22 MAY, 2022

กับดักเสน่หา

ชาติก่อน...นางเกิดมารูปโฉมงดงาม แต่ความงามนั้นเป็นเครื่องนำพาสู่โชคร้าย...แม้พานพบรักแท้ รักมั่นเพียงเขาเพียงผู้เดียว ก็มิอาจอยู่ได้นาน มีอันต้องพรากจาก เปรียบเสมือนความฝันเพียงตื่นหนึ่ง... ส่วนเขา...แต่ก่อนมีเพียงพี่น้องในบ้านเกิดที่จากมาเป็นบุคคลสำคัญในชีวิต...แต่เมื่อเข้าสู่สมรภูมิ...จนต้องผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเกือบต้องก้าวขาข้างหนึ่งไปพบยมบาล...แต่เพราะได้ช่วยเหลือโฉมสะคราญนางหนึ่งโดยบังเอิญ...การได้อยู่ใกล้ชิด...ได้นางดูแลพยาบาลนั้น...ค่อยๆละลายน้ำแข็งในใจเขาลงไปทีละน้อย...แต่ยังมิทันตอบแทนความรักของนาง...นางก็สละชีวิตรับคมมีดแทนเขาเสียก่อน หลายปีนางตายจากไป...ชีวิตของเขาก็เหมือนถูกควักดวงใจออกไป...มีชีวิตอยู่ แต่ไร้จิตวิญญาณ...น้ำแข็งเริ่มเกาะกุมหัวใจเขาจนด้านชา กลายเป็นแม่ทัพผู้เหี้ยมโหดอีกครา... จนกระทั่งวันหนึ่ง...คำสาปที่ผูกพันคนทั้งสองส่งนางลงมาให้เขาอีกครั้ง...แม้ชื่อแตกต่าง...การแต่งกายแตกต่าง...มาจากยุคสมัยที่แตกต่าง...แต่รูปโฉมและเนื้อในนั้นคือนางแน่นอน... ในเมื่อนางกลับมาหาเขาอีกครั้ง...เขาจะไม่มีวันพรากจากนางเด็ดขาด แม้ว่าคำสาปจะสาปให้เขาต้องร่างกายแหลกเหลว เวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น เจ็บปวดเรื่อยไป จะอยู่ก็เหมือนตาย ตายไม่เท่าดำรงอยู่ แต่เขาไม่สน ยังไงเขาก็จะรัก และปกป้องนางต่อไปตราบสิ้นลมหายใจ!
ความรู้สึกหลังอ่าน

วันนี้จะมารีวิวนิยายซีรี่ย์ตอนต่อของคุณนาย่า ซึ่งมีเล่มต่อๆกันออกมาแล้วอย่าง ลำนำจอมนาง และหลุมพรางร้อยรักค่ะ คราวนี้เป็นตาของพี่ใหญ่ในบรรดาสามพี่น้องอย่าง สือเจี้ยนหาวนะคะ เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่สือเจี้ยนหาวที่กำลังได้รับบาดเจ็บจากการตกหน้าผาได้ช่วยเหลือโฉมสะคราญอันดับหนึ่งอย่าง จูอี้หลิน ที่กำลังโดนโจรป่ารังแกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ นางจึงปักใจในตัวเขาแต่เพียงผู้เดียว ในแววตามีทั้งรักใคร่ ห่วงใย ศรัทธา และภักดีในตัวเจี้ยนหาวเป็นที่ยิ่ง ถึงขนาดยอมตายเพื่อเขาได้ ซึ่งการอยู่กับสาวงามที่อ่อนโยนและเอาใจใส่เขามาตลอด บุรุษเย็นชาอย่างเขามีหรือจะไม่หวั่นไหว โบราณว่า "น้ำหยดลงหิน พาหินกร่อนได้ฉันใด ความรักและความดีงามของอี้หลินก็กร่อนหัวใจหินของเจี้ยนหาวได้เช่นกัน"
แต่เมื่อเขาเริ่มเปิดใจรักนาง ชีวิตนางกลับถูกพรากไป เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งนั้นกลายเป็นความรู้สึกผิดในใจเขามาโดยตลอด หลังจากนั้นผู้เขียนก็พูดชีวิตของแต่ละคนหลังจากนั้น ทั้งสือเจี้ยนหาว และ การตั้งครรภ์ของน้องสาวคนเล็ก เหยียนหว่านเอ๋อ
ไม่กี่หน้าหลังจากนั้น ผู้เขียนก็พาเราสู่ความเวิ้งว้างของอวกาศอันไกลโพ้น...
.
.
.
(ขยี้ตา มองหน้าปกอีกครั้ง ดอกเหมยแดงท่ามกลางทุ่งหิมะ และมีดสั้นสองเล่มที่เป็นตัวแทนคำสาปของสองพระนาง...นี่มันปกนิยายจีนนี่นา)
.
.
.
ความประหลาดใจจู่โจมผู้อ่านเป็นระลอก ด้วยคำว่า ยานอวกาศ ปืนเลเซอร์ และไซฟรอส เดี๋ยวนะคะ หนูตามพี่ไม่ทันจริงๆค่ะ พี่บัวลอย จากพีเรียดจีนกลายเป็นหนังไซไฟสไตล์สตาร์วอร์ไปได้ยังง้ายยยย!!!
ฮู่ววว...ถึงขาดต้องตั้งสติอ่านกันใหม่ ก็พบว่า หญิงสาวชื่อ อีอี ที่อยู่ในกลุ่มปฏิบัติการในยานอวกาศนี้น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ นกหวีดสัมผัสได้ ซึ่งช่วงที่เป็นยุคปัจจุบันอ่านเพลินดีค่ะ พออภัยได้ มันมาพีคอีกทีช่วงที่ยานอวกาศของนางเอกตกลงสู่พื้นโลกค่ะ แต่เป็นพื้นโลกที่นับถอยหลังไปจากยุคปัจจุบันไปถึงห้าพันปี ที่นั่นอีอีได้พบกับชายหนุ่มนัยน์ตาปิศาจ เจ้าของนามสือเจี้ยนหาว เธอรู้สึกผูกพันกับเขาอย่างประหลาด ยิ่งเขาสัมผัสนาง ความโศกเศร้าและความปิติยินดีกลับประดังประเดออกมา ราวกับเจอของสำคัญที่เคยทำหล่นหาย...ราวกับเจอสิ่งสำคัญที่นางเฝ้ารอคำตอบมาตลอดชีวิต...
แท้จริงแล้ว อีอี เป็นใคร เป็นจูอี้หลินกลับชาติมาเกิด...หรือว่ามีความลับอื่นใดมากกว่านั้น??
เฮ้อ...อ่านจนจบแล้วก็สนุกค่ะ ลุ้นจนเหนื่อย แต่ก็มีความสนุกเต็มเปี่ยม อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่? คนเขียนค่อยๆเฉลยไปทีล่ะเปลาะค่ะ แอบมีทำคนอ่านหลังเดาะนิดหน่อยตอนจบอีกต่างหาก ส่วนที่มีคนถามว่าอ่านแยกได้มั้ย? ที่จริงก็พอจะแยกอ่านได้นะคะ แต่แนะนำว่าอ่านสองเล่มก่อนหน้าก่อนน่าจะเป็นการดีกว่า อ้อ มีตอนพิเศษในเล่มค่ะ น่ารักมุ้งมิ้งตามทำนอง