6

บทที่ 6

บทที่ ๖ 


“ฟางนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” กนธีบอกเมื่อพาฟ้ารดาเข้าไปนั่งในโซนติดแอร์ของร้าน เพราะอากาศตอนบ่ายค่อนข้างร้อน “เดี๋ยวผมไปสั่งน้ำมาให้ด้วย รอแป๊บนึงนะ ฟางเอาน้ำส้มคั้นเหมือนเดิมนะ ส่วนขนมเค้กเดี๋ยวผมดูให้ รู้ว่าฟางจะชอบอะไร” 

บอกเสร็จก็ผละไปที่เคาน์เตอร์กาแฟสั่งเครื่องดื่มและขนม แล้วก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนขณะเดินกลับมาที่โต๊ะ โดยมีสายตาของฟ้ารดามองตามและรอฟังบทสนทนา

“ฮัลโหลครับ พี่ผึ้ง ยังไม่ต้องพูดอะไรนะครับ ถ้าอากิระซังอยู่กับพี่ผึ้งให้พูดค่ะ ถ้าไม่ใช่ให้พูดจ้ะ” ฟ้ารดาทำหน้านิ่ว มองดูน้องชายหัวเราะ “โอเค แสดงว่าอยู่ด้วยกันสินะ ฟังผมนะครับ ตอนนี้ผมมาที่ลิตเติ้ลบี...อยู่ร้านโซนห้องแอร์ครับ...โอเค ไว้ผมจะรอ วันนี้ผมพาฟางมาเจอพี่ผึ้งด้วย ครับ ไว้เจอกัน” 

ชายหนุ่มวางสายพลางยิ้มกว้าง ขณะเดินเข้ามานั่งข้างฟ้ารดาเพราะเป็นโซฟาแบบสองที่นั่ง ไม่ยอมไปนั่งฝั่งตรงข้าม ด้วยท่าทางที่เขาแสดงออก คนภายนอกมองอย่างไรก็เหมือนคู่รักที่มานั่งจู๋จี๋กันในร้านกาแฟ แถมเจ้าดื้อยังคงตอกย้ำความเป็นแฟนด้วยการทิ้งตัวพิงไหล่พี่สาวขณะแชตคุยกับคนที่เขาเพิ่งวางสายไป

“เสร็จผมแน่อากิระซัง” เขาพึมพำกลั้วเสียงหัวเราะ โดยมีสายตาคนที่เขาพิงไหล่มองอยู่เงียบๆ “พี่ผึ้งช่วยผมแบบนี้ หนีผมไม่รอดหรอก” หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวก่อนจะเงยหน้ามาเจอคนมอง “โทษทีครับ รอแป๊บนะ เดี๋ยวจะมีคนเอาเค้กมาเสิร์ฟ ฟางหิวรึยังครับ”

ฟ้ารดาส่ายหน้า “ซีจะทำอะไร วางแผนแกล้งใครรึเปล่า” 

“ทำไมต้องทำหน้าดุด้วยฟาง ผมไม่ได้จะทำอะไร แค่จะเซอร์ไพรส์คนไม่ชอบการเซอร์ไพรส์น่ะ ไม่มีอะไรร้ายแรง ก็เซอร์ไพรส์พี่ชายผมไงจะใครซะอีก”

“พี่ชาย? อากิระซัง? หัวหน้ายากูซ่านะ ไปเซอร์ไพรส์ เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาจะไม่แย่เหรอ” 

“แย่สิ!” เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะหัวเราะสีหน้าตกใจของหญิงสาวที่แสดงออกชัดว่าห่วงและกังวลเรื่องนี้ “แต่ผมไม่กลัวหรอก อย่างมากก็แค่โดนจับมัดมือยัดใส่กระโปรงรถพาไปส่งขึ้นเครื่องกลับญี่ปุ่น ผมเป็นลูกค้าระดับเฟิสต์คลาส อากิระซังไม่ทำอะไรผมถึงตายหรอก ฟางไม่ต้องห่วง” 

“ยังจะมาพูดเล่นอีก พี่หมายถึง ถ้าอากิระซังไม่ชอบก็ไม่ควรไปทำนะซี”  

ยังไม่ทันที่ฟ้ารดาจะพูดจบ พนักงานสาวร่างอ้วนก็นำขนมและน้ำส้มคั้นมาเสิร์ฟ 

“มาแล้วค่ะ น้ำส้มและสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก เค้กกำมะหยี่ เค้กช็อกโกแลตลาวา เค้กมะพร้าว และพระเอกของร้านนี้ เค้กชาไทยค่ะ” พนักงานสาวบอกพลางวางจนเค้กลงบนโต๊ะ “ส่วนของคุณน้องผู้ชายช็อกโกแลตลาวาค่ะ ส่วนกาแฟกับชารอสักครู่นะคะ” 

“ทำไมซีสั่งมาเยอะจัง จะกินหมดเหรอ”

