22 MAY, 2022

ลายลินิน

ฉบับพิมพ์ครั้งแรก : มิถุนายน 2555
โดย พิมพ์คำสำนักพิมพ์

คำโปรยปก:

         เทพธิดาแห่งเวทมนตร์และปรีชาญาณ เอเซ็ท...จะคุ้มครองสิ่งที่ล้ำค่าที่อยู่ภายในหีบใบนี้ ด้วยพระอำนาจและพระเวทอันทรงฤทธิ์ ดวงตาวัทจัทของเฮรู เทวกษัตริย์ โอรสแห่งอูสิเรและเอเซ็ทจะปกป้องจากภยันตราย ผองภัยและกาลเวลาตราบเท่านาน...คำสาปแช่ง คำอธิษฐาน จะยังคงอาบอยู่บนผ้าลินินผืนนี้ จวบ"พวกนาง"ล่วงเข้าสู่มตภพดูอัต สู่การพิพากษาจนสำเร็จสิ้นจากเทวีแห่งความเที่ยงธรรม

            "ผ้าลินิน" ที่พบในหีบโบราณอายุกว่าสามพันปี แต่สภาพยังดูเหมือนเพิ่งทอใหม่ๆ คือสิ่งที่นักโบราณคดีอย่าง"อารีส"ต้องค้นหาที่มาและความหมายที่จารึกบนหีบ แต่ทุกครั้งที่หยิบผ้าขึ้นมาตรวจสอบ อารีสจะฝันเห็นภาพหญิงสาวที่หล่อนแน่ใจว่าคือพระนางเนเฟอร์ตารี ชายาเอกของฟาโรห์รามเสสที่ 2 กับผ้าลินินที่มีลักษณะคล้ายผืนที่หล่อนกำลังตรวจสอบอยู่ แต่เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้ อารีสกลับไม่แน่ใจว่า หล่อนเป็นผู้ตามหาคำตอบ หรือแท้จริงแล้วเป็นผู้ที่ต้องตอบคำถามกันแน่...

               574 หน้า กับความรักความแค้นความชิงชังข้ามภพข้ามชาติกว่าสามพันปี คนหนึ่งต้องกลับมาเพื่อแก้ไขและให้อภัย แต่อีกคนกลับเจ็บปวดต้องรอคอยเพื่อกลับไปยิ่งใหญ่งดงามอีกครั้ง "อารีส วลัยกุล" นักโบราณคดีสาวชาวไทย ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องของผืนผ้า หญิงสาวเจ้าของคำว่า"อารมณ์เหนือเหตุผล" เธอดูจะล้นๆเกินๆในสายตาของทุกคน แต่ทุกคนก็เชื่อมั่นและต้องยอมรับฝีมือในเรื่องเกี่ยวกับผ้าที่เก่งหาคนเทียบยากมาก

