ไม่นึกว่าเขาจะพาเธอมาที่อะพาร์ตเมนต์ของเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่พักของเขา ก่อนเข้าประตู เขาดึงมือเธอไว้แล้วบอก
“หลับตาก่อน”
“ทำไม”
เขาไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ทำให้หัวใจของเธอแกว่งเล็กน้อยและรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี พลันหูก็ได้ยินเสียงไขกุญแจ จากนั้นเขาก็จูงมือเธอเดินเข้าไปข้างใน รู้สึกได้ว่าฝ่าเท้าเธอเหยียบอะไรบางอย่าง เขากดบ่าเธอให้นั่งลงไป หลังจากนั้นราวหนึ่งนาทีก็เอ่ย
“เอาละ ลืมตาได้แล้ว”
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา แสงเทียนอบอุ่นตรงหน้าก็ทอแสงออกมาเป็นสีเหลืองส้ม
“สุขสันต์วันเกิด อี่อัน” ในน้ำเสียงของเขามีความปีติยินดี ดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน
บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟามีเค้กหน้ากว้างราวสิบนิ้ววางอยู่ก้อนหนึ่ง เป็นชีสเค้กราดด้วยบลูเบอร์รีซอสหนาๆ อย่างที่เธอชอบ หน้าตาน่ากินมาก
“วันนี้เป็นวันเกิดฉันหรือ?” เธอมีสีหน้าทั้งแปลกใจ ทั้งตื่นเต้นระคนดีใจ ตัวเธอเองยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าเขากลับจำได้ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยลืมวันเกิดของเธอเลย
สีหน้าของเขาหม่นลง แต่ยังคงอมยิ้ม “อธิษฐานสิ”
อธิษฐาน? เธอหัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ คำอธิษฐานในวันเกิดของเธอเมื่อปีที่แล้วก็คือขอให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยในไทเปได้ และได้สารภาพความในใจกับคังอวิ๋นซือ ผลปรากฏว่าเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จริง แต่การสารภาพความในใจกับชายที่แอบชอบกลับคว้าน้ำเหลว
ฉู่เพ่ยรู้ดี นัยน์ตาของเขาหม่นขรึมลง อารมณ์บางอย่างก็ไม่ควรให้ท้าย “งั้นไม่ต้องอธิษฐานก็ได้ เรามาเป่าเทียนแล้วตัดเค้กกัน”
“อื้ม” เธอเงอะๆ งะๆ ไม่ได้สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเขาดูผิดปกติไป ปล่อยให้เขากุมมือเธอตัดเค้ก ฝ่ามือของเขาแห้งกร้านและอบอุ่น ทั้งยังสามารถกำมือเธอได้มิด ทำให้รู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
ทันทีที่เนื้อเค้กหอมหวานเข้มข้นถูกส่งเข้าปากก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มชุ่มฉ่ำที่เธอชื่นชอบมาแต่ไหนแต่ไร เธอไม่นึกฝันว่าวันนี้จะได้กินชีสเค้ก เหมือนกับที่เธอนึกไม่ถึงว่าในวันที่เธออายุครบสิบเก้าปี เขาจะตั้งใจสั่งเค้กมาฉลองวันเกิดให้เธอเป็นพิเศษ เธอกินเค้กจนหัวคิ้วและดวงตาเป็นรูปโค้ง
“อร่อยมากเลยฉู่เพ่ย ขอบคุณมาก”
“อี่อัน” เขาหยิบทิชชูมาเช็ดเนยที่ติดอยู่ตรงมุมปากให้เธอ กุมมือเธอไว้อย่างอบอุ่นมั่นคงเหมือนที่เป็นมา “ฉันมีของขวัญจะให้เธอ”
“จริงหรือ! ของขวัญอะไร”
เขากุมมือเธอไว้แล้วจับมือเธอแบออก ก่อนจะวางกล่องกำมะหยี่ลงมาใบหนึ่ง “เปิดออกดูสิ”
ประกายที่สั่นไหวอยู่ในดวงตาของเขาดูลึกลับซับซ้อนยิ่ง ยากจะคาดเดาได้ถูก เธอเห็นแล้วหัวใจกลับเต้นรัวเร็วคล้ายเข้าใจขึ้นมารางๆ และคล้ายรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ออกจะแปลกๆ
เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่านิ้วของเธอแข็งทื่อไร้ความรู้สึกเช่นนี้ เธอค่อยๆ งอนิ้วมือทีละนิด ขนกำมะหยี่ละเอียดอ่อนเสียดสีกับปลายนิ้ว สัมผัสยุบยิบนั่นทำให้รู้สึกสั่นสะท้าน และตัวเธอก็เริ่มสั่น
ซูอี่อันเปิดกล่องกำมะหยี่ออกช้าๆ จี้ห้อยคอรูปใบโคลเวอร์สี่แฉก2 สีเขียวสดใสวางนิ่งอยู่กลางกล่องกำมะหยี่ สร้อยแพลทินัมส่องประกายวิบวับสะท้อนความเขียวให้แลดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น คริสตัลสีเขียวที่ไม่ค่อยได้พบเห็น งดงามเป็นที่สุด เธอนึกขึ้นได้ว่าตอนไปเดินเที่ยวกับเขา เห็นหุ่นโชว์ในร้านสวมสร้อยคริสตัลสีเขียว ตอนนั้นเธอเกาะหน้าต่างตู้โชว์ยืนมองด้วยสีหน้าอิจฉา
