8

ตอนที่ 8


8

“ขอแสงลงตรงจุดนี้อีกหน่อย” เสียงของกฤตภาสดังขึ้น ขณะออกมากำกับทีมงานจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเปิดตัวห้างด้วยตนเอง

“นายครับ นี่เป็นกำหนดการที่แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ” ชานนท์ส่งเอกสารให้ผู้เป็นนาย กฤตภาสหยิบเอกสารแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าเมื่อข้อมูลในนั้นได้รับการแก้ไขจนถูกต้องตามต้องการ

“โอ้โห นี่ท่านรองประธานออกมาควบคุมการผลิตเองเลยหรือครับ” คุณเล็กร้องทักพี่ชายคนรอง

ท่านรองประธานบริหารยักไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไปต้อนรับพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็ก

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับพี่ใหญ่” เจ้าของโครงการรายงาน

“ระดับเสือรองลงมาคุมงานเองกับมือแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว” กฤตนัยตบบ่าน้องชาย

“ผมมีเอกสารที่อยากจะหารือกับพี่ใหญ่และเจ้าเล็กนิดหน่อย” ว่าพลางยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู “ยังพอมีเวลา ไปที่ห้องทำงานผมก่อนดีกว่า”

“พี่กลางกำลังมานะครับ อีกสักพักคงถึง” คุณเล็กรายงาน ขณะเดินเข้าสู่ลิฟต์ผู้บริหาร

“อืม ดี รีบมา จะได้นั่งคุยกันก่อน” เจ้าของสถานที่กล่าว

“คุณพ่อคุณแม่คงมาถึงประมาณช่วงบ่ายต้นๆ ส่วนน้องบัว ใบบุญจะมาพร้อมมินตรา เตชินก็กำลังไปรับน้องแก้วที่โรงพยาบาล คงจะมาถึงก่อนเที่ยง รองให้ทีมเตรียมอาหารไว้ให้หน่อยนะ” คุณใหญ่เอ่ย

“ครับ จะสั่งไว้เยอะๆ เลย โดยเฉพาะของเปรี้ยว” คนรับคำสั่งหัวเราะในลำคอ เพราะพี่สะใภ้ที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆ กินเก่งขึ้นและหิวอยู่ตลอดเวลา

“ดีนะครับที่ท้องนี้พี่ใหญ่ไม่แพ้แทนน้องบัวอีก ตอนท้องใบบุญแทบไม่เหลือสภาพท่านประธาน วันๆ เอาแต่อ้วก” คุณเล็กหัวเราะขัน

“แต่ถ้าเลือกได้ พี่ก็อยากแพ้แทนนะ เพราะตอนนี้น้องบัวอารมณ์อ่อนไหวมาก เสียน้ำตาไปหลายรอบแล้ว จะดีอยู่อย่างที่ตอนนี้อ้อนเก่งมาก เมื่อเช้าก่อนออกมาจากบ้านก็อ้อนให้กอดอยู่ตั้งนาน บอกว่าหนาว สงสัยแกจะได้หลานสาวสมใจแล้วนะเจ้ารอง” คุณใหญ่ระบายยิ้มอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงภรรยาสุดที่รัก

“ผมนั่งนับเดือนนับวันรอเลยครับ” คนอยากได้หลานสาวยิ้มกว้าง

 

“น้องมินมานั่งตรงนี้ก่อน” บัวบูชาอุ้มเจ้าเสือน้อยเดินดูชุดไทยที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ ก่อนจะเลือกหยิบชุดที่ถูกใจให้ช่างแต่งหน้าทำผม จากนั้นจึงเดินไปนั่งเล่นกับบุตรชายที่โซฟามุมห้อง

“น้ามินสวยไหมใบบุญ” บัวบูชาโน้มใบหน้าลงพูดกับบุตรชายร่างกลม เจ้าเสือน้อยใบบุญส่งเสียงอ้อแอ้ตอบรับ คล้ายกับเข้าใจในสิ่งที่มารดาสื่อ มินตราส่งยิ้มผ่านหน้ากระจกเงาสะท้อนกลับไปให้ ความน่ารักของเด็กน้อยทำให้คนขี้อายผ่อนคลายมากขึ้น

