10

บทที่ 10

บทที่ ๑๐ 


กระจกสะท้อนภาพหนุ่มสาวสองคนบนเตียง ฝ่ายชายใช้ศอกค้ำเหนือศีรษะหญิงสาวซึ่งนอนหงายหายใจหอบอยู่ใต้ตัวเขา ที่ใช้น้ำหนักตัวตรึงคนที่เขากึ่งทับกึ่งนอนข้างๆ เธอไว้มั่น ในขณะที่มือที่เพิ่งปล่อยข้อแขนเธอขยับขึ้นประคองแก้มนวลให้หันมาสบตา เพราะก่อนหน้านี้เธอพยายามเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มหน้าเข้าใกล้ หลับตาปี๋เหมือนกลัวว่าจมูกเขาจะสัมผัสซอกคอเธอ แล้วสุดท้ายก็ทำแค่เข้าใกล้หายใจรดริน ยังไม่จู่โจม ใช้กำลังทำท่าข่มขู่ 

“ฟางครับ...คุยกับเจ้าซีหน่อย...ฟาง...” 

ฟ้ารดาลืมตาขึ้นไม่ใช่เพราะเสียงเรียกอย่างอ่อนโยน แต่เพราะความอุ่นของมือที่สัมผัสผิวแก้มเธอ มือที่ตบแตะแผ่วเบา มันคือสัมผัสที่เธอคุ้นเคยและโหยหา นานมาแล้วถ้าเธอหลับแล้วน้องชายจะปลุก เขาจะทำอย่างนี้ ใช้ฝ่ามืออุ่นๆ แตะแก้มเธอแล้วเรียก ตบแตะเบาๆ เมื่อเธอยังไม่ตื่น เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็จะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยโน้มลงมาหาพร้อมรอยยิ้มอย่างตอนนี้ รอยยิ้มที่ทำให้เธอมั่นใจว่านี่คือเจ้าซีคนเดิมของเธอ ไม่ใช่ซาคาอิ ผู้ชายที่ใช้กำลังแบกเธอมาโยนลงบนเตียงแล้วกระโจนขึ้นคร่อมตัว กดให้เธออยู่นิ่งและแสดงออกถึงการคุกคาม นั่นทำให้เธอต้องดิ้นหนี แต่เวลานี้ไม่ใช่แล้ว คนที่อยู่บนตัวเธอคือคนที่เธอไว้ใจได้ 

“ถ้าจะคุยก็ลุกก่อน ทำแบบนี้ไม่ดีนะซี” 

“แบบไหน” ถามหน้าซื่อตาใส ทำปากเจ่อนิดหน่อย เอียงคอเล็กน้อย “ผมทำอะไรไม่ดี ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย”

“ซีจะเข้ามากอดพี่ จับแบกขึ้นมาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ไม่ได้”

“ถ้าไม่มีคนอื่นก็ได้เหรอ งั้นไล่พี่แจ๋วไป ไล่ไม่ได้สินะ คุณป้าคงให้มาเฝ้า งั้นไปคุยให้พี่แจ๋วเข้าใจ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น เราโตแล้ว ไม่เหมาะที่จะใกล้ชิดกันแบบเมื่อก่อน หมายถึงเข้าถึงตัวกันแบบนี้” ฟ้ารดาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ฟังดูง่าย “ปกติพี่น้องชายหญิงโตอย่างเราแล้วเขาจะไม่ทำกันแบบนี้ เล่นกันแบบนี้แล้วนะ”

“ทำไมทำไม่ได้ล่ะ” 

“คนอื่นเขาจะมองไม่ดี มองไม่เหมาะสม...โดยเฉพาะกับเราที่...”

“แปลก...” ซาคาอิหน่วงเวลาไว้ให้ฟ้ารดาได้สงสัย และตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด “ฟางน่ะ สับสนในตัวเองอยู่รู้ไหม ฟางบอกว่าผมกับฟางเป็นพี่น้อง ไม่เปลี่ยน นี่คือน้องชาย ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ทำไมฟางถึงได้เปลี่ยน เมื่อก่อนฟางซะอีกที่เข้ามากอดผม คลอเคลีย ฟางชอบมาพิงหลังผมอ่านหนังสือ ให้ผมนอนหนุนตักดูหนังด้วยกัน ตอนนั้นทุกคนมองว่ามันน่ารัก เป็นพี่น้องที่น่ารัก แต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่เหมาะ ถ้าคนอื่นพูดผมจะไม่ว่า แต่นี่ฟาง...เอาจริงฟางเห็นผมเป็นน้องอย่างที่พูดรึเปล่า”

“ก็ต้องเห็นสิ”

“งั้นก็ตัดปัญหานี้ไป พี่น้องคิดอะไรมาก” ซาคาอิเข้าใจความห่วงกังวลของฟ้ารดา แต่เขาก็แกล้งทำเป็นมึนตีความเข้าข้างตัวเอง แล้วรีบชิงเปลี่ยนประเด็นเข้าเรื่องของตัวเองต่อ “ตกลงฟางพร้อมจะฟังสิ่งที่ผมจะขอจากฟางได้รึยังเนี่ย...ไม่ต้องมาขมวดคิ้ว สามข้อของผม ยังไงผมก็ต้องได้...ไม่งั้นผมจะตามไปจัดการป้าแขของฟางตอนนี้เลย!”

ขู่อีกแล้ว แถมทำหน้าตึงใส่อีก “ไม่ให้ ไม่ได้ให้ซาคาอิซัง พี่ให้เจ้าซีต่างหาก” 

“มันก็คนเดียวกันมะ” เขาถามอย่างรู้สึกหมั่นไส้คนที่ทำเป็นลอยหน้าลอยตาใส่เขา ซึ่งเธอก็ส่ายหน้า 

“ไม่ใช่คนเดียวกัน ต่อไปนี้พี่จะคุยกับเจ้าซี ไม่คุยกับซาคาอิซัง นั่นหมายความว่ายังไงรู้ใช่ไหม”

“ผมจะรู้ไหมเนี่ย”

“ซีไม่รู้ไม่เป็นไร แต่พี่รู้ ถ้าซาคาอิมา พี่จะไม่คุยด้วย ไม่เจรจาด้วย”

“ตอนนี้คุยอยู่ แสดงว่าผมก็คือเจ้าซีของฟางใช่มะ” เจ้าดื้อตีความเข้าทางตัวเองได้เสมอ “งั้นจะเริ่มขอข้อที่หนึ่งแล้ว...แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ยังไงผมก็จะต้องได้สิ่งที่ขอ ถ้าฟางผิดสัญญาผมจะไม่แค่โกรธ ผมจะเล่นงานป้าแขไขของฟาง...ไม่ต้องเถียง!” 

“เป็นซาคาอิซังอีกแล้ว”

“ก็เป็นผมนี่แหละ ไม่ได้โกรธอยู่ ไม่ได้อาละวาด ยังคุยกับฟางได้อยู่ จะเป็นซาคาอิได้ไง ฟางไม่รู้จักซาคาอิจริงๆ หรอก ถ้าเป็นซาคาอิจริงๆ เขาไม่มานั่งเจรจาต่อรองกับฟางอย่างนี้หรอก เขาจะเอาคือต้องได้ ถ้าเขาอยากได้ฟาง เขาก็ต้องได้แบบไม่สนวิธี แล้วผมไม่อยากให้ฟางได้เจอเขา อย่าเรียกบ่อย เดี๋ยวผมปล่อยซาคาอิออกมานะ” 

ฟ้ารดาไม่พูดอะไร ทำเพียงมองคนที่กึ่งขู่กึ่งพูดเล่นไม่วางตา มองไปที่ริมฝีปากที่บวมเป่งทำให้เธอนึกได้ว่าเกิดจากการที่เจ้าตัวกัดปากตัวเอง เพราะพยายามอดทนกับสิ่งที่แขไขทำ อดทนเพื่อเธอ แม้บอกว่าอยากชนะ จะได้ขออะไรก็ได้จากเธอสามข้อ แต่เธอก็รู้ว่าน้องพยายามทำ เพราะมันคือคำขอของเธอ 

“ขอมาสิ ซีอยากให้พี่ฟางทำอะไรให้” 

เมื่ออีกฝ่ายยอมให้ ซาคาอิก็เห็นความน่ารัก จนอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปจูบหน้าผากเนียนหนักๆ แถมจูบซ้ำๆ เหมือนผู้ใหญ่ได้เจอเด็กตัวน้อยๆ ทำเรื่องดีๆ เจ๋งๆ แล้วปลื้มมากๆ ต้องเข้าไปแสดงความรักแบบสุดใจ แต่ต่างตรงนี้ คนที่ถูกให้ความรักไม่ใช่เด็ก 

“ซี! จะจูบอะไรเยอะ หน้าผากพี่เปียกหมดแล้ว”

จูบ? เขาจูบกันแล้ว อึ๊ยยย!