“ผมหิวนี่ แล้วเค้กน่ากินหมดเลย” คนสั่งเค้กมาเต็มโต๊ะบอก พลางส่งสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กที่อยู่ในถ้วยใสให้ฟ้ารดา ก่อนจะหยิบส้อมมาตัดเค้กพลางยื่นไปป้อน “ชิมดู อร่อยนะ เค้กพี่ผึ้งอร่อย ตอนพี่ผึ้งไปญี่ปุ่นต้องทำให้ผมกินตลอดเลย ไม่เชื่อฟางชิมดู อ้าปากสิครับ” 

“ไม่เป็นไร พี่กินเองได้...” ฟ้ารดาเห็นสายตาคนในร้านมองมาก็รู้สึกเก้อๆ แต่คนจะป้อนก็ไม่ยอม ยังคงยื่นชิ้นเค้กจ่อปากเธอ จนต้องยอมชิมให้อย่างเสียไม่ได้ 

“เป็นไงอร่อยใช่ไหมล่ะ นี่ลองชิมชิ้นนี้อีก เค้กชาไทย อร่อยมากกก พระเอกของร้านพี่ผึ้งเลยนะ มาผมป้อนนะ อ้าปากสิครับ”

“ไม่เป็นไร พี่กินเองได้ ซีหิวก็กินเถอะจ้ะ”

“โอเค” เจ้าตัวดีทำเป็นยอมลงให้ เพราะอย่างน้อยก็ได้ป้อนไปแล้วหนึ่งคำ แต่ความหัวใสยังไม่จบ เมื่อมองเห็นช่องทางก็ไม่ปล่อยผ่าน 

“ฟาง ผมอยากชิมเค้กมะพร้าว ตักให้หน่อย...ไม่ต้องยกมา ตักให้หน่อย แค่จะชิม...นะครับ บริการเจ้าซีหน่อย”

ส่งส้อมของตัวเองให้ ฟ้ารดาต้องวางส้อมในมือก่อน แล้วตัดเค้กส่งกลับให้คนที่อ้าปากรอ แต่เธอยื่นให้รับไปกินเอง จึงไม่ได้ยกสูงถึงปาก แต่เจ้าดื้อก็ก้มลงกินเสียอย่างนั้น ทำเอาหน้าแทบจะจิ้มเค้ก ทำเอาคนป้อนอย่างไม่ตั้งใจสะดุดไปเล็กน้อย จะเอ็ดว่าทำไมทำอย่างนั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากเค้กก็ขำ เมื่อเห็นครีมขาวเปรอะริมฝีปาก มันทำให้เธอนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่ต้องคอยเช็ดปากให้น้องชายที่กินอะไรไม่ระวัง ชอบทำเลอะเสมอ 

“เจ้าเด็กน้อย ไม่เคยระวังเลยนะ กินอะไรก็เลอะ” แล้วสิ่งที่ทำเสมอคือต้องเช็ดครีมเค้กออกให้ โดยมือหนึ่งประคองใบหน้าน้องให้หันมาหา ใช้นิ้วโป้งแตะรอยเปื้อนแล้วปาดออก เอียงคอมองว่าหมดแล้วก็ยิ้ม โดยมีเจ้าดื้อยิ้มหวานให้

“ขอบคุณครับ” ไม่ได้ขอบคุณเปล่าแต่โน้มตัวเข้าไปจุ๊บหน้าผากพี่ขอบคุณอย่างเร็วรี่ แล้วตีเนียนก้มหน้าลงสำรวจเค้กต่อ “กินอะไรดีนะ นี่ดีกว่า...ช็อกโกแลตลาวา ไส้ทะลัก” 

คนโดนจุ๊บเหม่งยังอึ้ง ก่อนจะมองไปรอบๆ มีอยู่โต๊ะหนึ่งใกล้ๆ กัน เป็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงสามคน คงเห็นสิ่งที่เธอถูกกระทำเมื่อครู่ เพราะพวกเขามองมาด้วยสายตายิ้มๆ ทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ตกประหม่าทันที จะหันไปเอาความต้นเหตุที่ตักเค้กกินหน้าตาเฉย ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร แต่ยังไม่ทันได้จัดการ พนักงานก็เอากาแฟกับชามาเสิร์ฟ เจ้าตัวร้ายจึงรอดไปได้หวุดหวิด 

“ได้แล้วค่ะ กาแฟเข้มพิเศษ กับชากุหลาบ” 

พนักงานร่างอ้วนแต่ท่าทางอารมณ์ดีวางสิ่งที่ยกมาเสิร์ฟแล้วหันไปยิ้มให้ฟ้ารดา รอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้ว่าคนคนนี้ก็คงเห็นการจุ๊บเหม่งเมื่อครู่ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ผิด แต่ที่ทำให้พนักงานคนนี้ยิ้มกว้างก็เพราะสิ่งที่ตัวฟ้ารดาทำด้วย ภาพที่หญิงสาวเช็ดปากให้แฟนหนุ่มที่กินเลอะดูน่ารัก และน่ารักคูณสองเมื่อฝ่ายชายจุ๊บเหม่งขอบคุณ 