“โอ้โห น้องมินสวยมากเลย” คุณหมอแก้วกัลยาร้องทักทันทีที่เปิดประตูเข้ามา

“มาถึงไวเหมือนกันนะต้นแก้ว แล้วพี่ชินล่ะ” บัวบูชาถาม

“อยู่กับสี่เสือที่ห้องทำงานพี่รองค่ะ มาให้น้าอุ้มหน่อยสิครับหมาน้อย” แก้วกัลยาตอบ พลางยื่นมือไปหาหลานชาย หมาน้อยใบบุญยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกสีชมพู ก่อนจะคลานเข้าไปหา

“แล้วตอนนี้พี่บัวยังแพ้อยู่หรือเปล่าคะ” แก้วกัลยาจับเจ้าหมาน้อยของเธอให้ยืนขึ้น เด็กชายใบบุญกระโดดไปมาเต็มกำลังพร้อมทั้งส่งเสียงอ้อแอ้เคล้าคลอไปกับบทสนทนา

“ท้องนี้พี่ต้องอ้วนแน่ๆ เลย หิวได้ทั้งวัน”

“ก็เลือกทานแต่ของที่บำรุงลูกสิคะ ของที่ไม่มีประโยชน์ก็ยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง...นะคะคุณแม่ลูกสอง” แก้วกัลยาทำเสียงทะเล้น

“จ้า แม่ว่าที่เจ้าสาว รอตัวเองท้องก่อนเถอะ”

“พี่บัวคะ” ว่าที่เจ้าสาวเบิกตาโตแล้วจ้องไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกคล้ายกับคิดอะไรออก “แก้วว่าจะขอให้น้องมินช่วยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้แก้วหน่อยค่ะ พอดียี่หวาติดราชการด่วนที่ใต้ ป่านกับฟ้าก็มีประชุมสำคัญตอนเช้า คงมาได้แค่งานเย็น”

“อ้าว เหรอ” คนเป็นพี่ร้อง ก่อนจะหันไปถามความสมัครใจของผู้ที่ถูกพาดพิงถึง “ว่าไงจ๊ะน้องมิน เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ต้นแก้วได้ไหม”

“ได้ค่ะพี่แก้วพี่บัว” มินตราตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ

“รับรองว่างานแต่งพี่ น้องมินต้องมีหนุ่มทหารรุมจีบแน่ๆ เลย ต่อไปหัวกระไดบ้านเราสองคนจะไม่แห้งแล้วนะคะ ต้นแก้วรับประกัน ผลงานดีมีคุณภาพ” แก้วกัลยาส่งยิ้มให้มินตรา ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าทะเล้นให้พี่สาวพร้อมกับยักคิ้วเจ้าเล่ห์

“ย่ะ แม่หมอ” บัวบูชาส่ายหน้า

“เสร็จแล้วจ้า ผลงานดี เจสซี่รับประกันคุณภาพเหมือนกัน” ช่างแต่งหน้าชายหัวใจหญิงจับตัวมินตราให้ลุกขึ้น

“ขอบคุณค่ะพี่เจสซี่” บัวบูชาเอ่ยขอบคุณ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาเด็กสร้างที่อยู่ในชุดไทยศิวาลัยสีทอง ซึ่งชุดนี้ช่วยขับผิวของเธอให้ดูโดดเด่นขึ้นมากกว่าเดิม ผมที่เกล้าขึ้นรับกับใบหน้าคมจิ้มลิ้ม ความสมบูรณ์แบบที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้สองศรีพี่น้องยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ

บัวบูชาหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาต่อสายถึงสามีเพื่อสอบถามกำหนดการต่างๆ เมื่อได้คำตอบแล้วจึงจูงมือมินตราพร้อมกับส่งสัญญาณเรียกแก้วกัลยาให้อุ้มเจ้าเสือน้อยแล้วเดินตามออกไป

 

                “ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัวศูนย์การค้า ‘โภคินเพลส’  ซึ่งที่นี่คือศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่กลางใจเมือง ที่เน้นการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก” เสียงพิธีกรสาวสวยดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือของแขกที่มาร่วมงาน