ในหัวแจ๋วแหววจินตนาการไปไกลถึงซีรีส์เกาหลีที่พระเอกนางเอกล้มทับกันบนเตียง จ้องตากันอย่างแสนโรแมนติก ลำตัวแนบแน่นชิดกัน น้องชายคงไม่อะไรเพราะชัดเจนอยู่แล้ว แต่คนที่ประกาศชัดเจนกับคุณนายแขไขไปเมื่อกี้ว่าไม่ได้คิดเกินเลยกับน้องชาย ทำไมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้

“ลุกได้แล้วซี พี่เมื่อยแล้วนะ”

“ฟางนอนเฉยๆ จะเมื่อยได้ไง ผมนี่สิเท้าแขนน่าจะเมื่อยกว่า แล้วก็เมื่อยจริงๆ ด้วย นอนคุยกันก็ดีนะ นอนกอดกันคุยกันดีกว่านั่งคุยกันอยู่แล้ว” 

ตอนนี้แจ๋วแหววเปลี่ยนจากยืนเอาหูแนบประตูมาเป็นนั่งคุกเข่าแทน เพราะเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้พักใหญ่จนเมื่อย ได้ยินบทสนทนาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง จับความได้ว่าซาคาอิเป็นผู้ชายขี้อ้อนมาก อ้อนแบบสลับขู่เล็กๆ ในขณะที่ฟ้ารดาเหมือนจะไม่ยอม แต่ก็ขัดอีกฝ่ายไม่เคยได้ นั่นทำให้ตีความไปได้ว่า ฝ่ายชายชัดเจนทุกอย่าง แต่ฝ่ายหญิงเหมือนกำลังตามหาความต้องการตัวเอง เพราะยังไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่ ต้องการน้องชายคืน หรือต้องการทำความรู้จักผู้ชายคนใหม่ที่คุกคามเธอ 

“เจ้าเด็กดื้อนี่ พูดไม่เคยฟังเลยนะ” 

คำพูดนั้นของฟ้ารดาบ่งบอกว่ายอมให้เจ้าเด็กดื้อนอนกอดคุยกัน เป็นอีกครั้งที่แจ๋วแหววกัดมือตัวเอง เพราะมันหมายความว่าฝ่ายหญิงยอมรับการก้าวข้ามสิ่งที่พี่น้องไม่ควรทำ อย่างน้อยพี่น้องที่โตมาแบบไทยๆ ก็จะไม่มีวันทำอย่างนี้ 

“ซี...อะไรกัน อย่าเอาแต่เงียบสิ สรุปจะขอไหม” 

“ฟางจำกฎบ้านเราได้ไหม ขอได้สามข้อหมายความว่าไง หมายความว่าถ้าผมขอสามข้อซ้ำๆ จะเป็นการบ่งบอกว่าผมต้องการสิ่งนั้นที่สุด ผมมีสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการได้ดูแลฟาง ดูแลทุกเรื่อง ให้ผมได้ดูแลฟางนะ ดูแลโดยที่ฟางเต็มใจและไม่คิดว่าทำผิดต่อผม เพราะนั่นจะเป็นความสุขของผม”

ฟ้ารดาอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ความรู้สึกคงเหมือนพ่ออานนท์เมื่อนานมาแล้ว ในวันที่แม่เอมิได้สิทธิ์ขออะไรก็ได้จากพ่อนนท์สามข้อ ในวันนั้นเธอไม่รู้ว่าแม่ขออะไรจากพ่อ หลังพูดจบพ่อน้ำตาไหล โดยมีแม่เอมิเข้าไปโอบกอดพ่อจากด้านหลัง แล้วพ่อก็ร้องไห้หนัก ก่อนจะกระซิบบางสิ่งที่ทำให้แม่เอมิยิ้มทั้งน้ำตา คำที่เธออยากรู้มากว่าพ่อพูดอะไร ถึงทำให้แม่ผู้ไม่เคยร้องไห้ให้เห็นหลั่งน้ำตาได้

‘แม่ขออะไรพ่อคะ ทำไมพ่อถึงร้องไห้ เล่าให้ฟางฟังหน่อยไม่ได้เหรอคะ นะคะ เป็นความลับเหรอคะ’

‘ไม่มีความลับหรอกลูก แม่เขาขอให้แม่ได้ดูแลพ่ออย่างที่พ่อดูแลแม่ คืออย่างนี้ลูก พ่อน่ะไม่ใช่คนหาเงินหลักเข้าบ้านฟางรู้ใช่ไหม แล้วพ่อก็มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปู่ พ่อเกรงใจแม่มาก แล้วมันก็ทำให้พ่อเครียดโดยไม่รู้ตัว พ่อพยายามซ่อนไว้ พยายามทำงานให้ได้มากๆ’

‘แต่พ่อต้องคอยดูแลพวกเรา ก็เลยมีเวลาวาดภาพน้อยลง แล้วภาพก็ขายได้น้อย...ใช่ไหมคะ หลังๆ พ่อก็เลยพยายามไม่ไปหาคุณปู่ทั้งที่พ่อห่วง’

‘ใช่ลูก พ่อโกหกแม่ว่าป้าแขไขไม่อยากให้ไป ไม่คิดว่าแม่จะรู้ คำขอสามข้อแม่สะสมไว้สองปี พ่อก็สงสัยว่าทำไมไม่ขอพ่อเสียที แม่เอมิอ้างว่ายังไม่มีสิ่งที่อยากได้ จนวันนี้แม่ก็มาบอกพ่อว่า สามข้อนี้คือสิ่งที่แม่ต้องการที่สุด อยากได้ที่สุด พ่อต้องให้ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...แม่ขอดูแลพ่อทุกเรื่อง โดยที่พ่อต้องเต็มใจ เพราะมันคือความสุขของแม่ด้วย แล้วพ่อก็ตกลง แม่เลยร้องไห้ พ่อเลยรู้ว่าตลอดมาแม่คงเห็นความทุกข์ใจของพ่อ เฝ้ามองอยู่เงียบๆ’ 

‘แม่เอมิน่ารักจังค่ะ แม่เข้มแข็งแต่ก็อ่อนโยน แล้วแม่เอมิก็คงรักพ่อนนท์มาก มากเหมือนที่พ่อนนท์รักแม่เอมิ พ่อกับแม่ฟางเป็นคู่รักที่น่ารักที่สุดในโลก ถ้าโตขึ้นฟางไม่ขออะไรมาก ขอแค่ฟางได้มีความรักแบบนี้...แบบที่พ่อกับแม่มีให้กัน’


“ได้ไหมฟาง ให้ผมได้ไหม” 

คนที่กอดเธอพร้อมซบไหล่พูดย้ำ กระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวเอวเธอไว้แน่นเหมือนจะเร่งรัดคำตอบ ก่อนจะยกตัวขึ้นมามองสบตา 

“ให้เจ้าซีได้ไหม ความต้องการที่สุดของเจ้าซี...ให้ได้ไหมครับฟาง”

ฟ้ารดาปาดน้ำตาให้ตัวเองแล้วยิ้มขณะพยักหน้า “ให้ได้สิ พี่ฟางเต็มใจให้เจ้าซีได้ดูแล เต็มใจและยินดีที่สุด”

“จริงนะ ห้ามเปลี่ยนใจนะ” เขาถามซ้ำพลางขยับลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วฉุดตัวหญิงสาวให้ลุกตาม รอให้เธอนั่งมั่นคงแล้วพยักหน้า ก็ร้องเย้ พุ่งเข้าไปกอด กอดหญิงสาวแน่น “งั้นพรุ่งนี้เราไปสำนักงานเขตกันเลยนะ”

“ดะ...เดี๋ยว ไปสำนักงานเขตกันทำไม” เธอท้วงแบบงงๆ ไม่เข้าใจความหมาย ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าคนที่ยังคงดีใจจะยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน “ว่าไง ซีจะไปสำนักงานเขตทำไม”

“ไม่ใช่แค่ผม...ผมกับฟาง เราจะไปจดทะเบียนสมรสกันไง ฟางตกลงแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย!” 

