7

ไม่ชอบผู้ชายจริงจริงนะ

จูบของคุณรสชาติเหมือนขนมหวานที่ผมอยากจะกินไม่ให้เหลือ

                บทในละครที่พระเอกเอ่ยกับนางเอกบนจอโทรศัพท์ ทำให้ภัทรียาที่นั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เกือบสำลัก ภาพความหวานของพระนางในละครที่เพื่อนสนิทแนะนำให้เปิดดูย้อนหลัง ชวนให้คนเพิ่งถูกจูบแบบฉากที่ดูวนเวียนแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวกดหยุดหน้าจอจ้องมองภาพริมฝีปากชายหนุ่มหญิงสาวที่ประกบจูบชวนให้หัวใจสั่นระรัว แม้เส้นบะหมี่รสจัดก็ไม่ทำให้เธอกระวนกระวายได้เท่าความรู้สึกจากริมฝีปากของหม่อมหลวงภาคย์

                สติไปไหนตอนที่ผู้ชายงามเพียงรูปลักษณ์แตะปากลงบนปาก คนฉวยโอกาสยังฉกหอมแก้มเธออีกฟอดใหญ่ ทั้งที่ควรตอบโต้ให้สาสมกับการล่วงเกิน แต่หัวใจนี่ก็กระไร มันกลับพองโตเหมือนยินดีที่ถูกกระทำ พร่ำเพ้อเหมือนถูกเวทมนต์จากคนนิสัยไม่ดี

                ใช่...หม่อมหลวงภาคย์ ภาคินัย นิสัยไม่ดี

                นี่คืออีกเรื่องที่เธอยืนยันได้ เขาไม่มีความรับผิดชอบสักนิด ที่ทำให้เธอกลัดกลุ้มมากมายขนาดนี้ แต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนการจูบเป็นเรื่องสามัญธรรมดา

                “เกลียดที่สุด” หญิงสาวกดปิดโปรแกรมดูละคร หมั่นไส้ความหวานของพระนางบนจอจนอยากหาเรื่อง แต่เธอทำได้เพียงสูดเส้นบะหมี่ใส่ปากอย่างหงุดหงิด

                ติ๊ง

                แต่ความหงุดหงิดนั้นคงอยู่เพียงชั่วคราวเมื่อหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏข้อความจากชายหนุ่มที่คิดถึง...เอ๊ะ เธอจะดีใจเพื่ออะไร ภัทรียาบอกตัวเอง ตั้งสติมองประโยคที่ยังคงแสดงค้างโดยไม่เปิดเข้าไปให้คนที่ส่งมาได้รู้ว่าตนอ่านเรียบร้อย

                ภาคย์ พรุ่งนี้มีโปรแกรมทำอะไรหรือยังครับ

                “ทำเป็นถาม” ภัทรยาบ่น เผลอกัดริมฝีปากล่างด้วยความไหวหวั่น ในสมองพยายามหาถ้อยคำตอบกลับชายหนุ่ม ถ้อยคำที่เจ็บแสบทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจไม่น้อยกว่าเธอ

                แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ เสียงข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง

                ภาคย์ ถ้ายังไม่มี อยากไปเดินดูร้านขายส่งอุปกรณ์เบเกอรี่ที่ร้านคุณลุงสั่งเป็นประจำไหม เผื่อน้ำผึ้งอยากทำขนม

                “อยากสิ” เธอตอบกับตัวเองทันควัน ใจระริกระรี้กับข้อเสนอของชายหนุ่ม หญิงสาวกดเปิดข้อความ จ้องอ่าน แต่ไม่กดตอบใจอยากเล่นตัวให้เขารู้บ้างว่าผู้หญิงอย่างภัทรียาไม่ได้ตกหลุม ไม่มีวันพร่ำเพ้อไปกับคนมากเล่ห์อย่างเขา แต่...

                ใช่...เธอไม่ได้มีรสนิยมชื่นชอบผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา ทำไมเธอต้องมานั่งกลัดกลุ้มกับผู้ชายคนนี้ หม่อมหลวงดวงตาหวานก็เป็นแค่เพื่อนผู้ชายอีกคนที่เข้ามาในชีวิต

                “เออ ฉันจะรู้สึกทำไมล่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว จริง ๆ” เธอพยายามสะกดจิตตัวเอง แล้วตอบกลับข้อความชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว

                น้ำผึ้ง คุณจะมาไม้ไหนอีก

                ภาคย์ ไม่ได้มาไม้ไหน แค่ถามว่าพรุ่งนี้สนใจไปร้านอุปกรณ์เบเกอรี่ไหม ร้านนี้ขายมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ตอนนี้เป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ หน้าร้านเขาอยู่แถวพาหุรัด

                ใจหญิงสาวนั้นกระโดดโลดเต้นไปตั้งแต่ข้อความก่อนหน้า ยิ่งชายหนุ่มย้ำว่าที่ที่จะไปนั้นน่าสนใจแค่ไหน เธอพร้อมยิ่งกว่าพร้อมไปเต็มที่แต่ไม่ได้ เธอต้องเล่นตัวสักนิด ถึงไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็ตามที