“โอกาสนี้ดิฉันขอเสียงปรบมือดังๆ อีกสักครั้ง เพื่อต้อนรับผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงเจ้าของโครงการยักษ์ใหญ่แห่งนี้ เรียนเชิญคุณกฤตภาส โภคินอภิวัฒน์ รองประธานบริหารบริษัทในเครือโภคินอภิวัฒน์ขึ้นกล่าวเปิดงานค่ะ”

คุณรองเดินไปจับมือคุณใหญ่ เตชิน คุณกลาง และคุณเล็ก จากนั้นจึงเดินเข้าไปสวมกอดเจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชร ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่างาม

“ผมในนามผู้บริหารศูนย์การค้า ‘โภคินเพลส’ ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ให้เกียรติสละเวลามาร่วมในการเปิดตัวโครงการของผมในวันนี้

“ธุรกิจศูนย์การค้าเป็นธุรกิจหนึ่งที่ผมพยายามหาจุดขายมารองรับตลาดผู้บริโภคจากทั่วทุกภูมิภาค ท่ามกลางเทคโนโลยีที่กำลังก้าวไกล ผมกลับรู้สึกโหยหาเสน่ห์ของความเป็นไทย ดังนั้นแนวคิดที่จะนำเทคโนโลยีมาผนวกรวมกับสถาปัตยกรรมของไทยจึงเกิดขึ้นเป็นศูนย์การค้านี้ครับ

“ขอขอบคุณแบรนด์สินค้าจากทั่วทุกมุมโลก ที่ยินยอมพร้อมใจตกแต่งร้านค้าให้เข้ากับคอนเซปต์ที่วางไว้ ซึ่งทุกท่านจะได้เดินชมหลังจากนี้ครับ แต่ก่อนที่ทุกท่านจะได้เดินชมสินค้าและสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในโภคินเพลสแห่งนี้ ผมมีความภูมิใจนำเสนอการแสดงที่พี่สะใภ้คนสวยของผมได้ออกแบบและจัดเตรียมไว้ต้อนรับทุกท่าน หากทุกท่านพร้อมแล้ว ขอเชิญรับชมโชว์ชุดพิเศษชุดนี้พร้อมกันได้เลยครับ”

สิ้นเสียงของรองประธานบริหาร เสียงเครื่องดนตรีล้านนาก็เริ่มบรรเลงเพลงพร้อมๆ กับแสงไฟที่เริ่มปรับให้สลัวลง จากนั้นขบวนแห่ที่นำหน้ามาด้วยกองสะบัดชัยก็ดังขึ้นพร้อมกับขบวนเสลี่ยงที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา ทุกสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวร่างเล็กหนึ่งเดียวที่นั่งหลังตรงอย่างสง่างามอยู่บนเสลี่ยงนั้น

มินตราระบายยิ้มอ่อนโยนตามปกติ หากแต่เมื่อรับกับเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าในวันนี้แล้ว รอยยิ้มนี้กลับดูมีพลังและชวนมองเสียจนใครบางคนไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย กฤตภาสกะพริบตาก่อนจะจับจ้องไปยังหญิงสาวบนเสลี่ยงอีกครั้ง

มินตรา เด็กสาวรูปร่างผ่ายผอมแววตาเศร้าที่เขาเคยช่วยเหลือเอาไว้เมื่อเกือบสามเดือนก่อนได้หายไปแล้ว เพราะเจ้านางที่นั่งอยู่บนเสลี่ยงในเวลานี้มีรูปร่างสมส่วน แววตาเปล่งประกายดุจนางพญา ชุดที่สวมใส่ก็ช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งของเธอให้ดูโดดเด่นงดงามอย่างไทยแท้

“สวยพิฆาต” เสียงของคุณหมอกลางดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของทั้งห้าหนุ่ม

“ฝีมือเมียนายแน่นอนจริงๆ เลยว่ะใหญ่” เตชินกล่าว

คุณใหญ่ยักคิ้วพร้อมกับอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

“พี่ใหญ่ช่วยเอามือดันคางพี่รองหน่อยครับ ออกแนวค้าง” คุณเล็กสะกิดพี่ชายคนโตให้มองเจ้าของโครงการโภคินเพลส ที่ตอนนี้กำลังอ้าปากค้างจนลืมรักษาภาพลักษณ์ของผู้บริหารระดับสูง