ฟ้ารดาอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะขยับไปคว้าตัวคนดีใจซึ่งรีบกระโจนลงเตียง ตรงไปที่ประตู เธอจึงคว้าได้แค่อากาศ 

“พี่แจ๋ว ได้ยินใช่ไหม ฟางตกลงแต่งงานกับผมแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน ดีใจกับผมไหม! ดีใจใช่ไหม เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องมีปาร์ตี งั้นคืนนี้เรามาฉลองกัน พี่แจ๋วอยากกินอะไร เดี๋ยวเจ้าซี...จัดให้!”

จดทะเบียนสมรส! ซวยแล้ว! แจ๋วแหววได้แต่อ้าปากค้าง

ไม่ต่างกับฟ้ารดาที่ยังงงอยู่บนเตียง...อย่างนี้ก็ได้หรือ...เจ้าซี


ผ่านไปเกือบนาทีกว่าฟ้ารดาจะตั้งสติได้ ไม่คิดว่าเจ้าดื้อจะเล่นมุกนี้ เธอได้ยินเสียงชายหนุ่มคุยเจื้อยแจ้วเสียงสดใสอยู่ข้างหน้า เหมือนเธอจะหูอื้อไปชั่วขณะ หรือไม่ก็สมองชาไปครู่ใหญ่ พอจะเดินออกมาก็มีสายโทร. เข้า เป็นผู้ปกครองของเด็กโทรศัพท์มาขอคำปรึกษา หญิงสาวจึงต้องแยกไปคุยที่ระเบียง คิดว่าสักพักค่อยกลับไปเคลียร์กับเจ้าดื้อ 

ทว่าติดสายไปเกือบยี่สิบนาที กลับออกมาก็เจอแจ๋วแหววยืนหันรีหันขวางอย่างร้อนใจอยู่หน้าเตียงเธอ ไม่เจอซาคาอิแล้ว 

“เจ้าซีล่ะคะ ลงไปข้างล่างเหรอ” 

“เข้าห้องไปค่ะ” ฟ้ารดาจะตามไปแต่ถูกดึงแขนไว้ “เป็นเรื่องโจ๊กใช่ไหมคะ เมื่อกี้คุณซีขอคุณฟางแต่งงานแล้วคุณก็ตกลง ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ...แต่มันต้องจริงสิ ถ้าไม่จริง คุณซีไม่ดีดขนาดนั้น โทร. บอกใครก็ไม่รู้เยอะแยะเลยค่ะ สั่งให้เอาอาหารโรงแรมมาเลี้ยง บอกให้แจ๋วไปเตรียมตัว บอกว่าจะออกไปเชิญเพื่อนบ้านมาร่วมงานด้วยค่ะ ได้ยินมาหลายชื่อ มีกุมารทอง ไม่ใช่สิ เขาเรียกว่าพี่รักยม มีชื่อคุณซัน ลูกแมว พี่ผึ้ง มีชื่อภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ อาอะไรสักอย่าง กับคากิมั้ง แล้วบอกว่าจะโทร. กลับญี่ปุ่นบอกคนทางนั้นด้วยค่ะ”

“คานะ?” ฟ้ารดาไม่ได้กะจะย้อนถามแจ๋วแหวว แค่ตกใจชื่อคนมากมายที่อีกฝ่ายบอก “ไม่ได้การละเจ้าซี ป่านนี้บอกใครไปแล้วมั่งเนี่ย” 

แจ๋วแหววรีบขยับตามคนที่ปรี่ไปเคาะประตูห้องและจะรีบเปิดเข้าไป เพราะได้ยินเสียงทางนั้นยังคุยโทรศัพท์ แถมคุยเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไม่ได้มีเสียงตอบรับเธอ 

“ซี พี่เข้าไปนะ” 

ห้องล็อก? ทำไมต้องล็อก 

“ซี เปิดประตูให้พี่ฟางหน่อย ซี...พี่ยังไม่ตอบตกลงนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย” เมื่อเคาะเรียกก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ในขณะที่เสียงพูดสลับหยุดฟังแล้วหัวเราะยังดังแว่วมา หญิงสาวจึงไปเอากุญแจมาเปิด 

“ซี...” 

“ฟางมาพอดีเลย ผมบอกทุกคนเรื่องข่าวดีของเราแล้วนะ” เขายิ้มกว้างให้ สีหน้ายังแสดงความดีใจ ทำเอาคนที่ร้อนใจก่อนหน้านี้พูดไม่ออก 

“ทุกคนดีใจ บอกว่ามาร่วมปาร์ตีด่วนจี๋ของผมไม่ได้ แต่ก็ร่วมยินดี อากิระซังบอกว่าหลังจดทะเบียนให้ไปหาที่ลิตเติ้ลบี จะเตรียมงานฉลองให้ พี่ผึ้งจะทำเค้กพิเศษให้เราตัดในงานเลี้ยงด้วย แล้วผมโทร. บอกพ่อกับคนที่ญี่ปุ่นแล้วนะ พ่อขอเคลียร์งานแล้วจะตามมาดูหน้าลูกสะใภ้”  

‘พูดมาขนาดนี้ ถ้ายังกล้าปฏิเสธก็ใจร้ายเกิ๊น’ 

แจ๋วแหววคิดขณะแอบสังเกตการณ์อยู่หน้าประตู แล้วคนท่าทางใจดี อ่อนโยน อ่อนหวานอย่างฟ้ารดามีหรือจะกล้าปฏิเสธ ยังไม่นับเรื่องที่ผู้ชายคนนี้ดูจะเป็นผู้ชายที่สาวๆ น่าจะวิ่งเข้าหามากกว่าจะเอ่ยว่า ‘ไม่’ เมื่อถูกขอแต่งงาน เพราะไม่ใช่แค่หน้าตาท่าทางดี แต่ยังดูเป็นคนอารมณ์ดี นิสัยดี ที่สำคัญดูรักคนที่เขาขอแต่งงานมาก ซึ่งในสายตาของแจ๋วแหวว ฟ้ารดาก็แสดงออกว่าห่วงใยและใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่าย ยอมแข็งข้อกับแขไข ยืนกรานว่าจะให้ชายหนุ่มอยู่ด้วยเมื่อถูกสั่งให้ไล่ออกจากบ้าน 

‘ซีเป็นน้องฟาง ฟางจะไม่พูดให้น้องไปจากฟางอีกแล้ว ซีคือน้องฟาง...ซีคือน้องคนเดียวของฟาง’

นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวยืนกราน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่น่าจะใช่พี่น้อง หรือคนพี่ยืนกรานความเป็นพี่สาวน้องชาย แต่เจ้าน้องชายตัวร้ายกลับยืนกรานจะเป็นอย่างอื่น ประกาศเจตนาชัดเจนว่าจะ ‘เคลม’ พี่สาวไปเป็นเมีย แม้จะออกแนวมัดมือชก มัดแบบแน่นมาก ไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ปฏิเสธเลย 

“พรุ่งนี้ไปกันตอนเช้าเลยนะ เสร็จแล้วเราก็ไปลิตเติ้ลบี”

“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงาน”

“ก็ลาไงฟาง ลาหยุด ถ้าเขาไม่ให้หยุดก็ลาออกเลย” เขาเข้าไปกุมมือหญิงสาว ทำหน้าอ้อนเหมือนลูกแมว พยักหน้าหงึกๆ ให้อีกฝ่ายคล้อยตาม “ไม่ลาออกก็ได้ แค่ลาหยุด ไปจดทะเบียนสมรสเลยนะ ยังไงเขาก็ต้องอนุญาต นะฟาง หรือถ้าฟางไม่กล้า ผมโทร. ให้นะ” 

ซาคาอิไม่ใช่ไม่รู้ว่าอาการไม่พูดคือการจะปฏิเสธ แต่งานนี้เขาไม่มีทางให้เกิดขึ้น ในเมื่อหญิงสาวเป็นคนที่ยอมคน ยอมให้คุณป้ามหาภัยเอาเปรียบด้วยการมัดมือชก ไม่มีปากเสียงยังได้ ทำไมเขาจะทำให้คนคนนี้ทำตามความต้องการของเขาไม่ได้ อุตส่าห์เล่นบทโกหกว่าโทร. บอกทุกคน ทั้งที่ความจริงคนที่เขาพูดด้วยมีแค่แจ๋วแหวว และโทรศัพท์หาโทคิโอะให้จัดอาหารปาร์ตีมาส่งที่บ้านแบบด่วนๆ โดยให้เหตุผลว่าแค่อยากกิน 

“การจดทะเบียนสมรสไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะซี จะมาทำเหมือนเล่นขายของไม่ได้”

“ผมบอกฟางเหรอว่าจะเล่นขายของ ผมทำจริงๆ การจะดูแลฟางได้ดีที่สุดคือเราต้องเป็นคนเดียวกัน เราต้องแต่งงานกัน” 

ฟ้ารดายังคงเม้มปาก ไม่ตอบอะไรกลับมา 

“ฟางไม่เหมือนเดิมแล้วใช่ไหม เป็นคนที่รักษาสัญญาแต่กับคนอื่น แต่ไม่เคยรักษาสัญญากับผม เพราะฟางให้ความสำคัญแต่กับคนอื่น โดยเฉพาะญาติฟาง เพราะญาติฟางไม่ชอบผม คุณป้าไม่ยอมให้ผมใกล้ฟาง ฟางก็จะทำตามป้าใช่ไหม”

“ซี...มันไม่ใช่อย่างนั้น เราเป็นพี่น้องกัน เรา...”  