“ซาคาอิซังใช่ไหมคะ” 

เสียงเรียกจากพนักงานเสิร์ฟเรียกสายตาเจ้าของชื่อออกจากเค้ก ชายหนุ่มหันไปพยักหน้า 

“คุณผึ้งฝากพี่เอื้องให้ช่วยดูแลคุณกับแฟนเป็นพิเศษน่ะค่ะ มีอะไรก็เรียกใช้ได้นะคะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคุณผึ้งคงมาถึง ตอนนี้เธอกับอากิระซังไปรับหนูคุณคานะค่ะ” 

“ขอบคุณครับ ต้องมีเรื่องรบกวนพี่เอื้องแน่นอน อาจต้องสั่งเค้กเพิ่ม เค้กพี่ผึ้งอร่อยทุกอย่างเลย แต่ขอกินพวกนี้ให้หมดก่อนนะครับ เดี๋ยวไปสั่งเพิ่ม”  

“ได้เลยค่ะ งั้นพี่เอื้องขอตัวก่อนนะคะ ทานให้อร่อยนะคะ” 

“ซี...” ฟ้ารดาเรียกเมื่อน้องชายปล่อยให้เอื้องเดินออกไปทั้งที่เข้าใจผิด “ทำไมไม่บอกพี่เอื้องล่ะว่าเราเป็นพี่น้อง ไม่ใช่แฟนซะหน่อย” 

“หือ ฟางจะเอาเค้กเพิ่มเหรอ เอาอะไรดี เดี๋ยวผมไปสั่งเพิ่มให้” ความตีมึนไม่มีใครเกินเจ้าดื้ออยู่แล้ว แล้วการหาเรื่องหนีก็ไม่มีใครเกิน เขารีบใช้มือหยิบเค้กชาไทยกว่าครึ่งชิ้นมายัดใส่ปากเคี้ยวจนสองแก้มกลม แต่ก็พยายามพูด “นี่...อะ...หร่อย...จริง อร่อย...มาก ยก...นิ้ว...ให้เลย”

“ของเต็มปากยังจะพูดอีก...เจ้าเด็กนี่” พอได้เอ็ดก็ลืมเรื่องที่จะเอาความ และแน่นอนว่ายัดชิ้นเค้กใหญ่ขนาดนั้นก็ต้องเลอะขอบปาก ร้อนถึงพี่สาวต้องรีบหยิบกระดาษเช็ดปากมาซับให้ “ไม่ต้องพูดเลย พี่รู้แล้วว่าอร่อย ถ้าชอบขนาดนั้นก็ไปสั่งเพิ่มสิ”

“ครับ” เขารีบกลืนเค้กลงคอ แล้วยกแก้วน้ำส้มของพี่มาดื่ม “งั้นผมไปสั่งก่อนนะ พี่เอื้อง...ขอเค้กชาไทยเพิ่มหน่อยครับ”

ถึงตอนนี้ก็หนีไปได้ กว่าฟ้ารดาจะรู้ตัวก็...สายไปแล้ว

นิสัยอย่างนี้น้องชายเธอไม่เคยเป็น ไม่ได้กะล่อนลื่นไหลขนาดนี้

ซาคาอิ...นี่ต้องเป็นนิสัยของผู้ชายคนนั้นสินะ

“ไหนพี่รักยมบอกว่าจะมาแค่ตอนโกรธ”

ไม่ได้การละ ต้องจับเจ้าซีมาอบรมใหม่ละ นิสัยแย่จัง! 

ถึงตอนนี้ฟ้ารดาก็หน้าคว่ำโดยไม่รู้ตัว รู้สึกไม่ชอบใจ ‘ซาคาอิซัง’ ขึ้นมาแล้ว เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้ ‘เจ้าซี’ ที่แสนจะน่ารักของเธอกลายเป็นผู้ชายที่น่าหมั่นไส้ กะล่อนเป็นปลาไหลติดสเกตแบบนี้ 

“ฟาง!” ชายหนุ่มเรียกข้ามหัวคนอื่นมาเสียงดัง “มาดูเร็ว มีเค้กมาเพิ่มใหม่ด้วย น่ากินทั้งนั้นเลย แต่ไม่ต้องมาก็ได้นะ ผมรู้ใจฟาง เดี๋ยวเลือกไปให้อีก ถ้าผมเลือกถูกใจต้องจุ๊บผมขอบคุณด้วยนะ ไม่งั้นไม่ยอม!”