                น้ำผึ้ง พรุ่งนี้ฉันต้องซักผ้า กว่าจะเสร็จคงเกือบสิบเอ็ดโมง

                ภาคย์ งั้นผมไปรับตอนเที่ยง

                เอาไงดี จะตอบตกลงไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือน้ำผึ้งแต่เธอไม่ได้สนใจเขาจะไปคิดกังวลทำไมเล่าหญิงสาวถามเองตอบเอง อย่างคนตัดสินใจไม่ได้ ตำแหน่งกลางอกก็เต้นแรงจนยากจะควบคุม ภาพริมฝีปากกับสัมผัสอุ่นที่คลอเคลียยังคงสัมผัสได้ในห้วงความทรงจำ

                น้ำผึ้ง ค่ะ

                หญิงสาวเลือกให้คำตอบชายหนุ่มปลายทางเพียงเท่านี้ เพราะจิตใต้สำนึกพยายามสั่งให้เธอคิดถึงแต่จูบเมื่อช่วงเย็น แต่สมองยังคงตั้งใจสะกดตัวเองให้สงบนิ่ง

                ภาคย์ แล้วเจอกันพรุ่งนี้

            น้ำผึ้ง ค่ะ

                “หวังว่าจะไม่ตอบกลับมาแล้วนะ” คนหัวใจพองโตบ่นกลบเกลื่อนความรู้สึก เฝ้ามองหน้าจอที่ขึ้นสัญญาณแสดงการอ่านข้อความ แต่ไม่คิดจะปิดโปรแกรมสนทนา ถึงแม้จะถูกทิ้งช่วงเวลาให้รอคอย

                ภาคย์ อย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ ด้วย

                “ยังไม่เลิกอีก” ปากก็บ่นไปอย่างนั้น แต่มือกลับพิมพ์ส่งไปอย่างไวว่อง

                น้ำผึ้ง ทำไมต้องแต่ตัวสวยด้วย แค่ไปพาหุรัด

                ภาคย์ เพราะน้ำผึ้งไปกับคนหล่อไง พรุ่งนี้อย่างมองผมจนตาค้างล่ะ

                น้ำผึ้ง ไม่มีวันหรอก

                ภาคย์ ไม่มีวันอะไร เห็น ๆ อยู่ว่าวันนี้จ้องตาไม่กระพริบ

                “ตาบ้า” ไม่รู้ทำไมแค่เห็นข้อความ เธอกลับรู้สึกเหมือนชายหนุ่มมานั่งยั่วโมโหอยู่ใกล้ ๆ ภัทรียาเลือกส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงน่ารักที่ทำใบหน้าโกรธจนเป็นสีแดง ตามด้วย...

                น้ำผึ้ง ก็แค่มอง แต่ฉันไม่เคยคิดจะสนใจคุณ

                 นั่นทำให้คนอีกฝั่งถึงกับเงียบไป แม้สัญลักษณ์อ่านจะปรากฏ เขาทำให้หัวใจหญิงสาววูบไหวด้วยความรู้สึกผิดหวัง “แต่อย่างน้อยเขาจะได้รู้ไปเลยว่าฉันไม่คิดอะไรด้วย” เธอพยายามให้เหตุผลตนเอง

                ภัทรียาวางเครื่องมือสื่อสารลง เก็บชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่รับประทานเหลือเกินครึ่ง การสนทนาเมื่อครู่ทำให้เธอไม่รู้สึกอยากอาหารอีกต่อไป แต่เธอต้องการหยุดบางอย่างที่เกิดขึ้นที่ตรงกลางอก เธอเพิ่งเลิกรากับคนรักเก่าไม่ถึงหนึ่งเดือน ดังนั้นความรู้สึกเหล่านี้อาจเป็นเพียงเพราะความเหงาที่ต้องอยู่ลำพัง หากชายหนุ่มเลิกวุ่นวาย หัวใจและชีวิตเธอคงกลับคืนสู่สภาวะปกติได้

                ติ๊ง

                แต่เสียงข้อความที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนกำลังล้างจานถึงกับรีบปิดน้ำ เช็ดมือกับกางเกงอย่างลวก ๆ แล้วหันตัวกลับไปยังโต๊ะอาหาร ที่หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นข้อความสว่าง

                ภาคย์ แต่ผมอยากให้น้ำผึ้งสนใจนี่นา เพราะฉะนั้นผมจะทำทุกอย่างให้น้ำผึ้งมีสายตาไว้มองคนหล่ออย่างผมเพียงคนเดียว อีกอย่างผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายใจง่าย ถ้าน้ำผึ้งไม่ได้ผมไป รับรองน้ำผึ้งต้องเสียดายแน่นอน

                “บ้า ๆๆ” หญิงสาวเผลอยิ้มกว้าง อารมณ์ดีขึ้นจนอยากตีแก้มตัวเองโทษฐานที่ร้อนผ่าว

                ภัทรียาไม่ตอบข้อความคนปากดี แต่ที่แน่ ๆ เขาคือคนที่ทำให้เธอนอนหลับฝันดี

                

