่เชื่อง เธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาไว้ ปั้นได้ก็ทำให้พังได้เช่นกัน
มาดูกันว่าหากนีรชาไม่มีเธอแล้ว จะไปได้ไกลแค่ไหน
ธัญญ่าต้องยกเลิกสัญญาที่ให้ไว้กับธัชธร และคืนเงินที่รับมาจนหมด ฝ่ายนั้นเหมือนจะไม่พอใจที่เธอรับปากแล้วทำไม่ได้ แต่ธัญญ่าให้เหตุผลไปว่านีรชาผ่านการมีลูกมาแล้ว
ดูเหมือนความสนใจที่ธัชธรมีต่อนีรชาจะลดลง ฝ่ายนั้นเลยยอมให้ผิดสัญญาง่ายๆ
และที่ทำให้ธัญญ่าโกรธมากๆ นั่นคือ การที่ภคิณจะฟ้องเธอเกี่ยวกับสัญญาไม่เป็นธรรม ที่นีรชาได้ทำไว้กับธัญญ่า เนื่องจากส่วนแบ่งที่นีรชาเสียมันมากเกินไป แต่ตอนนั้นนีรชาเป็นคนยินยอมเอง เธอไม่ได้บังคับ แค่โน้มน้าวใจ
หากจะฟ้องก็ฟ้องเลย ไม่เสียดายเงินนั่นแล้ว เพราะว่าเงินที่ได้จากการขายข่าวที่นีรชามีลูก ก็ได้พอๆ กัน มีหลายสำนักข่าวที่พร้อมทุ่ม
วงในเผย นางงามเพิ่งมง มีลูกแล้ว...
ไม่ต่างจากดาราเลย ที่เวลามีข่าวเพจต่างๆ ที่มียอดผู้ติดตามหลักแสนจะเอาไปโพสต์ จากนั้นก็มีการแชร์ต่อๆ กันล้นหลาม นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นแบบไม่แคร์คนอ่าน
แรงได้เท่าไหร่ยิ่งได้รับการกดไลก์มากเท่านั้น
ธัญญ่าไล่อ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กด้วยความสะใจ ก่อนจะเปลี่ยนเข้าไปไถทวิตเตอร์ ซึ่งแฮชแท็ก #นางงามลวงโลก ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์เป็นอันดับหนึ่ง
‘ตอแหลมาก ปากบอกน้อง ที่แท้คือลูกตัวเอง’
‘แสดงว่าท้องตั้งแต่ยี่สิบ ว่าแต่พ่อเด็กคือใคร’
‘คืนมงเถอะ ทำให้เวทีเขาเสียชื่อ’
‘กองอย่าเงียบสิวะ ทำอะไรหน่อย ไม่ออกมาแบบนี้แสดงว่าจริงดิ’
‘เสียใจที่เชียร์ นีน่าคนต_แหล 2023’
‘เข้าไปส่องไอจีนาง ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ทักไปถามก็ไม่ตอบ’
‘ที่แท้ก็ดอก เหมือนสิ่งที่ขาย’
‘ถ้าแพรวมง ก็ไม่เกิดปัญญานี้หรอก เสียดายจริงๆ’
นอกจากธัญญ่าที่ใส่สีตีไข่แล้ว ทีมตรงข้ามที่ไม่อยากให้นีรชาได้มงกุฎก็พร้อมเหยียบ กะไม่ให้หญิงสาวมีที่ยืนในสังคม เป็นธรรมดาของวงการนี้
ธัญญ่าเหยียดยิ้มอย่างสะใจ
ด้านทางกองประกวดเองไม่ได้พัก สปอนเซอร์โทร. มาถามสายแทบไหม้ นอกจากนี้บริษัทต่างๆ ที่ติดต่อให้นีรชาเป็นพรีเซนเตอร์ก็มาขอยกเลิกสัญญากันระนาว
ปลิตาจึงตอบกลับไปว่าให้ตัดสินใจอีกครั้งหลังวันแถลงข่าว
เสียงกดออดดังขึ้น นทีที่นั่งดูการ์ตูนอยู่หน้าโทรทัศน์จึงลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูห้อง ลังเลใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดี
คราวนี้มาเป็นเสียงเคาะ แสดงว่ามีคนรออยู่ด้านนอก เด็กชายตัวน้อยจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดแล้วเปิดประตูออก ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นคุณลุงห้องข้างๆ