                "อนัตตา อังกูร หรือ นัต" นักโบราณคดี นักเทววิทยาชาวไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทพปกรณ์ของอียิปต์ ชายหนุ่มที่ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์เป็นนิจ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่ออารีสถูกวิลเลียมเรียกตัวให้เข้าร่วมคณะสำรวจสถานที่และวัตถุโบราณที่ค้นพบในอียิปต์ แม้จะรู้ว่ามีคนไม่ถูกขี้หน้ากันร่วมงานด้วย แต่อารีสก็จำใจจำยอมรับงานนี้ หากไม่ใช่เพราะความรักในผืนผ้าเธอคงไม่ยอมมาร่วมคณะ เธอถูกชะตากับอนัตตา เพื่อนร่วมงานชาวไทยอย่างหาสาเหตุไม่ได้ จากการรู้จักพัฒนาเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน ในระหว่างที่อารีสกำลังทำการตรวจสอบผืนผ้าลินินโบราณนั้น เธอกลับถูกดึงเข้าไปร่วมรับรู้และร่วมผจญกับอันตรายในความฝันเสมอๆ หลายครั้งเธอรอดมาด้วยสติที่อนัตตาเฝ้าสอนให้นำมาใช้เพื่อแทนที่การใช้อารณ์นั่นเอง ในความฝันอารีสรู้สึกเหมือนตัวเองได้เห็นเรื่องราวของอดีตที่ผ่านไปกว่าสามพันปีในยุคสมัยของฟาโรห์ราเสสที่ 2 และพระนางเนเฟอร์ตารี พระชายาเทพ ผ่านสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งเธอไม่เข้าใจและสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเธออย่างไรและทำไมเธอถึงมีโอกาสรับรู้ เราพร้อมจะเข้าไปร่วมรับรู้และค้นหากับอารีสกันไหมจ๊ะ
ความรู้สึกหลังอ่าน
                     ก่อนอื่นเลยขอถามสักนิดนะว่า "คุณชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอียิปต์โบราณไหม เรื่องของเทพและเทวีทั้งหลาย" หากคุณตอบว่า"ไม่" ขอให้มองผ่านหนังสือเล่มนี้ได้เลย แต่หากตอบว่า"ใช่" ก็มาทำความเข้าใจกันนิดหนึ่ง ผู้เขียนนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้กว่าครึ่งเล่ม เข้าใจว่าเป็นการปูเรื่องเพื่อทำความเข้าใจให้แก่คนอ่าน ส่วนนี้เราเห็นว่าอาจจะเป็นเพราะผู้เขียนนำมาลงซ้ำในหลายช่วงนั่นเอง เช่น อ่านครั้งแรกจากคำบอกเล่าของอนัตตา อ่านครั้งที่สองตอนที่อารีสนั่งคิดทบทวนถึง ซึ่งเป็นถ้อยคำเดียวกันเลย ทำให้อ่านข้ามๆในบางช่วง ระหว่างนั้นผู้เขียนมีการวางปมให้ชวนติดตามบ้างพอให้เกิดความกระหายใคร่รู้พอที่จะอ่านต่อจนจบได้ บทบรรยายเกี่ยวกับอียิปต์โบราณส่วนนี้ทำให้เห็นถึงความตั้งใจค้นหาข้อมูลของผู้เขียนเลยเชียว แต่ความที่มีค่อนข้างมาก ทำให้อาจจะไม่เร้าใจเท่าไหร่สำหรับช่วงนี้ จนเมื่อคุณอ่านพ้นครึ่งเล่มเรื่องราวและเนื้อหาจะตื่นเต้นและเข้มข้นขึ้นทันตากันเลยเชียว เห็นถึงความตั้งใจในการวางโครงเรื่องจากความประทับใจความรักของกษัตริย์อียิปต์ จนนำมาเป็นนิยายเล่มนี้ หากการดำเนินเรื่องช่วงแรกจะกระชับสักนิดจะเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่คนรักอียิปต์ไม่ลังเลจะหยิบติดมือกลับบ้านแน่ๆ

                 เรื่องราวนำเสนอหลักคิด หลักการใช้ชีวิตดีๆหลายช่วง เช่นการทะเลาะกันระหว่างอารีสและไอซิส แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน อนัตตากลับให้ข้อคิดแก่อารีสว่า การนิ่งไม่ตอบโต้ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ หรือยอมแพ้คนอื่น การชนะตัวเองนั้นสำคัญและยากกว่ายิ่งนัก ยิ่งเราไม่มีตัวตนเท่าไหร่เราจะรู้สึกเบาสบายเท่านั้น อนัตตาช่างเป็นผู้ชายที่น่าคบหาจังเลย อารีสเหมือนภาพสะท้อนกระจกเงาเราในอดีต สมัยที่ยังไม่ค่อยยอมใครเท่าไหร่ แต่เมือวันหนึ่งที่เริ่มรู้จักปล่อยและวางเราถึงสัมผัสโลกได้สวยงามยิ่งขึ้น ผู้เขียนนำเสนอการให้อภัยได้งดงาม อาจจะคิดว่ายากกับการที่จะให้อภัยใครสักคน ยิ่งคนที่ทำให้เราเจ็บปวดเหลือเกิน แต่พยายามทำเถอะแล้วความสุขจะเข้ามาในชีวิตง่ายๆจนอาจจะทำให้เราสำลักความสุขกันเลยเชียว