ฟ้ารดาจะอ้าปากเอ็ด แต่ก็รู้สึกว่าป่วยการ

ตอนนี้เธอแทบอยากหายตัวไปให้พ้นจากตรงนี้

ตรงที่ตัวเธอต้องตกเป็นเป้าสายตาทุกคู่...ของคนในร้าน


“งานเข้าแล้ว” 

โทคิโอะหลุดปากอย่างลืมตัวเมื่อก้มดูโทรศัพท์ ก่อนจะนึกขึ้นได้ รีบเงยหน้าขึ้นมองผ่านกระจกมองหลังไปที่เบาะผู้โดยสารท้ายรถ แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อเห็นว่า ‘นาย’ ของเขามองตอบด้วยแววตาเอาเรื่องที่เขาทำเสียงดัง เสียงที่อาจจะทำให้ลูกสาวตัวน้อยที่นอนหนุนตักแม่ของเธออยู่ตื่น 

“ขอโทษครับนาย”  

‘นาย’ ที่โทคิโอะเอ่ยถึงคือ ชายผู้เป็นเจ้าของสูทตัวนอกที่ห่มตัวลูกสาวที่หลับสนิท เธอเป็นเด็กอนุบาลที่คุณพ่อคุณแม่และลุงรักลุงยมเพิ่งขับรถไปรับที่โรงเรียน ขึ้นรถได้ก็พูดเจื้อยแจ้วอยู่พักใหญ่ ก่อนจะแบตหมดหลับไปโดยใช้ตักแม่ที่เป็นหนุนหัวและมีเสื้อตัวใหญ่ของพ่อห่มตัวไว้ พ่อที่เป็นคนหนุ่มหน้าตาดี มาดนักธุรกิจ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นมากกว่านั้น เป็นมากกว่าคุณพ่อมาดนิ่งของหนูน้อยคานะจัง เป็นคนที่ทำให้ทุกคนที่รู้จักเกรงกลัว แม้แต่ลูกน้องที่สนิทกันมาก เวลาถูกสายตาคมกริบมองตอบอย่างตอนนี้ก็จะมีอาการเหงื่อตกให้เห็น 

“มีอะไรที่พวกแกยังไม่บอกฉัน” 

น้ำเสียงของนายราบเรียบ แต่ทำเอาคนถูกถามกลืนน้ำลาย ส่งผลให้นารูโตะที่วันนี้ทำหน้าที่พนักงานขับรถอยากรู้ ทำปากขมุบขมิบถามความ โทคิโอะจึงเปิดโทรศัพท์ที่ทำให้เขาเผลอหลุดปากให้รุ่นน้องดู เพียงแค่เห็นนารูโตะก็ถึงกับอ้าปากค้าง 

ซวยจริง! งานเข้าของแท้! ไปอยู่นั่นได้ไง!

“อย่าให้รู้ทีหลังนะว่าทำอะไรลับหลังฉัน ไม่งั้นพวกแก...ตาย!” 

ก็รู้ว่า ‘ตาย’ ที่ว่าไม่ใช่การทำให้ตายจริงๆ แต่มันหมายถึงพวกเขาจะโดนเล่นงานหนัก อาจถูกสั่งให้กลับญี่ปุ่น อาจจะถูกใช้ไปทำงานไกลๆ ไม่ได้มาอยู่ใกล้ครอบครัวนาย ไม่ได้เจอ ไม่ได้เล่นกับ ‘คานะจัง’ ที่พวกเขาทั้งรักทั้งหลง นั่นเป็นบทลงโทษที่น่ากลัว แล้วคราวนี้การได้มารับคุณหนูคานะพร้อมกับนายก็คือรางวัลที่พวกเขาทำงานดี สามารถจัดการซาคาอิได้ จัดการไม่ให้มาป่วนนายของพวกเขาได้ 

“จะสารภาพดีๆ หรือต้องให้ออกแรง”

“พี่ศิระ” 

เสียงเรียกปรามเบาๆ นั้นเหมือนจะช่วยชีวิตโทคิโอะไว้ได้ เพราะเวลานี้สายตานายของพวกเขาหันกลับไปสนใจคนที่นั่งข้างๆ รอฟังสิ่งที่เธอจะพูด 

“ทำไมชอบขู่พี่รักยมจังคะ ไหนรับปากผึ้งแล้วไงคะว่าจะไม่ทำแบบนี้ ห้ามขู่คนอื่น คานะเพิ่งดีขึ้นนะ เดี๋ยวก็กลับไปขู่เพื่อนอีกหรอกค่ะ”

การห้ามนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกสาวเลียนแบบพฤติกรรมคุณพ่อหัวหน้ายากูซ่า เวลาโดนขัดใจก็จะใช้สายตาดุๆ ทำหน้าขรึมๆ ใส่คนอื่น แล้วยังมีกิริยากระดิกนิ้วชี้เรียกให้เดินเข้ามาหาแล้วเล่นงานโดยอัดเข่าบ้าง จับบิดแขน บิดนิ้ว ทำอะไรรุนแรง ตอนที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนก็ไม่เท่าไร เพราะอยู่บ้านมีแต่ผู้ใหญ่ ปัญหามาเกิดตอนเริ่มเข้าเรียน คานะจังเริ่มเล่นงานเพื่อนร่วมห้อง แม้จะมองว่าเด็กเล่นกัน แต่ก็ทำเอาพ่อแม่โดนครูเรียกเข้าไปอบรมหลายครั้ง เรื่องนิสัยเหมือนจะ ‘ก้าวร้าว’ ระคน ‘บ้าพลัง’ ของลูกสาว 