                มีใครบอกภัทรียาหรือไม่ว่าวันนี้เธอทำให้หัวใจผู้ชายคนหนึ่งไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตัวเธออาจคิดว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอไม่ควรใส่กางเกงยีนรัดรูปที่เน้นสะโพกกลมกลึงจนไม่อาจละสายตา แล้วเสื้อแขนกุดสีเหลืองตัวนี้อีก ที่ทำให้เขาอดเหลือบมองผิวต้นแขนเนียนไม่ได้ เวลานี้หัวใจเขาเหมือนถูกเธอเขย่าเบา ๆ อยากเอื้อมมือไปสะกิดยั่วเย้า ดึงตัวเธอมากอด จูบริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม ให้เจ้าของเผยรอยยิ้มน่ารัก แต่เขาไม่สามารถจอดรถยนต์แล้วทำอย่างที่จิตใต้สำนึกสั่งการได้ ยิ่งข้อความที่เธอประกาศยืนยันว่าไม่คิดจะเหลียวแลเขาแม้แต่นิด ยิ่งทำให้อาการว้าวุ่นในใจเพิ่มพูน...นี่เธอทำให้เขารู้สึกเหมือนย้อนวัยกลับเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้อย่างไร ทั้งที่อยากคบหาแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างผู้ใหญ่ใจเย็น แต่เมื่อได้ลองจูบไปครั้งหนึ่ง เขายิ่งต้องการครั้งที่สอง สาม หรือมากกว่านั้น

                อดทนไว้ภาคย์...อย่าให้อารมณ์เข้าครอบงำสิ ความหลงใหลชั่วคราวมันไม่คงทนหรอก นายต้องค่อย ๆ เรียนรู้เธอ ให้เวลาเธอเรียนรู้นายด้วย รอคอยสิ...รอคอยให้เวลาพิสูจน์ ไม่อย่างนั้นนายอาจจะต้องใช้ชีวิตคู่อย่างคุณพ่อคุณแม่นาย ชายหนุ่มสะกดใจตนเอง พยายามเอาใจออกจากรูปลักษณ์น่ารักของคนข้างกาย

                “กำลังคิดอะไรอยู่” ภาคย์ถามหญิงสาว อยากแซวคนนั่งนิ่ง ทำลายความเงียบที่ทำให้ฟุ้งซ่าน

                คนถูกเรียกจากภวังค์ความคิดเหลือบมองเขา เผลอขมวดคิ้ว “คิดอะไรคะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย”

                “แต่ผมคิดอยู่นะ” เขายักคิ้ว ถึงดึงตัวเธอมากอดไม่ได้ แต่เขาอยากให้เธอจดจำช่วงเวลาที่อยู่ข้างเขา

                “คิดอะไรคุณ อย่าคิดอะไรบ้า ๆ นะ” หญิงสาวถอยตัวออกห่างจนติดประตู

                “น้ำผึ้งนั่นแหละคิดอะไร ผมแค่คิดว่าวันนี้รถไม่ติดเท่าไหร่ เดี๋ยวข้ามสะพานนี้ไปก็ถึงแล้ว น้ำผึ้งคิดไว้หรือยังว่าอยากซื้ออุปกรณ์ทำขนมอะไร”

                “อ๋อ” หญิงสาวถอนหายใจ สีหน้าผ่อนคลายลง

                ไม่ผิดกับที่คิดไว้เลยจริง ๆ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “เป็นคนคิดมากเหมือนกันนะเรา” ตั้งใจเอื้อมมือซ้ายไปจับศีรษะเธอเขย่าเล่น “กลางวันแสก ๆ แบบนี้ยังไม่คิดเรื่องทะลึ่งหรอก”

                “คุณภาคย์! ไม่ต้องมาจับเลย ฉันต้องระวังตัว คุณมันนักฉวยโอกาส” ภัทรียาดึงข้อมือชายหนุ่มออก ลืมไปหมดแล้วว่าตนเองเคยหวาดหวั่นกับการแตะต้องตัวเพศชาย เธอวางมือคนปากดีลงบนที่ว่างระหว่างเบาะรถยนต์

                “ไม่ฉวยกับน้ำผึ้ง แล้วจะให้หัวใจผมไปฉวยโอกาสกับใครเล่า” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉยแถมดึงมือเธอจับไว้ไม่ปล่อย

                ภัทรียาแทบจะตาเหลือกเพราะความรู้สึกที่พยายามสะกดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนกำลังพุ่งพล่าน เหมือนหัวใจเจ้ากรรมอยากกระโจนออกมากระโดดโลดเต้น เปรมปรีดิ์กับกระแสความอบอุ่นที่แล่นผ่านฝ่ามือไปยังศีรษะจรดปลายเท้า

                จะทำอย่างไรดี...หญิงสาวได้แต่คิด สลับระหว่างกลั้นหายใจ และถอนหายใจ ไม่อยากรับรู้ความรู้สึกที่ถูกหม่อมหลวงนิสัยไม่ดีแตะต้องตัว

                “ปล่อยมือเถอะค่ะ” ภัทรียาบอกเสียงเครือ ไม่ใช่รังเกียจหรืออยากร้องไห้ แต่หัวใจตื้นตันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอกำลังสับสนกับชีวิตและความรู้สึกของตนเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                หม่อมหลวงหนุ่มพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนกลับไปบังคับพวงมาลัยรถยนต์อย่างตั้งใจเช่นเดิม “ร้านอยู่ตรงนี้” เขาชี้ไปยังอาคารพาณิชย์สี่ชั้นที่อยู่ริมถนนใหญ่จอแจ ด้านหน้าร้านมีรถกระบะจอดขวางให้คนส่งของแบกกล่องใบโตขึ้นท้ายกระบะ อีกทั้งจักรยานยนต์รับจ้างสามสี่คนกำลังหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่มาผูกกับเบาะท้ายรถสองล้อที่จอดขวางหน้าหลังรถกระบะ