“รอง แมลงวันจะบินเข้าปากแล้ว” คุณใหญ่สะกิดน้องชาย

คุณรองกะพริบตาอีกครั้งก่อนจะยืดตัวตรง แต่ก็ยังไม่สามารถละความสนใจไปจากหญิงสาวตรงหน้าได้เลย

มินตราขยับตัวขึ้นไปนั่งพับเพียบบนเวที แสงไฟสีเหลืองนวลที่สาดส่องกระทบเรือนร่างขับให้เธองดงามจับตา หญิงสาวค่อยๆ บรรจงเทแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ลงไปในกระทะทองเหลือง จากนั้นจึงเติมน้ำดอกอัญชันและน้ำกะทิลงไป มินตราค่อยๆ นวดคลึงแป้งไปตามจังหวะดนตรีล้านนาที่ยังคงบรรเลงได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้บัวบูชาและแก้วกัลยาที่เดินไปยืนรวมกลุ่มกับผู้บริหารหนุ่มทั้งห้า

แต่กระนั้นรอยยิ้มที่งดงามบาดใจกลับทำให้ใครอีกคนที่ยืนอยู่ในรัศมีเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มินตราละสายตาจากกลุ่มคนแล้วกลับมาสนใจสิ่งที่กำลังทำอีกครั้ง เธอเปิดไฟอ่อนๆ แล้วค่อยๆ กวนแป้งในกระทะให้เข้ากัน เมื่อกวนจนแป้งล่อนออกจากกระทะแล้วจึงนำไปพักไว้ ก่อนจะนำแป้งที่ได้มาปั้นห่อไส้ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้แหนบจับจีบขนมขึ้นเป็นรูปอย่างสวยงาม สวยงามทั้งขนม สวยงามทั้งท่วงท่าของคนทำ เมื่อได้ขนมปริมาณหนึ่งแล้วจึงนำไปนึ่ง เมื่อขนมสุกแล้วเธอจึงคีบขนมใส่กระทงใบตองที่ตัดเย็บมาอย่างดี จากนั้นจึงให้พนักงานยกไปแจกจ่ายแก่บรรดาแขกที่มาร่วมงาน

“ขนมสำหรับคุณท่านค่ะ” มินตรานำขนมไปมอบให้ท่านเจ้าสัวและคุณน้ำเพชรที่นั่งอยู่ด้านข้างเวที สองผู้อาวุโสยิ้มรับ คุณน้ำเพชรจับมือมินตราเอาไว้ก่อนจะลูบหลังเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินนำขนมช่อม่วงไปมอบให้กฤตภาสตามสคริปต์ที่ทางทีมงานเขียนไว้ให้

“ขนมช่อม่วงสำหรับคุณรองค่ะ” มินตราส่งยิ้มพร้อมกับยื่นขนมออกไปด้านหน้า

กฤตภาสยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะรับขนมมาถือไว้ ใช้ส้อมเล็กจิ้มขนมขึ้นมาชิม รสชาติละมุนลิ้นไม่ต่างจากฝีมือของบัวบูชาเลยแม้แต่น้อย ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะแอบทึ่งในตัวของเด็กในปกครองคนนี้ไม่ได้ ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับลดมือที่ถือส้อมลงวางบนกระทง แล้วจึงยกนิ้วโป้งขึ้นมา “อร่อย เธอเก่งมากมินตรา”

เด็กสาวระบายยิ้มกว้าง หัวใจดวงน้อยฟูฟ่องเมื่อได้รับคำชมจากผู้ปกครอง มินตราค้อมศีรษะลง “ขอบคุณค่ะคุณรอง หนูลุ้นแทบแย่”

“ลุ้นอะไร”

“กลัวว่าคุณรองจะไม่ชอบ” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าคนร่างสูง

สองสายตาผสานกัน ‘สวย’ กฤตภาสแอบชื่นชมอยู่ในใจ แต่กระนั้นเสียงพิธีกรที่เริ่มประกาศเชิญชวนให้ผู้มาร่วมงานเดินชมบริเวณต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ก็ทำให้ชายหนุ่มที่หลงอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดกระแอมเสียงเบา “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่ชอบฝีมือของเธอนี่”

“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูไปหาพี่บัวกับพี่แก้วก่อนนะคะ” มินตราขอตัว ก่อนจะเดินอมยิ้มเข้าไปหาบัวบูชาและแก้วกัลยา

...