“มาหาใครครับ”
“มาหาพี่นีน่าครับ อยู่หรือเปล่า” ขณะถามก็มองเข้าไปภายในห้อง ไม่เห็นนีรชา
“พี่นีน่าอาบน้ำอยู่ครับ เชิญเข้ามารอด้านในก่อน” นทีทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ตอนอยู่ที่ร้านก็ช่วยนีรชารับลูกค้า จนหลายคนชื่นชมในความน่ารักของเด็กชาย
“ทำอะไรอยู่ครับ” ภคิณทิ้งตัวนั่งก็ถามคนที่นั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นบนพื้นพรม ห้องนี้ขนาดเท่ากันกับห้องของเขา เรียกว่าเป็นห้องฝาแฝดก็ได้ เพราะคีรีตั้งใจทำให้เหมือนกัน
“ทีน่าดูการ์ตูนครับ ทำการบ้านเสร็จแล้วพี่นีน่าอนุญาตให้ดูได้”
ชายหนุ่มมองนทีด้วยสายตาอ่อนโยน ถ้านีรชาท้องจริงๆ ลูกชายของเขาก็จะโตเท่านี้พอดี
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียดายดี
“ทีน่าดื่มนมไหมครับ เดี๋ยวพี่เอามาให้...” นีรชาเดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวแล้วชะงัก เมื่อพบว่านทีไม่ได้อยู่คนเดียว มีแขกห้องข้างๆ นั่งอยู่ด้วย ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่ครับ ทีน่ายังอิ่มอยู่” มื้อเย็นเด็กชายกินข้าวไปเยอะพอสมควร
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้เข้ามา” นีรชาถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ทีหลังต้องเตือนนทีไม่ให้เปิดประตูให้คนแปลกหน้า เพราะบางทีอาจเป็นคนร้าย
ภคิณมองนีรชาที่อยู่ในชุดนอนแขนสั้นขาสั้นสีดำลายทาง ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นปราศจากเครื่องสำอาง โชว์ผิวใสๆ ริมฝีปากอมชมพู
“เรื่องข่าว”
เป็นเรื่องที่หญิงสาวเครียดทั้งวันก็ว่าได้ เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน แม้กระทั่งที่ร้าน ส่วนนทียังให้ไปโรงเรียนอยู่ และให้ป้าเกสรพามาส่งที่นี่
ป้าเกสรเห็นข่าวแล้วห่วงนีรชามาก ขนาดแค่อ่าน ป้ายังจะเป็นลมกับถ้อยคำด่าทอสมัยนี้
ภคิณมองไปที่นที ก่อนจะสบตากับนีรชา ประมาณว่าจะให้พูดต่อหน้าเด็กชายเลยหรือเปล่า นีรชาจึงบอกให้นทีเข้านอนเพราะถึงเวลานอนพอดี
ห้องนอนของนทีเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกันกับห้องนอนของนีรชา ซึ่งก่อนหน้านี้พี่น้องนอนห้องเดียวกัน แต่พอย้ายมาอยู่ที่นี่ เด็กชายอยากมีความเป็นส่วนตัวจึงขอแยกห้อง นีรชาเองก็ไม่ขัด เพราะนับวันนทียิ่งโตขึ้น กอปรกับที่คอนโดมีสองห้องนอนจึงไม่ใช่ปัญหา
“นี่คืออีกด่านที่คุณต้องเจอนะนีน่า” พออยู่กันสองคนภคิณจึงเข้าเรื่อง
ด่านที่ว่านี้คือ การวิจารณ์ ด่าทอ กระแสดรามาที่ต้องเจอ เป็นธรรมดาที่เมื่อมีคนชอบแล้วก็จะมีคนเกลียด แถมยังมีคนที่รอเหยียบเมื่อล้มเสมอ
“ค่ะ ฉันเข้าใจ” เธอยอมรับว่าตัวเองก็ผิดที่ไม่ทำให้เรื่องราวมันกระจ่าง จึงเป็นจุดอ่อนให้ธัญญ่าเอามาทำร้ายได้ “ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมด”