“คานะไม่ขู่ใครแล้ว ลูกแค่พลังเยอะ ก็เล่นตามประสาเด็ก” คนโดนเอ็ดบ่นไม่เต็มเสียงนัก แต่พอเห็นสายตาย้อนถามของคนตัวบางข้างๆ ก็รีบแก้เกี้ยว “คานะหลับอยู่พี่ถึงทำ ลูกไม่เห็น ไม่ได้ยินหรอกน่า แล้วเจ้าพวกนี้...หมายถึงไอ้พวกกุมารทอง ก็ชอบทำอะไรผิดพลาดประจำเวลาที่อยากมารับคานะด้วย”

คำพูดจิกกัดบ่งบอกว่าเคืองพวก ‘กุมารทอง’ ที่ว่าอยู่ เพราะมองว่าเป็นสาเหตุให้ถูกภรรยาตำหนิ ท่าทางพยายามทำตามแต่ก็แอบต่อต้านนิดๆ นั้นสร้างรอยยิ้มให้ทั้งเหล่ากุมารทองและภรรยาที่แกล้งทำหน้าขรึมใส่คุณสามี 

“โอเคๆ เอาเป็นว่าไม่ขู่ก็ไม่ขู่” สุดท้ายเขาก็ต้องยอมให้เธอ “เพราะเห็นแก่พัฒนาการที่ดีของคานะหรอกนะ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่ยอมลงให้พวกนี้หรอก”

พวกนี้ที่ว่าเหมือนจะพ้นภัย แต่ดูเหมือนสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์จะยังคงกวนใจพวกเขา จึงยังไม่สบายใจเต็มที่ ในขณะที่คนบนเบาะหลังก็ยังทำหน้าตาอึมครึมใส่พวกเขาเมื่ออยู่ลับสายตาภรรยา

“พี่ศิระคะ” นารียาเรียกสามีเพื่อช่วยสองคนที่กำลังกดดัน “พี่ศิระได้โทรศัพท์หาน้องซีรึยัง”

“ทำไมพี่ต้องโทร. หาเจ้าวายร้ายนั่นด้วย” รีบตอบสวนกลับไปทันที แต่นึกได้ว่าก่อนหน้านี้รับปากไปแล้วว่าจะโทร. หา “ไว้ค่ำนี้จะโทร. หาละกัน ผึ้งไม่ต้องห่วงหรอก เจ้านั่นโตแล้ว แล้วก็แสบมาก ไม่มีใครทำอะไรซาคาอิหรือน้องซีของผึ้งได้หรอกน่า” 

ในสายตาอากิระ คนที่ไม่สมควรมีคำว่า ‘น้อง’ นำหน้าที่สุดในสายตาเขาก็คือซาคาอิ ทุกครั้งที่ภรรยาเรียก ‘น้องซี’ มันเหมือนมีเสียงสะท้อนมาจากหัวเขาทันทีว่า ไม่ใช่น้อง เจ้านั่นมันคือวายร้าย ไอ้ป่วน ไอ้ดื้อ ไอ้แสบ ไอ้อะไรก็ได้ แต่ไม่ควรใช้คำว่าน้องกับผู้ชายคนนี้ แต่ดูจะตรงข้ามกับนารียา หญิงสาวมองเห็นความเป็นเด็กซนๆ ของคนที่เอ่ยถึง เธอมองเขาด้วยความเอ็นดูและรักเหมือนน้องชายจริงๆ และนั่นอาจเป็นเหตุผลให้คุณสามีขี้หวงของหงุดหงิด 

“แล้วอีกอย่าง เจ้าสองตัวนั่นก็ไปดูแลอยู่...ถึงจะถูกไล่กลับมา แต่ก็ส่งคนไปดูห่างๆ แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ครับ” ทั้งสองตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่โทคิโอะจะเป็นฝ่ายบอกบางอย่างกับนายและนายหญิง “ซาคาอิซังฝากบอกนายกับคุณหนูผึ้งด้วยนะครับว่า ไว้จะแวะมาเยี่ยม”

“ดีเลย”

“ไม่ต้องมา!” 

