21 มิถุนายน 2016

รักคือเธอ ลักษณะปรีชา

 รักไม่รู้จบ  เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์   ภาพ : ภาณุวัชร สุเมธี     

          วันนี้เรามาทักทายนักเขียนคนเก่ง ลักษณะปรีชา หรือ ‘คุณเจี๊ยบ – นชภรณ์  วนิชนิกุล’  เจ้าของซีรีส์เรื่องรักคือเธอ และผลงานหวานๆ อีกมากมายที่ฮอตฮิตติดตลาด จะมาเปิดความรักที่ไม่ลับของคู่ชีวิตข้างกาย ‘คุณเอก-เอกชัย โบราศรี’ ที่จากแอบรักเขามากลายเป็นเขามาจีบเรา แล้วว่าเชื่อหรือไม่ ถ้าไม่เพราะแร๊พเตอร์ก็ไม่มีคุณสามีที่แสนดีคนนี้แน่ มาลองฟังความรักฉบับโย่วๆ ของนักเขียน ที่การันตีความสวยและรวยอารมณ์ขันได้เลย


วันที่เราได้พบกัน

เจี๊ยบ : เจอกันตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 เป็นคนปิ๊งก่อน ไม่ได้คุยแค่มองๆ ตอนนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของแร็พเตอร์ ถ้าไม่มีจอห์นนี่ อันวา ก็ไม่มีเขาในวันนี้หรอก (หัวเราะ) ชอบเพราะดูคล้าย มาเจอกันอีกทีตอน ม.3 ได้เริ่มมาคุยกัน ตอนนั้นเราปลื้มจนเพื่อนแซว เขาเลยคงรู้
เอก : ก็รู้นะ แต่ไม่ได้คุยกันแต่แรก เพื่อนบอกว่ามีคนแอบชอบ แต่เราก็ไม่ได้สนใจในตอนแรก
เจี๊ยบ : ตอนนั้นเริ่มจะจบ ม.3  แล้วเขามาที่บ้าน เหมือนอยากจะเจอเรา วันแรกนี่เจอแม่ลุยเลย (หัวเราะทั้งคู่)  แม่ออกมาห้ามไม่ให้มีแฟน ไม่อยากให้เสียการเรียน
เอก : คือผมอยากไปหา ชวนเพื่อนไป พอดีเพื่อนผมคนนี้รู้จักกับเจี๊ยบ เพื่อนบอกเดี๋ยวพาไป ไปปุ๊บ แม่เขาถามมาหาใคร ผมมองหน้าเพื่อนเลย เจอแม่ก็กลัวนะ เอาไงดีจะจีบต่อดีไหม แต่ตอนหลังก็ชวนเพื่อนไปอีก วันนั้นรวบรวมความกล้า มันกล้าขึ้นมาเอง อยากไปคุยด้วย เลยไปหา
เจี๊ยบ : เขาเป็นคนพูดไม่เก่งเลย (หัวเราะ) สมัยก่อนไม่มีมือถือ ไม่มีเพจ หมู่บ้านมีโทรศัพท์อยู่ 1 เครื่อง ใครโทรมาก็วิ่งไปตามที่บ้านให้มารับสาย โทรหากัน 2 – 3 ครั้งเองนะ พอเขาจีบก่อน เราอุตสาห์เล็งมานาน แอบกริ๊วกร๊าวในใจสิ