“ถ้าใช้คริสตัลธรรมชาติสีเขียวมาทำเป็นจี้ใบโคลเวอร์สี่แฉก จะต้องสวยมากเลยทีเดียว”
“ได้ ไว้วันเกิดของเธอปีหน้า ฉันจะมอบเป็นของขวัญให้เธอเอง”
คิดไม่ถึงว่าเขายังจำเรื่องที่รับปากเธอไว้เมื่อปีที่แล้วได้ ปีนี้ถึงกับซื้อมาให้เธอจริงๆ เขาช่างดีต่อเธอและจริงจังมาก จิตใจเธอสับสนว้าวุ่นขึ้นมา ลมหายใจถี่กระชั้น มือไม้สั่นจนถือกล่องกำมะหยี่ไม่อยู่ มันจึงร่วงลงจากมือเธอตกลงบนโซฟา จี้ใบไม้สีเขียวสดกระเด็นออกมา สร้อยคอพันกันยุ่ง
“อี่อัน” เขายื่นมือมากุมมือที่สั่นระริกของเธอ
ความอบอุ่นซึมซาบออกมาจากฝ่ามือของเขา เธอช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างงงงวย เห็นประกายสดใสในดวงตาสีอ่อนของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนและสงบนิ่ง จิตใจเธอจึงค่อยๆ สงบลง เธอกะพริบตา ความตื้นตันใจเอ่อท้นขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ ทั้งเบิกบานทั้งเศร้าใจ
“เธอไม่ชอบหรือ?” เขาเอ่ยถามเบาๆ
เธอหลุบตาลงมองใบโคลเวอร์สี่แฉกที่ทำจากคริสตัลสีเขียวสุกใสแวววาวดูงดงาม ตอนเด็กเธอชอบลากเขาให้ไปเที่ยวเดินหาใบโคลเวอร์สี่แฉก ซึ่งเป็นเครื่องหมายของความสุขและความโชคดีตามพงหญ้าขนาดใหญ่เป็นเพื่อน ตอนนั้นต่อให้ตระเวนหาทั้งวันก็ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่หามานานหลายปีก็ยังหาไม่พบ นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะมอบของสิ่งนี้ให้เธอ
“มา” เขาเก็บสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาวางลงบนฝ่ามือเธออีกครั้ง “ฉันหาอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอ”
หาอยู่ตั้งนาน? เธอเองก็หามาเป็นเวลานานเพียงนี้ สุดท้ายก็ยังหาไม่พบ...ที่แท้ก็มาอยู่ในมือของเขา
“ชอบไหม”
“อื้ม”
“ฉันช่วยใส่ให้ดีไหม”
“ดี”
ความเย็นของคริสตัลที่ทาบลงมาบนผิวหนังร้อนผะผ่าวทำให้ร่างสั่นสะท้านน้อยๆ เธอยกมือขึ้นลูบใบโคลเวอร์สี่แฉกโดยไม่รู้ตัว เพราะมันมีมากกว่าใบอื่นหนึ่งแฉก จึงเป็นสิ่งล้ำค่าหายาก และนำมาซึ่งความสุข ส่วนลึกในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“สวยมาก”
เขามองจี้สีเขียวที่นอนนิ่งอยู่บนผิวขาวผ่องดุจเครื่องเคลือบของเธอ สีเขียวมรกตอยู่บนสีขาวนวลตาเช่นนั้นทำให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ในดวงตาลึกล้ำมีความรู้สึกซับซ้อนผุดวาบขึ้น แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือมาลูบไล้ มองความพร่าเลือนในดวงตาของเธอ ก่อนจะกดปลายนิ้วกับจี้คริสตัลลงกับผิวเนื้อเธอเล็กน้อย ทำให้เธอรู้สึกเจ็บนิดๆ จนสะดุ้ง
“เจ็บ!”
“เจ็บหรือ?” มุมปากของเขาหยักยกเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอกสบายใจ “เพราะเธอใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดังนั้นอี่อัน จำไว้ว่าอย่าใจลอย”
“พูดอะไรของเธอ” เธอรู้สึกกินปูนร้อนท้องเล็กน้อย
เขาก้มลงมาจูบเธอ ลากปลายลิ้นผ่านริมฝีปากของเธอ “เธอรู้อยู่แก่ใจ”
ซูอี่อันขดตัว พลันรู้สึกว่าฉู่เพ่ยที่อยู่ตรงหน้าดูแปลกไปจากที่เธอเคยรู้จัก แต่ทุกอากัปกิริยาของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดแปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาจูบเธออีกแล้ว
“อื้อ ฉู่เพ่ย...” เธอเพิ่งเปิดปาก ลิ้นของเขาก็ผลุบแทรกเข้ามา เธอโง่งมไปทันที
2 โคลเวอร์เป็นพืชตระกูลหญ้า โดยทั่วไปใบจะมีสามแฉก ใบโคลเวอร์สี่แฉกเป็นสิ่งพบเจอได้ยาก ชาวเคลต์ซึ่งเป็นชนดั้งเดิมในแคว้นเวลส์ของอังกฤษมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี และจะได้พบรักแท้
ความคิดเห็น |
---|