ภคิณไม่ปลอบ เพราะเส้นทางนี้นีรชาเป็นคนเลือกเอง เขาเคยเตือนเธอแล้วว่าอาจจะไม่ไหว แต่หญิงสาวเลือกที่จะเดินต่อ ซึ่งเขาก็เคารพการตัดสินใจเธอ ไม่ขัดขา ให้เธอใช้ความสามารถผ่านเข้ามาด้วยตัวเอง
ซึ่งนีรชาก็ผ่านมาได้ทุกด่าน
ส่วนภคิณก็ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะบอสใหญ่ของเวที และการดูแลเธอก็เป็นหนึ่งในหน้าที่
ชายหนุ่มดีใจอยู่หนึ่งอย่างที่หญิงสาวยอมบอกกับเขาวันนั้น ทำให้สามารถหาทางออกได้ทัน ไม่เดินตามเกมของธัญญ่า
หากนีรชาตกลงรับข้อเสนอเป็นเด็กของธัชธร ภคิณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกผิดหวังขนาดไหน
“เตรียมตัวให้ดี เพราะวันแถลงข่าวคุณอาจจะต้องเจอคนที่มาป่วน” ภคิณคิดว่าอดีตพี่เลี้ยงของหญิงสาวคงไม่อยู่นิ่ง อาจจะมาเองหรือส่งตัวแทนมา คงจะหาโอกาสเหยียบนีรชาให้จมดิน
“คุณจะปลดฉันหรือเปล่าคะ”
คอมเมนต์ที่บอกให้เปลี่ยนตัวนางงาม เพราะเธอทำตัวไม่เหมาะสม ทำให้นีรชาเก็บมาคิด หากทางกองประกวดจะปลดนีรชาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะค้านได้ เพราะเธอทำให้พวกเขาเดือดร้อนและเสียชื่อเสียง
“มันก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากไปต่อหรือเปล่า” ภคิณสบตากับคนที่รอคอยคำตอบ มาขนาดนี้แล้วจะมาขอถอนตัว มันง่ายเกินไป คงได้สมใจคนที่จ้องทำร้ายเธอ “คุณจะหยุดหรือไปต่อ”
“ฉันอยากไปต่อค่ะ”
แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย
“อืม และจะไม่เปลี่ยนใจนะที่จะบอกความจริงกับทุกคนเรื่องทีน่า”
“ฉันยังยืนยันคำเดิมค่ะ เชื่อว่าทีน่าเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาฉันบอกน้องตลอดว่าฉันคือพี่สาวของเขา หากว่าไม่เข้าใจตอนนี้ โตขึ้นน้องก็จะเข้าใจเองค่ะ”
“น้องคุณโชคดีมากนะนีน่า ที่มีคุณเป็นพี่สาว”
“เพราะเขาคือครอบครัวที่เหลืออยู่ของฉันค่ะ” หยดน้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอว่าจะไม่อ่อนแอแล้ว แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธออยากระบายออกมา แถมภคิณยังมาพูดถึงจุดอ่อนของเธออีก
ใช่แล้ว...ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อนที
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่หางตาให้นีรชา
“คุณเก่งมากที่ผ่านมันมาได้”
“คุณพอมีเวลาสักนิดไหมคะ ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา”
นีรชาและภคิณกลับขึ้นมาห้องพักประจำตำแหน่งของหญิงสาวอีกครั้ง เธอเดินไปรินน้ำเปล่าใส่แก้วมาให้เขา ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาคนละตัว
“คุณมีอะไรอยากคุยกับผม”
“พี่ญ่าเสนอให้ฉันไปเป็นเด็กของไฮโซธัชค่ะ”