คราวนี้ซาคาอิยอมปล่อยมือฟ้ารดา มองเธอด้วยแววตาผิดหวัง นั่นทำให้หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าหา เอื้อมมือไป แต่ถูกปฏิเสธชัดด้วยการดึงมือกลับพร้อมขยับถอยหนี 

“ซี?” เขาไม่เคยแสดงออกอย่างนี้สักครั้ง น้องไม่เคยทำอย่างนี้

“นี่ใช่ไหมคำตอบของฟาง คำพูดว่ารอให้ผมโตมันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น ข้ออ้างที่จะหนีผม ฟางก็เหมือนป้าแขไข เหมือนครอบครัวฟาง คิดว่าผมเป็นคนอื่น ผมโง่เองที่เฝ้ารอ...รอมาเจอความผิดหวัง คำปฏิเสธแบบคนใจดี...ที่ไม่ได้คิดจะรักษาสัญญากับคนที่เธอไม่ได้แคร์จริงๆ” 

“ทำไมพี่จะไม่แคร์ความรู้สึกซี สำหรับพี่ ซีคือที่หนึ่ง”

“แล้วทำไมฟางทำแบบนี้กับผม ปฏิเสธความพยายามของผมสองครั้ง ทั้งที่รู้ว่ามันคือความหวังของผม...ได้ ถ้ามันลำบากใจขนาดนั้น ผมก็จะไป ไม่ต้องทนกับคนโรคจิตอย่างผม” 

เขาบอกเสียงเย็นเหมือนคนที่สูญเสียบางอย่างไปแล้ว 

มันทำให้ฟ้ารดาใจหายและร้อนใจ...รีบขยับเข้าหา

“ผมจะไป แล้วจะไม่กลับมาให้ฟางเห็นหน้า ให้ฟางรำคาญ ผมจะได้ไม่ต้องมาเจอคนที่ไม่เคยคิดจะรักษาสัญญากับผม ทั้งที่ตลอดมาผมเชื่ออย่างที่พ่อนนท์กับแม่เอมิบอก แต่สำหรับฟางมันไม่มีค่า” 

ฟ้ารดารู้สึกตัวชาไปตั้งแต่ได้ยินคำว่า ‘ผมจะไป’ ยิ่งเมื่อเห็นคนพูดเดินผ่านหน้าเธอไป คว้ากระเป๋าสะพายข้างจะเดินออกไปจากห้อง เธอก็รีบถลาเข้าไปคว้าตัว โอบกอดเขาไว้จากข้างหลัง 

“ไม่ใช่นะซี ไม่ใช่พี่ฟางไม่คิดว่าคำขอสามข้อของซีไม่มีค่า เพียงแต่...” 

อยากบอกเหตุผล แต่มือที่กำลังถูกแกะ และคำพูดที่บอกให้ปล่อย ทำให้ฟ้ารดายิ่งต้องกอดอีกฝ่ายไว้แน่น แต่ก็สู้แรงไม่ไหว น้องกำลังจะไป เธอต้องทำอะไรสักอย่าง 

“ก็ได้ซี...ก็ได้ พี่จะจด...พี่จะไปจดทะเบียนสมรสกับซี จะทำตามคำขอ แต่อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่ฟางไปอีกนะ พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว” 

ใครคนหนึ่งร้องไห้ ด้วยตกใจกลัวว่าคำยินยอมนั้นจะสายไป น้องยังโกรธไม่ยอมรับฟัง เพราะน้องยังจับมือเธอเหมือนจะดึงให้หลุดออกจากกันเพื่อให้เธอปล่อยเขาไป ในขณะที่ใครอีกคนอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่ทำให้แจ๋วแหววที่น้ำตาซึมเพราะสงสารเขาก่อนหน้านี้น้ำตาแทบจะแห้งเหือดไปทันที

เล่นละคร? อย่าบอกนะว่าคุณซีเล่นละครตบตาคุณฟาง?

โอ้พระเจ้า! นี่มันไม่ใช่พระเอกแล้ว ทำไมคุณซีร้ายอย่างนี้!

“พี่ยอมแล้ว ยอมไปจดทะเบียนกับซี จะรักษาสัญญาสามข้อของกฎบ้านเรา” ฟ้ารดายังคงพูดซ้ำๆ แม้กระทั่งเมื่อซาคาอิหันหน้ามาเผชิญหน้า “แต่ไม่เป็นพรุ่งนี้ได้ไหม ไม่ใช่พี่จะถ่วงเวลานะซี แต่พี่ลางานวันนึงแล้ว พี่เกรงใจครูคนอื่น ถ้าเป็นอีกสักสองสามวัน...”

“ปัญหาของฟางมีแค่นั้นใช่ไหม” 

ใครบางคนอย่างยังสวมบทเข้มเป็นพระเอกที่นางเอกกำลังง้อ ในขณะที่สายตาแจ๋วแหววกลับเห็นปีศาจตัวเป้งๆ ที่มีปีกใหญ่สีดำงอกจากหลัง มีเขาแหลมตามฉบับซาตานร้ายๆ ทำเอาสาวใช้นึกสงสารหญิงสาวที่ยังคงเศร้ามาก เพราะตัวเองทำให้น้องเสียใจ 

“จะ...จ้ะ” ทั้งที่ปัญหาของเธอมีมาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ “มีแค่นั้น” 

“โอเค ถ้าแค่นั้น...ฟางไปทำงานได้ ที่เหลือผมจัดการเอง”

“จัดการเอง...ซีจะทำอะไร?” 

ซาคาอิไม่ได้ตอบ ทำเพียงยักคิ้ว 

‘ขอโทษนะฟาง ฟางเป็นคนบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้เอง ผมถือคติแม่เอมิ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็ต้องเอาด้วยคาถา คติของแม่ผมที่ทำให้ได้พ่อนนท์มาครอง แล้วผมก็ต้องได้ฟางมาครองด้วยเช่นเดียวกัน!’


สิ่งที่ซาคาอิพูดคือสิ่งที่เขารู้สึก แต่ก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงทั้งหมด เขาไม่ได้เชื่อว่าฟ้ารดาจะไม่เห็นเขาสำคัญ เธอรักและเฝ้ารอเขา แต่อาจไม่ใช่รอคอยในสถานะเดียวกับเขา เธอต้องการน้องชายที่น่ารักคืน ในขณะที่เขากลับมาหาคนรัก ตอนนี้หญิงสาวมีความขัดแย้งในใจเพราะสิ่งที่เขาพูดออกไป เธอไม่ได้อยากได้คนจดทะเบียนสมรส ไม่ได้อยากได้คู่รัก เธออยากได้เจ้าซีกลับมา แต่ก็ถูกเขาบังคับ ถ้าไม่ยอมทำตาม เขาจะไป แล้วเธอจะไม่ได้เจอเจ้าซีอีก

มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ที่ใช้เรื่องนี้บีบบังคับให้ผู้หญิงยอมทำสิ่งที่ต้องการ แต่ซาคาอิก็ไม่แคร์ เพราะเขาบอกตัวเองไปแล้วว่า เขาไม่สนใจว่าฟ้ารดาจะรู้สึกกับเขาอย่างไร จะรักเขาแบบไหน ขอแค่เขาได้ครองเธอ ได้ดูแล ได้อยู่ด้วยกัน เท่านี้ก็เพียงพอ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาเฝ้าทนรอมาแปดปี รอคอยอยู่กับความทุกข์เพื่อจะมีความสุข แม้ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกับคนที่เขารัก ก็ต้องทำ 

นั่นหมายรวมถึงคนอื่นๆ อย่างแจ๋วแหววด้วย แต่กับคนอย่างแจ๋วแหวว ซาคาอิก็มีวิธีจัดการต่างออกไป เมื่ออาหารเลิศหรูที่พี่รักยมจัดให้ถูกนำมาส่ง ปาร์ตีเล็กๆ ของคนสามคนก็จัดขึ้นที่สนามข้างบ้าน ปาร์ตีที่ตอนแรกเจ้าของงานจะเปิดเพลงเต้น แต่ฟ้ารดาต้องรีบมาห้าม บอกว่าดึกมากแล้ว คนอื่นนอนกันหมดแล้ว 

“แถวนี้สามทุ่มก็นอนกันหมดแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็ตื่นกันหมด” 

“ตื่นก็ดีสิ จะได้ชวนมาร่วมฉลองกับเราไง นี่ผมว่าจะไปเรียกป้าเพ็ญมาร่วมฉลอง ป้าเขาน่าจะชอบ เพราะปกติก็สอดรู้สอดเห็นอยู่แล้ว ไปเรียกก่อนนะ หรือจริงๆ แล้วก็แอบอยู่ข้างรั้ว ป้าเพ็ญ!”

