
“แล้วคิดว่าจะหนีหญ้าพ้นเหรอ ยังไงหญ้าก็จะตามติดพี่ก้องไปทุกชาติ
เหมือนก้อนเมฆที่อยู่คู่กับท้องฟ้า เหมือนดาวที่คู่กับดวงจันทร์
เหมือนเหาฉลามที่เกาะติดฉลามแน่น
และเหมือนนกเอี้ยงที่เกาะอยู่บนหลัง....”
เพราะ ‘กิรฏา’ เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ชาตินี้จึงตามติดเขาแจเป็นเห็บหมา
และตั้งปณิธานว่าจะต้องเป็นเมีย ‘ก้องบดินทร์’ ให้ได้
แต่...ความรู้สึกของก้องบดินทร์นั้น....ให้ตายเถอะ!
ขอสักวันได้มั๊ยให้เขาปลอด(ภัย) จากยายกอหญ้า
คนอะไรจะมุ่งมั่นกับการจับเขาทำสามีแบบไม่มีถอย
ก็เธอรักพี่ก้องของเธอมาตั้งแต่ ป.1 และรักนั้นยังฝังใจ
แถมโตมาเขายังหล่อกระชากใจ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องหยุดรักเขา
แม่เขากับป้าเธอก็สนับสนุนและลุ้นให้ลงเอยกันจนตัวโก่ง
หลวงพ่อที่วัดก็บอกอีกว่าเธอกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน
ถ้างั้น....ก็ลุยละนะ!
ความรู้สึกหลังอ่าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 ของ “ภัคธร” ที่ได้อ่าน และยิ่งทำให้เห็นแนวทางงานเขียนของภัคธรที่เด่นชัดมากขึ้น คือ แนวชิลล์ๆ อ่านสบาย feel good
พระ-นางเรื่องนี้แทบจะเรียกได้ว่ารู้จักกันมาทั้งชีวิตเลย แม่ของ “ก้องบดินทร์” หรือ ก้อง เป็นเพื่อนรักกับป้าของ “กิรฎา” หรือ “กอหญ้า” ทำให้ก้องและกอหญ้าเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เล็ก
กอหญ้าตั้งปณิธานมุ่งมั่นตั้งแต่อยู่ ป. 1 ว่าจะต้องแต่งงานกับพี่ก้องให้ได้ ส่วนพี่ก้องบ่ายเบี่ยงว่าไม่รักน้อง จนกระทั่งแม่ของก้องและป้าของกอหญ้าไปดูดวง หมอดูทำนายว่าชายหนุ่มจะต้องแต่งงานภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นจะต้องประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่และป้าจึงบอกให้ก้องแต่งงานกับกอหญ้า ก้องไม่เชื่อคำทำนาย แต่ทนการรบเร้าของมารดา (รวมทั้งความต้องการในใจลึกๆ ของตัวเขาเองด้วย) ไม่ได้ จึงตอบตกลงแต่งงานกับกอหญ้า
ชีวิตหลังแต่งงานทั้งสองยังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานใช่ว่าจะทำให้ทั้งสองเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ เมื่อได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ก็พบอุปสรรคชีวิตของการให้และรับอย่างขาดสมดุล กอหญ้าแสดงออกซึ่งความรักอย่างชัดเจน ทุ่มเททำทุกอย่างให้พี่ก้องด้วยความอดทน ในขณะที่ชายหนุ่มกลับปากอย่างใจอย่าง ทำท่ารำคาญ ไม่สนใจ เย็นชาใส่กอหญ้าเสมอ จนทำให้เกิดจุดแตกหักที่ทำให้กอหญ้าทนต่อไปไม่ไหว เพราะเขาได้ทำลายสิ่งที่เป็นความทรงจำอันมีคุณค่าและหวงแหนของเธอไป (ฉากนี้อีตาพี่ก้องใจร้ายมากๆ สงสารกอหญ้าจริงๆ)