สเปคจริงของแต่ละคน 

เอก: ชอบคนสวยครับ
เจี๊ยบ : แต่ชีวิตจริงมันเลือกไม่ได้ใช่ไหม (หัวเราะทั้งคู่) เคยดูรูปสมัย ม. ต้น บอกว่านี่นึกยังไงถึงมาจีบฉันได้เนี่ย เรายังงง มาแบบเบลอๆ รู้อีกทีก็เป็นแฟนกันแล้ว คือไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยด้วยนะ เพื่อนคนที่มากับเขาวันนั้น รู้ว่าเราชอบเขาด้วย สารภาพเลยว่าชอบจอห์นนี่มาก มันเป็นช่วงอายุ 15-16 ที่กำลังหลงดาราเข้าใจที่กรี๊ดดาราเกาหลี  เป็นแบบนั้นเลย มีใครคล้ายๆ เลยตกหลุมพราง มีเขาเป็นสามีมาถึงทุกวันนี้ ถ้าชอบหลุยส์จะไม่ได้แนวนี้แน่
เอก : เจี๊ยบเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก เวลาอยู่ด้วยมีความสุข เวลาเขาคุยผมก็นั่งฟังอย่างเดียว (ยิ้ม)
เจี๊ยบ : เขาเงียบๆ แต่มาแรง ส่วนเราเงียบๆ แต่หวังแรง (สามีหัวเราะชอบใจ)
กลเม็ดเคล็ดชนะใจ
เอก : ตื้อครับ อาศัยลูกตื้อไว้ก่อน เข้าทางแม่ยาย (ยิ้ม)
เจี๊ยบ : ตอนแรกแม่ไม่ชอบ คือไม่ชอบทุกคนที่เข้ามาจีบลูกสาว พยายามบอกว่าไม่มีอะไร แค่คุยกันเฉยๆ ผ่านไปหลายปีเขาไม่เคยเปลี่ยน เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ทำมากกว่าพูด แม่เลยชอบ พอทะเลาะกันทีไร แม่เข้าข้างเขาตลอด ตกลงใครลูกแม่กันแน่ มันเหมือนพรหมลิขิตนะ เพราะปกติอยู่กับยาย แม่มาครั้งละวันสองวัน ดันมาตรงกับวันที่แม่มาพอดี เจอสกัดขาล้มคว่ำตั้งแต่วันแรก


เงียบๆ แบบนี้ก็มีแอบหึง

เอก : เจี๊ยบมีหนุ่มมาแอบชอบอยู่นะ มีแอบหึงบ้างครับ
เจี๊ยบ : ฉันสวยเลือกได้ใช่ไหม (หัวเราะ) สมัยเรียนมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบ เพราะเป็นคนมีอารมณ์ขัน  มีโทรมาถามว่าอยู่กับใครมีแฟนหรือยัง เขานั่งอยู่ด้วยก็ไม่พูดอะไร แต่นั่งฟังเงียบๆ ตอนนั้นเสียใจไหม กลัวจริงๆ ไหม (หันไปถามสามี)
เอก : เสียใจ แต่ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง
เจี๊ยบ : เขาจะไม่บอกแต่มีวิธีให้รู้โดยไม่พูด อาจเพราะเราช่างสังเกตด้วย ว่าถ้าเขาเป็นแบบนี้คืออะไร  เขาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วทำตลอด เคยหอมแก้มก่อนไปทำงาน ทุกวันนี้ก็ยังหอมอยู่ หอมลูก หอมเมีย เป็นคนที่ทำอะไรหนักแน่น
มีแม่เลยมีเรา
เจี๊ยบ : ตอนเป็นแฟน เขาเคยหายไปประมาณ 7 วัน ไม่มีมือถือติดต่อกัน โทรไปถามว่าอยู่ที่ทำงานไหม ถึงรู้ว่าเขากลับไปบ้านตัวเองที่ต่างจังหวัด อ้าว! ทำไมไม่บอก แม่เป็นห่วง รีบโทรไปที่บ้านบอเรา กลัวลูกสาวผูกคอตาย  มีร้องไห้แหละแต่ไม่ขนาดนั้น (หัวเราะ) เย็นวันนั้นเขารีบขี่มอเตอร์ไซต์มา แม่ให้ปรับความเข้าใจกัน ว่าหายไปทำไมไม่บอก
เอก : ตอนขอแต่งก็รวบรวมความกล้าอยู่นานนะ จะไปขอลูกสาวเขานี่ (ยิ้ม) ก็บอกว่าจะดูแลให้
เจี๊ยบ : ตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัย เขาพาไปขอกับแม่ไปผูกข้อมือ จดทะเบียน ชีวิตเราผูกพันกับแม่มาตลอด ประจวบกับเป็นช่วงที่แม่ล้มพอดี เลยยอมให้ดูแล แม่จะอยากให้จัดพิธีแต่งคอยบอกตลอด เราก็บอกเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจนทุกวันนี้ เราโตขึ้นมากับแม่ที่เป็นนักสู้ เลี้ยงมาคนเดียว งานแต่งมันไม่ได้สำคัญ ถ้าจะจัดงาน สู้ให้แม่มาผูกข้อมือ อวยพรเราดีกว่า จะให้อีกร้อยคนมาผูกข้อมือ ก็ไม่เหมือนที่แม่ผูกให้
เอก : ผมทำให้เห็น ว่าผมดูแลลูกสาวเขาได้นะ แล้วเรารักเขาแล้ว ยังไงมันก็ใช่ คิดว่าคนนี้ใช่แน่นอน มันผูกพันกันมา
เจี๊ยบ : ทุกคู่ในโลกนี้จะต้องมีบททดสอบ ช่วงที่คบกัน มีช่วงที่แม่เฟื่องฟูมีเงิน  จนล้มไปอีก คนรอบตัวหายไปหมด มันอยู่ในจุดที่ต่ำสุดที่คนรอบข้างหนีแม่ไปหมดเลย ทั้งที่แม่เคยช่วยเหลือมาก่อน มีเขาเนี่ยแหละที่จับมือเราไว้แน่น ไม่ปล่อยเลย ตอนนั้นเป็นคนขอเลิกเองเลยนะ เขาก็ไม่ยอมไป เขาแค่เป็นคนพูดไม่เก่ง (ยิ้มมองสามี) ชีวิตเราสองคนเหมือนผูกพันกับแม่ด้วย (คุณเอกยิ้มรับ) ทุกอย่างอย่างที่ทำมีแม่ทำด้วยตลอด 