                “ว้าว ร้านใหญ่มากเลยค่ะ” หญิงสาวแทบเกาะกระจก ตื้นเต้นเหมือนเด็กได้เห็นร้านขนมหวาน

                “เดี๋ยวผมต้องเอารถไปจอดอีกที่ น้ำผึ้งอยากลงไปรอผมในร้าน หรือเดินมาพร้อมกัน”

                “มาพร้อมกันดีกว่าค่ะ” เธอตอบจากความรู้สึกที่แท้จริง เพราะการได้อยู่เคียงข้างเขา เธอย่อมรู้สึกปลอดภัยมากกว่าเดินลำพังนัก

                “ครับ” ภาคย์ส่งยิ้มให้หญิงสาวอีกครั้ง

                อย่าว่าแต่หัวใจของภัทรียา หัวใจหม่อมหลวงภาคย์เองก็สั่นไหวไม่น้อย เมื่อชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินจากที่จอดรถยนต์ของห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ และเดินย้อนกลับมายังย่านพาหุรัด ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ขนาดสี่คูหาที่หน้าร้านกั้นไว้ด้วยแผงกระจกใสที่ติดสติ๊กเกอร์โฆษณาสินค้าต่าง ๆ ตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบันไว้เต็มจนรก บนฟุตบาทข้างประตูทางเข้าเต็มไปด้วยลังกระดาษที่วางกองซ้อนไว้ กับกระสอบสินค้าราคาสูงถูกวางไว้ราวกับของไร้ค่า ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อบานประตูกระจกหนาที่ถูกปิดไว้ด้วยป้ายโฆษณาเปิดออก ภัทรียายิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนอ้าปากค้าง ทางเข้าของภายในร้านใหญ่โตติดเครื่องปรับอากาศเย็น มีชั้นวางของสูงท่วมศีรษะ บนชั้นแต่ละด้านเต็มไปด้วยแป้งสาลีประเภทต่าง ๆ เกือบสี่สิบชนิด น้ำตาลยี่สิบยี่ห้อ กลิ่นปรุงแต่งทั้งจากธรรมชาติและสังเคราะห์ วางเรียงรายเป็นแนวยาวจนสุดเคาน์เตอร์ที่อาแปะวัยเกินหกสิบกำลังคิดเงินให้ลูกค้าที่ต่อแถวสองสามคน

                “โห ของเยอะขนาดนี้ฉันต้องหมดตัวแน่ ๆ”

                “ค่อย ๆ ดูไปครับน้ำผึ้ง ชั้นสองยังมีสินค้าอีก อยากทำขนมอะไรให้ผมชิม น้ำผึ้งก็ซื้ออุปกรณ์ไป ไว้เดี๋ยวอยากได้อีกผมจะพามาใหม่” ชายหนุ่มยิ้มอย่างภูมิใจ ดีใจนักที่เห็นหญิงสาวมีความสุข

                “ใจดีแบบนี้ เดี๋ยวฉันทำเค้กส้มเนื้อมูสให้ชิมแล้วกันค่ะ อยากทำให้คุณลุงคุณชายชิมด้วย” หญิงสาวบอกพลางหยิบตะกร้าเตรียม

                “มาผมช่วย น้ำผึ้งจะได้ดูของสะดวก” ว่าแล้วสุภาพบุรุษจึงรับตะกร้าจากมือหญิงสาวมาถือไว้เอง “วันนี้ผมพร้อมเดินตามคุณหนูน้ำผึ้งทั้งวันครับ”

                ภัทรียาทำได้เพียงก้มหน้าหลบสายตาพิฆาตหัวใจของชายหนุ่มปากดี แล้วค่อย ๆ เดินเลือกอุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่ ตั้งแต่แป้งสาลี ผิวส้มขูด น้ำส้มเข้มข้น ครีมสด ที่เป็นส่วนประกอบสำหรับขนมที่อยากทำ ก่อนผ่านไปยังส่วนที่ขายเครื่องมือเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับชั่งตวง กระดาษไข และฟรอยด์

                บางทีการได้อยู่ใกล้ ๆ เขาทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกได้เหมือนกัน

ระหว่างเส้นความคิดนั้นเอง สายตาหญิงสาวก็บังเอิญไปสะดุดที่ใครบางคน...บางคนที่เธอเกือบลืมไปแล้ว

ร่างผอมสูงกับทรงผมสั้นตามแฟชั่นที่ยืนกอดอกพิจารณาเนยยี่ห้อต่าง ๆ อยู่หน้าตู้แช่เย็น ทำให้ภัทรียาก้าวขาไม่ออก ไม่รู้จะเดินเข้าไปทัก หรือหันหลังหนี แต่ก่อนทีหญิงสาวจะตั้งสติได้ทัน ปิลันธ์ก็หันมองมาที่เธอ

                “พี่ปิ่น” ใบหน้าภัทรียาชาวาบ ความรู้สึกที่แทบเลือนรางหายไปกลับคืนมาในชั่วเสี้ยวนาที ความผิดหวังและความเศร้าเมื่อวันก่อนนั้นแทรกซึมเข้ามาจนหัวใจต้องไหวหวั่น

