1

บทนำ


ไพลินน้ำเงินคราม...เทพโอซีริส มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ดลบันดาลให้เก็บเกี่ยวผลิตผลได้สมบูรณ์

            ลำแสงสีทองกำลังลาลับขอบฟ้าไปอีกหนึ่งวัน ชีคกาเบรียน นูลดาห์ ชีคแห่งรัฐอัลซาดาห์ นั่งหน้าเคร่ง สองมือใหญ่กุมขมับด้วยความร้อนใจ เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เขาได้รับมอบหมายจากองค์สุลต่านอัลเดวานาส ประมุขผู้ปกครองสาธารณรัฐอัลบาเรีย ให้ตามหาสิ่งสำคัญที่หายไป แต่ข่าวคราวทุกอย่างยังคงไร้วี่แววพบเจอ ในขณะที่ระยะเวลาขีดเส้นตายก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ เขามีเวลาอีกไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ

            ไพลินสีคราม...ชีคกาเบรียนท่องความสำคัญของอัญมณีเม็ดนี้ได้ขึ้นใจ แม้ตลอดชีวิตนี้ตัวเขาจะไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสแตะต้องกับอัญมณีที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่เขารู้ดีถึงความสำคัญของอัญมณีที่องค์เทพโอซีริสประทานมาให้แก่ชาวอัลบาเรียทุกคน  สีน้ำเงินครามนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณ แต่มา ณ บัดนี้กลับสูญหายไป ด้วยฝีมือโจรกรรมของคนละโมบที่บังอาจขโมยของล้ำค่าไปจากสุสานแห่งกษัตริย์ สุสานที่เปรียบดั่งเป็นสมบัติของประชาชนชาวอัลบาเรียทุกคน

            แววตาหวั่นวิตกของชีคกาเบรียนฉายชัดอยู่บนใบหน้าที่ผ่านร้อนหนาวมามากกว่าเจ็ดสิบปี หากในเร็ววันนี้เขายังไม่ได้ข่าวคืบหน้า เขาคงทำให้ชาวอัลบาเรียผิดหวัง ชีคชราแห่งรัฐอัลซาดาห์ทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ถ้าเรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่ เห็นทีเขาคงต้องวางมือ และหันหลังให้แก่ทุกสิ่งเสียที

 

            ณ อาคารใหญ่ที่สูงที่สุดของรัฐอัลซาดาห์ รัฐเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐอัลบาเรีย

            ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนทอดมองออกไปยังด้านนอกตัวตึกจากความสูงชั้นที่ห้าสิบ สายตาคมกริบดุจเหยี่ยวทะเลทรายจ้องมองอาณาจักรของตระกูลอัลบารอมที่กำลังขยายอิทธิพลครอบคลุมไปทั่วรัฐอัลซาดาห์อย่างพึงพอใจ ริมฝีปากบางเฉียบเหยียดยกขึ้นคล้ายเย้ยเยาะต่อทุกสรรพสิ่ง สองตระกูลใหญ่ของอัลซาดาห์ที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน...อัลบารอมร่ำรวยมีเงินล้นฟ้า จะเนรมิตสิ่งใดก็ได้ภายในพริบตา แต่เกียรติยศทุกอย่างกลับตกอยู่ในมือของตระกูลที่มีแต่ตัวอย่างนูลดาห์  

            “คุณชามาล์ครับ” เสียงเรียกของคนสนิทที่ก้าวเดินเข้ามาในห้องทำให้อีกฝ่ายหันหน้ากลับมามอง

            “มีอะไร” ชามาล์ทายาทคนโตของตระกูลอัลบารอมถามเสียงทุ้มต่ำ ในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ทำให้ใครๆ ต่างกลัวเกรง

            “มีคนต้องการมาเสนอของบางอย่างให้ครับ”

            ชามาล์เลิกคิ้ว ก่อนจะเอ่ยเสียงหยันเหมือนไม่ใส่ใจกับสิ่งของนั้นสักนิด “มันสำคัญมากถึงขนาดที่ฉันต้องไปดูด้วยตัวเองใช่ไหม”

            “คนเสนอบอกว่า ถ้าคุณชามาล์ไม่ดูจะเสียใจครับ” ซาอิมรายงานเจ้านาย

            ชามาล์ทำหน้าไม่สนใจ “ไปบอกเขา ฉันไม่เคยเสียใจ โดยเฉพาะถ้ามีใครสักคนมาชี้นำว่าฉันควรจะทำอะไร”