สองคนประสานเสียง นายหญิงยิ้มกว้างดีใจ ในขณะที่นายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง 

“ทำไมพี่ศิระต้องไม่อยากเจอน้องซีด้วย น้องซีไม่เห็นจะทำอะไรพี่ศิระซะหน่อย แค่แสดงความรักพี่ชายเท่านั้นเอง ผึ้งว่าน่ารักดีออก”

คนโดนมองว่าน่ารักตีหน้าเซ็ง บ่นพึมพำในลำคอฟังไม่ได้ศัพท์ แต่บ่งบอกว่าไม่ได้เห็นด้วย ขัดใจสุดๆ แถมยังมีอาการขนลุกเกรียวให้เห็น ทำให้นารียาอมยิ้ม

“นี่ผึ้งตั้งตารอเลยนะ รอเจอการทักทายของน้องซีกับพี่ศิระ แล้วคานะจังก็คงดีใจมากๆ ที่ได้เจอกับอาซี ผู้ชายที่ไม่ยอมให้หลานเรียกอา ให้เรียกพี่ซี...พี่ซีจ๋า” 

“พอแล้วน่าบี! จะพูดยั่วพี่ทำไมเนี่ย รู้ว่าพี่ไม่ชอบก็พูดอยู่ได้” เขาบ่นอุบอย่างหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “พวกแกสองคนจำไว้เลยนะ อย่าปล่อยให้เจ้าวายร้ายนั่นมาเจอฉัน ถ้ามาวันไหน แกสองคนตาย!”

นารียาใช้มือจุปาก ทำสายตาดุคนเสียงดังที่เกือบทำลูกสาวตื่น

คนที่รีบเข้าไปตบไหล่ลูกเบาๆ กล่อมให้หลับต่อ 

“พ่อขอโทษนะคานะจัง หลับต่อนะคะ คนดีของพ่อ หลับซะนะคะ พ่อไม่กวนหนูแล้ว”


ด้วยคำขู่ของ ‘นาย’ ทำให้โทคิโอะต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ เปิดห้องสนทนาไลน์ไปด่าลูกน้องที่ปล่อยให้ซาคาอิหลุดรอดการติดตาม แถมยังไม่รายงาน ลูกน้องรายงานว่าพวกเขาพยายามแล้ว แต่ด้วยความที่ซาคาอิเป็นเซียนรถแข่ง แถมรถที่ใช้ก็แรงขนาดนั้น ยังไม่นับเรื่องความเจ้าเล่ห์แบบตาใส พอหนีพ้นก็โทรศัพท์มาขู่ คำขู่ที่ทำให้พวกเขาต้องยอมลงให้ 

‘ถ้าพวกพี่ขัดขวางแผนผมด้วยการแจ้งเรื่องนี้กับโทคิโอะซังหรือนารูโตะจัง ผมจะทำให้นายของพวกพี่โกรธจนเส้นเลือดในสมองแตก แล้วก็คงเดาได้นะว่าใครจะเดือดร้อน อยู่เฉยๆ ซะ แล้วผมจะออมมือให้ แค่อยากเข้าไปทักทาย พาฟางไปให้รู้จักเท่านั้น สัญญาว่าจะไม่แกล้ง...ถึงอยากทำก็เถอะนะ’

อย่าว่าแต่ลูกน้องระดับปฏิบัติการเลย โดนคำขู่ขนาดนี้ไป ต่อให้เป็นโทคิโอะหรือนารูโตะก็คงไม่กล้าทำอะไร เพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ถ้าตั้งใจทำอะไรก็จะทำให้ถึงที่สุด ลงว่าจะพาฟ้ารดาไปเจออย่างไรก็ต้องให้ได้เจอ แล้วถ้าโดนขัดขวางมากๆ หงุดหงิดมากๆ แทนที่จะได้เจอแบบนี้ จะต้องไปเจออีกคนที่พลังทำลายล้างสูงกว่านี้ก็จะยิ่งเดือดร้อนไปกันใหญ่  

‘พวกผมก็ได้แต่บอกว่าให้อาชิโมโตะซังเบามือด้วย หัวหน้าจะตำหนิลงโทษพวกผมยังไงก็ได้นะครับ พวกผมยินดีรับผิด พวกเราต้านอาชิโมโตะซังไม่ไหวจริงๆ ครับ หัวหน้ากับนารูโตะคงต้องจัดการเองแล้วละครับ เอ่อ...ถนอมร่างกายและทำใจดีๆ ไว้ด้วยนะครับ ฝากด้วยนะครับ’

“ฝากฉัน...ฉันก็จนปัญญา จนปัญญาจริงๆ”

โทคิโอะได้แต่พึมพำ ไม่ลืมชำเลืองมองไปที่ท้ายรถ โล่งใจเบาๆ ที่นายให้ความสนใจลูกสาวตัวน้อยมากกว่าจะมาสนใจพวกเขา แต่กิริยาพ่นลมหายใจแรงนั้นทำให้นารูโตะซึ่งขับรถพาครอบครัวนายกลับลิตเติ้ลบีหน้าเครียดไปกันใหญ่ ทำปากขมุบขมิบบอกรุ่นพี่ว่า 

‘คุยกับซาคาอิซังเลยพี่ เอาตรงๆ ให้คุกเข่าให้ทีหลังผมก็ยอม’