“ซี!” ฟ้ารดารีบดึงแขนและรีบปิดปากเขาก่อนที่จะตะโกนเรียกอีก “ไม่ได้นะ ทำเสียงดังไม่ได้นะ” 

“แค่ห้าทุ่มกว่าเองฟาง ยังอีกเจ็ดชั่วโมงกว่าจะเช้า ตื่นมาสองสามชั่วโมงก็กลับไปนอนทันน่า มาๆ พี่แจ๋ว ชอบเพลงอะไรบอกผม เดี๋ยวจัดให้” 

เพลงที่ว่ากำลังจะถูกเปิดจากรถสปอร์ต ฟ้ารดารู้ว่าเสียงจะกระหึ่มแค่ไหน เพราะเธอเคยเห็นชายหนุ่มเปิดแล้วตอนอยู่ในรถ 

“อะไรฟาง...ปาร์ตีไม่มีเพลงมันไม่ได้มะ มันก็จะเหงาๆ” 

“ได้สิ เราก็นั่งคุยกันไง นะ อย่าเปิดเลย คุณลุงคุณป้าข้างบ้านเราแกเป็นคนนอนหลับยากด้วย ถ้าตื่นกลางดึกจะนอนไม่หลับ...นะจ๊ะ ขอร้องละ พี่จะอยู่คุยกับซีจนซีพอใจเลยนะ”

สีหน้าแสดงออกว่ากังวลอย่างเห็นได้ชัดของฟ้ารดาทำให้ซาคาอิยอมลงให้ แล้วดูเหมือนเขาก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ คือให้ฟ้ารดารับปากว่าจะอยู่กับเขา ถึงตอนนี้จึงได้กลับมานั่งล้อมวงปาร์ตีเล็กๆ ของคนสามคน ที่มีแจ๋วแหววนั่งย่างบาร์บิคิวมองซาคาอิอย่างระแวง ด้วยสาวใช้กำลังนึกสงสารฟ้ารดาที่ถูกปีศาจร้ายในคราบพระเอกหลอก 

“น้ำหวาน? อะไรเนี่ย ทำไมไม่มีแอลกอฮอล์เลย ผมจะดื่ม ไม่ได้การละ ต้องจัดการ” 

จัดการที่ว่าคือหยิบโทรศัพท์จะโทร. ออก ฟ้ารดารีบถามว่าโทร. หาใคร 

“พี่รักยมไง ผมให้จัดของมาปาร์ตี ทำไมส่งมาแค่น้ำหวาน น้ำผลไม้ มันใช้ได้ที่ไหน ของพวกนี้ผมไม่ชอบ”

“อย่าไปกวนพี่รักยมเลยนะ แล้วดื่มก็ไม่ดีหรอก พี่ไม่ให้ซีดื่ม” 

“ไม่ดื่มก็ได้ แต่ฟางต้องไปทำน้ำแดงโซดามะนาวให้ผม” 

“แต่น้ำหวานน้ำผลไม้พวกนี้ก็เยอะแล้วนะ” 

ซาคาอิยังส่ายหน้ายืนยันจะไม่ดื่ม จนกว่าจะมีของที่ต้องการเท่านั้น ถึงตอนนี้ฟ้ารดาจึงต้องยอมบอกว่าจะไปทำให้ แจ๋วแหววทำท่าจะตามไปช่วย 

“พี่แจ๋วไม่ต้องไปเลย ไปแล้วใครจะย่างบาร์บิคิวต่อล่ะ ผมไม่ย่างนะ ผมร้อน”

ประเด็นคือจะให้ฟ้ารดาออกไปเพื่อเจรจาบางอย่างกับแจ๋วแหวว แต่ดูเหมือนเวลาจะยังไม่พอ ถ้าแค่ทำน้ำหวานแป๊บเดียวก็คงเสร็จ จึงมีแผนสอง นั่นคือแกล้งจะส่งน้ำจิ้มบาร์บิคิวให้แจ๋วแหวว แต่แกล้งสะดุดจนถ้วยน้ำจิ้มเลอะตัวฟ้ารดา 

“ขอโทษๆ ฟาง โห...แบบนี้ต้องไปเปลี่ยนเสื้อ อาบน้ำด้วยก็ได้นะ ไม่ต้องห่วง ผมคอยได้ ไปเถอะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปทำน้ำหวานให้ซีก่อน แล้วค่อยไปอาบน้ำ”

“อาบก่อนก็ได้ฟาง ผมคอยได้ กินน้ำพวกนี้รอก็ได้...ไปเถอะ ทิ้งไว้นานมันจะแสบนะ อาจจะแพ้ด้วย ผมกับพี่แจ๋วคอยได้เนอะพี่แจ๋วเนอะ”  

ถ้าเป็นตอนก่อนจะเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบปีศาจร้าย แจ๋วแหววคงเชื่ออย่างที่ฟ้ารดาเชื่อ เชื่อว่านั่นเป็นความหวังดี แต่ตอนนี้สาวใช้ผิวเข้มเชื่อไม่ลง แต่เมื่อฟ้ารดายอมทำตาม เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งปิ้งบาร์บิคิวให้เสร็จ 

“ผมอยากกินกุ้ง...กับปู ย่างเลยๆ” ซาคาอิบอกเมื่อคล้อยหลังฟ้ารดา “มาผมช่วย พี่แจ๋วชอบกินกุ้งหรือปู”

“กุ้งค่ะ” ตอบอย่างเสียไม่ได้ ซาคาอิถามว่าทำไม ปูอร่อยกว่านะ “เพราะแกะง่าย ปูแกะไม่เป็นค่ะ”

“ผมแกะปูเป็น แกะเก่งด้วย พ่อนนท์เคยสอนผมแกะ ผมมือหนึ่งในการแกะปูของครอบครัวเลยนะ ถึงจะไม่เป็นเรื่องงานครัว งานทำอาหาร แต่แกะปูเก่ง” 

เขาบอกขณะสายตาอยู่ที่ปูบนเตา แล้วบรรยากาศก็เงียบไปครู่หนึ่ง แจ๋วแหววเหลือบมองคนที่รอยยิ้มค่อยๆ หายไปจากใบหน้าคม รอยยิ้มที่เธอคิดว่าเป็นการแกล้งทำ เอาความสดใสบดบังความเจ้าเล่ห์ นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่เพราะได้ยินคุณนายแขไขพูดให้ร้าย แต่เพราะเธอสงสารคนดีๆ อย่างฟ้ารดาที่เหมือนถูกหลอก เธออยากจะบอกความจริง และคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง อาจต้องบอกคุณนายแขไข 

“พี่แจ๋วเห็นไม่ผิดหรอก” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในความเงียบ ขณะที่สายตาคนพูดยังอยู่ที่เตา สีหน้าเขาสุขุม “ผมร้าย...ผมสามารถร้ายได้กว่านี้สิบเท่าร้อยเท่า โดยเฉพาะกับคนอื่น เพราะแม้แต่คนที่ผมรักมาก แคร์มากอย่างฟาง ผมยังใช้เล่ห์เหลี่ยมด้วยเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมต้องการ” 