            “ครับ” ซาอิมพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วเดินกลับออกไป

            สองนาทีต่อมาซาอิมได้เดินกลับเข้ามาในห้องใหม่อีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม “คุณชามาล์ครับ ผมเกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา”

            “ทำไม?” ชามาล์เงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาแข็งกร้าว

            สีหน้าของซาอิมไม่สู้ดีนัก ยามเมื่อต้องเอ่ยปากตอบเจ้านายตนเอง “เกี่ยวกับสร้อยที่หายไปครับ”

            ชามาล์รับรู้ในทันที คำว่า ‘สร้อยที่หายไป’ ต้องมีความเกี่ยวพันกับอัญมณีแห่งอัลบาเรียที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมๆ กับเรื่องราวที่ถูกปกปิดเป็นความลับ แต่นั่นไม่อาจหลุดรอดสายข่าวของเขาไปได้ เขารู้แม้กระทั่งว่าชีคกาเบรียนได้รับมอบหมายจากองค์สุลต่านให้ติดตามอัญมณีที่หายไป...ไพลินสีคราม

            และถ้าเขาโชคดีได้มันมาไว้ในมือ คงเป็นคราวเคราะห์ของตระกูลนูลดาห์ที่นอกจากจะไร้ทายาทผู้สืบเชื้อสายแล้ว ยังบกพร่องต่อหน้าที่อย่างที่ไม่อาจให้อภัยได้

            “ฉันจะให้เวลาห้านาที ไปพาเข้ามา” ชามาล์สั่งเสียงเย็น

            ซาอิมเดินกลับออกไป และเข้ามาใหม่อีกครั้งพร้อมกับชายร่างท้วมท่าทางหลุกหลิกคนหนึ่ง

            “มีอะไรว่ามา” ชามาล์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

            “ผมมีของดีมาเสนอ”

            “เหลืออีกสี่นาที” ชามาล์พูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับดุดันยามมองหน้าคู่สนทนา จนทำให้อีกฝ่ายถึงกับเหงื่อตก

            “สามนาที”

            “คุณชามาล์ให้เวลาห้านาที หมดจากนี้ ต่อให้เป็นของดีแค่ไหน คุณชามาล์ก็ไม่สนใจ” ซาอิมเน้นย้ำให้คนนำของมาเสนอรับรู้และรีบเจรจาเสีย

            “เอ่อ...เอ่อ...คือผมมีเม็ดไพลินมาขาย” ชายร่างท้วมพูดออกมาได้ในที่สุดหลังจากลังเลอยู่อึดใจ เพราะของที่ตนเองนำมาเสนอขายมีค่ามาก และถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย นั่นหมายถึงความตายสถานเดียว

            สีหน้าชามาล์เรียบเฉยเหมือนไม่สนใจ และไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงแต่ก้มมองนาฬิกาพร้อมทั้งเอ่ยถึงเวลาที่เหลือ “ครึ่งนาที”

            “มะ...มันเป็น ไพลินจากสร้อยในสุสาน มีคนฝากมาขาย ผมคิดว่านอกจากคุณชามาล์ คงไม่มีใครกล้ารับซื้อ” ชายร่างท้วมเลิ่กลั่กปากสั่น ไม่เคยเจอใครที่ทำท่าโอหังและถือดีได้มากขนาดนี้มาก่อน

            “เท่าไหร่” คำถามสั้นๆ ออกมาจากปากบางหยักสวยได้รูป

            “ห้าล้านเหรียญยูเอสดอลลาร์ครับ” ชายร่างท้วมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

            “เอาของมาด้วยหรือเปล่า” ชามาล์ถามต่อ

            ชายร่างท้วมพยักหน้ารับแล้วล้วงมือไปหยิบห่อผ้าเล็กๆ ในกระเป๋าเสื้อส่งให้ชายหนุ่ม

            ชามาล์เอื้อมมือออกไปรับและแกะห่อผ้าออกดูเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ข้างในว่าเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ ประกายแวววาวน้ำเงินครามที่สะท้อนเจิดจ้าท่ามกลางแสงสว่างภายในห้อง ทำให้ชายหนุ่มนิ่งชะงักไป ถ้าเป็นของเลียนแบบคงเป็นของเลียนแบบที่เหมือนมาก

            “แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นของแท้” ชามาล์ถามขึ้นอีกครั้ง

            “ของแท้แน่นอนครับ ผมกล้าเอาหัวเป็นประกัน”

            “ฉันให้ได้แค่ห้าหมื่น” ชามาล์แหงนหน้าขึ้นมาจ้องหน้าอีกฝ่าย

            “แต่ว่ามันเป็นไพลินที่ประเมินราคาไม่ได้ แค่ห้าหมื่น...” ชายร่างท้วมอึกอัก แต่ไม่กล้าพูดต่อเมื่อเจอสายตาดุดันของชามาล์ที่จ้องเขม็ง