ต่อให้นารูโตะไม่บอกโทคิโอะก็พร้อมจะทำ บอดีการ์ดหนุ่มเปิดห้องสนทนารวมขึ้น ขั้นแรกก็ส่งสติกเกอร์ตุ๊กตากุมารทองยกมือขึ้นท่วมหัว พร้อมกับสติกเกอร์ยิ้มหวานสุดใจแบบแทบจะเห็นฟันครบสามสิบสองซี่

 

โทคิโอะ:    ซาคาอิซัง 

ซาคาอิ:    เรียกให้ถูก ไม่เจรจาด้วยนะ 

โทคิโอะ:    เอ๊ย ขอโทษครับ คุณซีครับ ขอร้องละครับ อย่าฆ่ากันแบบนี้เลย กลับเถอะครับ ตอนนี้นายขู่ฆ่าผมกับนารูโตะไว้แล้ว บอกว่าให้พวกผมระวัง ถ้าคุณมาเจอนายได้ละก็พวกผมตาย นายขู่ฆ่าทีไร พวกผมจะไม่ได้เจอคุณหนูคานะอย่างต่ำเป็นเดือนๆ เลยนะครับ อย่าเงียบสิครับ อ่านข้อความแล้วตอบด้วย

ซาคาอิ:    ผมก็แค่จะพาฟางมาเจอพี่ชายสุดเลิฟกับคานะจังแล้วก็พี่ผึ้งเท่านั้นเอง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ บอกอากิระซังได้เลย วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมของฝากอะไรมาเลย ไม่ต้องห่วง 

โทคิโอะ:    อย่าแม้แต่จะคิดนะครับ ผมกราบละ ไม่ต้องเซอร์ไพรส์อะไรนายแล้วนะครับ แค่คุณไปโผล่ที่ลิตเติ้ลบีพวกผมก็รอวันตายได้เลย ขอร้องละครับ กลับเถอะนะครับ 

ซาคาอิ:    เลิกพูดเรื่องนี้ได้เลย ยังไงฉันก็จะให้ฟางเจออากิระซัง

โทคิโอะ:    ยังไงก็จะเจอสินะครับ งั้นขอร้องอย่ามีเซอร์ไพรส์ อย่าแกล้งนาย อย่าพาไอจิมา หรือเพื่อนไอจิ ลูกหลาน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับโคตรเหง้าของไอจิ


ฟ้ารดาเงยหน้าขึ้นจากถ้วยชาที่ยกขึ้นจิบ ทันเห็นกนธีซึ่งแชตเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่กับโทคิโอะหัวเราะเหมือนเจอเรื่องสนุก เมื่อเขาเห็นว่าเธอมองอยู่ก็ยิ้มกว้างให้ แล้วอยู่ๆ ก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักเธอหน้าตาเฉย ด้วยโซฟาเป็นแบบสองที่นั่ง ทำให้น้องยื่นขาออกไปพ้นราวพักแขน โชคดีที่ฝั่งนั้นเป็นมุมกระจก ไม่มีโต๊ะอื่น 

“ซี ไม่สุภาพเลย เอาขาลงเดี๋ยวนี้ ยื่นขาไปแบบนั้นได้ไง...ซี”

“เดี๋ยวก่อนๆ ฟาง ขอคุยก่อน” เขาตอบโดยสายตายังอยู่ที่โทรศัพท์ กำลังพิมพ์บางอย่างตอบไป บางอย่างที่ฟ้ารดามองเห็น แต่อ่านไม่ออก รู้แต่ว่าคุยอยู่ห้องสนทนาที่มีสามคน น่าจะเป็นตัวเขา นารูโตะ และโทคิโอะ “เดี๋ยวผมลุก ขอคุยกับพี่รักยมก่อน เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ ถ้าผมไม่คุยด้วยพวกนั้นอกแตกตายแน่ๆ”

เป็นอีกครั้งที่ฟ้ารดาต้องเหลือบมองโต๊ะอื่นๆ โชคดีไปที่ทุกคนเหมือนจะเลิกสนใจเธอและกนธีแล้ว แต่จะเรียกให้ถูกคน ในความรู้สึกฟ้ารดาตอนนี้ คนที่นอนหนุนตักเธออยู่คงเป็น ‘ซาคาอิซัง’ ไม่น่าจะเป็นน้องชายเธอ เพราะน้องชายเธอคงไม่ทำสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์อย่างตอนนี้ พิมพ์ข้อความไปก็หัวเราะไป ทั้งที่เธอเห็นสติกเกอร์ที่ฝ่ายนั้นส่งมามีแต่สีหน้าเครียด รันทด และน้ำตาไหลพราก ในขณะที่ฝ่ายนี้ส่งสติกเกอร์ทำตาใสวิ้งๆ กลับไป และท่าสุดท้ายคือตัวแมวน้อยยืนเท้าสะเอวหัวเราะเสียงดัง เสียงที่ทำให้คนในร้านหันมอง