เกือบสองเดือนที่เลิกรากันไปกับปิลันธ์ หลายครั้งที่เธอนั่งคิดใคร่ครวญ ค้นหาความผิดพลาดที่มีในความสัมพันธ์ แต่ไม่มีวันไหนที่เธอคิดเสียใจฟูมฟาย...คงเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ คนที่เคียงข้างเธอมาตลอดตั้งแต่วันนั้น และบางทีวันนี้อาจจะไม่บอบช้ำเท่า เพราะเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ หญิงสาวบอกตนเองก่อนเกาะแขนชายหนุ่ม คล้ายให้เขาเป็นหลักค้ำให้ยืนหยัดได้อย่างมั่นใจ

 “น้ำผึ้ง” ปิลันธ์เรียกเธอ

                “เป็นอะไรน้ำผึ้ง” คนไม่รู้เรื่องถาม แปลกใจที่จู่ ๆ หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นมาเกาะแขน สายตามองตามไปยังผู้หญิงแปลกหน้าที่ท่าทาง และการแต่งตัวเสมือนเพศชาย

                เจ้าของใบหน้าเรียว จมูกโด่ง ตาชั้นเดียว รูปร่างผอม สูงเพียงปลายคางชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้ภัทรียาอย่างคุ้นเคย “น้ำผึ้ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

                “ค่ะ เราไม่เจอกันเดือนกว่าแล้วค่ะพี่ปิ่น” คนเคยถูกทำให้ผิดหวังฝืนยิ้ม กระชับมือเกาะภาคย์ไว้แน่น

                “ใช่ ทำไมไม่โทรหาพี่บ้าง” ปิลันธ์ถาม สายตามองคนตรงข้ามและชายหนุ่ม ก่อนเหยียดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “แต่เท่าที่เห็นก็พอเข้าใจ สบายดีใช่ไหม”

                “ค่ะ พี่ปิ่นสบายดีนะคะ”

                “ก็ดี”

ดวงตาปิลันธ์ยังคงจ้องหม่อมหลวงภาคย์จนหญิงสาวรู้สึกได้ หัวใจเข้มแข็งได้เพราะมีเขาอยู่ข้างกาย เธอตั้งใจคล้องแขนเขาจนแนบชิด ต้องการแสดงออกให้คนตรงหน้ารับรู้

“นี่หม่อมหลวงภาคย์ ภาคินัย แฟนน้ำผึ้งค่ะพี่ปิ่น” ภัทรียาส่งเสียงดังฟังชัด

เล่นเอาคนได้แฟนโดยปริยายตาโตเท่าไข่ห่าน แต่ภัทรียาคงไม่ทันสังเกตสีหน้าชายหนุ่มหรอก เพราะตอนนี้เธอกำลังหน้ามืด อยากเอาชนะคนเคยรักด้วยการเยาะเย้ย

“แฟน...” ปิลันธ์ย้อนคำหญิงสาวก่อนยกริมฝีปากยิ้ม “...ยินดีด้วยน้ำผึ้ง”

“ขอบคุณค่ะ คุณภาคย์คะ เราขึ้นไปดูของบนชั้นสองกันเถอะค่ะ”

“เอางั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามให้มั่นใจ เพราะท่าทีของหญิงสาวทั้งคู่กำลังทำให้เขาสับสนบางอย่าง

“เดี๋ยวสิน้ำผึ้ง” คนเคยรักรั้งข้อมือภัทรียาไว้ “ขอโทษนะฮะคุณภาคย์ ปิ่นมีเรื่องต้องคุยกับน้ำผึ้งอีกหน่อย”

ต้องมีอะไรแน่ ๆ ชายหนุ่มคิด ก่อนพยักหน้า “ครับ”

“มีอะไรคะพี่ปิ่น” คนถูกรั้งถามกลับ พลันหลบสายตาของปิลันธ์ที่พยายามสบประสาน

ชัดชายหนุ่มคิดฟันธง สมองวิเคราะห์สภาพการณ์ตรงหน้าแล้วตัดสินผล สองคนนี้ต้องมีบางอย่างระหว่างกันหรือว่า...

“ตอนนี้พี่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว น้ำผึ้งยังพักที่คอนโดเดิมใช่ไหม”

“ค่ะ”

เธอตอบเท่านี้ หมายความว่าเธอกำลังไม่พอใจ...คนอ่านหญิงสาวออกใช้ความคิด ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบฉวยโอกาศโอบไหล่ภัทรียาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าคุณปิ่นมีธุระกับน้ำผึ้ง แฟนผม” เขาเน้นคำ “รบกวนไปพบที่ร้านอาหารผมคงจะสะดวกกว่า ตอนนี้น้ำผึ้งทำงานอยู่ที่ร้านกิ่งราชพฤกษ์ หวังว่าคุณจะรู้จักนะครับ”

“ใช่ค่ะ น้ำผึ้งทำงานที่ร้านของคุณภาคย์ ถ้าพี่ปิ่นมีธุระอะไรไปเจอที่นั่นดีกว่าค่ะ” ภัทรียานึกขอบคุณชายหนุ่มที่คอยปกป้อง อารมณ์เธอคงวุ่นวายหากปิลันธ์ไปพบถึงที่พัก