            “ถึงมันจะมีค่ามากแค่ไหน สำหรับฉันมันก็แค่เศษหินที่ต้องเก็บไว้ในตู้เซฟ ฉันให้นายได้แค่นี้ ถ้าไม่พอใจเชิญกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่นายควรรู้ไว้ ถ้าข่าวนี้รั่วไปถึงหูชีคกาเบรียน นายจะไม่ได้อะไรแม้แต่แดงเดียว นอกจากนั้นชีวิตก็อาจไม่เหลือ” ชามาล์เอ่ยเตือนเสียงเหี้ยม

“เอาละ หมดเวลาห้านาที ออกไปได้แล้ว”   

            “เอ่อ คือ ห้าหมื่นก็ได้ครับ” ชายร่างท้วมก้มหน้าก้มตาตอบเสียงเบา เขาไม่อาจเอาอนาคตที่ไม่แน่นอนมาเสี่ยงให้ลาภหลุดลอย ถึงอย่างไรได้น้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะทั่วทั้งอัลซาดาห์ นอกจากผู้ชายที่ชื่อชามาล์ อัลบารอม แล้ว คงไม่มีใครใจกล้ารับซื้อของสูงค่าชิ้นนี้แน่นอน

            “ฉันจะไม่ถามนายอีกครั้งว่าเป็นของจริงหรือไม่ เพราะนายคงรู้ดี ถ้าฉันรู้เองภายหลัง ผลของการโกหกมันจะลงเอยรูปแบบไหน และฉันจะไม่ถามนายว่าได้ของมาได้ยังไง เพราะมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันแม้แต่น้อย” ชามาล์เอ่ยเสียงเย็นเฉียบ “แต่จำไว้ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ อย่าปริปากบอกเรื่องนี้กับใคร”

            “ครับๆ” คนถูกสั่งพยักหน้างึกๆ รับ ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปกับคำขู่เสียงเหี้ยมเอาจริงของคนที่อยู่เบื้องหน้า

            “ซาอิม จัดการเรื่องเงินด้วย” ชามาล์หันไปสั่งคนสนิท

            ซาอิมพยักหน้า แล้วเดินนำชายร่างท้วมออกไปรับเงินห้าหมื่นตามที่ได้ตกลงไว้

            คล้อยหลังทั้งสองคน ชามาล์เหยียดยิ้มมองไพลินสีน้ำเงินครามที่วางอยู่บนห่อผ้าอย่างสาแก่ใจ ยิ่งนึกว่าไพลินเม็ดนี้เป็นสิ่งที่ชีคกาเบรียนกำลังตามหาอย่างเอาเป็นเอาตาย ชายหนุ่มก็ยิ่งพึงพอใจ เพราะมันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ของสำคัญชิ้นนี้ได้ตกมาถึงมือของเขาก่อน และเขาจะใช้มันทำให้ชีคแห่งอัลซาดาห์ต้องทุรนทุรายกับการตามหา พร้อมๆ กับการเสียหน้าอย่างที่สุดที่ไม่มีปัญญาหาของกลับไปคืนได้

            ชามาล์ อัลบารอม จ้องมองอัญมณีล้ำค่าของชาวอัลบาเรียด้วยความรู้สึกพิศวง สีน้ำเงินแวววาวส่องประกายเจิดจ้าสวยงามจนหาที่ติไม่ได้ ประเมินจากสายตาก็รู้ว่าเป็นของที่ไม่อาจตีออกมาเป็นตัวเงินได้จริงๆ

            นี่น่ะหรือ...ไพลินสีครามแห่งตำนานที่ถูกกล่าวขานมาช้านาน ชามาล์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความสำคัญของอัญมณีเม็ดนี้ที่มีต่อชาวอัลบาเรีย ถึงแม้คนรุ่นใหม่อย่างเขาจะมีความเชื่อในเรื่องนี้น้อยมาก และเขาก็ไม่เคยกลัวอาถรรพ์ในเรื่องต่างๆ ตามที่เคยได้ยินมา แต่เหตุที่เขารับซื้อไว้ ไม่ใช่เพราะความงามล้ำค่าหรืออยากเก็บไพลินเม็ดนี้ไว้กับตัว ไม่เลย...ชามาล์บอกกับตนเองภายในใจ สมบัติของชาติก็ควรกลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาส่งคืนกลับไปเท่านั้นเอง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น