“ซี...เบาเสียงโทรศัพท์หน่อยสิ เกรงใจคนอื่น” 

ไม่ฟัง คือสิ่งที่ฟ้ารดาสัมผัสได้ หรือฟังแต่ไม่ได้สนใจ เพราะสมาธิยังอยู่ที่โทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวอยากรู้ว่าซาคาอิคิดจะทำอะไร ทำอะไรบางอย่างที่คู่สนทนาคงไม่สนุกด้วย 

“ซี จะทำอะไร ไม่ใช่ทำให้พี่รักยมลำบากใจนะ” 

มีเพียงท่าทางส่ายหน้าปฏิเสธตอบกลับมา ขณะที่ประโยคพิมพ์ยาวๆ ถูกส่งไปให้คู่สนทนา 


ซาคาอิ:    ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้เอาไอจิมาด้วย ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก จริงๆ อยากเอามาด้วยนะ แต่คงยุ่งยากตอนนำเข้าประเทศ แล้วอีกอย่างฟางก็คงกลัว โชคดีของอากิระซังนะเนี่ยที่กลัวสัตว์อย่างเดียวกับฟาง ไม่งั้นละก็...ฮ่าๆๆ สนุกแน่


ถึงตอนนี้โทคิโอะที่อ่านข้อความก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง เขาทำปากขมุบขมิบบอกคู่หูเรื่องนี้ไป ทางนั้นก็โล่งอกเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ลืมพิมพ์ข้อความตอบกลับไป 


โทคิโอะ:    เบาๆ มือด้วยนะครับ จะทำอะไรนึกถึงหัวพวกผมด้วย ถ้ารอดตายคราวนี้ได้ พวกผมจะถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงอีกราวห้านาทีถึงครับ จะเอารถไปจอดที่โรงรถส่วนตัวหลังร้าน ถามเด็กในร้านได้ครับว่าอยู่ตรงไหน ให้พวกเขาพาไปได้ครับ


“ชี้ทางขนาดนี้ ที่แท้ก็อยากเห็นภาพผมเซอร์ไพรส์นายด้วยละสิ พี่รักยมนะพี่รักยม ทำเป็นฟอร์ม ที่แท้ก็ทีมเดียวกัน” เขาพึมพำเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเคยชินก่อนจะนึกได้ เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เจ้าของตักที่เขาหนุนอยู่ เธอมองด้วยสายตาตำหนิ จึงรีบขยับลุก 

“เรียบร้อยแล้วครับ” 

ถึงตอนนี้คนที่นอนหนุนตักจึงลุกขึ้นตีเนียน ทำไม่รู้ไม่ชี้ โดยหันไปหยิบคุกกี้ขึ้นมากิน ตามด้วยน้ำส้มในแก้วของฟ้ารดา จากนั้นก็กินเค้กไปอีก จิบชา พอฟ้ารดาจะพูดก็พูดแทรกด้วยคำว่าอร่อย นี่ก็อร่อย แล้วก็ชวนเธอกิน กระทั่งหญิงสาวถอนหายใจยอมแพ้ สมใจเจ้ากะล่อนที่เธอได้แต่บอกว่านี่คือ ‘ซาคาอิซัง’ คนนิสัยไม่น่าคบ คนที่เธอจะต้องชิงเอาตัวน้องชายนิสัยน่ารักของเธอคืนมาจากเขา 

“ฟาง” คนที่พยายามหนีเป็นฝ่ายเรียกหญิงสาวเอง “เตรียมตัวนะ คนที่ผมอยากให้ฟางรู้จักใกล้มาถึงแล้ว เดี๋ยวเราออกไป...เซอร์ไพรส์พวกเขากัน ปะ...ลุกขึ้นครับ” 

ฟ้ารดาชั่งใจครู่หนึ่ง จึงยอมยื่นมือไปวางบนมือที่รอรับเพื่อฉุดเธอให้ลุกขึ้นตาม 

“คนที่ฟางจะเจอหลังจากนี้ พวกเขาคือคนที่ผมรัก...คนที่ทำให้ผมมีความสุข คลายเหงา ในช่วงเวลาแปดปีที่ผมเฝ้ารอที่จะได้กลับมาหาฟาง ผมอยากให้ฟางรู้จักพวกเขา คนที่ดูแลเจ้าซีให้ฟาง อยากเจอไหมครับ”

ก่อนหน้านี้ฟ้ารดากังวลว่า ผู้ชายคนนี้จะทำอะไรที่ล้ำเส้นกับคนเหล่านั้นที่เธอกำลังจะถูกพาไปทำความรู้จัก แต่ประโยคพูดยาวๆ เมื่อครู่ของเขาสลายความกังวลเหล่านั้นให้หายไปสิ้น 

“จ้ะ พี่ฟางอยากเจอ พี่ฟางจะได้ขอบคุณพวกเขา ขอบคุณที่ดีกับเจ้าซีของพี่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น