“อ๋อ” ปิลันธ์พยักหน้า นึกหมั่นไส้ผู้ชายที่คอยขัดจังหวะ “โอเค ไว้พี่จะแวะไปหา เผื่อเราจะได้ทบทวนความหลังกันว่าแต่ก่อนนี้น้ำผึ้งบอกพี่ว่าจะไม่มีวันชอบผู้ชายไง”

 “พี่ปิ่น!” หญิงสาวใจหายวาบกับคำพูดของปิลันธ์ อาการกระอักกระอ่วนมวนท้องเกิดขึ้นฉับพลันจนเธอต้องสวนกลับอย่างที่ไม่ใช่นิสัยตนเอง “เรื่องนั้นเป็นแค่อดีต พี่เองก็เป็นแค่อดีต น้ำผึ้งยืนอยู่กับปัจจุบันเท่านั้นค่ะ”

“น้ำผึ้ง” หม่อมหลวงภาคย์รั้งคนตัวบางไว้ด้วยอ้อมแขน

“โอเค พี่ก็ไม่น่าแปลกใจเนอะที่น้ำผึ้งมีแฟนใหม่ได้เร็วขนาดนี้ คุณภาคย์เองก็อดทนไว้เยอะ ๆ นะฮะ รายนี้เอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรเป็นต้องเหวี่ยงวีน ไอ้เราแค่ดีใจที่บังเอิญเจอแฟนเก่า อยากติดต่อพูดคุย ไม่อยากเป็นเพื่อนกันก็โอเค พี่ไปก่อนแล้วกัน”

บางทีเพศสภาพก็ไม่ได้แสดงออกถึงนิสัยใจคอ ชายหนุ่มถอนหายใจกับคำพูดของปิลันธ์ เขาก้มมองสีหน้าซีดเซียวของหญิงสาวก่อนแตะศีรษะเป็นการปลอบใจ

“คงไม่ต้องเตือนหรอกครับ คุณคงทำให้น้ำผึ้งเจ็บมามาก ไว้ถ้ามีโอกาสผมคงได้ฟังเรื่องคุณจากปากน้ำผึ้ง เพราะที่ผ่านมาน้ำผึ้งไม่เคยพูดถึงคุณให้ฟัง จนผมคิดว่าเธอคงลืมคุณไปหมดแล้ว ถ้ามีโอกาสคงไม่ต้องพบกันอีกนะครับ” หม่อมหลวงตาหวานปากจัดโบกมือเป็นการไล่

ถึงถูกกระทบกระเทียบจนเกิดอารมณ์ แต่ปิลันธ์ไม่สามารถโต้เถียงสิ่งที่ออกจากปากผู้ชายตัวสูงรูปร่างหน้าตาดีคนนี้ได้ เขาเลือกเดินกระทืบลงส้นเท้าออกไปจากสถานการณ์ด้วยตัวเอง แต่ลึก ๆ ยังหวังว่าภัทรียายังคงมีใจให้อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ทำท่าอึดอัดสับสน ก็ดี...เผื่อวันที่เดือดร้อนเขาจะได้กลับไปหาเธอ

เมื่อลับร่างของปิลันธ์ หญิงสาวสาวผู้อยู่ในความสับสนก็เผลอถอนหายใจยาว หัวใจที่บีบรัดยากเกินจะผ่อนคลายกับเหตุการณ์อันรวดเร็ว

บางทีเธอไม่ควรพูดคำนั้นออกมา

“คุณภาคย์” เสียงภัทรียาคล้ายคนกำลังหมดแรงขะณะที่เธอเบี่ยงตัวหลบจากสัมผัสของชายหนุ่ม

“จะขอบคุณผมใช่ไหม”

“ตอนแรกว่าจะขอบคุณอยู่เหมือนกัน แต่ฉันว่าคุณต้องปากเสียเป็นนิสัยจริง ๆ ด้วย” แต่ส่วนหนึ่งก็ทำให้เธอสบายใจ หญิงสาวอมยิ้มส่ายศีรษะ “เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเลยค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”

“ตกลงนั่นแฟนเก่าน้ำผึ้งเหรอ?”

หญิงสาวลูบข้อมือตนเองบริเวณที่ถูกดึงรั้ง “ค่ะ พี่ปิ่นเป็นแฟนเก่าฉัน เราคบกันตั้งสองปีกว่า จนถึงเดือนที่แล้ว วันที่คุณเจอฉันหน้าโรงแรมนั่นแหละ”

“ถ้าสายตาผมดูไม่ผิด ปิ่นเป็นผู้หญิงใช่ไหม”

“อืม...”

“ผู้หญิง น้ำผึ้งเป็นเลสเบี้ยนเหรอ”

“คุณภาคย์! ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยน แต่ฉันแค่เป็นดี้ ผู้หญิงที่ชอบทอม คุณจะเข้าใจไหนเนี่ย”

มิน่าเธอถึงไม่ชอบเขา...หม่อมหลวงหนุ่มคิดน้อยใจ แต่เลือกที่จะเก็บอารมณ์ไว้ เขาพยักหน้ารับฟังหญิงสาว แต่ในใจเริ่มประหวั่นกับรสนิยมเฉพาะของภัทรียา

“แต่เมื่อกี้น้ำผึ้งบอกว่าผมเป็นแฟนคุณ แบบนี้ผมก็เสียหายสิ”

“ฉันไม่ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่สถานการณ์มันพาไป ฉันขอโทษก็แล้วกัน”

