22 MAY, 2022

LOST Second Sign รอยยิ้มของเงินตรา โดย กัลฐิดา

เมื่อสัญญาณเตือนแรกปรากฏขึ้นมาโดยที่ชาวลิบาเนียไม่ทันได้ตั้งตัว สัญญาณที่สองก็ดังขึ้นตามมาอย่างเงียบงันโดยไม่มีใครคาดคิด ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้เตรียมพร้อม ไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้พักหายใจ เมื่อป้องกันไว้ไม่ได้ ก็มีทางเลือกเพียงทางเดียว นั่นคือการตามเช็ดตามล้างหายนะจากสัญญาณที่ดังไปแล้ว แม้ทุกคนตระหนักดีว่า ขณะนี้แม่มดผู้ทรงอำนาจได้กลับมาเยือนดินแดนลิบาเนีย เพื่อใช้พลังอำพันแห่งพาเวนปกป้องชาวลิบาเนียจากหายนะทั้งมวล แต่เหตุใดสัญญาณเตือนที่ไม่ควรปรากฏ กลับยังแผดเสียงมิหนำซ้ำท่านแม่มดของพวกเขายังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อปัญหาคราวนี้โดยที่ไม่มีโอกาสได้หาข้อแก้ต่าง
ความรู้สึกหลังอ่าน
เมื่ออ่าน LOST First Sign จบ ก็เรียกร้องหาเล่มที่สองทันที โดยที่ยังจำชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ไม่แม่นด้วยซ้ำ คิดเพียงแต่ว่าต่อให้ต้องตระเวนตามร้านหนังสือทั่วประเทศ ก็จะต้องหยิบเล่มนี้มาให้ได้ เมื่อได้มาก็กลับมานอนอ่านทันที และจบภายในวันนั้นเลยค่ะ แต่ก็ยังลงแดงร้องหาเล่มต่อไปเหมือนเดิม 55555 ถ้าได้อ่านเล่มแรกจบแล้ว ก็คงรู้ใช่ไหมคะ ว่าสาวน้อยอเล็กซานไดท์ วิส ของเราดูเหมือนเป็นบุคคลสำคัญของโลกลิบาเนียไปแล้ว เธออยู่ในฐานะแม่มดแห่งพาเวนน่า ทุกคนคาดหวังว่าเธอจะใช้พลังแห่งพาเวนปกป้องดินแดนแห่งนี้ได้ เท่านั้นก็เป็นภาระหนักพอตัวแล้วสำหรับเด็กสาววัย 17 ปีอย่างเธอ แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างเธอเลย เธอยังเจอปัญหาตามมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แปลกนะ ที่เธอยังฮึดสู้ต่อ และยังพยายามปกป้องทุกคนโดยใช้เพียงความรู้พื้นฐานที่ติดตัวเธอมาเท่านั้นเอง มันน่าอัศจรรย์แค่ไหนที่ผู้คนทั้งเมืองต้องให้เด็กสาวตัวนิดเดียวแก้ปัญหาให้พวกเขาโดยที่ไม่ได้พึ่งพาอำนาจหรือเวทมนตร์อะไรเลย

นอกจากจะประทับใจในตัวละครแล้ว แน่นอนค่ะ สิ่งที่ประทับใจอีกหลายอย่างในหนังสือเล่มนี้ก็คือ การแฝงข้อคิดผ่านการเล่าเรื่องของพี่กัลนั้นเอง ชื่อเรื่องก็บอกกอยู่แล้วว่า รอยยิ้มของเงินตรา ทุกคนได้ยินแล้วคิดถึงอะไรคะ ก็คงไม่พ้นเรื่องการหลงใหลในเงินทองทรัพย์สินนอกกายใช่ไหม ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกไหน เสียงของเงินก็ดังมากกว่าเสียงอะไรทั้งสิ้น ไม่มีใครปฏิเสธความร่ำรวยหรอก และทุกคนก็ไม่อาจปฏิเสธความโลภได้เช่นกัน ดูเหมือนชาวลิบาเนียก็ยังเป็นแบบนั้น เพราะ "โลกนี้ตกอยู่ใต้อำนาจแห่งนามธรรมของคำว่า'เงิน'มาอย่างยาวนาน และคงตลอดไป" อย่างที่ อิลกา ซิลกาแลน ไวเซอร์แห่งอาเจนตาร์กล่าวไว้ พวกเรารู้ว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่บางทีเราก็เถียงไม่ได้ว่าเรามีความสุขเพราะเงิน เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของคนโลภ คนทะเยอทะยาน ใช่แล้วค่ะ มันคือด้านมืดของมนุษย์ทุกคน ใครๆ ก็อยากยิ่งใหญ่ อยากได้ดิบได้ดี พี่กัลแทรกข้อนี้ผ่านตัวละครของพี่เขาได้อย่างหมดจด แต่ถึงตัวละครจะมีข้อเสียจนทำให้เราเกลียดมากแค่ไหน ก็ยังน่าสงสาร เชื่อไหมคะว่าเล่มนี้ทำคนเสียน้ำตาไปหลายคน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ จากฉากที่ค่อนข้างตึงเครียดและลุ้นจนตื่นเต้น กลายเป็นฉากเศร้าเสียอย่างนั้น พวกเราไม่ควรจมอยู่กับความเศร้านานมาก เหมือนพี่กัลจะสื่อประโยคนี้ผ่านตัวละครหลักของเรื่อง อิลกา นั่นเอง แม้จะเป็นผู้สูญเสียแต่เขาก็ไม่เสียสูญ เราอิจฉาเขามาก อยากเข้มแข็ง อยากสตรองให้ได้แบบนี้ เราจึงให้อิลกาเป็นไอดอลค่ะ และนอกจากข้อคิด ยังมีความรู้ที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเป็นวิทยาศาสตร์ใกล้ตัว ดีใช่ไหมคะ ที่อ่านนิยายแต่ยังได้ความรู้ไปทำข้อสอบด้วย พี่กัลเอาเรื่อนเรียนมาประยุกต์กับเรื่องแต่งอย่างสุดยอดเลย ครบครันแบบนี้ ไม่ได้อ่านไม่ได้แล้วค่ะ อย่าพลาดเล่มนี้กันนะคะ