“เก่งมากจ้ะน้องมิน” บัวบูชาโอบกอดมินตราเอาไว้

“สวย เก่ง ครบเครื่องแบบนี้นี่สิ น้องสาวพี่แก้วของแท้” แก้วกัลยาเอ่ยชมขณะอุ้มหลานชายตัวน้อยอยู่แนบอก

“ขนมอร่อยมาก รสเดียวกับน้องบัวเลย” คุณใหญ่เอ่ย โดยมีเตชิน คุณกลาง และคุณเล็กพยักหน้าเห็นด้วย

“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวค้อมศีรษะลงพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับพี่สาวทั้งสอง “มินขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวครับ” คุณเล็กรั้งหญิงสาวเอาไว้ “ถ่ายรูปกันก่อน”

มินตราอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาคนที่กำลังยกสมาร์ตโฟนขึ้นมา คุณเล็กขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วกดถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับดาวเด่นของงาน

“ถ่ายด้วยสิ” คุณหมอกลางเดินเข้ามาร่วมเฟรม มินตราและคุณเล็กขยับปรับท่าเล็กน้อย เพื่อให้คุณหมอกลางมีพื้นที่ในการแอ็กท่า “ยิ้มหวานๆ ฉันจะเอาไปอวดพวกหมอที่โรงพยาบาล”

“ขอกล้องนี้ด้วยนะคะ” บรรดาสื่อมวลชนและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มทยอยเข้ามาขอถ่ายภาพด้วย ซึ่งมินตราเองก็ยินดีและส่งยิ้มหวานให้แก่ทุกคน

ในขณะที่แขกเหรื่อเริ่มเดินชมสินค้าภายในห้าง บัวบูชาก็เฝ้าเอามือลูบท้องวนไปมาจนคนเป็นสามีสังเกตได้ และเมื่อหันไปมองบุตรชายในอ้อมแขนของแก้วกัลยา ก็พบว่าเจ้าเสือน้อยกำลังอ้าปากหาว มือป้อมเพียรยกขึ้นขยี้ตาอยู่บ่อยครั้ง

“เรากลับกันดีกว่านะครับ น้องบัวยืนนานแล้ว อีกอย่าง...ดูท่าใบบุญก็น่าจะง่วงแล้วด้วย” คุณใหญ่ลูบท้องภรรยา ก่อนจะชี้มือให้ดูเจ้าตัวเล็กที่กำลังอ้าปากกว้างหาวอีกรอบ

“แต่ว่าน้องมิน...” บัวบูชาตั้งท่าจะเอ่ยบางอย่าง แต่ยังไม่ทันจะขยายความต่อ เจ้าของโครงการก็ยื่นใบหน้าคมเข้ามาหาเสียก่อน

“น้องบัวกลับไปพักก่อนนะครับ ให้มินตรากลับพร้อมพี่ดีกว่า” คุณรองเอ่ยกับพี่สะใภ้

“ใบบุญกลับบ้านไปนอนพักก่อนนะ คืนนี้อารองจะรีบกลับไปฟัดนะครับ” ว่าพลางโน้มใบหน้าลงกัดพุงของเจ้าเสือน้อยในอ้อมแขนของคุณหมอแก้วกัลยาอย่างไม่แรงนัก เจ้าหนูน้อยส่งเสียงร้องอย่างถูกใจ ถึงแม้นว่าจะง่วงและเพลียสักเพียงใด แต่หลานชายของเขาคนนี้ก็รู้งานเหลือเกินไม่มีงอแงเลยแม้แต่นิดเดียว

“งั้นบัวฝากน้องมินด้วยนะคะ” บัวบูชาส่งยิ้มให้เจ้าของโครงการ ก่อนจะเดินเคียงคู่สามีออกไป