แจ๋วแหววไม่แน่ใจนักว่าชายหนุ่มกำลังจะบอกอะไรเธอ แต่ก็รู้สึกได้ถึงการข่มขู่ และมันก็ดูน่ากลัว ยิ่งเมื่อเจ้าของสายตากระด้างนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ มันก็ทำเอาขนเธอลุกซู่อย่างประหลาด เห็นความเป็นวายร้าย คนที่ไม่น่าจะใช่คนเดียวกับ ‘เจ้าซี’ ของ ‘พี่ฟาง’ ตัวร้ายกาจอย่างที่คุณนายแขไขบอกเธอ

“ผมต้องการดูแลฟาง...ถ้าใครขวางจะได้เห็นดี” เขาบอกเสียงราบเรียบ แต่ทำเอาแจ๋วแหววซึ่งถือไม้บาร์บิคิวอยู่มือไม้อ่อนกับการข่มขู่ที่สัมผัสได้ “พี่แจ๋วไม่ใช่หนึ่งในนั้นใช่ไหม”

แจ๋วแหววกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ไม้บาร์บิคิวตกพื้น

“กลัวผมเหรอ” 

ไม่กลัวก็แปลก...แจ๋วแหววคิด แต่ก็ไม่กล้าตอบ 

“ผมน่ะ รักฟางมากนะ สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือฟาง ผมไม่แคร์คนอื่น แต่ถ้าคนอื่นแคร์ฟาง ดีกับฟาง ผมก็จะดีกับคนนั้น แต่ต้องทำให้ผมเห็นว่าหวังดีกับฟางจริงๆ พี่แจ๋วดีกับฟางไหม”

แจ๋วแหววยังคงไม่ตอบ นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ซาคาอิต้องการ

“ถ้าพี่ระแวงผมเพราะห่วงฟาง ผมไม่ว่า แต่ถ้าเพราะคำสั่งของป้าแขไข คนที่ใครมองก็รู้ว่าไม่ได้หวังดีกับฟาง พี่แจ๋วได้เจอผมแน่ ผมจะเล่นพี่แจ๋วแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลย” 

พูดจบก็ละสายตาจากสาวใช้ที่กดดันเพราะคำขู่จนทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกกลัวอย่างประหลาด ไม่ได้กลัวเหมือนตอนที่กลัวคุณนายแขไข แต่รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้พูดสิ่งที่รู้สึกและจะทำจริงๆ แล้วนั่นหมายความว่าสิ่งที่เขาบอกเธอก็คือความจริง ความจริงว่าถ้าเธอทำดีกับฟ้ารดา ผู้ชายคนนี้ก็จะไม่ร้ายใส่

“พี่แจ๋ว...หวังดีกับคุณฟาง...คุณหลอกบังคับคุณฟางจดทะเบียนมันไม่ถูก”

หลังคำพูดนั้นบรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง แจ๋วแหววลุ้นท่าทีของอีกฝ่ายที่หยิบปูไปวางบนเขียง หยิบเครื่องมือแกะปูออกมาใช้งานอย่างคล่องแคล่วจนแจ๋วแหววมองเพลิน ไม่ใช่แค่ราคาคุยที่บอกว่าเป็นมือหนึ่งเรื่องการแกะปูของบ้าน เพราะไม่ทันไรเนื้อปูแน่นๆ ก็ถูกแกะใส่จาน แล้วถูกส่งมาตรงหน้าแจ๋วแหวว

“คุณไม่เชื่อว่าพี่แจ๋วทำเพื่อคุณฟางใช่ไหม แต่พี่แจ๋วทำเพื่อเธอจริงๆ พี่แจ๋วสงสารเธอ เธอใจดี นิสัยดี ว่าง่าย นั่นคือเหตุผลที่คุณพล เจ้านายเก่าพี่แจ๋วชอบและอยากดูแลเธอ ส่งพี่แจ๋วมาอยู่กับคุณนายเพื่อเอาใจ เพื่อให้ได้ดูแลคุณฟาง แต่เรื่องมันก็กลายเป็นว่าพี่แจ๋วทำอะไรไม่ได้ โดนคุณนาย...ก็อย่างที่คุณรู้” 

แจ๋วแหววไม่กล้าหยิบจานที่ถูกส่งมา อีกฝ่ายจึงวางไว้ตรงหน้าเธอ

“เพราะฟางเป็นแบบนี้ไง ถึงต้องมีผม ผมถึงต้องทำแบบนี้” ซาคาอิบอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายลง “ถ้าพี่แจ๋วจะอยู่ตรงนี้ก็ย้ายข้างซะนะ ผมไม่อยากทำร้ายพี่หรอกนะ”

“อ้าว ก็ไหนคุณบอกว่า ถ้าหวังดีกับคุณฟาง จะไม่ทำอะไรไงคะ” เมื่อสถานการณ์ข่มขู่ดูคลายลง แจ๋วแหววก็กล้าแย้งและหยิบเนื้อปูเข้าปาก และคาบค้างไว้เมื่อเห็นเจ้าของปูเหลือบมอง “ก็คุณให้พี่...ไม่ใช่เหรอคะ...กินได้นะ”

“รับของผมไปแล้วก็เข้าทีมผมด้วย” คนให้สินบนชี้หน้า ทำเอาคนที่เพิ่งรับของกลืนปูเนื้อแน่นอย่างลำบาก “ที่ผมบอกจะไม่ทำอะไรพี่ถ้าทำเพราะหวังดีกับฟางน่ะมันจริง แต่ผมก็พูดก่อนที่พี่แจ๋วจะบอกว่า เป็นคนของไอ้คุณพล...แถมเจ้านายเก่าพี่คิดจะจีบฟาง เขาเป็นคู่แข่งที่ผมจะจัดการ!”

“ไม่ได้นะคะ คุณพลเป็นคนดีนะคะ เธอสงสารคุณฟาง หวังดีจริงๆ แต่คุณฟางไม่เล่นด้วย”

“เพราะฟางมีผม รอผมอยู่ รักผมคนเดียว คนอื่นฟางไม่สนหรอก” 

แจ๋วแหววทำหน้าเหลอใส่คนมั่นหน้าตัวเอง 

“หรือพี่แจ๋วว่าไม่จริง...ฟางน่ะรักผม แค่ติดอยู่กับคำว่าเธอเป็นพี่สาวผมเท่านั้นแหละ”

แจ๋วแหววเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้...ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้ 

เพราะผู้หญิง ถ้าคิดว่านี่คือน้องชายจริงๆ เชื่ออย่างนั้นจริงๆ มีหรือจะยอมให้ทำสิ่งที่ฟ้ารดายอมให้ซาคาอิทำ...ให้กอด ให้ใกล้ชิด

“ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง มันคือความจริง แค่ฟางต้องการเวลา ผมก็แค่รวบรัดตัดตอน แล้วไม่ว่ายังไงผมก็ต้องได้จดทะเบียนสมรสกับฟาง แต่จะทำอย่างที่ฟางต้องการคือ...จดกันเงียบๆ ไม่ต้องไปป่าวประกาศบอกคุณป้า เพราะกลัวคุณป้าอกแตกตาย”

“คุณฟางพูดอย่างนั้นเหรอคะ บอกว่ากลัวคุณนายอกแตกตาย ไม่ใช่คำพูดคุณเองเหรอ” 

คราวนี้ซาคาอิหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงจนแจ๋วแหววเริ่มรู้สึกว่ากล้าจะคุยกับเขา 

“คุณนี่มันน่าตีจริงๆ เลย ถ้าเป็นน้องนุ่งจะฟาดให้หลังลายเลย” 

“ถ้าพี่แจ๋วจะตีผม ผมยอมนะ แต่ต้องยอมเข้าทีมผม ไม่งั้นผมไม่ยอม” เขาบอกไม่ได้จริงจังนัก เหมือนรอให้อีกฝ่ายตัดสินใจ สุดท้ายก็ยังรอคำตอบโดยการแกะปูอีกตัวส่งให้ “ผมอยากให้พี่แจ๋วช่วยผม...นะครับ ช่วยเจ้าซีหน่อย...ขอร้องละ” 

แจ๋วแหววมองตาชายหนุ่ม ก่อนจะก้มมองสินบนที่ยื่นมาตรงหน้า 

“ก็ได้ พี่แจ๋วจะทำเพื่อคุณฟาง แต่คุณต้องให้เงินเดือนพี่ เพราะถ้าพี่อยู่ทีมคุณ คุณนายต้องไม่ชอบใจแน่ๆ ส่วนคุณพล พี่แจ๋วดูแล้วว่ายังไงคุณฟางก็คงไม่ชอบคุณพล ให้เจ้านายพี่แจ๋วตัดใจคงง่ายกว่า ดีต่อเธอมากกว่า”

“พี่แจ๋วเรียนจบอะไรมา” 

อยู่ๆ คำถามของซาคาอิก็ทำให้แจ๋วแหววงงว่าวกมาเรื่องเรียนอะไรได้อย่างไร 

“ทำไมเข้าใจอะไรง่ายจัง ฟางน่ะ จบปริญญาตรี ผมอธิบายจนปากจะฉีก ไม่ยอมเข้าใจ ไม่เข้าใจเสียทีว่าผมน่ะไม่เป็นน้อง แต่จะเป็นผะ...คำนี้ไม่สุภาพ ผมจะเป็นสามี! ให้ตายสิ บอกมาเลยว่าเรียนอะไรมา ผมจะส่งฟางไปเรียน” 

คุณซีนะคุณซี กัดคุณฟางก็ได้ด้วย!