ถ้ามองไม่ผิด นีรชาเห็นสายตาวาวโรจน์ของเขา เดาว่าภคิณคงโกรธที่เธอจะทำผิดสัญญา หญิงสาวจึงอธิบายต่อ
“แต่ฉันปฏิเสธ พี่ญ่าเลยจะแบล็กเมล์ฉันค่ะ” นีรชาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลอบมองหน้าคนฟังไปด้วย “พี่ญ่าเข้าใจว่าทีน่าเป็นลูกของฉัน เลยจะแฉเรื่องนี้หากฉันไม่ทำตามข้อเสนอ”
“แล้วคุณอยากทำแบบไหน” ภคิณถามความเห็นของหญิงสาวกลับบ้าง
“ฉันไม่อยากทำตามข้อเสนอของพี่ญ่า แต่ถ้าเขาแฉก็น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ ฉันไม่อยากทำให้ทุกคนเดือดร้อน”
“น้องชายที่คุณบอกอายุเท่าไหร่”
“หกขวบย่างเจ็ดขวบค่ะ” อืม... เป็นเวลาที่เขาและเธอเลิกกันพอดี ภคิณอดสงสัยไม่ได้ว่านทีอาจจะเป็นลูกของเขา ชายหนุ่มจ้องไปที่ดวงตาของนีรชาเพื่อค้นหาความจริง
“เด็กคนนั้นเป็นลูกของผมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ค่ะ ทีน่าไม่ใช่ลูกของคุณ”
ทำไมต้องรู้สึกผิดหวังด้วยวะ
“แล้วเขาเป็นลูกคุณกับใครนีน่า” ภคิณเค้นคำตอบจากคนตรงหน้า “ถ้าคุณไม่เล่า ผมก็ช่วยคุณไม่ได้นะ”
“ทีน่าเป็นน้องของฉันจริงๆ ค่ะ เขาเป็นลูกของคุณแม่ แต่คนละพ่อ”
หลังจากที่นีรชาเลิกกับภคิณ หญิงสาวจึงกลับไปอยู่บ้านเพราะตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ทราบว่ามารดาของตัวเองตั้งครรภ์
มันควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เธอจะได้มีน้อง แต่ดันกลับกัน เพราะเธอไม่รู้ว่าแม่ของเธอท้องกับใคร บิดาทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว
นารินทร์แม่ของเธอเครียดมาก เพราะกลัวว่าพ่อจะรู้ ส่วนเธอเองก็ต้องรองรับอารมณ์ที่แปรปรวนของแม่
วันนั้นนีรชาอยู่บ้านคนเดียว นารินทร์บอกว่าจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดกับเพื่อน เหมือนที่ชอบไปประจำ แต่พอกลับมาบ้านก็ไม่ได้กลับมาคนเดียว เธอกลับมาพร้อมทารกที่เพิ่งคลอดไม่กี่วัน
นารินทร์บังคับให้นีรชาสวมสิทธิ์เป็นแม่ของนที
เพราะคนที่ทำคลอดให้เป็นเพื่อนของนารินทร์ที่เคยเป็นพยาบาล เลยยังไม่ได้แจ้งเกิด
นีรชาปฏิเสธ เธอรู้ว่ามันผิด แต่นารินทร์ก็ขู่ว่าถ้าหากนีรชาไม่ยอมรับนทีเป็นลูก พ่อและแม่ต้องเลิกกัน เพราะพ่อไม่ยอมแน่ๆ หากแม่มีชู้
ส่วนนีรชาก็จะถูกมองว่าใจแตก ท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
นารินทร์คิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอย่างไรบิดาของนีรชาก็ไม่มีทางตัดขาดลูกสาวสุดที่รัก ต่างจากเธอที่เขาพร้อมตัดได้ทุกเมื่อ และหากนทีอยู่ในฐานะลูกของนีรชา ก็เท่ากับว่าเป็นหลานของนารินทร์ เธอยังพอได้ดูแลลูกบ้าง
นีรชาต้องตกลงในที่สุด เพราะหากไม่แล้ว นารินทร์จะเอานทีไปทิ้งถังขยะเหมือนในข่าว
ซึ่งเธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