.... ถึงเวลาที่เธอจะเอาคืนเขาบ้าง เพื่อให้เขาได้รู้ซึ้งถึงการเป็นฝ่ายที่จะต้องตาม...ตามจีบเธอบ้าง พี่ก้องจะยอมแพ้ปล่อยให้น้องหลุดลอยไป หรือจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกเพื่อพิชิตใจน้องน้อยให้กลับคืนมา ต้องไปติดตามค่ะ
พล็อตเรื่องนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก เป็นแนวพ่อแม่แม่งอน นางเอกสายรุก พระเอกสายหลอก (หลอกตัวเองว่าไม่รักน้อง) แม้จะแต่งงานกันไป เขาก็ยังคงปากแข็งว่าจะแต่งงานในนามและไม่เคยรู้สึกอะไรกับกอหญ้า น้องกอหญ้าพยายามอ่อย พี่ก้องก็พยายามถอย แต่จริงๆ ก็แอบใจสั่น (สั่นสู้) นะ พอน้องกอหญ้ามีชายอื่นมาสนใจก็แอบหวงก้าง และเมื่อเห็นน้องน่ารักก็แอบหื่นกับน้อง วางแผนล่อลวงน้องต่างๆ นาๆ พี่ก้องเป็นผู้ชายปากแข็ง รักน้องกอหญ้า แต่ก็พยายามทำว่ารำคาญน้อง ชอบแกล้ง ชอบบ่นดุน้อง ส่วนกอหญ้านั้น เป็นผู้หญิงรักเดียวใจเดียว ชัดเจน ตรงไปตรงมา ขี้อ้อน เป็นแม่บ้านแม่เรือน ทำขนมเก่งเป็นเจ้าของร้านเบเกอร์รี่ บางครั้งก็แอบโก๊ะๆ หื่นบ้างเป็นบางโอกาส (แต่หื่นกับพี่ก้องคนเดียวนะคะ) ช่างมโน (ชอบเข้าข้างตัวเองว่ายังไงพี่ก้องก็ไม่มีทางรอดเงื้อมมือเธอไปได้) แต่นางก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ที่จริงเรียกได้ว่าเป็นคนมีเหตุมีผลดีเชียวล่ะ โดยเฉพาะหาเหตุผลให้พี่ก้องแม้ว่าเขาจะทำตัวร้ายๆ กับเธอเสมอก็ตาม...ช่างอดทนจริงๆ....กอหญ้านับว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก (แอบเชียร์ให้นางสะบัดบ๊อบใส่พี่ก้องแล้วหันไปซบอกแน่นๆ ของคุณจอมทัพแทน 555)
แม้ว่าการดำเนินเรื่องจะเป็นไปเรื่อยๆ เหมือนชีวิตประจำวัน แต่ด้วยการใช้ภาษาและวิธีการเล่าเรื่องที่สบายๆ เป็นธรรมชาติของภัคธร ทำให้เรื่องราวสนุกน่าติดตาม มีทั้งความฮา หื่น ฟิน ซึ้ง และหมั่นไส้อีตาพี่ก้องเป็นระยะๆ แอบคอยลุ้นว่าจุดจบของผู้ชายปากหนักอย่างก้องบดินทร์จะเป็นเช่นไร (ทีมน้องกอหญ้าสายแค้น)
เรื่องนี้ยังคงกลิ่นอาย feel good โรแมนติค และความเรียลของตัวละครตามแนวของ “ภัคธร” เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมุกฮาที่แพรวพราวมากขึ้น บางทีอ่านๆ อยู่ก็ขำก๊ากออกมาจนอายคนรอบข้าง ส่วนบทหวานๆ ฟินๆโรแมนติค มุ้งมิ้ง ก็อาจพูดได้เลยว่าน้ำตาลเรียกพี่ มดยังอาย อ่านไปอมยิ้มไปจนกลัวคนข้างๆ นึกว่าเราเป็นบ้า
สำหรับบทเลิฟซีน ก็มีดีกรีเข้มข้นขึ้นกว่าเรื่องแรกๆ ของภัคธร แต่ก็ยังไม่ถึงกับเร่าร้อนมาก มีพอให้ฟินๆ อยู่ในวิสัยกำลังดีค่ะ ใครที่ชอบแนวโรแมนติค feel good แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ
ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายหนังสือคุณภาพ
18 ซอยลาดปลาเค้า 63 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220
info@satapornbooks.com