โอ๊ยยย แจ๋วจะบ้าตาย เริ่มสงสารคุณฟางแล้วสิ!

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น แจ๋วแหววก็มีรอยยิ้ม โล่งใจอย่างประหลาด เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่ซาคาอิมีให้ฟ้ารดา ถึงจะไม่ได้มั่นใจว่ามันจะเป็นความรักเดียวกับที่ฟ้ารดามีตอบ แต่ทั้งหมดก็คือความรักความหวังดีว่าจะปกป้อง และพวกเขาควรได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม 

“สรุปอยู่ทีมผมแล้วใช่มะ” 

แจ๋วแหววพยักหน้าขณะกำเนื้อปูเข้าปาก ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มกว้างดีใจ 

“เย้! งั้นมาคุยเรื่องเงินเดือนกัน พี่แจ๋วจะเอาเท่าไหร่เรียกมาได้เลย เจ้าซีพร้อมจัดให้!” 


“มาแล้วจ้ะ น้ำแดงโซดามะนาวแบบเปรี้ยวจี๊ดของซี” 

ฟ้ารดาเดินออกมาพร้อมเหยือกน้ำ แต่กลับไม่พบซาคาอิ เห็นแค่แจ๋วแหววนั่งถือที่คีบอยู่หน้าเตาย่าง มีอาการเหมือนเหม่อๆ เธอถามก็ยังเงียบ จนเข้าไปสะกิด ทำเอาสาวใช้ผิวเข้มถึงกับสะดุ้ง 

“เจ้าซีไปไหนคะพี่แจ๋ว”

“คุณซี? สิบเท่า คือให้แสนนึงเหรอคะ อ้าว คุณฟาง...คุณซีล่ะคะ”

“อ้าว ฟางเพิ่งออกมาจากบ้าน พี่แจ๋วอยู่กับซีไม่ใช่เหรอคะ”  

“อ้อ ใช่ค่ะๆ เมื่อกี้คุณซีบอกว่าไปเข้าห้องน้ำค่ะ” 

“แล้วเมื่อกี้พี่แจ๋วพูดว่าให้แสนนึง สิบเท่า คืออะไรคะ” 

“คือว่า...” จะบอกได้อย่างไรว่าขอเสนอเงินเดือนไป แต่ซาคาอิบอกว่าให้สิบเท่าก็ยังได้ ถ้าทำงานให้พอใจ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือเมื่อกี้พี่แจ๋วคุยกับคุณซี บริษัทที่คุณซีทำงานมีโบนัสให้พนักงานเยอะเลยค่ะ บางคนทำงานดีได้สิบเท่าก็มี ถ้าพี่แจ๋วเงินเดือนหมื่นนึง พี่แจ๋วก็คงได้แสนนึงค่ะ” 

“เจ้าซีชวนพี่แจ๋วไปทำงานด้วยเหรอคะ” ฟ้ารดาดูกังวล “คุณป้าคงไม่ชอบใจ แต่ถ้าได้เงินเดือนเยอะกว่า โอกาสดีกว่า พี่แจ๋วก็ไปทำได้นะคะ ว่าแต่พี่แจ๋วจะไปทำงานกับเจ้าซีจริงเหรอคะ รู้แล้วเหรอว่าบริษัทเจ้าซีทำงานเกี่ยวกับอะไร” 

ฟ้ารดารู้แค่ว่าบริษัทพ่อของซาคาอิเป็นบริษัททำธุรกิจยานยนต์ แต่ยังไม่ที่แจ๋วแหววจะได้ตอบ ฟ้ารดาก็ปรายตาไปเห็นบางอย่างที่ควันโขมงบนเตา 

“พี่แจ๋ว! กุ้งไหม้แล้วค่ะ!” 

จากนั้นสองสาวก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อ เพราะต่างช่วยกันคีบกุ้งที่ไหม้เป็นตอตะโกออกจากเตา 

“โห...เสียดายจัง ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอันนี้พี่แจ๋วกินเองได้”

“จะกินได้ยังไงคะ ไหม้ขนาดนี้ ย่างใหม่ดีกว่าค่ะ”

“แต่เสียดายนะคะ ดูกุ้งตัวใหญ่ๆ สดใหม่แบบนี้ต้องแพงแน่ๆ เลย คุณซีอุตส่าห์สั่งของดีๆ มาเลี้ยง” แจ๋วแหววเอ่ยอย่างเสียดาย ทำเอาฟ้ารดาเอ็นดูสายตาซึ้งในน้ำใจซาคาอินั้น “เพราะมัวแต่เหม่อลอย ของดีๆ เลยไหม้หมด เสียดาย ต้องกินให้หมด!” 

“ไม่ต้องกินหรอกค่ะ มาย่างใหม่ เจ้าซีไม่ว่าหรอกค่ะ” ฟ้ารดายกกุ้งไหม้ออกไป แล้วส่งจานกุ้งที่ย่างไว้ก่อนหน้านี้ให้ “พี่แจ๋วกินนี่ดีกว่า แล้วจะกินปูไหมคะ วันนี้เรามีมือแกะปูอันดับหนึ่งของบ้านอยู่ด้วย” 

“คุณซีใช่ไหมคะ”

“ไม่คิดว่าเป็นฟางบ้างเหรอคะ” ฟ้ารดาทำหน้ามุ่ยก่อนจะยิ้ม “ใช่ค่ะ เจ้าซีแกะปูเก่งมาก ปกติเจ้าซีไม่มีเซนส์เรื่องทำอาหารหรืออยู่ในครัว แต่เรื่องแกะปูนี่ที่หนึ่งเลยค่ะ ไว้เขากลับมาเดี๋ยวโชว์ให้ดู”

“เห็นแล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แกะเอาใจพี่ แกะให้กินตั้งสองตัวค่ะ...ติดสินบนพี่” สาวใช้เผลอหลุดจนได้ แต่ก็รีบยิ้ม ถ้าซาคาอิมีความลื่นไหลหัวไวเป็นที่หนึ่ง แจ๋วแหววก็คงเป็นที่สอง อาจไม่เซียนเท่า แต่ถ้าแค่หลอกฟ้ารดา อย่างไรก็รอด “คือคุณซีก็คงรู้นั่นแหละค่ะว่าคุณนายส่งพี่แจ๋วมาจับตาดูคุณฟางกับคุณซี คงเอาใจพี่แจ๋ว รู้ว่าถ้าพี่แจ๋วรายงานคุณนาย คุณฟางก็คงโดนเล่นงาน” 

ถึงตอนนี้ฟ้ารดาก็ยิ้ม มองแจ๋วแหววอย่างขอบคุณ ซึ่งแจ๋วแหววก็คิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะถามความรู้สึกของฟ้ารดาที่มีให้ซาคาอิ 

“ขอพี่แจ๋วถามหน่อยนะคะ คุณฟางจะจดทะเบียนสมรสกับคุณซีจริงเหรอคะ คุณรู้ใช่ไหมคะว่าคุณนายคงไม่ยอมง่ายๆ แล้วเล่นงานคุณแน่ๆ ถ้ารู้ ถึงแม้คุณซีจะบอกว่ายอมเก็บเป็นความลับ รู้กันแค่นี้...หมายถึงแค่เราสามคนและพวกคนฝั่งคุณซีก็เถอะ แต่สุดท้ายวันนึงคุณนายก็ต้องรู้ ความลับไม่มีในโลก”

“ถ้าถามว่าฟางกลัวคุณป้าไหม ฟางก็กลัวค่ะ แต่ฟางกลัวซีจะไปจากฟางมากกว่า” ฟ้ารดาบอกสิ่งที่รู้สึก “จริงๆ แล้วมันก็ไม่ควรแก้ปัญหาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ตอบตกลง ซีคงรู้สึกแย่แล้วก็ไปจากชีวิตฟาง ฟางก็จะไม่ได้เจอน้องชายของฟาง”

“ที่คุณฟางยอม ไม่ใช่เพราะรักคุณซีแบบคู่รัก แต่รักแบบพี่น้อง?”