ภคิณฟังถึงตรงนี้แล้วผ่อนลมหายใจ มองนีรชาด้วยความเห็นอกเห็นใจ นอกจากเธอจะต้องเยียวยาหัวใจหลังจากที่เลิกกัน หญิงสาวยังเจอมรสุมชีวิตที่เข้ามาอีก
แม่ของเธอต้องใจร้ายขนาดไหนที่จะเอาลูกตัวเองไปทิ้ง และไม่คิดถึงความรู้สึกของนีรชาเลย
ตอนนั้นนีรชาเพิ่งจะอายุยี่สิบปี
“คุณไม่ต้องสงสารฉันหรอกค่ะ” เธอยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า
หลังจากที่นีรชาสวมสิทธิ์เป็นแม่ของนทีได้ไม่ถึงเดือน บิดาของหญิงสาวก็บินกลับมาจากต่างประเทศ เพราะทราบข่าวว่าลูกสาวคลอดหลาน
นารินทร์เป็นคนไปรับสามี แต่ระหว่างทางที่ออกมาจากสนามบินเกิดการทะเลาะกันขึ้น
พ่อของนีรชาไม่เชื่อว่าลูกสาวจะทำแบบนั้น ล่าสุดที่คุยกันแบบเห็นหน้า นีรชายังผอมเพรียว จะเอาเวลาไหนไปตั้งครรภ์ แต่นารินทร์ก็ใส่ไฟว่านีรชาเป็นเด็กไม่ดีจนเขาทนไม่ไหว
ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก มีการแย่งพวงมาลัยไปมา จนในที่สุดก็เกิดอุบัติเหตุ
รถยนต์พลิกคว่ำเสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน
นีรชาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอกลืนก้อนความจุก เหตุการณ์นี้เป็นการสูญเสียที่มากที่สุดในชีวิต
“ที่ดรอปเรียนไปก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“ค่ะ”
เธอต้องจัดการเรื่องพ่อแม่ให้เรียบร้อย ดูแลน้องชายที่เพิ่งคลอด วางแผนชีวิตใหม่ให้ลงตัวก่อนที่จะกลับไปเรียนอีกครั้ง
ใช้ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ มาปีกว่า โดยมีป้าเกสรเพื่อนบ้านเป็นคนช่วยเหลือ หญิงสาวเลยจ้างมาดูแลนที เธอจะได้ทำงานและเรียนไปด้วย หากดูแลน้องอย่างเดียวนับวันเงินที่ได้มาก็ต้องหมด
หญิงสาวแบ่งเงินที่ได้จากประกันชีวิตส่วนหนึ่งมาลงทุน ส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้นที เพราะนับวันน้องชายของเธอจะต้องใช้เงินมาก ตัวเองก็ยังเรียนไม่จบ ไม่มีหลักประกันอะไรในชีวิต
ทั้งสามคนจึงกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับเริ่มเปิดร้านดอกไม้ Neena’s flowers ที่นีรชาทำอยู่ตอนนี้ และกลับไปเรียนอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้น้องชายคุณเข้าใจว่าคุณเป็นแม่หรือพี่กันแน่” ชายหนุ่มเป็นห่วงความรู้สึกของนที
“ทีน่าเข้าใจว่าตัวเองมีพ่อและแม่คนเดียวกับฉัน ถ้าฉันบอกว่าเป็นแม่ตั้งแต่เริ่มต้น ก็ต้องมาอธิบายอีกว่าพ่อของเขาคือใคร ฉันเลยบอกน้องว่าฉันเป็นพี่ค่ะ”
“ไหนๆ ชีวิตคุณก็เหมือนนิยายแล้ว คงไม่เป็นไรนะ ถ้าผมจะเปลี่ยนบทนิดหน่อย เพื่อให้มันเกิดผลดีกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่เสียไปแล้ว จะได้ไม่ต้องพูดถึงเขาอีก”
“แล้วแต่คุณค่ะ ตอนนี้ฉันห่วงแค่ความรู้สึกของทีน่า และชื่อเสียงของเวที”
“คุณควรห่วงตัวเองบ้างนะนีน่า”
ความคิดเห็น |
---|