แรงบันดาลใจในการเขียน

เจี๊ยบ
: เป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็กๆ  โตมากับขายหัวเราะเล่มละ 10 บาท อยู่มหา’ ลัยชอบโคนันมาก แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ 5 เล่มแรกเขาซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด มีช่วงหนึ่งที่ติดนิยายในเว็บเด็กดี เราน่าจะเขียนได้ เลยเริ่มเขียน แต่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เริ่มจากติดลบเลยล่ะ เขียนจากคนไม่รู้อะไรเลย จนท้องลูกคนที่ 2 เลยเบรกไว้ พอคลอดมันยังค้างคาใจ เพราะเขียนไม่จบ ตัดสินใจซื้อโน้ตบุ๊กตัวแรกเพื่อปั่นต่อให้จบ พอเขียนเรื่องที่ 3 มีสำนักพิมพ์ติดต่อมา เราไม่ได้คิดว่าเขียนแล้วได้เงิน แต่มีความสุขที่ได้เขียนให้คนอ่าน
เอก : ทีแรกผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่เข้าใจทำไมต้องอดนอนแบบนั้น
เจี๊ยบ : เมื่อก่อนทำงานประจำเป็นผู้จัดการห้างฯ ตั้งแต่ 9 โมงครึ่งออกอีกทีทุ่มสองทุ่ม กว่าจะถึงบ้านก็สามทุ่ม ทำนั่นนี่เสร็จมาเขียนต่อ นอนตีสองทุกวัน เขาเลยบ่นว่าทำไมยังไง พอได้เงินก้อนแรกมา หลังจากนั้นสามีซื้อของมาบำรุง ให้เธอทำต่อไปนะ แล้วเขาชอบเอาหนังสือไปให้เพื่อนๆ ยืม ไปช่วยขายให้
เอก : ตีพิมพ์เรื่องแรกให้ออกจากงานเลยเนอะ
เจี๊ยบ : ไม่ๆ ออกจากงานหลังจากเขียนมาได้ 2 ปี ตอนแรกให้นิยายเป็นงานอดิเรกก่อน ตอนนั้นก็เสียดายเงินเดือน ไม่รู้ว่าจะรุ่งไหม ทั้งที่ตอนนั้นได้พิมพ์ซ้ำตั้งแต่เล่มแรกแล้ว พอออกมาอยู่บ้านก็รับลูกมาเลี้ยงเอง สักพักเขาออกมาทำงานอิสระของตัวเองเหมือนกัน เราสองคนเลยตัดสินใจพาลูกกลับสู่ชนบท เริ่มเก็บเงินสร้างบ้าน จนตอนนี้สร้างใกล้เสร็จแล้วแต่ยังไม่เสร็จสักที เหลือรั้วอีกข้าง (หัวเราะ)


