22 MAY, 2022

อัคนีโหตรี

เมื่อเสียงระนาดบรรเลงทำนองหวานปนเศร้ามาจนถึงจังหวะหนึ่ง ในอกก็ร้อนวูบวาบจนกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตา อัดอั้น อึดอัด และทรมาน! แค้น! แค้นเหลือเกิน! วิอัณณาไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดมาโดยมีพลังประหลาด เมื่ออารมณ์ไม่มั่นคง ทุกสิ่งที่เธอสัมผัสจะติดไฟขึ้นทันที มหาสมุทร ช่างภาพหนุ่มชื่อดัง นอกเหนือจากติดตาต้องใจเธอตั้งแต่แรกพบ การได้เห็น ‘เหตุการณ์นั้น‘ กับตาตัวเองก็ทำให้เขาต้องการหาคำตอบ และต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาอธิบายไม่ได้เมื่อเข้าไปพัวพันกับเธอ ในขณะเดียวกัน กงล้อแห่งกรรมก็หมุนพาใครอีกคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนทั้งคู่ด้วย ‘พวกเขา’ ไม่รู้เลยว่า ‘สัญญาเก่า’ ที่เชื่อมโยงกันและกันไว้จะส่งผลเร็วถึงเพียงนี้ ผ่านไปไม่ถึงกี่สิบปีจำต้องหวนกลับมาสะสางรักและแค้นให้จบสิ้น ภยันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ดุจบทพิสูจน์สายใยรักและความผูกพัน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางรักที่มีเพียงเขากับเธอเท่านั้น.....ตลอดไป
ความรู้สึกหลังอ่าน

ติดตามผลงานของ “ชญาน์พิมพ์” มาโดยตลอดอยู่แล้ว และเมื่อ “อัคนีโหตรี” วางแผงก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อมาครอบครอง

”อัคนีโหตรี” .... แค่ได้เห็นชื่อเรื่องก็รู้สึกว่า มันช่างเก๋ไก๋ มีเสน่ห์เย้ายวน น่าสนใจ ชวนให้อยากรู้ว่ามีความหมายอย่างไร เมื่อได้อ่านคำนำในเล่มก็ได้ทราบว่าเป็นชื่อสายพันธุ์ของดอกกุหลาบ ยิ่งทำให้อยากจะเข้าไปอ่านมากขึ้น แต่อยากบอกว่าเนื้อหาในเล่มไม่ได้เกี่ยวกับดอกกุหลาบเลยค่ะ แต่เกี่ยวกับ ‘อัคนี’ คือ ไฟ … ไฟรัก ไฟแค้น และไฟจริงๆ เลย

ชญาน์พิมพ์ผูกปมเรื่องให้น่าติดตามอย่างมาก “วิอัณณา” หรือ “แป้ง” เป็นคนที่มีพลังพิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิด คือ หากเธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จะมีไฟออกจากมือ สามารถเผาผลาญสิ่งที่เธอไปสัมผัสได้ โดยไม่เผามือหรือร่างกายของเธอเลย ยายของเธอจึงพาเธอไปฝึกสมาธิกับหลวงพ่อมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้อาการประหลาดหายไปหลายปี จนกระทั่งเธอได้พบกับ “มหาสมุทร” หรือ “มาร์ค” ช่างภาพหนุ่มชื่อดังระดับโลก ในงานออกร้านทำเครื่องหอมของคุณยายของเธอในห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของห้างเป็นคนที่ชอบสะสมอาวุธโบราณ โดยเฉพาะกริช และได้นำโชว์การรำ “ดรสาแบหลา” เป็นการรำแบบชวามาจัดแสดง และแล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วิอัณณากระโดดขึ้นเวทีไปรำดรสาแบหลาได้อย่างงดงาม ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยรำและไม่มีทักษะด้านการรำมาก่อนเลย และเธอก็หมดสติไป มาร์คเข้าไปช่วยอุ้มเธอออกจากเวที และเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาและเธอได้มาผูกพันกันอีกครั้ง ทำให้วงล้อแห่งกรรมในชาติภพก่อนเคลื่อนตัวอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นทั้งมาร์คและแป้งได้ประสบเหตุการณ์ที่ประหลาดหลายครั้ง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยและความใคร่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝันประหลาดของทั้งคู่ การที่มาร์คลุกขึ้นมาวาดรูปได้อย่างงดงามราวกับเป็นจิตรกรเอก ทั้งๆ ที่ไม่เคยวาดรูปเลย ได้เจอรูปวาดสาวงาม เจอซากของด้ามกริชโบราณ ทั้งสองจีงต้องร่วมมือกันในการค้นหาคำตอบ และทำให้เกิดความผูกพันกันมากขึ้น ยิ่งค้นยิ่งพบว่าความผูกพันและความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นมันนานกว่าชาตินี้มากนัก และกงล้อแห่งกรรมก็กำลังจะนำพาทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกันในอดีตกลับมาพบเจอ เพื่อทวงคืนความรักและความแค้นอีกครั้งหนึ่ง จุดเริ่มต้นและจุดจบของความรักความแค้นของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ต้องไปอ่านในเล่มเลยค่ะ รับรองความสนุกแบบวางไม่ลงเลยค่ะ