“แต่ผมเสียหายไปแล้ว น้ำผึ้งต้องรับผิดชอบ” คนเจ้าเล่ห์ยิ้ม

รอยยิ้มของหม่อมหลวงดูอันตรายเกินกว่าหัวใจคนธรรมดาอย่างเธอจะทานทน บ้าจริงเชียว...เธอไม่ควรสนิทสนมกับเขาตั้งแต่แรก คิดพลางภัทรียาจึงเดินสะบัดหน้า หนีห่างจากผู้ชายปากดีที่คอยทำให้เธอปั่นป่วนในหัวใจ

แต่เธอคงหนีหัวใจตัวเองไปไม่ได้หรอก

 

                ส่วนหัวใจของชายหนุ่มล่ะ? หม่อมหลวงหนุ่มยังคงครุ่นคิดด้วยสมอง และหัวใจ หลังจากความบังเอิญที่ได้รับรู้อดีตบางส่วนของหญิงสาวที่เริ่มต้นชื่นชอบ ใช่...เขาเริ่มชอบเธอ

แต่ปัญหาคือ เขาชอบเธอมาก...

และเธอจะชอบเขาเช่นกันหรือไม่นั้น ช่างยากจะคาดเดา แค่จุมพิตเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อวันก่อน ที่เขาแทบไม่เรียกว่าจูบเลยด้วยซ้ำ ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าจะทำให้ภัทรียาขยับระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ 

“ไม่ชอบผู้ชายเลยหรือไง” คนตะขิดตะขวงใจพร่ำเพ้อ

หลังจากพบหน้าทอมหน้าจืดนั่น ภัทรียาก็ตีสีหน้าเย็นชาใส่เขามาตลอด ไม่ยอมให้เขาควักเงินจ่ายค่าขนม แม้แต่ค่าอาหารเย็นบังคับให้เขาหารด้วยวิธีไร้สาระที่สุด คนอะไรอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำแล้วไปจ่ายเงินค่าอาหารในส่วนของเขา และให้ร้านเดินมาเก็บค่าอาหารในส่วนของเธอที่เขา แล้วยังไปยืนรอลอยหน้าลอยตาหน้าร้านอาหาร จนอยากจับร่างเล็กมากอดฟัดให้หายดื้อ แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเขาเองยังต้องยับยั้งชั่งใจไว้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องหวังเลยว่าหญิงสาวจะหันมาชอบเขา เธออาจเกลียดขี้หน้าเขาไปตลอด

แล้วเขาจะหงอ จะกังวลทำไม? เขาคือหม่อมหลวงภาคย์ ภาคินัย อดีตหนึ่งในยี่สิบผู้ชายในฝันประจำปีของนิตยสารดัง เมื่อสิบปีที่แล้วเชียวนะ ผู้หญิงทั่วสารทิศต่างยอมสยบ แค่เพียงเขากระดิกนิ้ว...นะ แล้วทำไมภัทรียาไม่เป็นอย่างนั้น

หลังจากส่งหญิงสาวที่คอนโดมิเนียมด้วยอาการนิ่งเฉย ผู้ชายหล่อเลือกได้อย่างเขาควรทำบางอย่างเพื่อสร้างความก้าวหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์คงไม่คืบ และเขาก็เหมือนพวกไก่อ่อนใจเสาะ เพราะความเกรงใจญาติผู้ใหญ่ที่รับหน้าที่เป็นพ่อสื่อ ท่านเหล่านั้นก็หวังให้เขาให้เกียรติฝ่ายหญิง

แต่ผู้หญิงเขาไม่รู้ด้วยนี่สิ

คนจ้องการจราจรบนถนนยามเย็นเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยตามจังหวะความคิด อารมณ์ขุ่นอยู่ลึก ๆ อยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข่าวให้บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายรีบจัดการสู่ขอเธอมาเป็นของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แต่เขาก็ไม่อยากเป็นอย่างคู่ของบิดามารดา

ในระหว่างที่คนไม่มั่นใจจะหยิบหรือไม่หยิบโทรศัพท์ไปบ่นระบายให้เหล่าพ่อสื่อฟังอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าพร้อมชื่อ ใบหน้า บิดาก็ปรากฏขึ้นให้สะดุ้ง

“ท่าทางคุณพ่อต้องอายุยืนมากแน่ ๆ ครับ” หม่อมหลวงหนุ่มตอบรับหม่อมราชวงศ์สูงวัยที่อยู่ปลายสาย

“แกนินทาฉันอยู่หรือภาคย์”

“เปล่าครับ” แค่นึกถึง ภาพใบหน้าคมกับดวงตาดุเฉียบของหม่อมราชวงศ์ภัทรพลปรากฏในความคิด รู้ทันทีว่าท่านกำลังทำสีหน้าบึ้งตึงใส่เขาแน่นอน

“เออ ทำอะไรอยู่ ว่างไหม มาหาฉันกับคุณลุงที่วังภาคินัยด่วน”คนปลายสายถามรวดเร็ว ไม่รอให้ชายหนุ่มโต้แย้ง

“นี่เป็นคำสั่ง หรือคำถามครับคุณพ่อ”

“เออ มาให้ไวเลย ไม่ต้องถามมาก”

 