 

                “มองหาอะไร หืม” กฤตภาสถามเด็กสาวในชุดไทยศิวาลัย ซึ่งตอนนี้กำลังทำคอยาวชะเง้อชะแง้คล้ายกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

“พี่บัวกับพี่แก้วค่ะ” มินตราเอ่ยตอบ เธอเพิ่งจะปลีกตัวจากบรรดาแขกเหรื่อที่แวะเวียนมาขอถ่ายรูปออกมาได้

“กลับกันหมดแล้ว เดี๋ยวเธอกลับพร้อมฉันก็แล้วกัน”

“ขะ...ค่ะงั้นมินไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” เด็กสาวตอบรับพลางหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินไปยังห้องแต่งตัว แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาเดินก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนเธออย่างจัง แรงกระแทกนั้นทำให้เธอเซจนเกือบล้ม เคราะห์ดีที่ผู้ปกครองซึ่งยืนอยู่ด้านหลังช่วยรับไว้ทัน

“พี่รองขา เดือนมาช้าไปหรือเปล่าคะ แย่จริงๆ เลยรถติดมากเลยค่ะ” หญิงสาวนามล้อมเดือนวิ่งเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่น

“ก็แม่บอกว่าให้แต่งตัวที่บ้าน ลูกก็ไม่ฟัง ต้องขับรถไปหาช่างตั้งไกล” คุณดาราบ่นลูกสาวคนเล็กอย่างไม่จริงจังนัก

“สวัสดีครับคุณน้า” กฤตภาสแกะมือเล็กที่เกาะแขนออก ก่อนจะยกมือไหว้คุณดารา เพื่อนสมัยเรียนของคุณน้ำเพชร

“แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมด” คุณดาราชะเง้อคอมอง

“กลับแล้วครับ”

“อะไรกัน รีบกลับไปไหน ใจคอจะไม่รอเจอกันเลยหรือยังไง”

“คุณพ่อกับคุณแม่ไปสปาครับ เจ้ากลางเจ้าเล็กก็ไปทำงานต่อ ส่วนพี่ใหญ่พาภรรยาและลูกกลับไปพักผ่อนที่บ้าน” กฤตภาสตอบ ใบหน้าเรียบเฉย ยากนักที่จะคาดเดาอารมณ์ในขณะนี้

“พี่ใหญ่พานังเมียบ้านนอกมาออกงานด้วยหรือคะ” ล้อมเดือนเบะปาก ส่งผลให้ทั้งกฤตภาสและมินตราสะบัดใบหน้าไปมองคนพูดเป็นตาเดียวกัน

“ทำไมต้องมองเดือนแบบนั้นด้วยคะ เดือนแค่พูดความจริง  ดีนะคะที่พี่ดาวไหวตัวทัน ไปเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนี้ได้แฟนเป็นมหาเศรษฐีรวยกว่าพี่ใหญ่อีก” ล้อมเดือนยังพล่ามต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งสะใจกึ่งเยาะเย้ย

มินตรามองสองผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเหยเก พร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยรู้สึกไม่พอใจในคำพูดที่หญิงสาวเรียกบัวบูชาสักเท่าไร เธอจึงหันหลังกลับอีกครั้งเพื่อจะเดินไปเปลี่ยนชุดดังความตั้งใจเดิม

                “เดี๋ยว มินตรา” แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ก้าวขาออกเดินรอบที่สอง เสียงทุ้มของผู้ปกครองก็หยุดเธอเอาไว้อีกครั้ง “ฉันไปส่งดีกว่า เปลี่ยนชุดเสร็จจะได้กลับบ้านเลย”

“ขอตัวก่อนนะครับคุณน้า” กฤตภาสเอ่ยลา

“อ้าว แล้วเดือนล่ะคะ พี่รองจะไม่พาเดือนเดินชมห้างหน่อยหรือยังไง”

“พี่ไม่ว่าง แต่ถ้าน้องเดือนอยากเดินดูก็เชิญตามสบาย เดี๋ยวพี่จะให้ผู้จัดการห้างพาไป”