ชญาน์พิมพ์วางปมเรื่องอัคนีโหตรีได้อย่างน่าติดตาม แม้ว่าปมจะไม่ได้สลับซ้บซ้อนมาก สามารถคาดเดาว่าใครคือตัวร้ายที่แอบแฝงอยู่ได้ไม่ยาก แต่ด้วยการใช้ภาษาที่สวยงามและทักษะการเล่าเรื่องที่ดี รวดเร็ว และกระชับ ทำให้ผู้อ่านตามลุ้นว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร ตัวร้ายจะแสดงตัวอย่างไร และจะมีจุดจบอย่างไร อย่างไรก็ตาม

ยังมีบางจุดในเรื่องที่มีความย้อนแย้งเกิดคำถามคาใจอยู่บ้าง คือ หากมาร์คเป็นคุณจอมกลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว ทำไมจึงเหมือนกับมีวิญญานของคุณจอมมาชักนำให้มาร์คได้เห็นเรื่องราวประหลาด และชี้จุดให้มาร์คค้นหาด้ามกริชที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมในชาติที่แล้วเจอ แต่ประเด็นนี้ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสในการอ่านลดน้อยลงค่ะ เข้าใจได้ว่าผู้เขียนคงพยายามหาจุดเชื่อมเพื่อให้เกิดปมและคลายปมของเรื่อง เรื่องนี้ชอบบุคลิกของพี่มาร์คมาก ทั้งๆ ที่เป็นศิลปิน ซึ่งน่าจะมีอารมณ์อ่อนไหว แต่ในเรื่องความรักเขามีความหนักแน่น ชัดเจน และไม่หวั่นไหวกับข้อจำกัดของแป้งที่มีพลังพิเศษ แม้ว่าตัวเองจะโดนไฟจากมือของแป้งลวก 2-3 ครั้ง บ้านก็เกือบถูกไฟไหม้ แต่เขาก็ยังคงรักแป้ง และไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคของความรักที่เขามีต่อแป้ง ซึ่งถ้าไม่รักจริง ใครเจอแบบนี้คงอาจรับไม่ได้นะ แม้ว่าธีมของซีรีย์นี้คือ “อาชีพ” โดยเรื่องอัคนีโหตรีนี้เป็นเรื่องของอาชีพการทำเครื่องหอม ซึ่งชญาน์พิมพ์ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเครื่องหอมที่น่าสนใจ แถมยังมีเกร็ดความรู้อีกหลายเรื่อง ทั้งการรำชวา กริช และการทำขนมไทยๆ ดั้งเดิมที่เราอาจไม่เคยได้ยิน หรือไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ เช่น ขนมลิ้นจี่ หรือเม็ดเงาะฉาบ อีกด้วยค่ะ

การเล่าเกร็ดต่างๆ สอดแทรกมาในจังหวะที่เหมาะสม โดยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ายัดเยียดข้อมูลหรือกำลังอ่านสารคดีเลย ถือว่าเต็มอิ่มกับสาระและความบันเทิงที่ได้รับมากค่ะ โดยรวมชอบมากค่ะ อ่านแล้วไม่ผิดหวังเลย ช่วงที่อ่านแอบคิดว่าอยากให้นิยายเรื่องนี้ถูกสร้างเป็นละคร และดีใจมากที่ได้ทราบว่าเรื่องนี้กำลังจะเป็นละครจริงๆ ด้วย รอติดตามชมพี่มาร์คกับน้องแป้งโลดแล่นบนหน้าจอเลยค่ะ