                เพียงไม่นานหลังจากวางสาย หม่อมหลวงภาคย์ก็หยุดยืนอยู่หน้าเรือนปั้นหยาหลังใหญ่ สายตามองรถยนต์ของบิดาที่จอดไว้ก่อนหน้า สมองคิดไม่ไว้วางใจกับการพบปะที่กำลังจะเกิดขึ้น ปกติแล้วหม่อมราชวงศ์ภัทรพลไม่ใช่คนคิดถึงลูกชายพร่ำเพรื่อ แต่หากมีเรื่องเสมอเวลาที่ต้องการพบกันซึ่งหน้า

                และน่าจะเป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด เพราะไม่ทันที่เขาจะลดมือจากการไหว้ทักทายพี่ชายของท่าน คนใจร้อนก็เอ่ยปากโดยไม่รอให้เขานั่งด้วยซ้ำ

                “เมื่อไหร่จะให้พ่อกับคุณลุงไปสู่ขอลูกสาวคุณนิวัฒน์”

                ว้าว นาน ๆ ทีคุณพ่อจะพูดจารื่นหู ชายหนุ่มเผลอยิ้มอย่างลืมตัว พลางส่ายศีรษะเป็นการตอบรับ “คุณพ่อรีบหรือครับ”

                หม่อมราชวงศ์ภาคินนั่งส่ายศีรษะระหว่างพ่อลูก ก่อนเจรจาห้ามศึกของทั้งคู่ “ไม่ใช่อย่างนั้นภาคย์ พ่อกับลุงมานั่งคุยกัน แล้วลุงก็เล่าเรื่องหนูน้ำผึ้งให้ฟัง อีกอย่างลุงก็คิดว่าหนูน้ำผึ้งน่ารักดี เหมาะสมกับภาคย์มาก”

                “เหมาะสมเหรอครับ” ชายหนุ่มย้อนถาม เขาไม่ชอบคำนี้เลยแม้แต่น้อย

                “เออ ได้ยินว่าแกกับลูกสาวนิวัฒน์เข้ากันได้ดี แล้วทำไมไม่อยากแต่งงานล่ะ พ่อเองจะได้หมดห่วงแกด้วย อายุปูนนี้ยังไม่มีลูก พอหกสิบแกก็ต้องกังวลอีกว่าใครจะมาดูแลสมบัติของวงศ์ตระกูล ถึงฉันจะหัวสมัยใหม่ ยอมให้แกลอยไปลอยมาจนเกือบสามสิบห้า แต่แกก็ต้องคิดถึงฉันกับคุณลุงบ้างว่าอยากมั่นใจว่าสมบัติของท่านปู่จะไม่หายไปไหน”

                เหมือนครั้งนี้หม่อมราชวงศ์ภาคินจะเห็นด้วยกับน้องชาย ท่านพยักหน้า ตามด้วยสายตาของผู้อาวุโสที่มองชายหนุ่มอย่างคาดหวัง

                “คุณพ่อกับคุณลุงเลยอยากไปสู่ขอน้ำผึ้งมาแต่งงานกับผม งั้นเหรอครับ” หม่อมหลวงภาคย์สรุปความ ใช่อยากปฏิเสธแต่ใจหนึ่งไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างบิดามารดา “เพราะความเหมาะสม อย่างคุณพ่อกับคุณแม่ ที่ชีวิตแต่งงานมีแต่ความหมางเมิน”

                “เออ อย่าทำเป็นเด็กอ้างนู่นอ้างนี่เลยภาคย์ เรื่องของฉันกับแม่แกมันไม่ได้เกี่ยวกับแกเลย วันนี้เรามาคุยเรื่องที่ฉันกับคุณลุงอยากให้แกแต่งงานได้แล้ว อีกอย่างเมื่อบ่ายฉันเพิ่งคุยกับนิวัฒน์ เขาบอกว่าเอาดวงแกกับหนูน้ำผึ้งไปให้พระอาจารย์ที่นับถือดูมาแล้ว เขาบอกว่าถ้าแกกับเธอแต่งงานกันภายในสิ้นปีนี้จะช่วยเสริมดวงให้เราสองตระกูลยิ่งเจริญขึ้นไปอีก”

                “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนี้ทำไมไม่ให้พระอาจารย์อะไรนั่นดูฤกษ์แต่งงานให้ แล้วจับผมกับน้ำผึ้งแต่งงานกันไปเลย ไม่ต้องมานั่งถามผมหรอกว่าอยากแต่งงานไหม” คนหงุดหงิดปากไวประชด 

                “เออ ฉันได้ฤกษ์มาแล้ว วันเสาร์แรกของเดือนธันวาคม เพราะฉะนั้นแกก็อย่ามาทำมากเรื่องกับฉัน แกก็ชอบหนูน้ำผึ้งนั่นอยู่บ้างไม่ใช่หรือไง”

                อย่างนี้ก็ได้หรือ...ชายหนุ่มเหมือนถูกต่อยหน้าหงาย ใช่ว่าไม่ถูกใจกับข้อเสนอของผู้อาวุโส แต่ปัญหาหลักงานนี้ไม่ใช่ความพึงพอใจของเขาเพียงฝ่ายเดียว แต่เขาไม่รู้ความคิดของภัทรียาเลยด้วยซ้ำว่าจะเห็นด้วย หรือรับรู้สิ่งที่ผู้ใหญ่ต่างตกลงกันหรือไม่

                แล้วเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากได้รู้?

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น