ฟ้ารดาเม้มปาก ครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า 

“แต่รู้ใช่ไหมคะว่าคุณซีจะเอาคุณทำเมีย จดทะเบียนที่ว่าคือจดทะเบียนสมรส แต่งงานกันตามกฎหมายนะคะ” 

แจ๋วแหววไม่คิดว่าเธอจะต้องมาตั้งคำถามนี้กับผู้หญิงที่เป็นครู ซึ่งเลือกจะยอมจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายเพราะกลัวว่าเขาจะไปจากเธอ ทำให้ความเป็นพี่น้องขาดสะบั้นและอาจไม่ได้เจอกัน นั่นทำให้กลัวจนยอมทำตามความต้องการของปีศาจน้อยจอมเจ้าเล่ห์ 

“ค่ะ” ฟ้ารดาตอบในที่สุด ทั้งที่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงสับสน “เราถึงทำกันเงียบๆ จดไว้แค่ให้เจ้าซีสบายใจ ไว้ถ้ามีเวลาให้ฟางอธิบาย ทำให้ซีเข้าใจความสัมพันธ์ของเรา ถึงตอนนั้นค่อยหย่าค่ะ” 

“แต่คุณเป็นผู้หญิงนะคะ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็จะทำให้คุณกลายเป็นม่ายนะคะ เกิดในอนาคตคุณเจอผู้ชายที่คุณจะรัก อยากใช้ชีวิตด้วย คุณอาจจะนึกเสียใจทีหลังได้นะคะ”

คราวนี้ฟ้ารดาส่ายหน้า 

“ฟางน่ะ คงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับใครมากไปกว่าเจ้าซีแล้วละค่ะ แค่ได้อยู่กับเจ้าซี ฟางก็ไม่สนใจผู้ชายคนไหนแล้ว จะกลัวก็แต่ในอนาคตเจ้าซีอาจจะโตขึ้น ได้เจอคนที่เขารักจริงๆ เขานั่นแหละจะอยากไปสร้างครอบครัวของตัวเอง แล้วทิ้งพี่ฟางเป็นสาวแก่อยู่บ้านเหงาคนเดียว”

ถึงตอนนี้แจ๋วแหววก็หัวเราะแห้งๆ เพิ่งนึกถึงคำพูดของซาคาอิที่พูดเรื่องความเข้าใจอะไรยากของฟ้ารดา ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมเปิดใจว่าสิ่งที่เธอรู้สึกคือความรักที่โตขึ้นแล้ว ไม่ใช่พี่สาวน้องชายอย่างเมื่อก่อน ในขณะที่ซาคาอิตัดใจเรื่องพี่น้องตั้งแต่รู้ความจริงแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกัน แล้วเลือกที่จะมีความรักแบบอื่นแทน

“คุณซีบอกว่ารักคุณฟาง รู้ใช่ไหมคะ” แจ๋วแหววถาม “คุณฟางไม่คิดจะรักคุณซีแบบนั้นเหรอคะ”

คำถามนี้ซาคาอิบอกแจ๋วแหววให้ถามเมื่อมีโอกาส และคำถามนั้นก็ทำให้ฟ้ารดาอึ้งไป เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ไม่เคยคิดที่จะรักซาคาอิในรูปแบบอื่น ไม่เคยคิดจริงๆ แต่เมื่อถูกถาม ก็ทำให้ต้องหาคำตอบ แล้วมันก็หลุดออกมาจากปากเธอ คำตอบที่ซาคาอิออกมาทันได้ยิน 

“ความรักรูปแบบอื่นมันไม่ยั่งยืนนะคะ...เหมือนพ่อนนท์กับแม่แท้ๆ ของฟาง แต่ความเป็นพี่น้องจะอยู่กับเราไปจนเราตาย ไม่มีเลิกรา ไม่มีหย่าร้าง ฟางไม่อยากมีความรักกับเจ้าซีแบบนั้น ความรักที่อาจจะจบในสักวัน เป็นพี่น้องกันนี่แหละค่ะ ยั่งยืนที่สุด”

‘ไม่เป็นไร ฟางจะเชื่ออย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ผมจะพิสูจน์ให้ฟางเห็นเองว่า...รักของผมจะยั่งยืน’

‘ผมรักแค่ฟาง...รักแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว...และจะรักตลอดไป’

“มาแล้วครับ” ซาคาอิโผล่หน้าออกมา สบตาแจ๋วแหววครู่หนึ่งแล้วยิ้มให้ เหมือนบอกนัยๆ ว่าขอบคุณ ก่อนจะหันมาหาฟ้ารดา “ฟางจะกินปูมะ เดี๋ยวผมแกะให้ พี่แจ๋วย่างปูมาเลย วันนี้เจ้าซีจะบริการแกะปูให้สองสาวกินให้อิ่มแปล้เลย!” 

เวลาที่อารมณ์ดี ไม่มีเรื่องขัดใจ ฟ้ารดาก็จะได้เจอเจ้าซีที่เธอคิดถึง นั่นทำให้เธอยิ้มออกมาได้ มองภาพที่ชายหนุ่มยิ้มกว้าง แกะเนื้อปูเอาใจเธอและแจ๋วแหวว มันทำให้นึกถึงภาพเก่าๆ ภาพที่ครอบครัวเธออยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ภาพที่แสนคิดถึง แล้วเวลานี้เธอก็ได้พบได้สัมผัสมันอีกครั้ง นั่นทำให้น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว 

“ฟางเป็นอะไร อร่อยจนน้ำตาไหลเลยเหรอ อะ กินนี่ดีกว่า ก้ามปูใหญ่ๆ ไม่ต้องหยิบ ผมป้อนได้ น้ำจิ้มนี่อร่อยนะ ไม่เผ็ด...อ้าปากเลย...เป็นไง อร่อยใช่ไหมครับ” 

แจ๋วแหววมองภาพของหนุ่มสาวที่ป้อนปูกันด้วยรอยยิ้ม...

ดูอย่างไรก็ให้บรรยากาศของคู่รัก...มากกว่าคู่พี่สาวน้องชาย

“พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” แจ๋วแหววรู้งาน ยิ้มหวานให้ฟ้ารดา ก่อนจะแอบส่งสัญญาณมือว่าโอเคให้ซาคาอิ พร้อมทำปากขมุบขมิบบอกว่า ‘ตามสบายนะคะ พี่แจ๋วไม่เอาเงินแสน มันมากไป ขอแค่สองหมื่นก็พอค่ะ’

‘โอเค สองแสน’ 

ซาคาอิพูดไม่มีเสียงกลับไป แจ๋วแหววรีบส่ายหน้า บอกว่าสองหมื่น ชายหนุ่มหัวเราะ ทำให้ฟ้ารดาที่กำลังแกะกุ้งหันมามองสองคนที่ส่งสัญญาณกันไปมา โดยเฉพาะแจ๋วแหววที่ตกใจแทบช็อก ยังไม่รู้ตัวว่าโดนแกล้ง ไม่รู้ว่าซาคาอิเข้าใจไหมว่าเธอจะรับเงินเดือนแค่สองหมื่น 

“ไม่มีอะไรฟาง เข้าใจแล้วครับพี่แจ๋ว ตามนั้นคูณสองไปเลย จะไปห้องน้ำก็ไปเถอะครับ ผมดูแลฟางได้ ไม่ต้องห่วง”

ถึงตอนนี้แจ๋วแหววจึงได้ออกไปแบบงงๆ ช็อก ๆ

สรุปได้เงินเดือนคูณสองก็เท่ากับ ‘สี่หมื่น!’ แม่เจ้า อีแจ๋วจะเป็นลม!

“อะไรกัน สองคนนี้ดูแปลกๆ ซีแกล้งอะไรพี่แจ๋วรึเปล่า อย่าแกล้งพี่แจ๋วนะ สงสารแก” 

ถึงตอนนี้เจ้าดื้อก็ทำเป็นพยักหน้ารับว่าจะไม่แกล้ง แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาว เอียงตัวพิงไหล่คนที่กำลังหันไปแกะกุ้งต่อ 

“อะไรกันซี มาอ้อนอะไรพี่ ไปแกะปูต่อได้แล้ว ไหนบอกจะบริการไง ไปสิ ยังจะมายิ้มอีก เด็กคนนี้นี่!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น