22 MAY, 2022
ภูผามังกร (ซีรีย์จอมใจพยัคฆ์)
ด้วยภารกิจทดแทนคุณ ทำให้บุรุษซึ่งมีชาติกำเนิดอันมืดดำ
กลับต้องรับหน้าที่ดูแลผู้คนทั้งแว่นแคว้น... ดุจดั่งพญามังกร
หลินฟ่ง...ได้รับภารกิจให้ไปสืบราชการลับจากการไหว้วานของศิษย์พี่รอง
เขาจึงต้องยอมลงจากภูหมื่นตะวัน ไปยังแคว้นหลูเพื่อสืบหาข้อมูล
เขาต้องตีสนิทกับ ลู่ซานฉา สตรีเผ่าหูผู้เป็นถึงน้องสาวหัวหน้าเผ่า
ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกประหลาด นางพูดคุยกับสัตว์ได้ !
และนางคือหนึ่งในผู้ที่มิอาจฝืนลิขิตสวรรค์...ว่าตนนั้นต้องเคียงคู่มังกร
ยิ่งสืบกลับยิ่งพบเงื่อนงำหลายอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ค้นพบชาติกำเนิดของตนเอง
ว่าที่แท้เขาไม่ใช่คนไร้รากที่มาจากทิศอุดร
แต่สูงศักดิ์กว่านั้น และยังมีดวงชะตามังกรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ความรู้สึกหลังอ่าน
หลังจากอ่านเรื่องวายุหงสา ซึ่งเป็นเรื่องแรกในซีรีย์จอมใจพยัคฆ์ จนกระทั่งเกิดอาการหยุดแทบไม่ได้ วางแทบไม่ลงแล้ว เลยต้องหยิบเรื่องที่สองมาอ่านอย่างต่อเนื่องเลย... นั่นคือ เรื่องภูผามังกร เรื่องนี้แหละ
ไม่เคยอ่านงานของพรรณสิริมาก่อนเลย แต่หลังจากอ่านเรื่องนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าฝีมือเขียนยอดเยี่ยมเลยล่ะค่ะ พล็อตเรื่องน่าสนใจ “หลินฟ่ง” พระเอกของเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเหวินซื่อไห่พระเอกในเรื่องวายุหงสา โดยมีศักดิ์เป็นศิษย์พี่สาม เขาเป็นเด็กกำพร้า ถูกเลี้ยงดูมาโดยฝานเซิงผิง พ่อของ “จงจวิ้นอ๋องฝานเลี่ยงซื่อ” ซึ่งเป็นหลานชายของฮ่องเต้ และเป็นศิษย์พี่รองของหลินฟ่ง ดังนั้นเขาและฝานเลี่ยงซื่อจึงสนิทกันมาตั้งแต่เล็ก ด้วยความที่ไม่เคยรู้ชาติกำเนิดของตน จึงทำให้หลินฟ่งเหมือนมีปมด้อย เป็นคนที่ถ่อมตน และยอมทำตามพี่น้องร่วมสาบานอยู่เสมอ
เมื่อเทียบกับพี่น้องร่วมสาบานอีกสามคน หลินฟ่งเป็นพระเอกมีลักษณะเป็นคนกลางๆ ไปซะทุกอย่าง ไม่ได้หล่อเหลามากมายเท่ากับเหวินซื่อไห่...ศิษย์น้องเล็ก ไม่ได้ฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเท่ากับฝานเลี่ยงซื่อ...ศิษย์พี่รอง แถมยังติดจะเป็นคนที่ซื่อๆ ด้วย ไม่ได้เก่งกาจแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเหลียงหย่งฝู..