“แล้วแม่คนนี้เป็นใคร ตารอง” คุณดาราจ้องมินตราคล้ายกับต้องการหาคำตอบจากร่างของเธอให้ได้ สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าไม่ควรปล่อยผ่านเรื่องเด็กคนนี้

“เด็กในปกครองของผมครับ” กฤตภาสเอ่ยพลางเดินเข้าไปยืนเคียงข้างเด็กในปกครอง ที่กำลังยืนเหวออยู่กลางวงล้อมของสองแม่ลูก “มินตรา นี่คุณดารากับคุณล้อมเดือน” ชายหนุ่มแนะนำ มินตราประนมมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่าทั้งสอง หากแต่คนทั้งคู่หาได้สนใจรับไหว้เธอไม่

“เด็กในปกครอง ปกครองกันยังไงถึงต้องพาไปเปลี่ยนชุด” คุณดาราซัก เพราะบุตรชายคนรองของเพื่อนสมัยมัธยมคนนี้คือเป้าหมายใหม่ และที่สำคัญสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวในตอนนี้ เธอไม่สามารถพลาดเหมือนคราวคุณใหญ่ได้อีก

“ก็ปกครองในแบบของผมนี่แหละครับ” กฤตภาสถอนหายใจ ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกชานนท์และธีระ

“ช่วยตามผู้จัดการห้างมาดูแลคุณดารากับคุณล้อมเดือนด้วย เห็นว่าอยากเดินชมสถานที่”

“ครับนาย” ธีระรับคำสั่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปสั่งความต่อ

ส่วนชานนท์นั้นก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหลังผู้เป็นนายออกไป เพราะเมื่อออกคำสั่งจบแล้ว ก็เดินไปจูงมือมินตราเดินลิ่วไปอย่างรวดเร็ว

 “พี่รอง! พี่รองคะ!” ล้อมเดือนตะโกนเรียก

“เด็กบ้านนี้มันยังไงกันนะ” คุณดาราถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยถามบุตรสาวที่ยืนสะบัดสะบิ้งอยู่ข้างๆ “ลูกเดือนจะเอายังไงคะ จะดูห้างหรือจะกลับ”

“กลับบ้าน” ล้อมเดือนตะโกนตอบมารดา แล้วสะบัดตัวเดินออกไป

                …

“ปละ...ปล่อยหนูก่อนค่ะ” มินตราพยายามหมุนข้อมือ เมื่อเดินมาถึงห้องสำหรับใช้เปลี่ยนชุดแล้ว

“เอ่อ โทษที เธอรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ ฉันจะรออยู่ที่นี่”

มินตราพยักหน้า ก่อนจะเดินก้มตัวผ่านผู้ปกครองร่างสูงเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุด กฤตภาสย่อตัวนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าห้องพร้อมกับถอนหายใจยาวด้วยความเอือมระอาสองแม่ลูกที่เพิ่งเผชิญหน้ามา

 

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน กฤตภาสยังคงนั่งสั่งงานชานนท์และธีระอยู่ในรถไปตลอดทาง ปล่อยให้มินตรานั่งเกาะกระจกมองข้างทางไปอย่างคนใจลอย หญิงสาวปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับท้องฟ้าและตึกรามบ้านช่องที่แสนแปลกตา จากชีวิตของเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่เคยอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ปลูกผัก เก็บของป่า รับจ้างทั่วไป เพื่อหารายได้มาประทังชีวิต หากแต่เธอก็มีความสุขตามอัตภาพ ในวันนี้เธอกลายเป็นนกที่พลัดเข้ามาอยู่ในถิ่นคนกรุงอันแสนวุ่นวายและน่ากลัว มินตราเผลอถอนหายใจแรงเสียจนคนที่นั่งอยู่เบาะถัดไปต้องละความสนใจจากหน้าจอไอแพดแล้วหันกลับมามอง

“มินตรา” เรียกครั้งที่หนึ่ง นกน้อยพลัดถิ่นยังคงเกาะอยู่ที่กระจกรถดังเดิม

“มินตรา” เรียกครั้งที่สอง ผู้ปกครองเริ่มขยับเข้าไปใกล้เบาะเธออีกนิด

“มินตรา” การเรียกครั้งที่สามมาพร้อมกับการเลื่อนตัวเองเข้าไปนั่งเบาะติดกันกับคนใจลอย