แรงใจจากพระเอกตัวจริง

เจี๊ยบ
: เขียนนิยายจะมีช่วงจิตตก ทะเลาะกับตัวเองเรื่องงานเขียน ว่านั่นก็ไม่ดี แบบนี้ก็ไม่อยากได้ เขาจะบอกเราว่าให้ใจเย็นๆ พักก่อนซัก 2-3 วันนะ เธอก็เป็นแบบนี้ทุกเล่มแหละ แล้วจบเล่มจะพาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ให้ เอามาล่อ หลังๆ มามุกนี้ใช้ไม่ได้ผลเพราะรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวแน่ๆ 
เอก : พอเที่ยงจะเข้าไปถาม เวลาเขาแต่งนิยายจะอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน ผมจะไปคอยถามว่ากินข้าวไหม กินอะไร เดี๋ยวไปซื้อให้ เวลาเขาทำงานเป็นโลกส่วนตัวที่ผมไม่เข้าไปยุ่ง เที่ยงค่อยเคาะประตูไปถาม เพราะกลัวจะลืมกินข้าว
เจี๊ยบ : อ้วนเพราะสามี ตั้งแต่มาทำงานเขียนอยู่บ้านนี่อ้วนขึ้นเยอะเลย
จับมือกันกลางมรสุมใหญ่
เจี๊ยบ : ปีนั้นมันล้มทุกอย่าง แม่เสีย รถโดนยึด จากที่เรียนจบมาแม่ไม่ได้ให้ไปทำงาน ให้ไปอยู่กับแม่ ตอนนั้นจดทะเบียนกันแล้ว แต่ก็แยกกันอยู่ เจอกันเดือนละครั้ง เพราะยังดูแลแม่ พอเสียแม่ไปนับศูนย์ใหม่
เอก : เรียกว่ามันเริ่มต้นกันใหม่เลยครับ ผมรู้สึกว่าเราต้องช่วยกันประคองมา ไม่ปล่อยมือ มันถึงอยู่มาได้ขนาดนี้ จะกลับบ้านก็โทรบอกอีก  ครึ่งชม.ถึงบ้านแล้วนะ ต้องบอกเจี๊ยบตลอด
เจี๊ยบ : มันต้องเรียนรู้กัน เป็นทุกคู่ที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน เรารู้จักกันมานานแล้วด้วย เข้าใจกัน พอมาถึงจุดหนึ่ง บางคนอาจลำบากแต่ก็ไม่อยากปล่อยมือไป แล้วพอมองย้อนไปข้างหลัง มันรู้สึกดีนะ ความจนความรวยไม่ใช่คำตอบ เราดูคนดีมากกว่า คนที่จะอยู่กับเราไปจนแก่ได้ คอยดูแลกันและกัน ทุกวันนี้เป็นสมัยที่เงินจะเป็นปัจจัยที่ 5 แต่อยากให้เลือกคนดีก่อน เรื่องเงินมาช่วยกันหาจะดีกว่า บางคนมีเงินแต่ไม่เจอคนดีเลย
เอก : ไม่อยากปล่อยมือเขา เราจับมือกันและสร้างขึ้นมาทุกอย่าง ผมเลิกงานก็กลับบ้าน หรือว่างพาครอบครัวไปเที่ยว เรามีครอบครัว ชินแล้วที่ไปไหนก็ไปด้วยกัน เวลาห่างกันอยู่คนเดียว 10 นาทีโทรหากันแหละ ถามว่ากินอะไรไหม เอาอะไรรึเปล่า