ศิษย์พี่ใหญ่ แต่เขามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ ความเงียบขรึม พูดน้อย (แต่แอบต่อยหนักอยู่หลายครั้ง) ความรู้สึกช้า แถมขี้อาย แม้รู้ว่ารัก แต่ไม่กล้าพูด เน้นที่การกระทำที่แสดงถึงความรักที่มีต่อ “ลู่ซานฉา” หรือ “ซานฉาฮวา” นางเอกของเรื่อง ที่ผู้เขียนสร้างคาแรกเตอร์ได้น่าสนใจ เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการพูดคุยกับสัตว์ได้ และมีความสามารถหยั่งรู้อนาคต แต่จะสูญเสียพลังมากมายทุกครั้งที่เห็นภาพอนาคต ทำให้เธอต้องอาบแสงจันทร์เพื่อให้สามารถฟื้นคืนพลังชีวิตได้ เธอเป็นคนที่ใจดี รักสัตว์ จริงใจ เสียสละ ตรงไปตรงมา ชัดเจนต่อความรู้สึกของตน ซึ่งดูแล้วนิสัยเข้ากั๊นเข้ากันกับพระเอกของเราเลยค่ะ คนนึงขี้อายไม่ยอมเผยความในใจ อีกคนชัดเจนตรงไปตรงมา
มาเข้าเรื่องละกันค่ะ เรื่องนี้เป็นภาคต่อจากเรื่องวายุหงสา ซึ่งทิ้งปมที่ยังคาใจอยู่ เรื่องราวในภาคนี้จึงเป็นลำดับเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน หลินฟ่ง ได้รับการไหว้วานจากศิษย์พี่รอง จงจวิ้นอ๋องฝานเลี่ยงซื่อ ให้หาทางเข้าไปสอดแนมเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของ “ฝานฉี่หลิน” ผู้สำเร็จราชการแคว้นหลู ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของจงจวิ้นอ๋องฝานเลี่ยงซื่อ ฝานฉี่หลินเป็นน้องชายต่างมารดาของฮ่องเต้ โดยมารดาของเขาเป็นเพียงนางสนมต่ำศักดิ์ ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ปลายแถวที่ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก และรู้สึกอิจฉาฮ่องเต้มาโดยตลอด ฝานฉี่หลิน เป็นตัวละครที่สืบเนื่องมาจากเรื่องวายุหงสา ที่ฮองเฮาเหิงเย่วได้ทิ้งปมให้ชวนสงสัยไว้ และในเรื่องนี้จะมาเฉลยค่ะ ต้องติดตามอ่านเองค่ะ
หลินฟ่งได้เข้าไปแฝงตัวในเผ่าหูเพื่อสืบเรื่องราวที่ได้รับมอบหมาย เผ่าหูตั้งตนเป็นกองโจรนิรนาม คอยปล้นทรัพย์จากพ่อค้าซินหยาง เนื่องจากได้รับความอยุติธรรมจากการเก็บภาษีที่รีดนาทาเร้นของผู้สำเร็จราขการแคว้นหลู พวกเขาจึงเข้าใจผิดว่าเป็นนโยบายของฮ่องเต้ซินหยาง และเกลียดฮ่องเต้มาก ซึ่งที่จริงแล้วเป็นการกระทำฉ้อราษฎร์บังหลวงของฝานฉี่หลิน หลินฟ่งได้เจอกับลู่ซานฉา ซึ่งเป็นน้องสาวของหัวหน้าเผ่าหู นางเป็นคนที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาด สร้างความเกรงกลัวแก่คนในเผ่า นางสามารถทำนายอนาคตได้ จึงมีอิทธิพลทำให้ชาวเผ่าเชื่อฟัง และต้องยอมกินมังสวิรัติเช่นเดียวกับนาง เพราะนางไม่ยอมให้ฆ่าสัตว์ ครั้งแรกที่ทั้งสองเจอกัน หลินฟ่งฆ่าสัตว์มาทำอาหารให้คนในเผ่า ทำให้ลู่ซานฉาไม่พอใจอย่างมาก แต่ไปๆ มาๆ เมื่อได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น หลินฟ่งก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้ลู่ซานฉาต้องเศร้าหมองเมื่อเห็นสัตว์ถูกฆ่า เขาจึงเริ่มยอมลดการฆ่าสัตว์มาเป็นอาหาร และวันหนึ่งเขาก็พบเธอขณะกำลังเปลือยร่างอาบแสงจันทร์ โดยมีเสือภูเขาคอยระวังภัยให้ เขาจึงได้รู้ความลับเรื่องพรสวรรค์พิเศษของเธอ ลู่ซานฉารู้สึกดีและค่อยๆ ไว้วางใจหลินฟ่งมากขึ้น เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่หวาดกลัวเมื่อเห็นเธอพูดกับสัตว์ และทั้งสองเริ่มผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีหลินฟ่งกะจะหลอกใช้ลู่ซานฉา ให้พาเขาลงจากภูเขาพันราตรี เพื่อไปส่งข่าวให้ฝานเลี่ยงซื่อ และจะได้มีโอกาสเข้าไปสืบเรื่องฝานฉี่หลินด้วย เนื่องจากพ่อของลู่ซานฉา ทำงานเป็นเลขานุการของฝานฉี่หลิน แต่เขาก็รู้สึกหวาดหวั่นที่จะต้องสูญเสียความไว้วางใจจากเธอ และด้วยโชคชะตาทำให้ช่วงเวลาที่เขาเดินทางไปยังแคว้นหลู ฮ่องเต้ก็เสด็จประพาสมายังแคว้นหลูเช่นกัน อ๋องฉี่หลินวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ แต่หลินฟ่งก็ได้มีโอกาสช่วยชีวิตฮ่องเต้ ฮ่องเต้ได้รู้ว่าหลินฟ่งเป็นลูกบุญธรรมของน้องชายของพระองค์ และเป็นน้องร่วมสาบานกับฝานเลี่ยงซื่อด้วย พระองค์จึงให้หลินฟ่งเข้ารับราชการในวังหลวง จากเหตุการณ์นี้ทำให้ความลับที่หลินฟ่งแฝงตัวเข้ามาในเผ่าหูถูกเปิดเผย ลู่ซานฉาเสียใจที่ถูกหลอกลวงมาโดยตลอด แต่ทั้งสองก็ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน แต่ก็ต้องจากลากัน แต่ภารกิจหาตัวคนร้ายลอบปลงพระชนม์และวางยาพิษฮ่องเต้นยังไม่สิ้นสุด ลู่ซานฉา ซึ่งเป็นคนที่รอบรู้เรื่องสมุนไพรมาก เป็นคนที่ช่วยบรรเทาพิษในร่างกายฮ่องเต้ จึงมีความดีความชอบให้ตามพ่อของนางเข้าไปในวังด้วย
หลังจากเข้าวังเหตุการณ์เข้มข้นมากขึ้น อ๋องฉี่หลินจะถูกกำจัดอย่างไร ชาติกำเนิดมังกรของหลินฟ่งจะถูกเปิดเผยได้อย่างไร ความรักระหว่างสาวชาวป่าชาวดอยกับโอรสสวรรค์จะเป็นไปได้อย่างไร ต้องไปลุ้นเองค่ะ รับรองว่าสนุกจริงๆ ค่ะ
นับได้ว่าพรรณสิริเขียนเรื่องราวเรียงร้อยต่อเนื่องกับภาคแรกได้อย่างกลมกลืน ไม่มีติดขัด การใช้ภาษาสำนวนแบบจีนทำได้ดี ชอบการวางบุคลิกของพระเอกและนางเอก การเล่าเรื่องที่กระชับฉับไว แม้จะหงุดหงิดเล็กน้อยในรักอ้ำอึ้งของพระเอก แต่เมื่อพระเอกชัดเจนในตัวเองแล้ว ก็แสดงออกในความรักต่อลู่ซานฉาอย่างเปิดเผยมากขึ้น จนยอมขัดพระราชโองการฮ่องเต้ ไม่ยอมแต่งงานกับใครอื่น ต้องการให้ลู่ซานฉาเป็นชายาเพียงคนเดียว แม้ว่าในช่วงท้ายเขาจะมีแผนการบางอย่างที่ต้องการทำให้ฮ่องเต้ยอมรับลู่ซานฉา ประกอบกับความต้องการที่จะคลายปมในใจเกี่ยวกับมารดาของตนด้วย เขาจึงต้องยอมทอดทิ้งนางไปเป็นปี แต่เวลาที่ห่างเหินไป กลับทำให้สองดวงใจผูกพันมั่นคงในรักมากขึ้น โดยรวมบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านได้สนุก ชวนติดตาม ไม่ผิดหวังเลยค่ะ