“คะ คุณรองเรียกหนูหรือคะ” นกน้อยพลัดถิ่นหันกลับมามองตามเสียง

“อุ๊ย!” เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ ผู้ปกครองก็ขยับเข้ามานั่งชิดติดกันแบบนี้

“ใจลอยไปถึงไหน ต้องเรียกสามรอบสี่รอบ”

“หนูขอโทษค่ะ พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย” มินตราอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

                “ท่าทางรถจะติดยาว กินขนมนี่รองท้องไปก่อน เห็นน้องบัวบอกว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่กลางวัน” กฤตภาสยื่นขนมปังเจ้าอร่อยไปให้ ซึ่งขนมปังเจ้านี้เป็นร้านโปรดที่เขามักจะให้คนสนิทไปซื้อติดรถไว้เสมอ

“ขอบคุณค่ะ” มินตรายกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะแกะขนมออกมารับประทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว

“กินไวแบบนี้ ขนมก็ติดคอพอดี” ผู้ปกครองส่ายหน้า พลางแกะน้ำเปล่าขวดเล็กยื่นให้

มินตราที่กำลังพยายามกลืนขนมปังคำสุดท้ายลงคออย่างยากลำบาก ผงกหัวเป็นการขอบคุณ แล้วยกขวดน้ำขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด เพราะหากช้าไปกว่านี้เธอคงจะลำบากมาก ในการจัดการชิ้นขนมที่กำลังจะติดคอ กฤตภาสลอบมองเด็กสาวที่รีบดื่มน้ำเสียจนน้ำไหลย้อยตามมุมปากอย่างนึกเอ็นดู

“กินแค่นี้ก็ให้เลอะ” ผู้ปกครองส่ายหน้าคล้ายกับจะดุ หากแต่แววตาอ่อนโยนที่ทอดมองนั้นทำให้เด็กสาวเกิดอาการวูบวาบร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ

 

                เสียงแอปพลิเคชันยอดฮิตดังเตือนเมื่อมีข้อความเข้า หลังจากชำระร่างกายและสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว กฤตภาสจึงหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดดู

                คุณเล็กส่งภาพที่ถ่ายคู่กับมินตราเข้ามาในกลุ่ม พร้อมกับลงคำบรรยายว่า : นางคว้า เอ๊ย นางฟ้า

คุณกลาง : เจ้านาง รูปนี้มินตราสวยมาก  พร้อมกับส่งภาพที่ถ่ายคู่กับมินตราเข้ามาเช่นกัน

คุณใหญ่ : ดาวเด่นของงานวันนี้เลย น้องสาวเมียฉัน

คุณเล็ก :  ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กในปกครองของพี่รอง ผมจีบไปแล้ว

คุณกลาง : น้อยๆ หน่อยเจ้าเล็ก เพื่อนฉันต่อคิวรอจีบกันอยู่

คุณรอง : มินตรายังเด็ก พวกนายควรช่วยกันเธอดูแลเธอ ไม่ใช่เอาแต่คิดเปิดบริษัทรับหาคู่แบบนี้

คุณใหญ่ คุณกลาง คุณเล็ก : --------------  ส่งสติกเกอร์ดุ๊กดิ๊กที่มีเครื่องหมายคำถามกลับไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

คุณเล็ก : พวกเราแค่ล้อกันเล่นๆ พี่รองจริงจังอะไรครับ

กฤตภาสอ่านประโยคของน้องชายวนกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ “นั่นสิ นี่เราจริงจังอะไรกัน” ว่าพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน

 “เธอเปลี่ยนไปเยอะนะมินตรา ฉันดีใจที่แววตาของเธอในวันนี้มีประกายความสุขกว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน” กฤตภาสเอ่ยกับภาพถ่ายบนหน้าจอสมาร์ตโฟน ก่อนจะเก็บบันทึกภาพนั้นเอาไว้ แล้วจึงหันไปปิดโคมไฟตรงหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายและหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น