พูดถึงคนข้างตัว

เอก : มองตาก็รู้กัน ไม่รู้จะพูดยังไง (หัวเราะมองภรรยา) เขาเป็นผู้หญิงกล้าแสดงออกมากเลย เป็นคนมั่นใจ
เจี๊ยบ : เดี๋ยวคนก็เข้าใจว่าฉันบุกสิ (หัวเราะ) แล้วหน้าที่ภรรยาล่ะ
เอก : ดีทุกอย่าง ไม่มีข้อเสีย กลัวทำงานหนักเกินไป บางวันไม่ออกจากห้องมาเลย เลยต้องเข้าไปดูว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม (หัวเราะ)ผมก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ ถ้าทำงานข้างนอก เที่ยงจะโทรมาถามแล้วว่า กินอะไรรึยัง ให้ออกมาหาอะไรกินนะ
เจี๊ยบ : แต่ก็ไม่ออกจากห้องอยู่ดี กินแต่น้ำ
เอก : ผมจะคอยถามว่าแต่งนิยายจบไปเที่ยวที่ไหนกันดี แล้วเจี๊ยบจะเดินวนบ่นไป พออารมณ์ดีก็หาย สักพักก็เป็นใหม่ เป็นแบบนี้ทุกเล่ม คอยบอกตลอดว่าไม่เป็นไร วันนี้เราเขียนไม่ได้ พรุ่งนี้ก็เขียนได้
เจี๊ยบ :  เราก็ห่วงเขาเรื่องทำงาน เป็นช่าง สายอาชีพต้องตัดนั่นเชื่อมนี่ ชอบได้แผลกลับมา เขาเป็นผู้ชายหนักแน่น จากวันแรกจนถึงวันนี้เขาก็ยังเหมือนเดิม ชอบดูแล ถ้าเขาไม่ได้ออกไปไหนจะทำให้ ปกติจะแบ่งกันทำ เวลาเราเขียนนิยายจะบอกให้เราไม่ต้องทำอะไร อย่ากังวล เดี๋ยวเขาทำให้เอง เป็นคนดี เหมือนถูกหวยจริงๆ อยากอกหักอยู่นะ จะได้ไปศึกษากับผู้ชายคนอื่น แต่ไม่มีโอกาสก็ช่างมันเหอะ อยู่กับผู้ชายในมโนต่อไป (หัวเราะ)
เอก : เจี๊ยบเป็นคนฮาที่อยู่ด้วยแล้วไม่น่าเบื่อ ผมขับรถก็ชวนคุยตลอดทาง บอกให้นอนได้แล้วเดี๋ยวผมขับเอง เขาก็ไม่ยอมนะ นั่งคุยไป ผมพูดไม่เก่งก็นั่งฟัง
เจี๊ยบ : กลัวจะเกิดอุบัติเหตุเลยชวนคุยไปเรื่อย ถ้าผู้หญิงที่ไม่ค่อยเข้าใจ จะอยู่ด้วยกับเขายาก แต่เราเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น

มุมน่ารักที่ไม่เคยบอก
เอก : (ยิ้มเขิน) ชอบนิสัยร่างเริงของเขา ไปไหนก็คุยเก่ง
เจี๊ยบ : ยอมรับก็ได้ จะบอกว่าเมียสวยอย่างงี้ไม่เห็นมีเลย ต้องชมตัวเองตลอด
เอก : สวยอยู่ สวยจ๊ะ (ยิ้มมองภรรยา)
เจี๊ยบ : แล้วเธอต้องขอบคุณ จอห์นนี่ อันวา ไว้นะ ถ้าไม่มีแร๊พเตอร์ก็จะไม่มีเธอในวันนี้ (หัวเราะชอบใจ) 

ขอบคุณข้อมูลประชาสัมพันธ์จาก นิตยสาร HUG